Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2559
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
22 พฤษภาคม 2559
 
All Blogs
 
O นาทีนั้น .. O








Secret Garden - Song From A Secret Garden



O ที่ใจเมือง .. ผู้คน .. สับสนย่าง-
ไปท่ามกลางสำเนียง .. ศัพท์เสียง – ขรม
รูปหน้างาม .. สายตา .. พร้อมอารมณ์-
สบ, ผูกปมผูกเงื่อนเกินเคลื่อน .. คลาย
O สบแล้วก็เมินหลบ .. แล้วสบอีก
จะเลื่อนหลีกเลี่ยงไปก็ใจหาย
จะพ้นผ่านไปเสีย .. ก็เสียดาย-
กับชม้ายชายตอบ .. คอยลอบมอง
O งามรูปหน้า .. ผมสลวย-แววขวยเขิน-
คล้ายรอเพ่งพิศเพลิน .. จนเกินป้อง
เนียนแก้มหน้า .. ตาระยับแววจับจอง-
เมื่อผ่านพ้อง .. ครั้นจะพราก-ย่อมยากนัก
O ดูเถิด-รูปเอวองค์ที่ตรงหน้า
คล้ายรอให้สายตาลองฝ่า .. หัก
เจ้าเอยชม้ายสู่ .. เหมือนรู้ชัก-
ชวนมาตักตวงงาม .. ผูกล่ามใจ
O และทุกครั้งเมื่อยิ้ม .. แก้มอิ่มนั่น-
ก็บีบคั้นเอ็นดู .. จนรู้ได้-
ด้วยจุมพิตหอมหวานส่งผ่านไป
ฝากลำลมอ่อนไหวโลมไล้แทน
O แก้มอิ่มนวลเนื้อสาว .. ก็ราวว่า-
สัมผัสค่าอ่อนหวานที่ผ่านแล่น
จากหัวใจ .. แววตา .. ล่องฝ่าแดน-
เข้าห้อมแหนเนียนเนื้อ-แก้มเรื่อนั้น
O กาแฟหอมกรุ่นกลิ่น .. ครั้นสิ้นรส-
ก็เมื่อบทบาทใหม่เริ่มไหวสั่น
เป็นบทบาทอ่อนหวาน .. แปลก-ปานกัน-
กับหอมปันแปลกรสให้ทดลอง
O สืบความหมายผ่านล่วง .. ของช่วงห่าง-
ในแห่งที่หนทาง .. ระหว่างสอง
เฝ้าตอบแทนคืนกลับ .. คอยรับรอง
เพื่อตรึกตรองแปลความ .. เอาตามใจ
O ดูเถิด .. แก้มฝาดเรื่อ .. เนียนเนื้อนิ่ม-
คล้ายผ่านความเอิบอิ่ม .. ลอบยิ้มให้
จะยินหรือโผนผกห้วงอกใคร-
ที่ระทึกสั่นไหวอยู่ .. ในตน !
O รื่นรมย์ กับรูปองค์ .. ที่ตรงหน้า-
ที่เหลือบตาล้อมขวัญเป็นพันหน
สบเมียงเมิน บังพราง .. ของบางคน
หวานหอมก็ล้อมลนให้ .. อลเวง !
O ยั่วเย้ยแล่นระลอกราวบอกว่า-
จะอยู่ล้อทรมา .. ต่อตา-เพ่ง-
เลือดบนแก้มเรื่ออยู่ .. ควรรู้เอง-
มัวแกลนเกรงอยู่ไย .. นะใจชาย
O อันมณีน้ำวาม .. เนื้องามแสน
ฤๅอาจแทนด้วยแก้ว .. แม้นแววฉาย-
จากเหลี่ยมมุมแสงต่ำ .. ตกรำบาย
จะแค่คล้ายน้ำปลั่ง .. ชั่วครั้งคราว
O จึงมณีน้ำปลั่ง .. ที่ตั้งอยู่-
แค่เพียงดู .. ไม่คืบ เข้าสืบสาว-
เอาแต่งเรือนแหวนประดับ .. ให้วับวาว
หรือ - คืบก้าวเข้าไป .. เพื่อได้รู้ ?
O ยิ้มรับความงดงาม .. ในท่ามกลาง-
การเร้นพรางอารมณ์ .. เฝ้าข่มอยู่
แววตาที่สบตอบ .. คอยลอบดู-
เหมือนคอยเร้าแรงชู้ .. ไม่รู้วาง !
O หรือพบกัน .. จากกรรมชี้นำทิศ
จึงเมื่อพิศยามแรก .. สุดแยกห่าง
หรือรอบบุญแรงกรรมนั้นนำทาง-
ยกก้าวย่างผ่านเงา .. สบเว้าวอน
O โอ นั่น น้ำเนตรพรับ .. แวววับไหว
สื่อส่งให้พร่ำพลอด .. ความออดอ้อน
แล้วค่อยถ่ายคะนึงหา .. รอบอาวรณ์-
ลงสุมซ้อนความรัก .. ให้ปักตรึง
O แต่บัดนั้นจนบัดนี้เท่าที่เป็น
ย่อมบีบเค้นหัวใจแต่ใฝ่ถึง
นาทีนี้แทรกซ้ำลงคำนึง
คือหวานซึ้งซ่านอยู่ไม่รู้แล้ว !



Create Date : 22 พฤษภาคม 2559
Last Update : 13 เมษายน 2566 18:42:58 น. 0 comments
Counter : 4110 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.