Group Blog
 
<<
เมษายน 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
25 เมษายน 2558
 
All Blogs
 
O รูปธรรมในคำนึง .. O








Ernesto Cortazar - At The End Of The Horizon



O ชื่นเช้าด้วยสายหมอกและดอกไม้
น้ำค้างหยาดหยดใส .. ลมไหวผ่าน
โคมบนฟ้าซีดดวง .. รอล่วงกาล
เพื่อเปิดม่านฟ้าทวง .. รอบดวงวัน
O หอมน้ำค้างพร่างพรม .. ผ่านลมแผ่ว
ราวกลิ่นแก้วโอบล้อม .. เพื่อกล่อมขวัญ
ว่าผู้ที่เฝ้าคะนึงคิดถึงกัน
หัวใจย่อมผูกพัน .. มาดมั่น-คอย
O หอมมวลมาลย์กรุ่นกลิ่นผ่านถิ่นที่
เมื่อลมวีวาดแล้ว .. อย่างแผ่วค่อย
แต่งเจตจินต์โลมลูบ .. บางรูปรอย-
ฟุ้งขึ้นลอยล่องอยู่ .. เคียงคู่ใจ
O เห็นความเอนอ่อนไหวของใบพฤกษ์
เมื่อส่วนลึกอาวรณ์แสนอ่อนไหว
แรงลมร่ำแอบอิง .. ก้านกิ่งใบ
เมื่อหวานซึ้งร่ำไหล .. ผ่านใจคน
O ดารดาษหยาดเพชร .. ดวงเก็จแก้ว
ลมลูบแล้วพลิ้วเกลื่อนกลางเถื่อนหน
เมื่ออาวรณ์โผนผก .. แสนวก-วน
พลิ้วระลอกอึงอล .. เอ่อล้นทรวง
O เมื่อรูปจันทร์เหลืองเย็นต้องเร้นแฝง
ให้พันแสงยอระยับ .. เข้ารับช่วง
จึงรับรู้รอบสว่างที่กลางดวง-
ใจ-ผู้หวงแหน-หวัง .. อีกครั้งครา
O เพียงความเห็นแก่ตัว .. ของหัวใจ
ที่ทุกการสั่นไหว .. คอยไขว่หา-
ความอบอุ่นละมุนละไม .. ของใครมา-
เติมเต็มความปรารถนา .. แห่งอาวรณ์
O เพียงความเห็นแก่ตัว .. เร้ารัว-เร่ง
ด้วยหวั่นเกรง .. พร่ำพลอด .. คำออดอ้อน
จะแผกจากคำบวง .. บางช่วงตอน
เกรงต้องย้อนอ้อนซ้ำ .. อยู่ร่ำไป
O เป็นความเห็นแก่ตัว .. ที่กลัวเกรง-
การกุมเหงแทรกซ้อน .. ด้วยอ่อนไหว
ของอ่อนเยาว์เปล่าเปลี่ยวบางเสี้ยวใจ
จะผ่านให้ซมซาน .. กลับด้านมา
O เหมือนเง้างอนซ่อนคำ .. อยู่ร่ำไร
แฝงอาลัยในฤดี .. ผ่านทีท่า
เคลื่อนน้ำใจเผยแล้ว .. ต่อแววตา
เจ้าเอยรู้ไหมว่า .. ใคร-อาวรณ์ ?
O ใจเอื้อมโอบถ้อยคำ .. เจ้าย้ำสู่
ย่อมรับรู้ความแนบ .. ที่แอบซ่อน
รื่นยิ่งกว่าลมหนาว .. นัยเว้าวอน
นั้นซอกซอนซึมซ่าน .. เกินผ่านพ้น
O เอื้อมโอบรูปจบย้ำ .. ตรง-ก่ำแก้ม
พร้อมแตะแต้มดาวช่วง .. ให้ร่วง-หล่น-
ลงสู่มือใครหนึ่ง ที่อึงอล
สิ้นสุดการดิ้นรน .. ตลอดไป
O ผ่านรูปคำ .. เสน่หาผู้อาวรณ์
ที่ค่อยเผยช่วงตอน .. ความอ่อนไหว
จินตภาพคาบนี้ .. จะมีใคร-
แนบทรวงให้ .. ถวิลอยู่แต่ผู้เดียว ?
O เผยรูปกรองผ่านเรื่องอยู่เบื้องหน้า
ย่อมเพื่อบางแววตา .. ละล้าเหลียว
และหัวใจ .. วุ่นวาย .. ด้วยสายเกลียว-
เยื่อใยเหนี่ยวโน้มรัด .. เกินตัดรอน
O เพื่อว่าสายเยื่อใย .. จากใจหนึ่ง
จะผูกตรึงรัดปลาย .. เกินถ่าย .. ถอน
รำพันกรองจักเฝ้าคอยเว้าวอน
ฟังเถิดอ่อนน้อย-คำ .. พี่รำพึง
O เพื่อใจที่อ่อนโยน .. จักโผนผก-
กับสาธกความนัยส่งไปถึง
ดาลอาวรณ์ลึกล้ำแนบคำนึง
ดลหวานซึ้งเสน่หา .. แนบอารมณ์
O เพื่อดวงใจดวงนั้น .. สุดกั้น .. กีด-
รสประณีตเมื่อสดับ เกินขับข่ม
เพื่อใจนั้นถวิลหา .. เฝ้าปรารมภ์-
รอ .. อก-ห่มอุ่นเนื้อ .. ทุกเมื่อเทอญ


แถม .. อีกสักหน่อย ..


O ขณะตาใกล้หลับ .. ใจกลับตื่น-
กับแววรื่นรมย์อุทธัจ .. ความขัดเขิน-
ที่ต้องหวานหอมล้ำ เข้าก้ำเกิน
ความจำเริญแหนหวง .. ก็ช่วงแรง
O ขณะเคลิบเคลิ้มกับลำดับฝัน
ก็บัดนั้นอาวรณ์เคยซ่อน-แฝง
เริ่มเผยรอบงดงามออกสำแดง
เพื่อเติมแต่งอกใจผู้ใยดี
O ผ่อนลมหายใจเข้าอย่างเบาแผ่ว
ภาพผ่องแผ้วในตา-รูปราศี-
คล้ายยั่วยิ้มให้เห็นความเป็น .. มี
และช่วงชี้อารมณ์ให้สมยอม
O แดดยามสายแจ่มจ้า .. รูปหน้านั้น-
ก็แต้มขวัญ .. ให้ละลานกับหวานหอม
อ่อนละมุนอุ่นล้ำ .. เฝ้าด่ำดอม
เหมือนไม่พร้อมจากลาแม้นนาที
O กายอยู่ในคืนค่ำ .. ใจพร่ำหา
ถึงภาพฝันปริศนา .. รูปราศี
ลมหายใจลึกหน่วง .. คือท่วงที-
ยากหลีกลี้แรงกรรม .. ที่ดำรง
O งามจริตกิริยามารยาท ..
ทั้งโดยชาติเชื้อสกุลก็หนุนส่ง
กระนั้นแล้วความ-คำ .. ที่จำนง
รอรอบสงสารวัฏฏ์ .. ช่วยจัดการ-
O ให้คะนึงละห้อยหาด้วยอาวรณ์
ลงสุมซ้อนรายล้อมด้วยหอมหวาน
ระบัดความแหนหวงในดวงมาน
ให้ซึ้งซ่านในอก .. คอย-วกวน
O ทำนองคีต .. แผ่วหวานบรรสารเสียง
จงเรื่อยเรียงความ .. คำ .. อยู่ซ้ำหน
เพียรโอบกล่อมเร้ารึงใจหนึ่งคน
ให้ดิ้นรน .. ละห้อยเห็นอยู่เช่นนั้น
O คะเนนึกคะนึงหาทุกนาที
ด้วยไมตรีมอบให้ .. ด้วยไหวหวั่น
ด้วยอาลัยลึกล้ำ .. เป็นกำนัล
ความผูกพันห่วงใยจากใจคน
O จะกี่รอบวงวัฏฏ์ของสัตว์โลก
แสนล้านโศกสร้อยศัลย์ .. หมื่นพันหน
ที่ปรารมภ์ .. ถวิลอยู่ .. ใช่รู้ตน-
ว่าดิ้นรนเช่นนี้ .. มากี่ภพ !
O รู้แต่เพียงแรกเห็น .. ก็เช่นบ่วง-
รอผูกหน่วงเหนี่ยวฝัน .. พาบรรจบ
อ่อนโยนอ่อนหวานนั้น .. ก็ครันครบ
ล้อมตระหลบอาวรณ์ .. ทุกตอนไว้
O หวัง-แต่นี้ดวงวันและจันทร์ดาว-
กลางห้วงหาว, ดวงขวัญ .. ผู้ฝันใฝ่-
จักร่วมภาวะกระพริบจากลิบไกล,
พร้อมการสั่นแกว่งไกว .. ของใจคน !
O ต่อแต่นี้อาวรณ์ทุกตอนมี
ยากถูกชี้ขีดช่วง .. ให้ร่วงป่น
เหลือแต่ยอมหัวใจสั่นไหว .. จน-
แรงดิ้นรนแว่วดัง .. ให้หยั่งรู้ !



Create Date : 25 เมษายน 2558
Last Update : 30 เมษายน 2566 5:16:30 น. 2 comments
Counter : 4012 Pageviews.

 
ไพเราะค่ะ เล็กอ่านแล้วอ่านอีกนะเนี่ย ^^

เม้นท์มองไม่เห็นที่ตัวเองเม้นท์นะคะ
เดาๆเอา ผิดๆถูก ห้ามว่าด้วย


โดย: น้องเล็ก IP: 171.4.247.84 วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:16:59:53 น.  

 
ตัวน้อย ..

พื้นเขียวเข้มกับตัวหนังสือสีดำมันเห็นไม่ชัดค่ะ
เดี๋ยวพี่จะลองเปลี่ยนสีพื้นหลังดู นะขอรับ



โดย: สดายุ... วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:20:05:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.