O วิสาขะสมัย .. O
อัศวลีลา - ลาวดวงดอกไม้
๘ O บริบทตรู่เช้า .. หมอก-ขาวมัว ลมโรยตัว .. ลูบไล้ก็ไหวสั่น แถบผ้าขาวป่ายริ้ว-ห่มผิวพรรณ- พร้อมด้วยข้าวในขัน .. มุ่งมั่นรอ O แล้วพิมพ์ภาพงดงาม .. แห่งยามเช้า- ค่อยทอดเงาเคียงหมู่ท่านผู้ขอ ศรัทธาของรูปนาม ก็งามพอ- สืบสาน-ต่อเติมธรรม .. ลงย้ำใจ O คำข้าว..ช่อดอกไม้..ถวายพระ ตอบภาวะศรัทธา .. เพื่ออาศัย- สำหรับน้อมจิตนำ .. พากย์ธรรมนัย- กำหนดให้อัตตานั้นล้าตัว O ข้าวหอมกรุ่นในขัน .. คด .. บรรจง- ใส่บาตรสงฆ์เบื้องหน้าแต่ฟ้าหลัว จวบแสงทองอำไพส่องไล่มัว สุขก็ซ่านเอ่อทั่วทั้งหัวใจ O หากเช้านี้ .. ผิดแผกจนแตกต่าง ชั่วพระย่างพ้น .. พลัน-ที่สั่นไหว- คืออกผู้-เบือนหน้าสบตาใคร- แล้ว-เลศนัยเชิงชู้ .. ก็จู่โจม ! O ด้วยเช้านี้มีชายที่หมายรู้- ว่า-งามผู้แสงรุ้งช่วยปรุงโฉม นั้น .. ฤๅ-เพื่อรอช่วงแข่งดวงโคม- ผ่านรอบโสมนัสช่วงกลางห้วงใจ ? O ดู .. สายตาจับจองความผ่องแผ้ว ก็ล้วนแววเอ็นดูจนรู้ได้ ดู .. สายตาจับจองความยองใย ความอ่อนไหวอ่อนโยนก็โชนแวว ! O เมื่อมีรูป, มีใจ-หวั่นไหวอยู่ อารมณ์ผู้จับจ้องก็ผ่องแผ้ว พร้อมริ้วลมโรยตัวอยู่ทั่วแนว การจับจองรูปแก้ว .. ฤๅ-แล้วเลือน ? O แต่เมื่อตาสบรูป .. การวูบไหว- ของดวงใจ .. คือ-งามเจ้าลามเลื่อน- ยอรูปองค์ .. ล้อมชาติเกินอาจเบือน- สายตาเคลื่อนจากงาม .. แม้ยามเดียว ! O ตาสบรูป .. จิตวูบด้วยรูปนั้น ตั้งแต่หันมองตอบ .. เฝ้าลอบเหลียว ตาต้องรูปร่ำล้อ .. ดั่งขอเคียว- เจ้าคล้องเกี่ยวเหนี่ยวใจ .. เอาไปครอง O เช้านี้ .. จึงช่างแปลกจนแตกต่าง ด้วยเรียวร่างงามที่ไม่มีสอง ด้วยรูปพักตร์รูปเดียวเฝ้าเหลียวมอง โลกทั้งผองก็เหมือนวาง .. ให้ย่างเท้า ! O ไร้ซึ่ง - ความเหงาเงียบให้เหยียบย่าง สิ้นทั้งโลกผืนกว้าง .. เคยว่างเปล่า มีแต่แววซ่อนยิ้ม, ความพริ้มเพรา- ของรูปเงาเบื้องหน้า .. ให้ปรารมณ์ ! O พร้อม-ลมเอื่อยแผ่วผ่านอยู่นานเนิ่น, แววขัดเขินเผยอยู่ .. สุดรู้ข่ม สบ สัมผัสหอมหวานอยู่นานนม- ดวงใจที่จ่อมจมก็ .. สมยอม O ช่อขาวเกสรปีบ .. รอบีบกลิ่น ต้องลมรินโรยผ่าน .. รสหวานหอม- ก็แฝงฝากลมร่ำให้ด่ำดอม- รื่นรมย์ที่รายล้อม..อย่างพร้อมเพรียง O ยิ่งปีกผีเสื้องาม, ตาวามนัย- แฝงฝากให้อาวรณ์ออดอ้อนเสียง เฉกลวดลายปีกบาง..ลอยร่างเพียง- เพื่อเข้าเคียงหวานหอม..แนบน้อมรส O เมฆขาวเวิ้งฟ้าใส .. ลมไหวแว่ว วันผ่องแผ้วบังเดือนให้เลือนบท หญ้าต้องลมโลมสู่ .. ยอดคู้คด ภู่จ่อจดหวานหอมไม่ยอมลา O นกโผเกาะกิ่งพฤกษ์ .. เมื่อนึกย้อน ถึงช่วงตอนใจละห้อยแต่คอยหา ดื่มด่ำด้วยรูปฝัน .. แรงฉันทา- ต่อเรียวร่าง .. อิริยา .. ท่วงท่าที O ทอดตามองที่นี่และที่นั่น รูปรอยฝัน .. แทรกฝ่าเรื้องราศี กลางลมอุ่นโอบไล้, รอบไมตรี- ก็ค่อยคลี่โอบรับไว้กับทรวง O เมื่อลำดวนฟุ้งกลิ่นรวยรินสู่ หอมก็จู่จบแทนความแหนหวง แรงอาวรณ์ซาบซึ้ง .. ใจหนึ่งดวง- หวัง-ผ่านหอมหวานล่วง .. อีกดวงใจ O ปีกนกยังคลี่กาง .. ร่อนกลางฟ้า กลางแววตา, อาวรณ์ .. แสนอ่อนไหว- ที่ละห้อยแหนหวง .. พร้อมห่วงใย- แต่เพียงผู้เยาว์วัย .. อยู่ในยาม O ลมร่ำสายโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน เมื่อเสียงอ้อนออดชู้ .. สุดรู้ห้าม- คอยกระซิบเร้ารุก .. คอยคุกคาม หลังสบแววตางาม .. วาบวามนัย O ปีกนกกางโล้ลม, อารมณ์ถวิล- ก็หลั่งรินรอชู้ .. ร่วมสู่สมัย- การจับจูงเกี่ยวร้อยทุกรอยใจ กำหนดให้ .. ร่วมย่างบนทางเดียว ! . . ๑๔ O พื้นน้ำชอ่ำ-น-ภะ-ปฎล ก็ระคนกะรูปเคียว รองเรื่อ ก็ เมื่อ-นั-ย-นะ-เหลียว ประลุเหนี่ยวคะนึงหา O เนตรชายชม้าย-อุ-ระ-กระ-เพื่อม รติเชื่อมและบัญชา- จิตผู้เพราะรู้-นิ-ละ-จะหา- ยะ-นะ-ภาวะทั่วพร้อม O วังเวงประเลง-บ-ทะ-ประโลม และโพยมประหนึ่งยอม- พื้นสินธุ์และจิน-ต-นะ-ถนอม- กระแหนะน้อมประนังนวล
Create Date : 14 พฤษภาคม 2559 |
|
0 comments |
Last Update : 22 เมษายน 2566 5:41:00 น. |
Counter : 3426 Pageviews. |
|
|
|