Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
24 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
O แต่ปางใด ..? O








Giovanni Marradi - Promise Me



-1-
O จากภพชาติเบื้องไกล..เมื่อไรหนอ
จึงคอยรอพบเจอพร่ำเพ้อหา
หรือตักบาตรร่วมขันด้วยกันมา
เมื่อสบกันซึ่งหน้า..จึ่งอาลัย
O แววเนตรแสนบรรเจิด..เจ้าเปิดเผย
คล้ายว่าเคยบรรจบแต่ภพไหน
และคล้ายบุญบาปสร้างแต่ปางใด
คอยสาปให้พลัดหลง..ร่วมวงกรรม

-2-
O เมื่อคลื่นฝน..หยดน้ำอันฉ่ำเย็น-
ค่อยหล่นเส้นล้อมห่มสายลมร่ำ
จึงผืนฟ้ารอบด้านเคลื่อนม่านดำ-
แห่งคืนค่ำให้สยาย..คลี่คลายตัว
O เพียงจะให้หม่นหมอง..ที่มองว่า-
เหมือนรูปรอยเหว่ว้า..ยามฟ้าหลัว
บังดวงวันเรื่อรอง..ให้หมองมัว-
เข้าเกลือกกลั้วแอบค่ำอย่างจำนน
O ผืนฟ้าหมอง..ใจคนก็หม่นเหลือ
จะร้างเรื่อรองสุรีย์..สักกี่หน ?
ผ่านไปแล้วรอบระยับ..ที่อับจน
จะวกวนเวียนมา..กี่คราครั้ง ?
O ฝุ่นน้ำโหมหวนระลอก..ราวบอกว่า-
เสน่หาในคน..เหมือนฝนหลั่ง
จะเหิมโหมระลอกชู้..ไม่รู้ฟัง
เกินหยุดยั้งหยัดต้าน...เมื่อผ่านมา
O ริ้วลมหนาว...โผผ่าน..ฝ่าม่านฝน
ฝุ่นน้ำวนไหวช่วง..เมื่อห่วงว่า-
รูปน้อยเอย..เนตรใครที่ไกลตา
จะเหว่ว้าละห้อยเห็น..อยู่เช่นไร ?
O ฤๅ-คำนึงถึงอยู่..ไม่รู้แล้ว
ทุกสายลมโผยแผ่ว..เสียงแว่วไหว-
กลางทรวงนั้น..ส่งคิดสู่จิตใคร
คอยสุมใส่แรงถวิล..แนบจินตนา ?
O ตักตวงความอบอุ่นไว้อุ่นเนื้อ
ต่อต้านเชื้อหนาวเย็นที่เร้นหา
รู้หรือไม่..ผ่องแผ้วในแววตา-
นั้น..เกินฝ่าฝืนพ้น..แล้วคนดี
O ควรนักแล้ว..รสสุมาลย์อันหวานหอม
จักคอยล้อมรอบถิ่น..อวดกลิ่นสี
แววอาวรณ์อาลัย..เงื่อนไมตรี-
ย่อมควรที่-อารมณ์จักสมยอม
O นั่น..คลื่นฝน..หยดน้ำอันฉ่ำเย็น-
ไหว-ตอบเต้นพลิ้วผ่าน, ความหวานหอม-
ก็โชยผ่านลมร่ำ..ให้ด่ำดอม
เข้าแวดล้อม..อาลัยแห่งใจคน
O มอบมาเถิดอ่อนหวาน..ที่หวานกว่า-
กลีบลดาอ่อนละมุนกลางฝุ่นฝน
เพื่อแตะตื่นแรงถวิล..ให้ดิ้นรน-
แข่งเสียงก้องกาหลที่บนฟ้า !
O กลางเส้นไฟโชนคุ..ขึ้นลุแล่น
พร้อมเม็ดฝนพรากแถนทั้งแสนห่า
เหมือนแววออดอ้อนช่วงที่ดวงตา-
เผยบอกความเสน่หา..รับอาลัย
O คืน..ภาพความสัมพันธ์ในวันผ่าน
ที่อ่อนหวาน อาวรณ์..แสนอ่อนไหว-
เหมือนมาร่วมก่อเกื้อสานเยื่อใย
เผยความนัยให้สดับ..ร่วมรับรอง
O โยงยาวสายเยื่อใย..ความใฝ่ฝัน
ผูกยึดพันอาลัยแห่งใจสอง
เริ่มบทเพลงครวญคร่ำ..ท่วงทำนอง-
อาวรณ์พร้องพร่ำอยู่..ไม่รู้คืน
O ผ่านความหมาย...ปรนปรุงบำรุงจิต
จนไร้ศักดิ์และสิทธิ์จะคิดขืน
ในเที่ยวทางที่อุบัติให้หยัดยืน
ค่อยแตะตื่นอารมณ์ให้สมยอม
O เป็นความรู้สึกหนึ่ง..ที่ซึ้งซ่าน
โดยรูปศัพท์กรองกานท์..อันหวานหอม
แทรกความนัยลึกล้ำ..ให้ด่ำดอม
เพื่อใจหนึ่งพรั่งพร้อม..จะยอมใจ
O คืออ่อนหวานเอ็นดู...ที่รู้สึก
จากส่วนลึกอารมณ์..เกินข่มไหว-
กับถวิลแหนหวง..ความห่วงใย
แด่ผู้อยู่แสนไกล..ที่ใกล้ชิด
O ใกล้ด้วยแรงผูกพัน..ความมั่นหมาย
และเพียงกายไกลล่วง...ใช่ดวงจิต
ที่ทุกคาบหวานซึ้ง...คำนึงคิด
ก็ตรึงติดใจมั่น..แต่..ขวัญน้อย
O รูปเอย...รูปพิไลผู้ไกลตา
ปรารถนาเสียงแว่ว..เพียงแผ่ว-ค่อย
แฝงอารมณ์พะเน้าพะนอ..เฝ้ารอคอย-
ห่วงละห้อยถวิลเห็นไม่เว้นวัน
O รูปเอย...รูปสุรางค์ที่กลางใจ
สดับเถิด..เสียงใด-แว่ว-ไหวสั่น
ก่อสำเนียงครวญคร่ำ..ฝากรำพัน-
ความอ่อนหวานผ่านจันทร์..กล่อมขวัญน้อย
O เพื่อรอรับออดอ้อน..คำอ่อนหวาน
ให้พลิ้วผ่านเย็นเยียบ..กลางเงียบหงอย
หวัง-ท่ามกลางมืดหม่น..เม็ดฝนปรอย-
หวานคงพร้อยพร่างแล้ว..ถ้วนแววตา
O ไร้วงจันทร์ลอยดวง..กลางช่วงยาม-
ไฟวาบวามห้อมเห่..ห้วงเวหา
ถวิลเห็นแรงหวง..จักช่วงคา-
สองแววตา – วาบรุม..ลงสุมทรวง
O คือ..ภาพความสัมพันธ์ในวันพรุ่ง
งามเยี่ยงรุ้ง..อำพนที่บนสรวง
หวัง..แววออดอ้อนไหวที่ในดวง-
ตาคู่หวงแหนนั้น..คอย-บัญชา
O คอยขอบฟ้าไกลลิบ..กระพริบให้-
ผู้มีใจเฝ้าคอยละห้อยหา
ผ่านค่ำดึกคืนฝน..ด้วยมนตรา-
เสน่หาแห่งชู้..มอบสู่กัน !

-3-
O จากภพชาติเบื้องไกล..ที่ไหนหนอ
จึงร่ำรออาลัย..เฝ้าใฝ่ฝัน
หรือบุญบาปร่วมสร้างแต่ปางบรรพ์
เมื่อพบ-พลันแรงสวาดิ..ก็พาดคา
O สุดรอคอย..จึงเห็นว่าเป็นเจ้า
กี่ภพกาลผ่านเล่า..ที่เฝ้าหา
เหมือนพิมพ์ภาคฝากมั่นลงสัญญา
สบเพียงคราครั้งหนึ่ง..ก็-ถึงรู้...!



Create Date : 24 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 15 เมษายน 2566 12:50:41 น. 4 comments
Counter : 3688 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ
....แวะมาอ่าน...ระหว่างรอทำบุญ

....ขอให้ความสุขอยู่รอบตัวเสมอนะคะ


โดย: จิดา IP: 171.6.133.250 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2555 เวลา:6:16:29 น.  

 
ไพเราะจับจิตซึ้ง...........ครวญหวาน
กลอนแว่วส่งเสียงปาน.......เรียกร้อง
กลอนเคล้าภาพนงคราญ.....งามงด ยิ่งแฮ
ยิ่งอ่านเหมือนยิ่งต้อง........ตกห้วง มนตรา

แวะมาทักทายยามเช้าค่ะ
ชอบกลอน ชอบเนื้อหาทำนองภพชาติมากเลย
อ่านแล้วฟิน ฮ่าๆๆ
ยิ่งมีภาพคุณใหม่ ดาวิกาประกอบยิ่งเป๊ะเข้าไปใหญ่ ^^



โดย: DESTINYee วันที่: 25 พฤศจิกายน 2555 เวลา:9:49:16 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณสดายุ

แต่ปางใด....ไพเราะงดงามมากค่ะ

วลีอ่านฉันท์ที่เขียนเองก็รู้สึกได้ว่าเสียงไม่พลิ้วไหวแต่ไม่ได้สังเกตเสียงท้ายวรรค คำแนะนำของคุณสดายุทำให้เห็นจุดที่แตกต่าง

อิๆไปแอบอ่านมหาภารตะยุทธทุกภาคแปลถูกบ้างผิดบ้างเพราะอ่อนแอมากเรื่องศัพท์

ขอบคุณมากนะคะ สำหรับคำแนะนำ และงานประพันธ์ ที่งดงามคู่ควรยึดเป็นแบบอย่าง


โดย: วลีลักษณา วันที่: 25 พฤศจิกายน 2555 เวลา:12:04:27 น.  

 
จิดา ..
สวัสดีครับ .. ขอบคุณในคำอวยพร
เช่นกันครับ .. ขอให้มีความสุขกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว




สวัสดีครับคุณ .. DESTINYee
หากชอบเนื้อหาทำนองภพชาติ .. เรื่องยาวๆ ก็ขอเชิญไปอ่านที่นี่ครับ ..
-> สายธาร .. แห่งกาลเวลา <-
ผมชอบรรยากาศแบบไทยโบราณมากอยู่ .. เขียนอยู่หลายเรื่องครับ .. ซ้ายมือตรง "นิราศเรื่องยาว" มีแนวนี้อยู่แทบทุกเรื่องครับ

ยินดี .. ที่แวะมาหัวเราะได้ที่นี่ .. อิๆๆ







สวัสดีครับคุณวลี
เรื่องเสียงท้ายวรรค ผมเองก็เรียนรู้มาจาก "คมทวน คันธนู" กวีซีไรต์ คนนี้เก่งจริง เพราะศึกษาเรื่องฉันทลักษณ์จนแตกฉาน และประดิษฐ์ฉันท์ไว้หลายแบบ ..

หากคุณวลีเขียน วสันตดิลก บ่อยๆจนคล่องแล้ว .. จะลืม อินทรวิเชียร ไปเองในที่สุด เพราะมันพลิ้วสู้กันไม่ได้เลย
และจะรู้สึกว่าอินทรวิเชียร ง่ายกว่ามาก






โดย: สดายุ... วันที่: 25 พฤศจิกายน 2555 เวลา:12:56:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.