O คนดี .. O

Pachelbel - Canon in D (London Symphony Orchestra)
. . -1- O เช้า-ที่คลุมกาล .. ด้วยม่านขาว ของหมอกหนาว .. ลมโบกโลมโลกฝัน เม็ดน้ำค้างหยาดเงา .. บนเถาวัลย์ พลิ้วหยาดสั่นหยดร่วง-เช่นดวงใจ- O วูบ-วาบระทึกดวง .. เมื่อดวงตา- สบเลศกาละนั้น .. ก็พลันไหว- สั่นแกว่งตัว .. ปัดป่ายอยู่ภายใน รุมร้อนหนอกระไร-หัวใจคน O ไร้ดาว .. ดาดดื่นบนผืนฟ้า ดาวตรงหน้ากลับช่วง .. ราวห้วงหน- รู้เหนี่ยวรั้งปลั่งเรื้องจากเบื้องบน ลงปลาบปนปริศนากอปรท่าที . . -2- O แทนหมอก-ยามอรุณ, แดดอุ่นร้อน ดูเถิด-ช้อนตาสบไม่หลบหนี ชม้ายลอบเหลือบบ้างเป็นบางที วันเคลื่อน, ฟ้าเปลี่ยนสี-นาทีนั้น O เช้านั้น-หมายอาจเอื้อม .. หยิบเหลื่อมรุ้ง- จากขอบคุ้งโค้งฟ้า .. เพื่อ-พาฝัน- ล่องลอยกับระลอกของหมอกควัน และพุ่มพรรณโกสุม .. ปีกภุมริน O แววตาอ่อนโยน .. ก็โชนแสง สบ-ทิ่มแทงใจอยู่ไม่รู้สิ้น หมอกขาว, มาลย์, ลมโชย, ภู่โบยบิน คน-เดือดดิ้นอกใจ .. กับไขว่คว้า O แววอ่อนโยนแฝงตอน .. รอยซ่อนยิ้ม เปลือกตาพริ้มหลบล้อม .. ละม่อมหน้า ล่มแสงวันลับเลย .. เมื่อเงยมา ปลาบแววตาสองดวง .. นั้นช่วง-เรือง . . -3- O ในความคิดคำนึง ย่อมซาบซึ้งโศกสุขไปทุกเบื้อง ชั่วเงียบงันแฝงแอบ .. จึงแนบเนือง- การย้อนเรื่องราวสู่ .. ฤดูลม O พ้นผ่านเวียนนับลำดับคาบ ยังคงปลาบปลั่งอยู่ .. สุดรู้ข่ม ด้อยเดียงสาแห่งชาย .. เกินหมายชม โอ้ .. ตาคมปลาบปลั่ง .. ฤๅยังคอย O ดาวดื่นฟ้าช่วงระยับ .. เกินนับสุด แสงพร่างผุดรับช่วง .. กับร่วงผล็อย แววตาในเช้าชื่น .. นั้นตื่น-ลอย กับช่วงช้อยรอยชู้ให้รู้เชิง O ด้วยเดียงสาแห่งชาย .. จะหมายหรือ ว่านั่นคือรูปรอยให้พลอยเหลิง เพียงแจ้งการณ์เร้ารุม .. ร้อนขุมเพลิง- ก็โลดเริงรอบอยู่ให้รู้ทน O หรือ-รอยยิ้มเยื้อนเผย .. แทนเอ่ยคำ ที่คอยย้ำยืนยัน .. นับพันหน ชม้าย, มอง, ขัดเขิน, สะเทิ้นตน โอ-แจ้งกลเมื่อกาลนั้นผ่านไป O ราวเรื่องจะช่วงชัด ณ บัดนั้น แววตาฝันแฝงซ่อนความอ่อนไหว กิริยาท่าที .. ท่วงทีใคร ก็แจ้งใจความ-ชัดในบัดดล O วงแขนคล้องคู่เข่า .. กลางเหงาเงียบ หนาวเย็นเยียบ .. จำปลีกไปอีกหน เงาฉายในแววตา .. ไหลบ่า..บน- แววจำนนอีกดวง .. ของดวงตา O เช้านี้-ใจอาจเอื้อม .. หยิบเหลื่อมรุ้ง- ที่ฝ่าคุ้งโค้งโพยมลงโน้มหา บรรจบนัยแฝงเร้น .. ที่เป็นมา ให้ตอบรับคุณค่าในท่าที . . -4- O บนทางเท้าที่ก้าวย่าง ในเที่ยวทางดิ้นรนของคนที่- คอยขวนขวายปรารถนาบรรดามี ล้วนชั่วดีจัดสรร .. คอยบันดาล O ในความอึกทึกที่รายรอบ ล้วนความชังความชอบอยู่รอบด้าน แต่พิศแรกก็เห็นว่าเป็นการ- อ่อนไหวต่อหอมหวาน .. ที่นานคอย O มิใช่เช้า-ที่กาล .. มีม่านขาว ไร้หมอกหนาว .. เพียงโลกอันโศกหงอย- หากน้ำใจหยาดเม็ด .. ราวเพชรพลอย แสงพร่างพร้อยเหลี่ยมผกายให้หมายมอง O คืนวันที่ผันผ่านเนิ่นนานอยู่ จนรับรู้แววระยับ .. หมายจับต้อง ผ่านรอบวันเดือนปี .. ใจที่ปอง- ยังจับจ้องจองอยู่ .. ดาวคู่นั้น O นับคืนนับเดือน .. ให้เคลื่อนเปลี่ยน เพื่อปีเวียนผ่านให้ .. หัวใจสั่น ต่อคำนึง .. ด้วยพี่ทุกวี่วัน นับความหวั่นไหวเห็น .. อย่าเว้นวาย O ย้อนคาบยามเช้านั่น .. ดวงขวัญเอ๋ย จะลับเลยล่วงไป .. อย่าได้หมาย จะนับความอาลัยของใจชาย อาจเท่าสายรุ้งแพร้วในแววตา O ที่เผยออกสื่อให้ .. เฝ้าใฝ่ฝัน ผูกรัดพันดวงใจพลอยใฝ่หา กี่คาบยามผ่านล่วง .. ยังลวงตา ด้วยทีท่าเลศสื่อ .. ให้ยื้อครอง . . -5- O เป็นเช้า-แรกวัน .. อีกวันหนึ่ง กับคำนึงใฝ่เฝ้าเป็นเจ้าของ มีมุ่งมั่นพร้อมสรรพ .. ให้จับจอง- รูปแพงทองเมื่อพบ .. บรรจบเงา O ครั้งนี้เดียงสาชาย .. ย่อมหมายมุ่ง หยิบจับรุ้งยอแสง .. ลบแรงเหงา ดูเถิด ..แววตายิ้มแสนพริ้มเพรา ยังจำเช้า-วันใหม่-ได้ไหมนะ ..?
Create Date : 11 ตุลาคม 2557 |
Last Update : 14 เมษายน 2566 11:11:17 น. |
|
6 comments
|
Counter : 3759 Pageviews. |
 |
|
|
นี่เขียนใหม่ใช่ไหมเอ่ย...
O สิ้นวาสนา .. O
"อีกครั้ง..และอีกครา-ความอาวรณ์-
ต้องขาดตอนขาดช่วงจนล่วงหาย
อีกครั้งที่อาลัยจากใจชาย-
ต้องวอดวายล่มคา .. รูปปรารมภ์ "
มีใครไม่รักแล้วซิ !