Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2559
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 พฤษภาคม 2559
 
All Blogs
 

O อีกไม่นาน .. O








Giovanni Marradi - Tears of Gideon



O เหมือนมือที่แฝงเร้นบีบเค้นลง
ให้รับรู้จำนง .. คอยส่งเสริม
พาอารมณ์เคลื่อนคล้อยจากรอยเดิม
ด้วยการเติมรูปเงา .. รุมเร้าใจ
O เกิดขึ้นเมื่อดวงวันในชั้นสรวง-
ค่อยโชนช่วงงามระยับขึ้นขับไข
หรือแต่เลือดอุ่นเนื้อ, สายเยื่อใย-
ค่อยแผ่ซ่านวนไหวอยู่ในทรวง ?
O นัยคำผู้ออดอ้อน-แสนอ่อนโยน
ค่อยถ่ายโอนผ่านให้ .. อาลัยหวง
ตรึงรูปรอยสุมสั่งใจทั้งดวง
ก่อนลามล่วงบีบคั้น .. คอยบัญชา
O เกิดขึ้นแต่เมื่อใด .. เยื่อใยนั้น ?
จนผูกพันเฝ้าคอยละห้อยหา
รับหอมหวานซาบซึ้งลงตรึงตรา-
ลงหัวใจเหว่ว้า .. แต่ครานั้น
O อยู่ท่ามกลางปริศนา .. นัยน์ตาซ่อน-
แววอาวรณ์อาลัยที่ไหวสั่น
ในคาบกาลห้อมเห่ .. ลมเหมันต์
แววไหวหวั่นซ่อนเร้นก็เห็นรอย
O กลางแสงแดดอบอุ่น .. หอมกรุ่นนั้น-
คล้ายสุดกั้นกีดแล้ว, จากแผ่วค่อย-
ตราตรึงลงสั่งทรวง .. ให้ห่วงคอย
ผ่านคำถ้อยพรรณนา .. เผยอารมณ์
O กลางแดดใสแวดล้อม .. พรั่งพร้อมนั้น-
คือช่วงฉันทากาล, กลิ่นมาลย์ฉม
เผยบทขึ้นยอขวัญ .. จากรันทม
ผูกเงื่อนปมอาลัย .. รัดใจนี้
O จากวงรอบใฝ่ฝันแห่งวันผ่าน
จนถึงกาลสมสั่ง .. อีกครั้งที่-
วงรอบความฝันใฝ่และใยดี
ค่อยค่อยคลี่คลุมขวัญ .. เช่นวันวาน
O เคลื่อนวงรอบใฝ่ฝันแห่งวันพรุ่ง
พรากโค้งรุ้งรอบฝันแห่งวันผ่าน
อันจะเคลื่อนรูปคล้อยจากรอยกาล
เหลือหอมหวานโลมไล้หัวใจนี้
O หมายว่ารูปรอยฝันแห่งวันพรุ่ง-
จะเช่นรุ้งงามลออ .. ทอดทอสี
ตอบรับรอบอาลัย .. ด้วยใยดี
จากใจที่แฝงเร้น .. อันเต้นรัว
O คล้ายว่าความในทรวง .. ใคร-ร่วงหล่น
พลิ้วพลิกกลางลมวน .. กลางหม่น-หลัว
ขณะเย็นลมรื่นเหมือนตื่นตัว
โหมเข้ายั่วเย้ยอยู่ .. เหมือนรู้ที
O ว่า-จงเต้นเถิดใจ .. ผู้ไหวหวั่น
หากว่านั่นคือหลัก .. แห่งศักดิ์ศรี
ว่า-จงเต้นเรื่อยไปคอยไหววี-
เอาชาติภพเลือนลี้ไปจากกัน
O อย่ายอมรับว่าใจ .. นั้น-ไหวหวาด
จงยอมคลาดแคล้วไป .. อย่าได้หัน-
มามองความเปลี่ยวเหงาใต้เงาวัน
ที่ย่ำฝันทางเที่ยวอย่างเดียวดาย
O ผ่านแล้ว .. ผ่านเล่า-กี่เงาร่าง-
ผ่านก้าวย่างลำดับ .. ก่อนลับหาย
ยังคงเร้ารุมอยู่ไม่รู้วาย
กับภาพฝันโชนฉายที่ปลายจร
O คล้ายว่าความในทรวง .. ใคร-ร่วงหล่น
พลิ้วพลิกบนแววเต้น .. นัยเร้น-ซ่อน
ใช่ไหม .. เสน่หา .. ความอาวรณ์
เกินสุมซ้อนหลบหลีกได้อีกแล้ว !
O ปล่อยเถิด .. ความในทรวงให้ร่วงหล่น
ร่วงลงบนเปลี่ยวเหงาอย่างเบา .. แผ่ว
ปล่อยนัยน์ตาอ่อนโยนได้โชนแวว-
ความผ่องแผ้วขับไขจากใจนั้น
O เมื่อสุดกีดกันความที่ลามล่วง
จะเพียงให้โชนช่วงในทรวงนั่น
หรือจะส่งก้อยเรียวมาเกี่ยวกัน
แล้วล่มฝันแฝงเร้น - ให้เป็นจริง ?




 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2559
1 comments
Last Update : 4 มีนาคม 2566 11:27:34 น.
Counter : 4848 Pageviews.

 

อ่านไปเรื่อยๆ ก็เพลิดเพลินดีเหมือนกันค่ะ

 

โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 1 สิงหาคม 2559 13:16:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.