Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2561
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
3 กุมภาพันธ์ 2561
 
All Blogs
 
O มธุรสลีลา .. O








Ernesto Cortazar - Foolish Heart (Concerto)



O ลมรุ่งเช้าเฉื่อยโชย .. ค่อยโรยผ่าน
เกสรมาลย์ก็หวนหอมเข้าล้อมหา
เริ่มคาบพันแสงช่วง, อีกดวงตา-
ก็ลอบเหลือบชม้ายมา .. เบื้องหน้านั้น ?
O ลมยังผ่านริ้วอยู่โลมตรู่สาง
เม็ดน้ำวางหยาดไว้ .. ต้อง-ไหวสั่น
แววในตาเหลือบชม้ายก็คล้ายทัณฑ์
ค่อยผูกพันล่ามจิตให้ติดตรึง
O พร้อมโอภาสดวงศศินเลือนสิ้นบท
รูปนามชดช้อยอยู่ก็จู่ถึง
จากนั้นค่อยรุกล้ำให้คำนึง-
กอปรหวานซึ้งวนอยู่ไม่รู้คลาย
O เยี่ยงเงื่อนบ่วงห่วงรัดกระหวัดรอบ
ที่ขีดขอบรุมเร้าจนเข้าสาย
ยิ่งกว่ามาลย์รื่นฉมเมื่อลมชาย
เพียงเนตรฉายแววอุทธัจรำบัดมา
O ใช่ยาวนานเมื่อศศินเลือนสิ้นรูป
แค่ชั่ววูบที่เนตรปรอยชม้อยหา
ก็รู้ที่เหมาะส่วน .. ที่ควรลา
เหมาะควรกว่าคือรูป .. ชั่ววูบนั้น
O รูป-จักขุวิญญาณ .. บันดาลภพ
หลังกระทบกระแทกใส่จนไหวสั่น-
พาโลกเงียบงามสงบ .. ตระหลบพลัน-
ที่แรงนันทิช่วงกลางห้วงใจ
O แล้ว-มโนวิญญาณ .. จึงสานต่อ
แต่รูปพักตร์พิมพ์ลออเหมือนรอให้-
เสพรูปเนื้อนวลเนียน .. ที่เปลี่ยนไป
เปลี่ยนด้วยสีแต้มใส่ แก้ม-นัยน์ตา
O ลมยามสายโชยเฉื่อยอย่างเหนื่อยอ่อน
เมื่อพันแสงโรยร้อนออดอ้อนหา
แก้มเรื่อเนตรพริ้มพรับครั้นลับลา
เวทนาก็โตนตอบอยู่รอบใจ
O เยี่ยงไรอย่างลอบเร้น-อยากเห็นหน้า
อยากรู้ว่าแก้มเนื้อยังเรื่อไหม
หรือแววตาหวั่นสะทก, หรืออกใคร-
อาจครืนครั่นสั่นไหวจนได้ยิน ?
O หลัง .. เนตรเหลือบชายชม้อยแล้วคอยหลบ
ปรารมภ์ให้สืบภพไม่จบสิ้น
อุปาทานแห่งโลกเริ่มโบกบิน
เข้าห้อมห่มถ้วนถิ่นในจินตนา
.
O อีกเช้าที่มาลย์หอมแวดล้อมที่
แถวพระลีลาศเยื้องอยู่เบื้องหน้า
รูปที่แนบติดพันในสัญญา
ก็เหมือนว่า-รออยู่แต่ตรู่เช้า
O สิ้นโอภาสแรกช่วงแห่งดวงสูรย์
หยาดน้ำเคยจำรูญก็สูญเปล่า
ความจดจ่อทุกวูบ .. ล้วนรูปเงา-
ที่เหมือนคอยยั่วเย้าให้เฝ้าคะนึง
O พร้อมธรรมพระรำบาย, แดดฉายส่อง
และกลีบกรองช้อยชูเรียกภู่ผึ้ง
หอมกว่าหอมกุสุมาก็ตราตรึง
หวานยิ่งกว่าหวานซึ้งก็ตรึงใจ
O จึงแม้นฟังธรรมพระจนจะแจ้ง
เนตรอันแฝงเลศลับ .. ยังวับไหว
เหมือนเชิญชวน .. แปลตามทุกความนัย
และเหมือนคอยช่วยไข .. ด้วยนัยน์ตา
O สวยปีกผีเสื้อบินกลางกลิ่นหอม
รูปละม่อมก็เฝ้าคอยชม้อยหา
ทั้งหวานหอมรูปนามก็ล่ามคา-
ปรารถนาแห่งชายผู้หมายเชย
O บทบาทธรรมอำไพ .. ครรไลล่วง
ลำดับช่วงเร้นคอยจึงค่อยเผย-
นัยสอดรับพร้องพร่ำแทนรำเพย-
ความเอื้อนเอ่ยให้สดับให้รับรอง
O หอม-ข้าวหอม, ดอกไม้ยามไหว้พระ
พร้อม-ผัสสะ, พริ้มพรับ, การจับจ้อง
แววเนตรเหมือนตอบรับการจับจอง
วนรอบล่องลอยอยู่เช้าตรู่นั้น
O หอม-อารมณ์เสน่หาในภาวะ-
ที่ฉันทะอนุสัยเริ่มไหวสั่น
ที่จริตรูปนามเริ่มล่ามพัน
เพรียกให้หลอมรวมฝันเป็นฝันเดียว
O แถวผู้ขอพ้นผ่านไปนานเนิ่น
เนตรขัดเขินก็แต่คอยชม้อยเหลียว
สบ-แล้วดั่งแอบออด้วยขอเคียว
ที่รอเหนี่ยวรั้งสิ้นทั้งวิญญาณ
O หรือนี่คือ .. หลุมขวากที่ยากข้าม
เฝ้าคุกคามเหนี่ยวรั้งสู่สังสาร
แต่เผยรูปเผยองค์ขึ้นบงการ
ถ้วนธรรมะก็ล่มลาญไม่เหลือรอย
.
O พอลอบยิ้มป่ายแต้มบนแก้มเรื่อ
คือเนียนเนื้อชี้นำแทนคำถ้อย
เหมือนบอกความสื่อสู่ให้รู้คอย
เพื่อร่วมร้อยรัดขวัญจวบวันตาย !



Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2561
Last Update : 26 เมษายน 2566 12:41:30 น. 2 comments
Counter : 4455 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะคุณสดายุ

เริ่มไม่กี่บทก็ได้กลิ่นแห่งความหอมหวานแล้วค่ะ
เมื่อเช้าทิพย์ยังยุ่งๆอยู่กับงาน ยังไม่ทันได้มาเม้น
แต่ดูเหมือนกลอนจะไม่ได้ชื่อนี้หรือเปล่าค่ะ
นางแบบสวยสดใส น่ารักสมวัยค่ะ
รออ่านต่อนะคะ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.241.230 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:20:33:16 น.  

 


สวัสดีครับคุณทิพย์ ..
เพศหญิง เป็นความน่ารักโดยเฉพาะในวัยที่เริ่ม
"จริต-จะก้าน" ในสายตาผม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองผ่านชนชาติที่ไม่ตีกรอบ
ความเป็น ญ มากมายนักอย่างพวกฝรั่งผิวขาว

ธรรมชาติแห่งเพศตามวัยจึงมองเห็นได้ชัดเจนมากกว่า
อาการซ่อนเร้น ปิดบัง แบบทางทางเอเชีย

นารีปราโมช จึงเขียนได้มาตั้งแต่ยุคสมัยอยุธยา
จนบัดนี้นาทีนี้ อย่างไม่มีวันจบสิ้น

อาจมีการเปลี่ยนบทบาท รูปแบบกิริยาไปบ้างตาม
ยุคสมัย ..



โดย: สดายุ... วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:10:47:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.