Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
12 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
O คอยเจ้า .. O








Secret Garden - Lament For A Frozen Flower



O ด้วยถ้อยคำนำนัยแห่งใจเจ้า
มารุมเร้าแนบชิด..ด้วยพิสมัย
สุดที่จะแอบซ่อน..อาวรณ์ใคร
จึงหวั่นไหวในอกสะทกสะท้อน
O เจ้าเอยเมื่อ..เผยความก็งามนัก
เข้ากุมกักใจอยู่ไม่รู้ผ่อน
ให้เสพทราบเสน่หา..ให้อาวรณ์
ก็สุดทอนทัดทาน..หอมหวานนั้น
O จำนรรจ์จากหัวใจของใครหนึ่ง
บอกซาบซึ้งพิสมัย...บอกไหวหวั่น
ส่งเว้าวอนผ่านย้ำถ้อยรำพัน
ก็สุดกั้นกีดความ..ที่ลามทรวง
O กำเริบความปรีดิ์เปรมด้วยเขมภาษ-
อันพิลาสพิเราะแสน..จนแหนหวง-
นั้นท่วมทับโถมถั่ง..ใจทั้งดวง
จนสุดล่วงพ้นผ่าน..หอมหวานนี้
O เสียงออดอ้อน..ซ้อนซ้ำถ้อยคำรัก
ก็จำหลักลงทรวง..เช่นบ่วงที่-
ผูกล่ามร้อยรัดรึง..คำนึง-มี
ให้ยินดี..ห่วงเห็นไม่เว้นวาย
O ลมอุสุมพ้นผ่าน..ไปนานเนิ่น
ให้เพลิดเพลินบทนิยามแห่งความหมาย
จนวสันต์หม่นคล้ำ..เข้ากล้ำกราย
ฟ้าพร่างพรายระเริงเต้น..ด้วยเส้นไฟ
O จึงร้อยเรียงคำพากย์..นี้ฝากสู่
เพื่อรับรู้..งามนั้นว่าสั่นไหว
เช่นวิชชุประภาพแผ่..เห็นแต่ไกล
คอยขับไขงามสรรพให้รับรู้
O ผ่านอักษรตอนคำมาย้ำจิต
บำบวงฤทธิ์แห่งอิฏฐาให้มาสู่
ผ่านรสความ..รสคำ..ความดำรู-
จะชื่นชูปฏิพัทธ์..รุมรัดใจ
O หอมหวานในความหวังจะปลั่งปลาบ
จะแทรกซาบซึ้งสู่ให้รู้ได้
มนต์แห่งชายจะเหนี่ยวหน่วง..ความห่วงใย
จนวาบไหววนเวียน...สุดเปลี่ยนแปลง
O โอมเทพ..พึงสดับถ้อยลูกร้อยร่ำ
ช่วยเสกซ้ำรำบาย..ความหน่ายแหนง
แทรกสุจริตคมคำลูกสำแดง
เถิด..ถ้วนแหล่งฟากฟ้า..จงอย่าเมิน
O สำทับให้อย่าสิ้น..ถวิลหา..
ร่วมพร่ำพร้องเจตนา...เถิด-อย่าเขิน
ให้เสน่หาก่อระลอกเข้าหยอกเอิน
ร่วมเพลิดเพลินอภิรมย์ที่สมยอม
O คอยเจ้า..เช่นกระต่ายที่หมายจันทร์
เพียงจะปันแสงปลั่ง..ร่วมหลั่งหลอม
เช่นหยาดฝนชื่นล้ำ..ได้ด่ำดอม
หยาดลงล้อมอุระผืนให้ชื่นเย็น
O จัก..รอคอยเช่นนั้นนิรันดร์อยู่
ด้วยหัวใจชื่นชู..ให้รู้เห็น
มองเถิด..ให้ทั่วถ้วน..อย่างควรเป็น
ใจจะเต้น..สั่นอยู่ ไม่รู้ยาม !



Create Date : 12 กรกฎาคม 2557
Last Update : 18 เมษายน 2566 12:10:09 น. 5 comments
Counter : 3145 Pageviews.

 
ดายุ...

ขึ้นกลอน ก็ไพเราะเหลือเกิน..
อ่านแล้ว"มีสัมผัส"เลยว่า..
คั้นความ คั้นคำ...ออกมาจากขั้วหัวใจ

"O ด้วยถ้อยคำนำนัยแห่งใจเจ้า
มารุมเร้าแนบชิด..ด้วยพิสมัย
สุดที่จะแอบซ่อน..อาวรณ์ใคร
จึงหวั่นไหวในอกสะทกสะท้อน"

ว่าแต่ว่าทำไมมินตราจึงได้สิทธิพิเศษ ..
โดนตรวจคำ ตรวจความ..ที่โพสทุกครั้งนะ



โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 12 กรกฎาคม 2557 เวลา:14:58:34 น.  

 
มินตรา ..

กำลังจะพูดอยู่พอดี เรื่อง IP address ไปซ้ำกับพวกแอบมาปล่อยโฆษณาในบล็อค ..

เป็นพวกฝรั่งต่างชาติ พูดสนทนากันไปมาแนะนำเวปไซด์ แต่ไม่มีเนื้อหาอะไรต่อเนื่องกันต่างคนต่างมาโพสต์ ลบไปหลายครั้งแล้วยังมาอีก .. ก็เลยต้อง ban IP .. คราวนี้ก็ติดแบนทุกครั้งที่มาโพสต์ และลบง่ายดี ทีเดียวยกล๊อต

ปัญหาคือ IP มินตราไปเหมือนกับของคนหนึ่งที่มาเข้าโพสต์โฆษณา จึงติดทุกครั้ง

เข้าใจว่าที่ยุโรปจะเป็น fix IP ทำให้มาทุกครั้งเป็น IP เดิม

หวังว่าคงเข้าใจนะครับ

บทนี้สำหรับสาวน้อยที่รอคอยกันมาข้ามภพข้ามชาติ .. ขอรับ (เชื่อไหม)


โดย: สดายุ... วันที่: 12 กรกฎาคม 2557 เวลา:18:11:28 น.  

 
ดายุ..

เชื่อซิคะ เรื่องข้ามภพ ข้ามชาติ นี่..
ก็ตอนเด็กเด็กชอบฟังนิทานชาดก..เรื่องราวการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ก่อนที่จะตรัสรู้ธรรมเป็นพระพุทธเจ้า.
ว่ากันว่า พระพุทธองค์ ทรงเล่าเรื่องราวเองเพื่อประกอบในการสอนทฤษฎี ที่ทรงค้นพบ...

แม้นว่าหัวใจศาสนา จะเป็นสัจจะทั้ง 4ของอารยัน
พระพุทธองค์เป็นชาวอารยันนี่..ย่อมรับแนวคิดนี้ อยู่แล้ว

แต่อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ซึ่งเป็นพื้นฐานความเชื่อ ของพลเมืองในสมัยนั้น ก็ยังช่วยในการต่อยอดการสอนให้รับประสพการณ์ใหม่ที่ทรงนำมาเสนอ ได้..

ดายุ..
สตรีไทยจะไม่ทำความรู้จักและสนิทกับคนแปลกหน้าที่ตนไม่รู้จักตน..ใช่ไหมเอ่ย..
โดยเฉพาะ ในสมัยที่เล่นเวปไซด์กันนี่..

ต่างคนต่างฝัน ต่างคนตื้นตันทรวงใน...555





โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 13 กรกฎาคม 2557 เวลา:5:44:40 น.  

 
มินตรา ..

ปัญญาชนตะวันตกต่างยอมรับพุทธศาสนาในแง่ของเหตุและผลมากที่สุดอย่างไม่มีข้อสงสัย .. ท่ามกลางบริบทของหลักศรัทธาที่ครอบคลุมดินแดนยุโรป

พระพุทธองค์ก็เหมือนปัญญาชนแห่งชมพูทวีปนั่นเองในยุคพุทธกาล ที่เจาะเปลือกไข่แห่ง "หลักศรัทธายึดมั่นถือมั่น" อันครอบคลุมสังคมอารยันในชมพูทวีปตอนเหนืออยู่หนาแน่น พร้อมๆกับมหาวีระของไชนะ เพื่อประกาศหลักสัจจะท้าทายยุคสมัย

เพียงแต่แนวคิดที่ ยากและลึกซึ้ง มักเข้าใจได้ยากในหมู่ชนทั่วไป จึงไม่อาจแพร่หลายตั้งมั่นอยู่ได้นานนัก

อยากจะพูดว่า หลักปัญญา นั้นยากและลึกซึ้ง
และหลักศรัทธา นั้นง่ายและไม่ซับซ้อนต่อกระบวนความคิดใคร่ครวญนัก

หากจะแบ่งชนในโลก เหมือนเด็กในห้องเรียนหนึ่งๆ ..
ที่ได้เกรด A ย่อมมีไม่มากนัก ที่ไม่ว่าครูจะสอนวิชาการด้านอะไรมักรับไว้ได้หมด สมองความใคร่ครวญเหมือนกะละมังใบใหญ่

และเกรด B C ย่อมีมากที่สุดตามสัดส่วน อันไม่อาจสอนวิชาการที่ซับซ้อน ลึกซึ้งมากเกินไป เพราะจะเข้าใจไม่ได้ อันสมองความใคร่ครวญมีขีดจำกัดเหมือนแก้วน้ำใบเล็ก

ส่วน D F ย่อมไม่อาจใช้สมองในส่วนใคร่ครวญเรื่องราวที่ลึกซึ้งซับซ้อนได้ มีจำนวนพอๆกับ A แต่เป็นด้านตรงข้าม คือระดับเครื่องรางของขลัง อันไม่ต้องพูดถึงข้อธรรมใดๆ

ศาสนาแห่งปัญญาย่อมต้องใช้สมองระดับ A ถึงจะต้องจริตอย่างสอดคล้องต้องกัน

ส่วนหลักศรัทธานั้นแค่ B C ก็ได้แล้ว

จำนวนเด็กในห้องได้ B C แค่ไหน ชนบนโลกก็รับหลักศรัทธาได้ในสัดส่วนแบบนั้น

จำนวนเด็กในห้องได้ A แค่ไหน ชนบนโลกก็รับหลักปัญญาได้ในสัดส่วนแบบนั้น เช่นเดียวกัน

.
.

ส่วนเรื่องสตรีไทยจะทำความรู้จักชายแปลกหน้าในโลกอินเตอร์เนตหรือไม่นั้น

1. ต้องดูว่าชายแปลกหน้านั้นมีจริต และกระบวนทัศน์ต่อโลกเป็นอย่างไร ?
2. "ความแปลกหน้า" นั้นๆ ดำรงอยู่กับสตรีไทยผู้นั้นมานานแค่ไหนแล้ว ?
3. และเหตุใด "ความแปลกหน้า" จึงมิอาจพัฒนาไปสู่ "ความคุ้นเคยรู้จัก" ได้ ? ..

แปลว่ามันเป็นปัญหาของ สตรีไทยผู้นั้นเองในจริต แห่งกระบวนทัศน์ที่มองโลก ..หรือปัญหาของ "ชายแปลกหน้า" ที่ไม่สามารถสร้างความคุ้นเคย รู้จักได้ดีพอ ?


โดย: สดายุ... วันที่: 13 กรกฎาคม 2557 เวลา:10:58:51 น.  

 
ดายุ..

๑. ปัญหาของ สตรีไทยผู้นั้นเองในจริต แห่งกระบวนทัศน์ที่มองโลก ..หรือ
๒.ปัญหาของ "ชายแปลกหน้า" ที่ไม่สามารถสร้างความคุ้นเคย รู้จักได้ดีพอ ?

จะมา lady first ได้ไงคะ..
ต้อง gentleman before ซิ..ไม่มีความสามารถพอ!555


โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 13 กรกฎาคม 2557 เวลา:18:04:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.