O คำนึง .. O
Ernesto Cortazar - El Dia Que Me Quieras
O โปรยปรายลงลูบหล้า .. วรรษาสมัย- ฝ่าพุ่มใบกิ่งก้านดอกมาลย์หอม ละอองรื่นรดริน .. ให้ยินยอม- แยกกลีบน้อมเกสร .. ออดอ้อนน้ำ O คำนึงกลางฝุ่นฝนที่หล่นร่วง เย็นจากสรวงโลมสิ้นแผ่นดินต่ำ รูปจริต, งดงามแห่งนามธรรม- คล้ายแอบออลมร่ำ .. ช่วยรำเพย O เกลื่อนหยาดเม็ดเกล็ดแก้วเห็นแวววับ เหมือนเนตรพรับพริ้มชม้อย ที่ค่อยเผย- อิริยาละเมียดละมุนให้คุ้นเคย- เข้าชิดเชยอารมณ์ .. ให้สมยอม O ฝุ่นฝนปรอย ลอยฟ่อง, เนตรมอง-หลบ เหนี่ยวชาติภพพ้องพานด้วยหวานหอม ภู่เมื่อต้องคันธะรส .. ฤาอดออม- การแนบน้อมมธุรสเป็นบทเดียว ! O จึง-รูปนาม, จักษุ .. บรรลุรู้- นัย-สื่อสู่ .. ตื่นตอบ, การลอบเหลียว ค่อยเปลี่ยนนัยแฝงเร้น .. จนเป็นเกลียว- ฟั่นยึดเหนี่ยวรัดพันคู่กันไป O จึง-รูปนาม, จักขุ .. ทำนุเหตุ กอปรเอาเลศเพทนาขึ้นอาศัย กลางลมร่ำรื่นหา, แรงอาลัย- ค่อยค่อยไหววาบวับให้รับรอง O แม้นฝุ่นฝนเหน็บหนาวยังพราวพร่าง หากความอ้างว้างเหมือนจะเลือนล่อง เมื่อนามธรรม, เบญจขันธ์เริ่มครรลอง- การพร่ำพร้องครวญคะนึงจดถึงกัน O ความอบอุ่นละมุนนั้นย่อมครันครบ หลังชาติภพเลื่อนรอบ .. ลงครอบขวัญ หรือฝุ่นฝนล้อมเห่ จากเทวัญ- ใช้มนต์บัญชาการด้วยมารยา O เหมือน-บัดนั้นจนบัดนี้ ณ ที่ใจ- ถูกสาปให้เฝ้าคอยละห้อยหา เพื่ออ่อนหวานลึกซึ้งได้ตรึงตรา- ด้วยรูปลักษณ์แววตาเกินฝ่าแล้ว O เม็ดฝนยังหล่นสายรำบายโบก ลมแห่งโลกเลื่อนริ้วยังพลิ้วแผ่ว เมื่อทั้งรูปทั้งนามยังวามแวว งามผ่องแผ้วไปทั่ว-เนื้อหัวใจ O ชวาลวชิระเลื้อยแสงเฟื้อยฟาด เมื่อภพชาติดาลรูปขึ้นวูบไหว รับรู้ในชั่ววูบว่ารูปใคร- โถมลงในจินตนาให้อาวรณ์ O วาบวับแสงบนฟ้า, แววตานั่น- คล้ายไหวสั่น .. ถ่ายทอด ความออดอ้อน ลมยังแผ่ว .. ยังพลิ้วเป็นริ้วตอน เมื่อสุดถอนเพทนา .. ที่บ่าลง O วาบวับแสงบนฟ้า, ทีท่านั้น- เยี่ยงเผ่าพันธุ์แห่งยูงผู้สูงส่ง สุวภาพขาบเขียวแห่งเรียวรงค์- เพียงนัยบ่งบอกแล้ว .. ด้วยแววตา O ระยิบเอยดาวพร่าง .. ที่กลางฝน เหมือนเผยรอยลิ่วหล่น .. ให้ค้นหา ดาวสองดวงช่วงอยู่ไม่รู้ลา ท่ามกลางราตรีหนาวที่เร้ารุม O น้ำหล่นเม็ดกลางพลบ, เสียงกบร้อง- ราวแซ่ซ้องค่ำคืน .. อันชื่น-ชุ่ม พร้อมแววตาตื่นตอบ .. ผ่าน-ครอบคลุม- เพรียกรอบสุมนัสรู้ .. เข้าจู่โจม O ดูเอาเถิด .. รูปนามผู้ทรามสวาท- เหนี่ยวภพชาติจบจูบด้วยรูปโฉม กี่จักขุวิญญาณเมื่อผ่านโลม อาจหยุดโสมนัสช่วง .. กลางห้วงใจ ? O หรือเพื่อมาบรรจบด้วยภพชาติ ตามคำภาษสัตย์ปวงเคยบวงไหว้ จึงเลื่อนล้อมรอยร่างทุกย่างไป เฝ้าแต่คอยอาลัย .. อยู่ไม่วาง O หรือคำมั่นสัญญาแต่ครานั้น จักสำทับลงมั่น..เกินกั้นขวาง- ให้ความเหงาโดดเดี่ยวในเที่ยวทาง- หลีกลี้ห่างรูปเงา .. ทุกก้าวเดิน O จึงพารูปนามฝันมาผันร่าง ย่ำรอยทางปฏิพัทธ์ .. อย่างขัดเขิน จนเมื่อสบความคำ .. ก็จำเริญ- การหยอกเอินอาลัยที่ในทรวง O วิชชุแล่นเลื่อนสาย .. ที่ปลายฟ้า แววในตา .. รูปเอยหรือเคยล่วง- ลับเช่นฟ้าครวญคร่ำ .. เมื่อคำบวง- นั้นคอยหน่วงเหนี่ยวคำ .. ลงนำทาง O หรือคำบนบอกสรวง .. เคยบวงเซ่น คอยบีบคั้นบีบเค้นไม่เว้นว่าง ให้แต่คอยละห้อยเห็นไม่เว้นวาง ขอรูปคราญเคียงข้างอย่าห่างเลย O ฝนร้างหยาดสิ้นหยดไปหมดฟ้า ลมผ่านมาเย็นเยียบ, แววเรียบเฉย- ของนัยน์ตาหวงชู้ .. ก็รู้เชย- ชม .. รูปนามยั่วเย้ยอย่างเคยตัว O เผยรูปนามบรรจบด้วยภพชาติ ยอสวาดิโหมระลอกขึ้นหยอกยั่ว แล้วหัวใจใครกัน .. ที่สั่นรัว- กับเพียงชั่วครู่ยาม .. วาบหวามนั้น O รู้หรือไม่ใครกัน .. เจ้าขวัญน้อย ที่ต้องคอยอาลัย .. คอยไหวหวั่น ทุกพจน์พากย์ความคำ .. ร้อยรำพัน- เพื่อครองขวัญเจ้าไว้ .. อยู่ในมือ !
Create Date : 14 กันยายน 2559 |
Last Update : 14 เมษายน 2566 11:21:41 น. |
|
9 comments
|
Counter : 3817 Pageviews. |
|
|
|
"O หรือคำมั่นสัญญาแต่ครานั้น
จักสำทับลงมั่น..เกินกั้นขวาง-
ให้ความเหงาโดดเดี่ยวในเที่ยวทาง-
หลีกลี้ห่างรูปเงา .. ทุกก้าวเดิน
O จึงพารูปนามฝันมาผันร่าง
ย่ำรอยทางปฏิพัทธ์ .. อย่างขัดเขิน
จนเมื่อสบความคำ .. ก็จำเริญ-
การหยอกเอินอาลัยที่ในทรวง "
บทนี้ เป็นเสมือนภาพถ่ายเหตุการณ์ นะ สดายุ
คงมีใครเกรงใครจะรู้สึกว่าถูกทิ้งขว้างอยู่คนเดียว
โดยไร้ทิศทาง กระมัง .." จึงพารูปนามฝันมาผันร่าง"
เป็นบทกลอนที่บันทึกภาพจริง ใช่ไหมคะ