Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
มิถุนายน 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
6 มิถุนายน 2557
O คำมั่นคำสัญญา .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
คุณพระช่วย - ลาวสวยรวย
.. แม้นกุศลเราสองเคยร่วมสร้าง
ขอร่วมห้องอย่าได้ห่างเสน่หา
เสียงผลที่ได้เพิ่มบำเพ็ญมา
ขอร่วมชีวาร่วมวางชีวาวาย ..
.. เกิดไหนขอให้ได้ถนอมพักตร์
ความรักอย่าได้ร้างอารมณ์สลาย
รักนุชอย่าได้สุดเสน่ห์คลาย
ขอสมหมายที่ข้ามาดสมาทาน ..
O สร้อยสุมาลย์บานช่อ .. ร่ำรอพร้อม-
แฝงฝากกลิ่นรายล้อม .. รสหอมหวาน
อกเอยแต่โลมลูบด้วยรูปคราญ
ก็เอ่อซ่านรอบซึ้งอยู่อึงอล
O เมื่อโคมฟ้าลอยดวง..โชนช่วงแสง
งามก็แฝงฝากช่วงทั้งห้วงหน
พร้อมผึ้งภู่ .. ภุมรินเริ่มบินวน
สีสันโกสุมบน .. ก็เบ่งบาน
O ปีกวิหคแผ่กาง .. ลอยร่าง-ร่อน
สูงต่ำตอนเสาะหาภักษาหาร
ท่ามกลางเสียงนกแว่ว .. ลมแผ่วพาน
หนึ่งรูปคราญก็ลอยล่อให้รอชม
O แต่พบกัน .. อาวรณ์ก็ร่อนคว้าง
อยู่ท่ามกลางแดดทอ .. มาลย์ช่อ-ฉม
เสริมกำลังปรารถนา .. แห่งอารมณ์-
เข้าสั่งสมแนบทรวง .. เกินล่วงล้าง
O หรือพบกัน .. จากกรรมชี้นำทิศ
จึงเมื่อพิศยามแรก .. สุดแยกห่าง
หรือรอบบุญแรงกรรมนั้นนำทาง-
ยกก้าวย่างผ่านเงา .. สบเว้าวอน
O โอ นั่น น้ำเนตรพรับ .. แวววับไหว
สื่อส่งให้พร่ำพลอด .. ความออดอ้อน
แล้วค่อยถ่ายคะนึงหา .. รอบอาวรณ์-
ลงสุมซ้อนความรัก .. ให้ตักตวง
O ราวหวานหอมทั้งหล้า .. น้อมมาให้-
อยู่ชิดใกล้, อ้อมแขน-ผู้แสนหวง-
ก็อยู่รอก่อกรรมเช่นคำ .. บวง-
ล้อมร่างดวงสวาดิน้อยผู้กลอยใจ
O ครั้งนั้น .. คำ, ความผอง .. ท่านกรองร้อย
กอปรโศกสร้อยรันทม .. เกินข่มไหว
ด้วยความรัก .. แหนหวง .. ด้วยห่วงใย-
ก่อนบรรลัยชีพดับ .. เลือนลับกัน
O ครั้งนี้ .. ความอาวรณ์เจ้าอ่อนน้อย
ใช่เพียงถ้อยความพร้อมรอกล่อมขวัญ
หากมีความอ่อนไหว .. เหมือนไฟควัน-
เต้นเปลวสั่น-เร้ารุมลงสุมทรวง
O รุ่มร้อนเอย .. ครันครบ-อยากพบหน้า
ด้วยคำนึงปรารถนา .. ไม่ล้าล่วง
เมื่องดงามผ่านคาบลงทาบทวง
ใจทั้งดวง .. ก็เหนี่ยวงาม .. ผูกล่ามใจ
O เฝ้าแต่คอยละห้อยเห็นไม่เว้นช่วง
ด้วยความหวงแหนอยู่ .. จนรู้ได้-
ว่าแม้นชีพดับดิ้นจนสิ้นไป-
ยังอาลัยอาวรณ์ .. ยากผ่อนเพลา
O โอ อกใครหนอระส่ำ .. คล้ายคร่ำครวญ
ล่มกำสรวลโศกสร้อย .. ทุกรอยเหงา
แต่เมื่องามสดใส .. แห่งวัยเยาว์-
อยู่รุมเร้า .. โลมรุกไปทุกตอน
O โกสุมเชิดเรณูเหมือนรู้เชิง-
ให้ภู่เหลิงห้อมเห่ .. หยาดเกสร
เช่นอกคนครวญคร่ำ .. ถ้อยคำวอน
ด้วยหลงเหลิงออดอ้อน .. สะท้อนสะท้าน
O งามรูปองค์ชาติเชื้อ .. ก็เหลือรู้-
จะอาจกู้ตัวตน .. ให้พ้นผ่าน
คงเกินใจมุ่งมั่น .. อาจบันดาล
เข้าต่อต้านปรารถนา .. แรงอาลัย
O โอ งามคงจะตามลงล่ามพัน-
ผูกดวงขวัญเว้าวอนผู้อ่อนไหว
โอ คาบยามอบอุ่นละมุนละไม
เหมือนคอยไล้โลมยั่ว .. เย้ยตัวตน
O กลีบพะยอมนิ่มเนื้อ .. นั้นเหลือนุ่ม
ลมผ่าวรุมไหวระรัว .. ก็กลัวหล่น
ค่อยโน้มแนบด่ำดอม .. กรุ่นหอมปรน-
เปรอใจวนว่ายหอม .. ไม่ยอมร้าง
O งดงามเอย .. มาลย์สรวงเมื่อร่วงหล่น
พร้อมใจคนหลงชู้ไม่รู้สร่าง
ร่อนโล้สายลมหวน .. เสียงครวญคราง
พาความอ้างว้างซบลงกลบดิน
O ฟังเถิด .. ความอาวรณ์ .. เจ้าอ่อนน้อย
จักเฝ้าร้อยความสู่ .. ไม่รู้สิ้น
จะเช่นลมหายใจอันไหลริน-
คอยหล่อเลี้ยงชีวิน .. จนสิ้นใจ
O นบองค์พระปฏิมา .. รูปราศี
ความลูกมีพร่ำพ้อ .. เพียงขอให้-
คำสัตย์เมื่อมอบสู่ .. ถึงผู้ใด-
ย่อมมีนัยรัดขวัญ .. ตราบวันวาย
O น้อมจิตนอบ .. องค์พระ .. นมัสการ
มีรูปคราญบริสุทธิ์เป็นจุดหมาย
วางอาวรณ์อาลัยจากใจชาย-
มอบต่อสายสวาดิชู้ .. เพียงผู้เดียว
O งดงามเอย .. แววระยับยามพรับพริ้ม
จักเผยยิ้มย้อนตอบ .. หรือลอบเหลียว ?
ฟ้าหม่นมัว .. ลมพลิ้ว, เหมือนนิ้วเรียว-
เอื้อมมาเหนี่ยวเด็ดใจ .. เอาไปแล้ว .. !
หมายเหตุ....
กลอนที่มีจุดนำหน้าทั้งหมดเป็นกลอนจาก"เพลงยาวเจ้าฟ้ากุ้ง"
Create Date : 06 มิถุนายน 2557
Last Update : 14 เมษายน 2566 10:24:08 น.
16 comments
Counter : 3941 Pageviews.
Share
Tweet
สดายุ..
"O เฝ้าแต่คอยละห้อยเห็นไม่เว้นช่วง
ด้วยความหวงแหนอยู่ .. จนรู้ได้-
ว่าแม้นชีพดับดิ้นจนสิ้นไป-
ยังอาลัยอาวรณ์ .. ยากผ่อนเพลา "
ยังไงยังไงก็ยัง รักความคำของ เจ้าฟ้ากุ้ง อยู่อีก..
".. แม้นกุศลเราสองเคยร่วมสร้าง ..."
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 8 มิถุนายน 2557 เวลา:14:50:34 น.
มินตรา ..
กลอนเจ้าฟ้ากุ้งสุดยอดการลงสัมผัสอักษร
123 45 678
นี่คือจังหวะกลอน 8
ที่ตำแหน่ง 3 5 8 คือตำแหน่งสุดช่วงจังหวะคำ
ท่านเอา อักษรเดียวกันมาลงตรงนี้
แม้นกุ
ศล
เรา
สอง
เคยร่วม
สร้าง
ขอร่วม
ห้อง
อย่าได้
ห่าง
เสน่
หา
แบบนี้เขียนยาก ..
สัมผัสอักษรสามารถทำได้ในหมู่นักปราชญ์ทางบาลี สันสกฤต
ผมเองเคยเล่นอยู่บางวรรคแต่ไม่ตลอดทั้งบท
เพราะบริบทของเนื้อหาต้องสอดรับด้วย สมัยนี้หายาก
ขนาดคำคู่ควบ ยังกลับหน้ากลับหลังเร่หาสัมผัสแทบหัวจะชนกันตาย 555
คำคู่ควบที่ว่าคือคำที่เรามักพูดติดกัน
เช่น ..
เรื่องของ"บ้านเมือง"
คนจะไม่พูด เรื่องของ"เมืองบ้าน"จริงไหม
รับรู้ .. จะไม่พูด รู้รับ
ชอบพอ .. จะไม่พูด .. พอชอบ
ริเริ่ม .. จะไม่พูด .. เริ่มริ
ผูกพัน .. จะไม่พูด .. พันผูก
แต่นักกลอนบางคนสามารถเขียนไปได้ทุกอย่าง !
555
โดย:
สดายุ...
วันที่: 8 มิถุนายน 2557 เวลา:16:15:16 น.
ดายุ...
พอเริ่มด้วย.." แม้นกุศล เราสอง เคยร่วมสร้าง"
เลยถือโอกาส มา"สัมผัสอักษร" ด้วย..
"ขอร่วมห้อง อย่าได้ห่าง เสน่หา" เชียวนะ..555
ต่อปากต่อคำ กับพวกกวี นี่สนุกตรงนี้ นี่เอง...
ตรง "เล่นคำ "..เท่านั้นนะ..
ปล. ปรับหน้าเวปแล้ว ทำให้โพสไป เห็นตัวอักษรที่เขียนไปด้วยนะคะ..
เมื่อก่อนหน้านี้ ลำบากในการโพส เพราะมองไม่เห็นค่ะ ต้องใช้เทคนิคในการโพสเอง
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 8 มิถุนายน 2557 เวลา:17:23:22 น.
มินตรา ..
ขอกลอนสดสักบท .. 55
ในความรักความชอบ ด้วยกรอบคิด
นฤมิตวาทกรรมกอปรความเห็น
เพื่อรื่นรมย์โถมเทียบจักเพียบเพ็ญ-
อาวรณ์เร้นซ่อนนั้น .. แต่บรรพชน
กลอนนารีปราโมช จึงโลดแล่น-
ในแบบแผนเพลงยาว .. ฝ่าหาวหน
เข้าแทรกจิตสำทับให้อับจน-
ด้วยนัยความบันดลเยียงมนตรา
แทน-พาทย์เพลงแว่วเสียง .. ความเรียงร้อย
หวัง-คำนึง, เฝ้าคอย, ละห้อยหา
จนอาวรณ์ผ่องแผ้วที่แววตา
ก็รู้ค่าวาทกรรมที่นำทาง
ทั้งกลอนกาพย์ฉันท์โคลง .. จึงโยงเรื่อง
เข้าหนุนเนื่องบทกรรมจับทำ, สร้าง
ถ้วนชอบชังดีทราม .. ในท่ามกลาง-
ความเห็นต่าง เห็นตาม .. ละลามรส
เมื่อกลอนกาพย์ฉันท์โคลง .. เยี่ยงโก่งศร-
พุ่งซอกซอนทั่วแหล่ง สำแดงบท
กอปรคีตแผ่วครวญคร่ำ .. ถ้อยคำพจน์ -
จึงปรากฎโลดแล่นเหนือแผ่นดิน !
โดย:
สดายุ...
วันที่: 9 มิถุนายน 2557 เวลา:7:47:45 น.
ดายุ...
"จึงปรากฎโลดแล่นเหนือแผ่นดิน !" คือ
"รับรู้ ..
ชอบพอ ..
ริเริ่ม ..
ผูกพัน "....รึ..555
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 9 มิถุนายน 2557 เวลา:13:40:06 น.
มินตรา ..
เจอแล้วอยู่ในบท "น้ำผึ้งเดือนเจ็ด" นี่เอง หาแทบแย่ 55
เลี่ยนแบบเจ้าฟ้ากุ้ง ลงสัมผัสอักษรที่คำที่ 3-5-8
O ช่างเนิ่นนานหนักหนา .. แต่ครานั้น
ก่อนรูปฉันทาชาติจะขาดช่วง
นับภาพซึ่งสุมใส่อยู่ในทรวง
ล้วน รูปพวงดวงพักตร์จำหลักพร้อม
O ค่อยเบือนเหลียวสบลักษณ์ .. รูปพักตร์ล้ำ
มือกุมกำเรียวก้อย .. เอ่ยถ้อยกล่อม
หยาดน้ำตาร่วงตก .. ห้วงอกตรอม-
ก็แวดล้อมกาลลาด้วยอาลัย
O ฝ่าลานทุ่งรุ้งทองลอยล่องถึง
ธารดาวซึ่งทอส่องความผ่องใส
รอบวงกัปหมุนกาล .. ตราบนานไกล-
จนบรรจบรูปใจ .. เช่นในจันทร์
ได้ สามบท เหงื่อแตก !
55
โดย:
สดายุ...
วันที่: 9 มิถุนายน 2557 เวลา:22:38:14 น.
ดายุ..
เหงื่อตกเพราะวิ่งอยู่ในสองภพใช่ไหมเอ่ย..
ชาติที่แล้ว อาลัยรักจากกัน..
แล้วตามมาเจอกันใหม่ในชาตินี้อีกครั้ง..
ทวิภพ..
ข้ามกาลเวลา รึ
ตามความคิดไม่ทันแล้วนะคะนี่..
แล้วในชีวิตจริง เสมือนเราจะเจอกันนะ..ใช่ไหมเอ่ย..
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 10 มิถุนายน 2557 เวลา:5:09:32 น.
ฉบับเต็ม
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
เพลง .. song from a secret garden
O แว่วยินไหม .. รำพันดวงขวัญเอ๋ย
ฝากให้ .. ลมรำเพยรำพึงผ่าน
ว่า .. ค่ำนี้แสงดาวคงร้าวราน
จาก .. ความหวานโชนช่วงในดวงตา
O จันทร์เอย .. เลื่อนขึ้นฟ้า .. ช้าช้าก่อน
ให้ความวอนเว้าปวง, แรงห่วงหา-
ได้ทอดเสียงกระซิบความ .. ส่งข้ามมา-
กล่อมหัวใจปรารถนา .. ผ่านราตรี
O ชะลอการเลื่อนดวงขึ้นสรวงฟ้า
เพื่อรอแสงในตารูปราศี-
ทอดทอแววสวาทสู่ .. ให้รู้ที-
รู้ท่า .. ความใยดี - ผู้มีใจ
O เห็นไหม .. แสงอ่อนโยนแต่โพ้นภพ
ทอดฝ่าพลบ .. ฝ่าฝัน .. ถึงกันได้
ฝัน .. ที่รอคาบช่วงแห่งดวงไฟ-
เชื่อมอาลัยผูกพัน .. ลงสัญญา
O หนึ่งหัวใจทะยานสู่ความรู้สึก
ดำดิ่งลึกลอดบ่วงความห่วงหา
เชื่อมอาวรณ์ช่วงฉายผ่านสายตา
ล่มทุกแสงจันทราจนล้าเลือน
O จันทร์เอย .. จันทร์เจ้า .. ช่วยเว้าวอน-
ความออดอ้อนรำบายลงป่ายเปื้อน-
ดวงใจผู้ห่วงละห้อย .. เพื่อคอยเตือน-
ให้ .. ถวิลทุกเขยื้อนขยับใจ
O ดู .. ธารดาวทอ-ดวงบนสรวงสวรรค์
แทนดวงตาทอฝัน .. ที่สั่นไหว-
ด้วยรูปรอยเจ้านั้น .. เช่นจันทร์ไกล-
แต้มรูปต่ายลงไว้ .. ที่ในดวง
O ช่างเนิ่นนานหนักหนา .. แต่ครานั้น
ก่อนรูปฉันทาชาติจะขาดช่วง
นับภาพซึ่งสุมใส่อยู่ในทรวง
ล้วน รูปพวงดวงพักตร์จำหลักพร้อม
O ค่อยเบือนเหลียวสบลักษณ์ .. รูปพักตร์ล้ำ
มือกุมกำเรียวก้อย .. เอ่ยถ้อยกล่อม
หยาดน้ำตาร่วงตก .. ห้วงอกตรอม-
ก็แวดล้อมกาลลาด้วยอาลัย
O ฝ่าลานทุ่งรุ้งทองลอยล่องถึง
ธารดาวซึ่งทอส่องความผ่องใส
รอบวงกัปหมุนกาล .. ตราบนานไกล-
จนบรรจบรูปใจ .. เช่นในจันทร์
O ยังเป็นจันทร์ดวงเดิมที่เริ่มฉาย-
แสงลงป่ายเปื้อนโลก .. เมื่อโศกศัลย์, -
เสียงคร่ำครวญ-ล่มลาญแต่นานวัน
หลังรูปขวัญเผยกายต่อสายตา
O ยิ่งต่ายแต้มในจันทร์ .. เจ้าขวัญน้อย
เมื่อผ่านเผยรูปรอยมาคอยท่า
ก็สอดรับรูปฝันในสัญญา
เสน่หาในอก .. ฤๅยกพ้น ?
O ลมเยียบเย็นโรยฝ่าขอบฟ้ากว้าง
ในท่ามกลาง ดาวช่วงที่ร่วงหล่น
แรงอาวรณ์เวียนวก .. ในอกคน-
ก็เวียนจนอ่อนแรง .. แล้วแพงน้อย !
O ป่านฉะนี้ร่างนั้นในบรรจถรณ์
จะรุ่มร้อนเย็นเยียบหรือเงียบหงอย
หรือมองดาวไกลลิบตาปริบปรอย
หรือละห้อยห่วงหา .. ทั้งราตรี ?
O จน-นกค่ำส่งเสียงจำเรียงร้อง
แสงจันทร์ส่องฉาบฟ้า .. อวดราศี
ก็รับรู้อาลัยความใยดี-
ผ่านลมวีวาดสายรำบายความ
O แสงพรายประกายพรึกอันลึกลับ
ก็ค่อยพรับพรายดวง .. คล้ายหวงห้าม-
แรงอาวรณ์อาลัยพึงไหลลาม-
ล้อมรูปทรามสวาดิชู้แต่ผู้เดียว
O มวลเมฆดำมืดมนเคยหม่นเศร้า
และเวิ้งฟ้าเงียบเหงาเคยเปล่าเปลี่ยว
กลับเลื่อนรูปจนเห็นเป็นเส้นเกลียว-
ของสายใยพันเหนี่ยว .. รูปเรียวนั้น
O แล้วค่ำก็ถูกกลืนด้วยคลื่นดาว
จนห้วงหาวไกลลิบกระพริบสั่น
แล้วลมก็ร้องร่ำเสียงรำพัน-
เพื่อโอบขวัญอบร่ำ .. ด้วยคำชาย
O เบื้องไกลพู้นเวิ้งว้าง .. ที่กลางหาว
กลาดเกลื่อนดาวลอยดวงขึ้นช่วงฉาย
หลากสีสันท่ามกลางแสงพร่างพราย
ก็เพียงหมายแสงช่วง .. ของดวงเดียว !
โดย:
สดายุ...
วันที่: 10 มิถุนายน 2557 เวลา:6:53:54 น.
ดายุ..
สิ่งใดที่สวยสดงดงามนั้น แม้นอ่านแล้วอ่านอีกก็ค้นหาความงดงามแห่งความแห่งคำ ได้อีกทุกครั้งไป..
สร้างสรรสิ่งงดงามทิ้งไว้ จะทำให้โลกน่ารื่นรมย์
ใครเห็นใครก็รัก ใครเห็นใครก็ชอบ
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 10 มิถุนายน 2557 เวลา:13:56:03 น.
มินตรา ..
โลกนี้ได้สร้างสิ่งสวยงามมากทั้งโดยเพศและโดยวัยไว้แล้วอย่างไม่มีข้อให้ต้องตัดพ้อ ตำหนิ ใดๆ ..
ผมเพียงแต่เขียนบรรยายออกมาเป็นภาษาที่คนอ่านพอเข้าใจตามได้เท่านั้น
จะสังเกตุได้อย่างหนึ่งเหมือนผมไหมว่า ..
ร้อยกรองไทยโดยเฉพาะกลอนแปดนั้นจะเปล่งศักยภาพออกมาอย่างเต็มรูปแบบด้วยบทนารีปราโมช เท่านั้น
แม้จะพยายามเอามาสื่อด้านศาสนา การเมืองกันอยู่บ้าง .. แต่ความลงตัวตามจินตนาการผู้อ่านยังไงก็ไม่ "IN" ได้เหมือนนารีปราโมช
เพราะการเมือง และศาสนา ไม่สามารถบรรยาย "ปรากฎการณ์แห่งธรรมชาติ" ได้เหมือน .. เนื่องจากขีดจำกัดของ"คุณลักษณะผู้อ่าน" ที่ไม่มีทางเหมือน
เป็นประเด็นของ Realistic และ Romantic
และวัยสาว ส่วนมาก Romantic และ ไม่ค่อยอยากจะ Realistic เอาซะเลย .. 55
โดย:
สดายุ...
วันที่: 10 มิถุนายน 2557 เวลา:19:36:35 น.
ดายุ..
มีการมาเหน็บว่า มินตราเป็นสาวโรแมนติก นะ
อะไรที่หอม ที่สวยงาม ภาษาที่ไพเราะ แสดงความเป็นอารยะชน ได้มากกว่า ความเป็นจริงในธรรมชาติซึ่งใช้ระบบเข่นฆ่าล่าฟัน เอาชนะคะคานกัน สามีตบตีภรรยา ตามหึงตามหวง หรือภรรยาที่ตามมาข่วนมากัดไม่เลิกไม่แล้ว ไปทุกเวป
ดูแล้ว ไม่น่ารื่นรมย์ และ น่ากลัวเหลือเกิน..realistic ?
ขอเลือกชีวิต romantic ชื่นชมดมดอกไม้หอมหอม อ่านภาษาไพเราะ ฟังดนตรีอ่อนหวาน ซึ่งบางคนมีโอกาสดีเช่นนี้...โอกาสที่เลือกได้..ใช่ไหม..
แม้นในสายตา สดายุ จะเห็นว่า เป็นชีวิตปลอมปลอม..
แต่บางคนมีชีวิตนี้ได้จริง...ชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรนแข่งขัน
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 10 มิถุนายน 2557 เวลา:20:45:27 น.
แก้คำผิด :
"อารยชน"
=[n.] civilized people [syn.] ผู้เจริญ,ผู้มีวัฒนธรรม
=น. ชนที่เจริญด้วยขนบธรรมเนียมอันดี.
(พจนานุกรมแปล ไทย-ไทย อ.เปลื้อง ณ นคร)
มิใช่ "อารยะชน"
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 10 มิถุนายน 2557 เวลา:21:07:08 น.
มินตรา ..
เปล่าเลย มิได้เหน็บ พูดเป็นการทั่วไป
เพราะกลอนนารีปราโมชต้องการ "ความอ่อนโยน ความอ่อนหวาน และความอ่อนไหว" ของจิตวิญญาณผู้เสพเป็นเชื้อเพลิงหลัก
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเพื่อให้ นารีปราโมช
บริบทนี้จึงไม่มีพื้นที่ให้บุรุษได้ดำรงอยู่แม้แต่คนเดียว นอกจากคนเขียน 55
อาหาร ไทย
เครื่องแต่งกาย ชุดไทย
ดนตรี ไทย
ภาษา ไทย
ชาติที่มีทั้ง 4 ประการเป็นของตนเองครบจึงคู่ควรต่อความเป็นชาติที่เป็นอารยะ
ในประเด็นภาษา ทำให้ ..
สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อาฟริกาใต้ ที่ใช้ภาษาอังกฤษ
ออสเตรีย บางส่วนของสวิส ที่ใช้ภาษาเยอรมัน
ละตินอเมริกาตั้งแต่ เม็กซิโก ลงไปตลอดทวีปอเมริกาใต้ (ยกเว้น บราซิล) ที่ใช้ภาษาสเปน
บราซิล ที่ใช้ภาษาโปรตุเกส
มีไม่ครบ 4
เพียงแต่ อารยะประเทศที่ไม่อยู่ใน G7 แบบญี่ปุ่นคงต้องกลืนกินความภาคภูมิแบบครึ่งๆกลางๆไปพลางๆก่อน
เพราะหากมีการกำหนดเรื่องการศึกษาขึ้นมาเป็น
การศึกษา ไทย
หรือ
ความสุจริต ไทย
ความภูมิใจคงหล่นคูน้ำ หมดกัน 555
โดย:
สดายุ...
วันที่: 11 มิถุนายน 2557 เวลา:20:42:06 น.
ดายุคะ...
ดีใจมาก ที่เรารู้สึกและมีความคิดตรงกัน
"อาหาร ไทย
เครื่องแต่งกาย ชุดไทย
ดนตรี ไทย
ภาษา ไทย
ชาติที่มีทั้ง 4 ประการเป็นของตนเองครบจึงคู่ควรต่อความเป็นชาติที่เป็นอารยะ"
ความเป็นอารยชน นี่เป็นสิ่งที่ทั้งโลก เสาะแสวงหา
แม้นแต่เผด็จการเช่นฮิตเลอร์ ก็พยายามเหลือเกินที่จะให้เยอรมันมีเชื้อสายของอารยัน ให้ได้..
จนเด็กเยอรมันรุ่นใหม่นี้ ต้องถูกสั่งสอนใหม่ ให้ "ปฎิเสธ ความเป็นอารยัน"ในนิยามของฮิตเลอร์
คนไทยโดยเชื้อสาย แม้นจะปนจีน ปนมอญ ปนแขกเปอร์เซีย แต่ทั้งหมดเป็นชนเผ่าอารยันที่มีวัฒนธรรมความรู้ ในระดับเดียวกัน ทั้งสิ้น...
ดายุลืมไปอีกอย่างนะ คือ "กิริยามารยาท "ในการขยับเขยื้อน ตัวตน ..
คนเยอรมันเคยกล่าวกับสตรีไทยผู้หนึ่งว่า..เพียงท่าเดิน การขยับตัว..ก็รู้ว่าเป็นสตรีไทย..
ว่าแต่ว่า เราจะรักษาแผ่นดิน ไปได้แค่ไหน..มิกลายเป็นชนเผ่ามายา ที่สูญหายไปจากโลก ไปรึ..
สัญญาได้ไหมว่า เราจะรักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้เป็นสมบัติของชาวไทย เชื้อสายอารยันที่มี วิวัฒนาการทางวัฒนธรรมสูงส่ง ทั้งกาย วาจา ใจ...
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 11 มิถุนายน 2557 เวลา:21:35:10 น.
ดายุ..
ตรงนี้ก็น่ารักนะ ว่าไหมเอ่ย
"O จันทร์เอย .. จันทร์เจ้า .. ช่วยเว้าวอน-
ความออดอ้อนรำบายลงป่ายเปื้อน-
ดวงใจผู้ห่วงละห้อย .. เพื่อคอยเตือน-
ให้ .. ถวิลทุกเขยื้อนขยับใจ"
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 12 มิถุนายน 2557 เวลา:14:39:00 น.
มินตรา ..
หลังจากอยู่ในเมืองไทยมาตั้งแต่เกิด ได้ไปต่างประเทศบ้างสั้นๆ พอรับรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน
เรายังล้าหลังมากมายทั้ง ..
คนบ้านนอกที่ไร้ระเบียบ หัวอ่อน ด้อยการศึกษาทำให้ความคิดอ่านขาด maturity - วุฒิภาวะ
คนเมืองที่มีการศึกษาแต่งมงาย ขาดเหตุผล ทั้งการเมืองทั้งศาสนา คิดไม่เป็น ต้องคอยผู้ที่รู้มากกว่าคอยชี้แนะประเด็นอยู่ตลอด .. ตัวใครตัวมัน แก่งแย่งสูง คลั่งเรื่องหน้าตา เกียรติยศ ทั้งๆที่ด้อยความสามารถ และเสพติดระบบอุปถัมภ์ค้ำชูอย่างไร้ศักดิ์ศรี
ที่เหมือนกันทั้งสองส่วนคือ อาการเชื่อง เหมือนหมากระดิกหางเลียมือเจ้าของ (เปรียบเทียบให้เห็นภาพ) คือกลัวคนมีอำนาจ มีลักษณะประจบสอพลอสูง พูดได้ว่าไม่ใช่เลียแค่หน้าแข้ง แต่ตอนนี้มีพัฒนาการไปถึง เลียสูงถึงคอหอย กันแล้ว ..55
มากความเห็น .. แต่ด้อยความรู้
ชอบสนุก สบาย มักง่าย ขาดความพยายาม
ทำ 2 พูดว่าทำ 10
ตอแหลระดับตำนาน ประมาณจะทำให้ "งาช้างงอกออกจากปากสุนัข" ให้ได้กันเลยทีเดียว
ผมขอเห็นต่างว่า ชาติพันธุ์สยามนี้ ไม่ใช่เผ่าพันธุ์อารยันอย่างเด็ดขาด
ส่วนกลอนบทที่ยกมานั้น ..
แค่นึกถึงคนก่อนเขียนเท่านั้นเอง แล้วก็"เอ็นดู"ท่วมท้นดวงหทัย 555
โดย:
สดายุ...
วันที่: 12 มิถุนายน 2557 เวลา:21:06:03 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
"O เฝ้าแต่คอยละห้อยเห็นไม่เว้นช่วง
ด้วยความหวงแหนอยู่ .. จนรู้ได้-
ว่าแม้นชีพดับดิ้นจนสิ้นไป-
ยังอาลัยอาวรณ์ .. ยากผ่อนเพลา "
ยังไงยังไงก็ยัง รักความคำของ เจ้าฟ้ากุ้ง อยู่อีก..
".. แม้นกุศลเราสองเคยร่วมสร้าง ..."