Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
17 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
O รูปนามนั้น .. O








Secret Garden - Poéme



-1-
O หมอกเช้า .. หม่นมัวคลุมทั่วถิ่น
ลดามาลย์ลมรินอวยกลิ่นหอม
เหลืองแสดแดงช้อยช่อดั่งรอดอม-
รสหวานล้อมภุมรินให้บินวน
O ภาพที่สูง .. หลากสีมาลีล้อม
โอนกลิ่นหอมห้อมเห่ห้วงเวหน
ภาพในตาพักตร์ละม่อมก็ล้อมลน
พาอกใจดิ้นรนอยู่อลเวง
O หนาวลมร่ำโลมขวัญ .. ลูบพรรณพุ่ม
ผ่านความหมายเร้ารุมเข้ากุมเหง
หวานใดหนอซ่านสู่ .. ไม่รู้เกรง-
การรุดเร่งอาลัยอกใจนี้
O อีกครั้งและอีกคราว .. อีกหนาวเหน็บ
เอื้อมกอปรเก็บหอมหวานสุมาลย์สี
อีกครั้งแห่งน้ำใจและไมตรี
จะค่อยรี่ไหลระลอกเผยออกตา
O กลางหมอกขาว .. หนาวลมที่พรมพร่ำ
มีถ้อยคำผู้คอยละห้อยหา
ฝากลมหนาวกล่อมใจผู้ไกลตา
ปรารถนาถวิลเห็น .. ไม่เว้นวาย
O เต็มตื้นทั้งหมื่นแสนความแหนหวง
เช่นพันแสงลอยดวงขึ้นช่วงฉาย
ถนอมเถิดอาวรณ์อย่าผ่อนคลาย
เก็บไว้รอรำร่ายเมื่อปลายวัน
O ให้โลกรู้ผูกพันแสนบรรเจิด
ที่ค่อยค่อยก่อเกิด .. ว่าเฉิดฉัน
เพื่อเร่งรอบหมุนวน .. ให้คนพัน-
ธนาการใจนั้นจนมั่นคง
O และเพื่อว่าคืนวันที่ผันเปลี่ยน
หรือวกเวียนเยี่ยงไร .. ก็ไม่หลง
จะเพ็ญแรมแต้มจันทร์กี่พันวง
ยังจำนงจำเนียรไม่เปลี่ยนแปลง
O สูรย์พร่างพร้อยลอยฟ้า .. จนตาพรับ
จันทร์ร้างดวงล่วงลับ .. จนดับแสง
นัยแห่งรอบอาวรณ์ยังร้อนแรง
คอยแต้มแต่งพร่างแพร้วลงแววตา
O ถวิลแรงปรารถนาในตาเจ้า
จะยังคงรูปเงาที่เฝ้าหา
ไว้เติมแต่งมุ่งมั่นลงสัญญา
พันธนาผูกไว้อย่าได้เลือน
O รูปเอย ความโดดเดี่ยว .. ในเที่ยวทาง-
ด้วยก้าวย่างคู่เคียง .. อาจเบี่ยงเคลื่อน-
จนย่ำเหยียบพรหมลิขิตให้บิดเบือน
พร้อมแล่นเลื่อนเสน่หา .. ร่วมปรารมภ์
O รูปเอย รูปนาม .. ผู้งามแม้น-
รูปทิพแถน, รายล้อม .. เข้าห้อมห่ม-
เสริมจิตานุภาพ .. ให้ปลาบคม
เพื่อตัดข่มพรหมลิขิต .. ลงลิดรอน
O หมอกเช้า .. เข้าสายก็หายสิ้น
เทียบ-หอมมาลย์รวยริน .. แอบกลิ่นซ่อน
ย่อมเพียงรูปนามเจ้า .. ที่เว้าวอน-
เผยออดอ้อนหวานล้ำ .. แนบ-คำนึง !

-2-
O หอมรสรื่นรวยริน .. ของกลิ่นโมก
รำบายโบกแผ่วเบา .. รุมเร้าถึง
รูปพิมพ์พักตร์เพรียกสิทธิ์ .. ลงติดตรึง-
ความหวานซึ้ง, ห่วงละห้อย .. เกินปล่อยวาง
O ลิบลิบกระพริบช่วงแห่งปวงดาว
ก็ดูราววิบไหว .. แสนไกลห่าง-
จากโลกหล้า, เปลื้องปรุงแสงรุ่งราง-
คงอยู่ค้างฟ้าทะมื่นในคืนแรม
O ลิบลิบดารดาษดวง .. ในสรวงฟ้า
เช่นนัยน์ตาวามแสงเมื่อแต่งแต้ม-
ด้วยรูปรอยรอบอุทธัจ .. รำบัด-แกม
คาบนั้นแซมสอดหมาย .. รำบายความ
O เพียงแสงช่วงปวงดาว .. เห็นวาววับ
งามอันเห็นระยิบระยับ .. หรือดับ-ห้าม ?
โลกทั้งดวงดูเหมือน .. จะเลื่อนตาม
และอบอุ่นวาบหวาม .. คล้ายลามลน
O จึงน้อมรับระยับช่วง .. แห่งดวงดาว
อันวาบวาวปลาบปลั่งอีกครั้งหน
ความอ่อนหวานอ่อนไหวแห่งใจคน
ราวโซ่ตรวนพันวน .. เกินด้นดึง
O ระทึกและสั่นไหว .. อกใครหนอ-
หลังเติมต่ออาลัยส่งไปถึง
ร่วมครอบครองคุณค่าอันตราตรึง
เสพหวานซึ้งซ้ำอยู่ไม่รู้เลือน
O นึก-ระทึกวาบหวิวจนริ้วแก้ม-
ราวเกลี่ยแกมเลือดฝาดเข้าปาดเปื้อน-
เพื่ออยู่รอ-สายตา .. ผ่านมาเยือน
รอ-ด้วยใจสั่นสะเทื้อนสะทกสะท้าน
O เลือดในอกผู้รอ .. เมื่อหล่อเลี้ยง
อบอุ่นย่อมเหลือเพียง .. ลำเลียงผ่าน
ขัดเขินสักเพียงใด .. หนอใจคราญ
ฤๅซึ้งซ่านเพียงไหน .. หนอใจคน
O ชั่วเคลิ้มคิดคล้อยตาม .. กับความว่า-
อาจ-วุ่นว้านัยศัพท์ .. ที่สับสน-
บางความหมายหยิบยก .. ย่อมวก-วน
เพื่อแฝงนัยให้คนวก-วนคิด
O ชั่วเคลิ้มคิดคล้อยตาม .. ถ้อยความสื่อ
ตรองเถิดหรือ .. ความปวงจากดวงจิต-
ล้วนเร่งรอบอาลัย .. มาใกล้ชิด
เพื่อถือสิทธิ์ปักปลูกความผูกพัน
O แม้นหนทางขวางกั้น .. ด้วยอรรณพ
อาจบรรจบด้วยใคร .. แต่ในฝัน
ยังยอมอยู่เปล่าเปลี่ยว .. ใต้เสี้ยวจันทร์
ด้วยใจหนึ่งใจนั้น .. ดื้อรั้น-คอย
O ดึกสงัดพราวพร่าง .. น้ำค้างหยด
ลมตอบบท .. แขเปลื้องแสงเงื่องหงอย
แรงคำนึงโชนช่วง .. ใจล่วง-ลอย
ถึงรูปรอยพักตร์พิไล .. ผู้ไกลตา
O ในฝัน .. ฝันว่าฝน .. ร่วงหล่นสาย
เนื้อ, อุ่นอาย, อ้อมแขน .. ที่แม้นว่า-
หากโลกนี้แหลกยับไปกับตา
ยอม-ชีวาดับล่วง .. กับทรวงนั้น !



Create Date : 17 ตุลาคม 2556
Last Update : 30 เมษายน 2566 10:57:20 น. 3 comments
Counter : 3657 Pageviews.

 

^^

เด๋วค่อยมาแปลไทยเป็นไทย อิอิ

ฝนตกทั้งวันทั้งคืนเลย หมดฝนคราวนี้คงหนาวแล้ว

ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: น้องเล็ก IP: 118.172.105.170 วันที่: 18 ตุลาคม 2556 เวลา:8:31:11 น.  

 
ตัวน้อย

ฝนตกทั้งคืน ..
แผ่วกระซิบ - พาตื่นทั้งคืนค่ำ
อย่างแผ่วเบาฝ่ายาม - ล้วน .. ความ, คำ-
แข่งสายฝนรื่นฉ่ำ - ซ้ำซ้ำเม็ด

ฝนตก .. พาอกตื่น
เก็บซับรื่นรมย์อยู่ไม่รู้เสร็จ
ฝนหล่นสายหยาดย้อยดั่งสร้อยเพชร-
หล่นลงเล็ดลอดเลศ .. ผ่านเนตรนั้น


โดย: สดายุ IP: 118.172.104.136 วันที่: 18 ตุลาคม 2556 เวลา:11:54:21 น.  

 
มาร่วมร่ำกลิ่นมาลัยครับ


โดย: เดียวดาย ตะวันออก วันที่: 21 ตุลาคม 2556 เวลา:0:31:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.