O สิ้นเยื่อใย .. O
ชัยภัค ภัทรจินดา - ลาวคำหอม
O เมื่อคืนคำ .. จุดหมายมาป่ายปัด ย่อมแจ่มชัด .. เกินเปรียบ .. ถูกเหยียบย่ำ หลงสร้างภาพสุดแก้เปลี่ยนแปร .. กรรม ใจเอยจำเถิดว่า .. จักลาร้าง O เป็นชายที่มีรัก .. มีศักดิ์ศรี จึงแต่นี้ใจหนอ .. จักขอห่าง จักอยู่ไกลรูปเห็น .. ทุกเส้นทาง ขอเหยียบย่าง .. ทางเที่ยวอย่างเดียวดาย O คลี่คลายความผูกพันแต่วันก่อน ตราบชีพมรณ์ดับดิ้น .. ลมสิ้นสาย จักขอร้างลาไกลทั้งใจกาย สิ้นสุดสายเยื่อใย .. หัวใจมี O จำต้องลา .. ใจเอย .. แม้นเคยรัก หากด้วยความแน่นหนัก .. แห่งศักดิ์ศรี เยื่อใยจำต้องตัดเอาบัดพลี ความภักดีด้านในหัวใจชาย O คงเหมือนหมอก, น้ำค้าง .. ตอนสางตรู่ แดดทอดสู่หม่นพรางก็จางหาย ก่อนหยาดเพชรแพรผืนถูกกลืนกลาย ค่อยค่อยร้างระเหยหาย .. กับสายลม O ฉ่ำชื้นบนยอดหญ้า .. ค่อยพร่าเลือน สิ้นดาวเดือน, งามระยับ-ย่อมลับล่ม งามเอย .. งามละม่อมเคยจ่อมจม มาจะล้มลงวายเมื่อปลายคืน O ระเหิดระเหย-ร้าง .. น้ำค้างหยาด ก่อน .. บำราศดินแดนทั้งแผ่นผืน ระเหยห่างหว่างพลบ .. จนกลบกลืน- คือหยาดน้ำใจรื่น .. เคยตื่นรับ O ฤๅจะเช่นน้ำค้าง .. ตอนสางรุ่ง เพียงเรื่อรุ้งแสงพลอดก็มอดดับ สิ้นผกายเกล็ดแก้วเคยแวววับ เหลือหม่นหมองโจมจับ .. ลำดับนั้น O ลมอุษาพลิ้วผ่าน .. ฝ่าลานหญ้า เมื่อรูปรอยคุณค่าเริ่มพร่า-สั่น จะเริดร้างรูปตระการแห่งวานวัน เพื่อจะตรึงติดมั่น .. ในสัญญา O เสียงวิหคครวญคร่ำ .. ลมร่ำสาย เมื่อใจคล้ายเหม่อลอยละห้อยหา ราวอกใจคร่ำครวญ .. เมื่อจวนลา แต่นี้จักเหว่ว้า .. จนกว่าวาย O สะทกสะท้อนใน .. หัวใจนี้ เมื่อภาพที่ใฝ่ฝันจะพลันหาย มาจะเลือนลับไปทั้งใจกาย เหลือเพียงสายเยื่อใย .. หัวใจมี O ดูเถิดวันคล้อยดวง .. ใกล้ล่วงลับ เหงาก็จับแน่นในหัวใจที่- โหยหารูปอาลัย .. ผู้ใยดี กับไมตรีเคยมอบ-รับตอบกัน O จะรุมเร้าความย้อน .. ครั้งก่อนกี้ กับรูปที่อกอ้อม .. เคยกล่อมขวัญ สองแขนโอบกอดเนื้อ .. อุ่นเนื้อ .. ปัน- ความผูกพัน .. เอมอิ่ม .. ให้ลิ้มรส O ลำดวนเอ๋ย .. เมื่อพรากไปจากถิ่น แม้น-กรุ่นหอมรวยริน .. คงสิ้นบท หาก-แรงฤทธิ์พิสวาดิ .. ฤๅอาจลด อันอาจปลดปลงหวังลงทั้งเป็น O ดูเถิด .. หมอก, น้ำค้าง .. ตอนสางตรู่ แดดทอดสู่โลมต้อง .. ก็มองเห็น- หยดหยาดเพชรเป็นระเบียบ .. กลางเยียบเย็น ย่อมจักเร้นเลือนสลาย .. กับสายลม O ดูเอาเถิด .. อกใจที่ไห้หวน รับรู้ส่วนเช้าชื่นด้วยขื่นขม ลำดับเรื่องบีบคั้นให้รันทม- ก็ห้อมห่มโอบเอื้อ .. เป็นเนื้อเดียว
Create Date : 01 กันยายน 2559 |
|
8 comments |
Last Update : 8 กรกฎาคม 2566 20:05:56 น. |
Counter : 1128 Pageviews. |
|
|
|
"O คือ .. ภาพความสัมพันธ์ในวันพรุ่ง
งามเยี่ยงรุ้ง .. อำพนที่บนสรวง
หวัง .. แววออดอ้อนไหวที่ในดวง-
ตาคู่หวงแหนนั้น .. คอย-บัญชา
O คอยขอบฟ้าไกลลิบ .. กระพริบให้-
ผู้มีใจเฝ้าคอยละห้อยหา
ผ่านค่ำดึกคืนฝน .. ด้วยมนตรา-
เสน่หาแห่งชู้ .. มอบสู่กัน ! "
เมื่อเยี่ยงนี้แล้ว "รูปพิไลผู้ไกลตา" และ "รูปสุรางค์ที่กลางใจ" จะใจจืดใจดำ ไม่ร่วมร่างสร้าง "สายรุ้ง" ได้ไงนะ..
มินตรา เห็นกลอนตั้งแต่นั่งประชุมแล้วแต่ใน เวลาประชุมนั้นมีการเตือนผ่านอินเตอร์เนตว่าให้ใช้ เนตเฉพาะ เรื่องเนื้อหาทางวิชาการเท่านั้น เลยโพสต์ไม่ได้
ตอน Conference Dinner บนดาษฟ้าตึกท่าเรือในเยอรมัน
มีโอกาสได้สนทนากับ อดีตนายพลทหารเรือซึ่งเพิ่งปลดเกษียณ และ เพิ่ง เข้ามารับตำแหน่งบริหารใหม่ทางวิชาพานิชย์นาวี ในไทย
ท่านบอกว่า เป็น"ลูกศิษย์"คุณจักรภพผู้ทำงานช่วยเหลือทางวิชาการให้แก่กองทัพมาเป็นเวลานาน
แถมยังบอกว่า นายพลในกองทัพไทยทุกคนต้องผ่านการฝึกอบรม กับ คุณจักรภพก่อนเป็นนายพลทุกคน..
ยิ่งใหญ่มาก!
ฟังแล้ว เสียดายบุคลากรไทยเยี่ยงนี้ นัก...
ท่านนายพลบอกว่าหากคนอย่างคุณจักรภพ ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์
วิเคราะห์สถานะการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ ไม่ออก ก็มิใช่คุณจักรภพแล้ว !
ดายุคิดยังไง หากมินตราจะชวนใครมา
โลกสดใสใน "งามเยี่ยงรุ้ง .. อำพนที่บนสรวง"
แบบสดายุบ้าง
เพียงแค่ "คอยขอบฟ้าไกลลิบ .. กระพริบให้-" เท่านั้น
ใช่ไหม...
จะมีใครส่งสัญญาน .." กระพริบให้-" ไหม