Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
สิงหาคม 2556
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
12 สิงหาคม 2556
O หนาวลมร่ำ .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O หนาวลมร่ำ .. O
อัศวลีลา - ลาวดวงดอกไม้
-1-
O ใกล้ฤดูลมหนาวล่องข้าวแล้ว
พร้อมหวีดแว่วเสียดรวง-วันช่วงฉาย
สรวงบนฝูงนกว่อน .. ปีกร่อนราย-
หยอกล้อสายลมเช้า .. ใต้เงากาล
O แก้วดอกขาวหอมอ่อนกำจรกลิ่น
ผ่านรื่นรสรวยรินล้อมถิ่นฐาน
เกสรรูปช้อยช่อร่ำรอ-ฆาน-
สัมผัสหวานหอมพรม .. กลางลมโรย
O อ่อยเอื่อยลมลูบไล้ล้อใบข้าว
รวงเม็ดพราว, สูรย์แผ้ว, ลมแผ่วโผย
หอมรูปนามปรารถนา .. ก็ปร่าโปรย-
อยู่ในสายลมโชย .. แห่งรุ่งเช้า
O เหน็บหนาวกลางลมเหนือ, สูรย์เรื่อแสง-
โลมหล้าแหล่งโน้มเหนี่ยวความเปลี่ยวเปล่า
คำนึงก็โลมลูบด้วยรูปเงา-
ของวัยเยาว์กอปรยิ้มมาพิมพ์ใจ
O เอิบอิ่มแก้มแย้มมานัยน์ตารื่น
แววตอบตื่นราวซ่อนความอ่อนไหว-
ของร่องรอยปรารถนาแรงอาลัย-
ที่ขับไขคุณค่าเต็มตาแล้ว
O คลื่นลมหนาวล่องฟ้า .. ผ่านป่าฝน
ริ้วลมวนเวียนโชย .. แม้นโผยแผ่ว-
หาก-รวงข้าวยังค้อมยอดพร้อม-แวว-
ตาฝันงามผ่องแผ้ว .. ไม่แล้วลา
O คลื่นอาวรณ์พลันล่วงฝ่าห้วงคะนึง
เอื้องามซึ้งหวานพร้อม .. ละม่อมหน้า
อยู่ร่ำรอพฤติขวัญ .. รูปจรรยา
ร่วมบรรสารเสน่หาสู่อารมณ์
O งดงามกลางดอกดวงลดามาศ
แลโอภาสปลาบปลั่งลงถั่งถม
คุณค่าเฝ้าเปรียบเปรยรอเชยชม
ก็พลิ้วผ่านสายลมลงห่มครอง
O จึง-ฤดูลมหนาว .. รอบหนาวนี้
อุ่นยังมีบ่ายโบกสู่โลกผอง
อ้อนแอบแววเนตรพรับ .. ให้จับจอง-
ความนัยของแววชม้าย .. ทำคล้ายเมิน
O แม้-ฤดูลมหนาว .. ในคราวนี้
แววเนตรที่ลอบชม้าย .. จะคล้ายเขิน
เมื่อสายลมผ่านระลอกคล้ายหยอกเอิน
ใครหนอนั่นสั่นสะเทิ้นทั้งแววตา
O อบร่ำริ้วหนาวลม .. เมื่อพรมผ่าน
ถ้วนปวงความอ่อนหวานก็ปานว่า-
โหมแรงลงบรรสารรอบมารยา
เติมแต้มอาวรณ์ชู้ให้รู้ชม
O แก้วดอกขาวหอมอ่อนกำจรกลิ่น
พารสรินรื่นสู่ให้รู้สม
งามท่วงทีลักขณารูปปรารมภ์
นั้นยิ่งฉมชื่นกุสุม .. เร้ารุมทรวง
-2-
O นบนิ้วเพ่งไตร่ตรอง .. ครรลองพุทธ
ไว้ฉวยฉุด-เฝ้าคอย, ละห้อยหวง-
ด้วยรูปนาม เพ็ญสะคราญที่ปานดวง-
ใจ .. ต้องบ่วง - รัดรึง .. เช้าถึงเย็น
O นิ้วองค์พระเรียวงอน .. ดูอ่อนช้อย
เช่นร่องรอย"รูปเผย" .. ที่เคยเห็น
ช่างอ่อนช้อยพริ้มเพรา .. ลำเพาเพ็ญ
เมื่อหลีกเร้นก็ละห้อยแต่คอยรอ
O หวังปล่อยวางโลกเช่น .. ที่เป็นอยู่
ผ่านด้วยนัยองค์รู้ .. ท่านผู้ขอ
รูปเอยกลับเผยอยู่ไม่รู้พอ
มาอยู่ล้อต่อความ .. อย่างย่ามใจ
O แทนเรียวนิ้วองค์พระ .. กลับคละเคล้า-
ด้วยเรียวร่างรูปเยาว์ .. ของเจ้าได้
โค้ง .. คอด .. ผุดผ่องเนื้อ .. จะเหลือ-ใคร-
หักอาลัยฝ่าคราญ .. ได้ผ่านพ้น ?
O เพ่งดวงจิตบำบวง .. หวังปวงธรรม-
หยุดรอบกรรมชี้สั่งอีกครั้งหน
เพ่งรูปพระ .. แล้วภาพก็วาบ-วน
เป็นภาพใครงามล้น .. เกินป่นแล้ว
O พร้อม-แว่วเสียงออดอ้อน, เนตรค้อนคม
ฝ่าเสียงลมหายใจ .. ทอด-ไหว-แผ่ว
ใกล้เพียงเห็นเนตรผกาย .. เจ้าฉายแวว-
งามผ่องแผ้วราวประสงค์ .. แข่งองค์พระ
O ครึกครื้นรูปผ่องผาย .. รำร่ายอยู่
พร้อมนัยชู้ตอบตั้ง .. ตามจังหวะ
ความอ่อนหวานบรรดา .. เริ่มภาวะ
ผูกพันธะล่ามจิต .. สุดปลิดปลง
O ตั้งขึ้นแล้วจำพราก .. แสนยากนัก
เรือนรูปพักตร์เนียนปราง .. เรียวร่างหงส์
พร้อมรอบกรรมจากอดีต .. ที่ขีดวง
ร่วมหนุนส่งชาติภพบรรจบเจอ
O นบจิตเพ่งไตร่ตรอง .. ครรลองพุทธ
คอยฉวยฉุดอกใจทุกไพล่เผลอ
เมื่อต้องหวาน .. เกรงเพริศกับเลิศเลอ-
แล้วพร่ำเพ้อถึงเจ้าทั้งเช้าเย็น
O ร้างสิ้นแล้วนัยธรรมไว้รำงับ
เมื่อเนตรพรับเผลอฟ้อง .. ให้มองเห็น
ก็รับรู้รุมเร้า .. อกเจ้า-เป็น
สุดหลีกเร้นเต้นระรัว .. อีกหัวใจ
O นิ้วองค์พระเรียวงอน .. ดูอ่อนช้อย
เมื่อรูปรอยอาวรณ์สุดถอนไหว
ช่างอบอุ่นอ่อนหวานทุกด้านไป
และจักไหวหวามอยู่ เพียงผู้เดียว !
-3-
O ลมวรรษาพลิ้วผ่านแต่วานก่อน
เมื่ออาวรณ์แฝงฝากเริ่มกรากเชี่ยว
แต่สบทั้งวงหน้ารูปตาเรียว
แรงกอดเกี่ยวรูปนาม ก็ล่ามคา
O สร้อยสุมาลย์บานช่อ .. เพื่อรอหอม
อวลกลิ่นล้อมภู่ภมรเวียนว่อนหา
รูปเอยแต่ลอบเล็ม .. อยู่เต็มตา
แม้หลับลืมก็ยังคา .. อยู่ทั้งคน
O เมื่อโคมฟ้าลอยดวงขึ้นช่วงแสง
ค่อยทอดแรงเรื่อรองขับหมองหม่น
ก็เมื่อภู่ .. ภุมรินเริ่มบินวน-
สีสันกลีบกุสุมบน .. ที่เบ่งบาน
O ปีกวิหคแผ่กาง .. ลอยร่าง-ร่อน
สูงต่ำตอนเสาะหาภักษาหาร
ท่ามกลางเสียงนกแว่ว .. ลมแผ่วพาน
กุสุมาลย์ก็ลอยช่อให้รอชม
O แต่พบกัน .. อาวรณ์ก็ร่อนคว้าง
อยู่ท่ามกลางรูปลออ .. มาลย์ช่อ-ฉม
เสริมกำลังปรารถนา .. แรงปรารมภ์-
เข้าสั่งสมสืบทราบ .. รอบบาปบุญ
O ฤๅพบกัน .. จากกรรมชี้นำทิศ
เหนี่ยวสองจิตยื้อยุด .. ช่วยอุดหนุน
เพรงสัญญาก่อนเห็นจักเป็นทุน
เข้าเจือจุนจิตเจ้า .. ฟังเว้าวอน
O ผกายน้ำเนตรรับ .. วับวับไหว
สื่อความให้พร่ำพลอด .. ความออดอ้อน
ค่อยค่อยถ่ายคะนึงหา .. ความอาวรณ์
ค่อยสุมซ้อนความรัก .. ให้ตักตวง
O ราวหวานหอมทั้งหล้า .. น้อมมาให้-
คอยชิดใกล้ล้อมอยู่ไม่รู้ล่วง
เจตนาผ่านเนตร .. ไร้เลศลวง
ใจทั้งดวงหวานฉ่ำ .. อยู่ค่ำเช้า
O เมื่ออกใครเต้นระส่ำ .. คล้ายคร่ำครวญ
จากแปรปรวนส่วนเสี้ยว .. ความเปลี่ยวเปล่า
ก็เมื่องามอ่อนไหว .. จากวัยเยาว์-
ค่อยค่อยเร้างามรุกไปทุกตอน
O บุปผาเชิดเรณูเหมือนรู้เชิง-
ให้ภู่เหลิงห้อมเห่ .. หยาดเกสร
เช่นอกคนครวญคร่ำ .. ถ้อยคำวอน
ด้วยหลงเหลิงออดอ้อน .. สะท้อนสะท้าน
O นุ่มนวลเนียนเนื้อ .. ก็เหลืออ้าง
จะเริดร้างห่างไป .. สุดใจหาญ
คงเกินใจมุ่งมั่น .. อาจบันดาล
เกินต่อต้านปรารถนา .. เกินฝ่าพ้น
O กลีบพะยอมนิ่มเนื้อ .. นั้นเหลือนุ่ม
ลมผ่าวรุมไหวระรัว .. ก็กลัวหล่น
ค่อยโน้มแนบด่ำดอม .. กรุ่นหอมปรน-
เปรอใจวนว่ายหอม .. ไม่ยอมร้าง
O ล่องลอยเอย .. มาลย์สรวงเมื่อร่วงหล่น
กลีบลิ่วสู่ภูวดล .. พลิกบน-ล่าง
ฝ่าลำลมพลิ้วผืนอยู่ครืนคราง
ก่อนกลีบบางวางซบลงกลบดิน
O ครวญคร่ำวิชชุแล่น .. บนแผ่นฟ้า
จะทาบทาหม่นหมองให้ล่องสิ้น
เช่นคร่ำครวญอันละห้อยระโหยยิน
จะรวยรินถิ่นทรวง .. เกินล่วงลา
O หอมหวานครั้นผ่านเนตร .. เป็นเลศลับ
ค่อยค่อยพรับระยับดวง .. บอกห่วงหา
ค่อยค่อยเผยความหมาย .. ผ่านสายตา
ชม้อยชม้ายหมายว่า .. ดูท่าที
O ภู่ภมรว่อนเวียน .. พากเพียรนัก
ใจเอยก็สุดหักไปห่างศรี
กุสุมา .. พรั่งพร้อม .. หวานหอมมี
และใจที่หวงหอม .. ก็ยอมตัว
O ภู่ภมรว่อนอยู่ .. ไม่รู้ร้าง
ยิ้มท่ามกลางห่วงละห้อย ก็คอยยั่ว
รูปนามเอย .. กระซิบนั้น-เพื่อสั่นรัว-
ของอีกหัวใจผู้ .. รับรู้นัย !
Create Date : 12 สิงหาคม 2556
Last Update : 11 มิถุนายน 2566 7:16:38 น.
11 comments
Counter : 3673 Pageviews.
Share
Tweet
สุขสันต์วันแม่ครับ
โดย:
**mp5**
วันที่: 12 สิงหาคม 2556 เวลา:18:50:37 น.
ดายุ..
"O แก้วดอกขาวหอมอ่อนกำจรกลิ่น
พารสรินรื่นสู่ให้รู้สม
งามท่วงทีลักขณารูปปรารมภ์
นั้นยิ่งฉมชื่นกุสุม .. เร้ารุมทรวง"
ปกติ ดอกแก้วมิใช่ดอกไม้ที่โปรดมากของมินตรานะ
แต่มีกลิ่นแก้วในความทรงจำที่มีใครเด็ดให้
หอมหวลนักจนติดในความทรงจำ...
(คนเด็ดให้ลืมไปแล้วด้วยซ้ำ)...
คงเหมือนที่สดายุ.."ชื่นกุสุม .. เร้ารุมทรวง" นะ
โดย: บุษบามืนตรา IP: 87.174.103.101 วันที่: 13 สิงหาคม 2556 เวลา:3:54:09 น.
mp5
ขอบคุณครับ
มินตรา
อ้อ .. มีเท้าความหลัง - เริ่มอาวุโสแล้วสินี่ 55
ดอกแก้ว
ดอกปีบ
ดอกโมก
ดอกไม้สีขาว ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ได้กลิ่นแล้วทำให้ชื่นใจ .. ไม่รู้ฝรั่งเคยเอาไปทำน้ำหอมบ้างไหม
แล้วคนเด็ดให้ .. ตอนนี้อยู่ไหน ?
ไหนมาเล่าให้ชาวบ้านอ่านหน่อยซิ ..
โดย: สดายุ IP: 118.172.105.146 วันที่: 13 สิงหาคม 2556 เวลา:9:09:31 น.
ดายุ...
"O ผกายน้ำเนตรรับ .. วับวับไหว
สื่อความให้พร่ำพลอด .. ความออดอ้อน
ค่อยค่อยถ่ายคะนึงหา .. ความอาวรณ์
ค่อยสุมซ้อนความรัก .. ให้ตักตวง"
"ผกายน้ำเนตรรับ .. วับวับไหว"
ยังไม่แห้งเลยนะ..จะ" เริ่มอาวุโสแล้วสินี่ 55" ได้ยังไงล่ะ
"คนเด็ดให้ "น่ะรึ ตอนนี้ก็เป็นภู่ภมร อย่างนี้ไงคะ
"O ภู่ภมรว่อนเวียน .. พากเพียรนัก
ใจเอยก็สุดหักไปห่างศรี
กุสุมา .. พรั่งพร้อม .. หวานหอมมี
และใจที่หวงหอม .. ก็ยอมตัว"
เห็น" ก็ยอมตัว" อยู่ทุกแห่งหนทั้งในและนอกราชอาณาจักร ไงคะ555
โดย: บุษบามินตรา IP: 79.205.192.187 วันที่: 13 สิงหาคม 2556 เวลา:12:21:52 น.
มินตรา ..
อ้อ .. จะให้แปลว่า ไปเจอพ่อพวงมาลัย ลอยไปลอยมาดอกรึนี่ - 55
มินตรา ยังไม่อาวุโส แค่ 30 กลางๆ เพราะตายังคงมีประกายวาววามเวลาเจอหนุ่มมาดเท่อยู่เลย
ส่วน คนเด็ดให้ อาจลืมสิ่งที่เคยทำซึ้งทำหวานหมดแล้ว .. แต่ยังไม่ห่างหายไปไหน ยังครองรักกันสดชื่นทุกค่ำคืนก่อนนิทรา
- อันนี้เป็นการตีความ ล้วนๆ .. นะท่านผู้ชม 55
หญิงวัยงามสำหรับเอเชียเราก็คือวัย 35+/- นะมินตรา เป็นวัยที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ตัดสินใจในชีวิตตนเองได้โดยอิสระแล้ว พ่อแม่ไม่ค่อยมายุ่งแล้ว .. อย่างนางเอกเกาหลี เรื่อง I hear your voice นั่นแหละ
ส่วนฝรั่งงามสุดก็ช่วง 28-30 เพราะเขามีวุฒิภาวะมากกว่าเอเชีย ..
โดย:
สดายุ...
วันที่: 13 สิงหาคม 2556 เวลา:13:15:14 น.
ความไพเราะไม่เคยหายไปจากที่นี่เลย
พี่สดายุสบายดีนะคะ สาวน้อย ที่โน่นและที่อยู่ใกล้ คงสบายดี นานนักไม่ได้มาคิดถึงกลอนเพราะๆๆมากมาย
โดย: ม่านแพร IP: 1.10.231.67 วันที่: 13 สิงหาคม 2556 เวลา:16:56:16 น.
สดายุ
"O แต่พบกัน .. อาวรณ์ก็ร่อนคว้าง
อยู่ท่ามกลางรูปลออ .. มาลย์ช่อ-ฉม
เสริมกำลังปรารถนา .. แรงปรารมภ์-
เข้าสั่งสมสืบทราบ .. รอบบาปบุญ"
"รอบบาปบุญ" มากกว่าค่ะ มิใช่"พ่อพวงมาลัย"หรอก
ดอกไม้หอมหอมนั้น...
มิใช่เพียง" ภู่ภมรว่อนอยู่ .. ไม่รู้ร้าง" เท่านั้น
ยังทำให้เกิดการค้าระหว่าง ยุโรปและเอเซียด้วย บนเส้นทางสายไหม(Silk Road)ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี114 BC เมื่อพ่อค้าเปอร์เซียครองเส้นทางนี้...
มาจน มาร์โคโปโล ตามพ่อมาจีนบนเรือเปอร์เซีย จนเกิดการล่าอาณานิคม เพียงเพื่อจะได้ลิ้มรส ความหอมหวานของดอกไม้และเครื่องเทศ จากหมู่เกาะเครื่องเทศ(อินโดนิเซีย)
โดย: บุษบามินตรา IP: 79.205.192.187 วันที่: 13 สิงหาคม 2556 เวลา:17:57:09 น.
ม่านแพร
พี่และ ตัวเล็กตัวน้อยสบายดีค่ะ
น้องสาวคนนี้ล่ะ .. จบดอกเตอร์รึยัง ตอนนี้อยู่ที่ไหนและมีหนุ่มในดวงใจรึยัง 55
มินตรา
อ้อ .. เป็นเพราะ
เคยตักบาตรร่วมขันด้วยกันมา .. นี่เอง ถึงเอาสาวมินตราอยู่หมัด 55
นึกว่าไปอยู่เยอรมันจะเสียดุลยภาพแห่งเอเชียไปให้ยุโรปซะแล้ว .. ยังอุตส่าห์ตามไปถึงโน่น
ที่จริง เปอร์เซีย เคยยิ่งใหญ่มาก่อน .. แต่เริ่มตกต่ำลงหลังรับเอาอิสลามเข้าครอบหัวนี่แหละ วิทยาการต่างๆจึงไม่ทันยิว (แม่แบบของฝรั่งอีกที .. ที่เกลียดยิวกันทั้งยุโรป คงเป็นเพราะปมด้อยที่เอาทุกอย่างของเขามาแม้จนพระคริสต์ และไอนสไตน์ 55 .. ขณะที่แขกอิสลามหนักกว่า เอาทั้ง "ไม่กินหมู .. ทั้งขลิบ" เข้าไปด้วยจึงต้องเกลียด ! และทำว่าข้าไม่เคยตามใคร ..)
อ-พราหมณ์ .. หรือ .. อับราฮัม ที่มินตราเคยว่าไว้นั่นแหละ ที่ควรจะทำให้เปอร์เซียยิ่งใหญ่ .. ทุกวันนี้ จะเอาทฤษฎีเปลี่ยนมวลสารเป็นพลังงานของตายิวไปทำระเบิดสักลูกยังถูกฝรั่งขู่เช้าขู่เย็น .. น่าเศร้าใจ
แล้วสาวปัตตานี นี่พูดปักษ์ใต้ได้บ่ ?
โดย:
สดายุ...
วันที่: 13 สิงหาคม 2556 เวลา:21:19:30 น.
ไม่ได้เขียนเท่าไหร่..เขียนยาวได้เท่านี้เอง-
พลิ้วลมหนาวผ่าวแผ่ว..พลัน-แว่วยิน
แรงถวิล..ปรารถนา..แววตาไหว
ที่ดิ้นรนรำร่ายอยู่ภายใน
แทรกอาวรณ์อาลัยเข้าโอบล้อม
.
พลิ้วลมหนาวผ่าวแผ่ว..ยัง-แว่วยิน
ถ้วนงดงามทั้งสิ้น..รอถนอม
กอปรคุณค่า..รอมอบให้ด่ำดอม
ทั้งใจ-กายเตรียมพร้อมและน้อมรับ
.
พลิ้วลมหนาวผ่าวแผ่ว..ยิ่ง-แว่วยิน
เสียงหลั่งรินอาวรณ์เข้าซ้อนทับ-
กรุ่นกลิ่นแก้วหอมหวานเข้าจู่จับ
แววระยับช่วงแรง..ด้วยแรงรัก
.
.
แผ่วแผ่ว-สายลมไล้ล้อใบหญ้า
พลิ้ว..เริงร่า..แวว-นัยน์ตาเข้ากุมกัก
ระยิบระยับแวว..คำนึงเพียงหนึ่งพักตร์
ถ้วนอาวรณ์จำหลัก..สุดหักใจ
.
หวิวหวีดประณีตคำมาร่ำร้อย
รำพันถ้อย..ย้ำอาวรณ์แสนอ่อนไหว
แฝงคุณค่างามล้ำ..พร้อมน้ำใจ
โหมระลอกภายใน..ให้คร่ำครวญ
.
อึงอล..วนว่ายอยู่ภายใน
ถ้วนอาวรณ์อ่อนไหวอาลัยหวน
รอบถวิลพันผูกดั่งถูกตรวน
ทุกเสี้ยวส่วน..เผย-เร้น..เพียงเพ็ญเดียว
.
ทุกรูปรอยคุณค่าที่ปรากฏ
ถ้วนบริบทพจน์พากย์-เพียงส่วนเสี้ยว-
ของงดงามบริสุทธิ์รูปจันทร์เรียว
กี่ชาติภพเพียงหนึ่งเดียวที่จำนง
.
ตราตรึงแล้ว..คุณค่าเจ้ารำบาย
เช้า เข้าสาย-บ่าย-เย็น..รับ-มอบ-ส่ง
หนึ่งหัวใจ..จำนรรจ์..พร้อมดำรง-
กี่เวิ้งวง..ปฏิพัทธ์ยิ่งชัดเจน
.
ผ่องผกายผ่านคืนค่ำ..จำนรรจ์หวาน
ริ้วเลือดซ่านเนียนปราง..รับรู้-เห็น
ฤาอาจซ่อนกลบเลศสองเนตรเพ็ญ
ที่แอบซ่อนแฝงเร้น..เช่นผ่านมา
.
เอ่อล้นแล้ว..แววหวานพ้องความนัย
สะท้อนสะท้าน..อกใจ..สุดฝืน-ฝ่า
ปรารถนารุกเร้าวอนเว้า-พา
สเน่หาห่มห้อมให้ยอมตน
.
ถวิลถึงคะนึงเย้า..รุกเร้า..ยั่ว
กระซิบเสียง..สั่นรัว..ทั่วแห่งหน
ราว-สายฝนกระหน่ำสายก่อสายชล
ไหว-ระส่ำอึงอล..ล้นหัวใจ
.
กี่ฝน-หนาวผ่านแล้ว..ใช่แล้วล่วง
อาวรณ์-บ่วงกุมกักสุดผลักไส
ขอรอบกุศลดลถึงจิตหนึ่งใคร
เร้าหัวใจให้คะนึงอย่าได้เว้น
.
ประจักษ์ชัดความนัยใจดวงนี้
เกิด-ดับสักกี่ที..ขอพบ,เห็น
ดวงแก้วงามพิสุทธิ์..สงบเย็น
เคียงข้างเป็นคู่ขวัญนิรันดร์เทอญ
-จบ-
โดย: มาย IP: 171.96.51.165 วันที่: 13 สิงหาคม 2556 เวลา:22:42:05 น.
พี่กาย
ม่านสบายดีค่ะ จบเรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้อยู่ที่เดิม แต่เป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยด้วยค่ะ ก็เหนื่อยหน่อย แต่สนุกดีค่ะ
โดย: ม่านแพร IP: 125.27.183.115 วันที่: 14 สิงหาคม 2556 เวลา:10:11:24 น.
มาย
เพิ่งเห็นกลอนยาวๆเป็นครั้งแรก
เหมือนถอดความในใจออกมาเป็นบทกลอน
ขอแปลงบทสุดท้ายสักหน่อย ..
แม้นเกิดดับกี่วงวัฏฏะรอบ
ขอ..นบ-นอบ, เฝ้าคอยละห้อยเห็น
ยอผลบุญนัยธรรมเพียรบำเพ็ญ
ดลโฉมเพ็ญรักมั่นนิรันดร์เทอญ
ม่าน
อ้อ .. เป็นดุษฎีบัณฑิต แล้วสินะ
พี่ขอแสดงความยินดีด้วย - เก่งจริง
แล้วสอนวิชาอะไรในมหาวิทยาลัยล่ะ
ยังอยู่แถวราชบุรีรึเปล่าคะ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 14 สิงหาคม 2556 เวลา:13:20:07 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.