O คอยเถิดนะ .. O
VIDEO ชัยภัค ภัทรจินดา - ลาวสองคอน -1- O ดังช่อมาลย์ช้อยกลีบขึ้นบีบกลิ่น เพื่อหอมรินร่ำรู้ .. ว่าอยู่ไหน ท่ามกลางช่อขาบเขียวแห่งเรียวใบ นั้นซ่อนงามสดใส .. อยู่ในวัน O หากมิใช่โกสุม .. เร้ารุมกลิ่น เพียงส่วนจินตนาสร้างเป็นร่างฝัน ในคาบยามชาติภพบรรสบกัน หล่อเลี้ยงขวัญรอคอย .. สืบรอยกรรม O แผ่วโผยเพลงพลิ้วระลอก .. เหมือนบอกเล่า- เผยใจเยาว์ออกสู่ให้รู้สัม- ผัสความอุ่นอาลัย .. ผ่านนัยคำ เพื่อตอกย้ำพิสมัย .. เป็น-นัยเดียว O หวานหอมเอย .. มธุรสแห่งพจน์เจ้า ค่ำตราบเช้าเฝ้าแต่ชะแง้เหลียว ใช่สุมาลย์กิ่งทอด .. ช้อยยอดเรียว แต่เป็นเสี้ยวหน้านั้น .. ที่มั่นคอย O จะขอเพียงใฝ่เฝ้า .. อยู่เท่านี้ ด้วยเหลือที่จะคิดคืบเข้าสืบสอย รูปแพงเอย-อวลกลิ่น .. อย่าสิ้นรอย เพื่อหอมลอยล่องลมเข้าบ่มทรวง O ละครั้งคราว .. รื่นฉมกลางลมร่ำ ก็ตอกย้ำงดงามเพรียกความหวง และทุกครั้งจบงาม, ถ้อยความปวง- ก็ลามล่วงยั่วเย้า .. ให้เฝ้ารอ O จากเรือนห่างไกลพ้น .. มีขวนขวาย- จากจิตชายแหนหวง .. บำบวงขอ- พรเทวัญชั้นฟ้าให้มาออ- แอบหวานซึ้งเคล้าคลอ .. โลมล้อใจ O จักรู้กันบ้างไหมหนอใจนั่น ว่าอีกความผูกพัน .. แสนหวั่นไหว- อยู่ร่ำรอปรารถนาแรงอาลัย ช่วงชี้ให้เจตจินต์ร่วมยินดี O ปฏิพัทธ์แห่งชายเมื่อบ่ายโบก ผ่านลมโลกแล่นระลอกยั่วหยอกศรี จะเปรียบหวานละลานค่าด้วยมาลี เหมือนหลู่ค่าราศีให้มีรอย O ด้วยว่าหอมหวานมวลแห่งมาลี จักต้องเกณฑ์ราคี .. บัดพลีถ้อย เปรียบคันธารสหอม .. โน้มน้อมคอย ฤๅเปรียบหอมละม่อมน้อย .. รูปรอยเดียว O รอเถิด .. รูปแพงน้อย .. เจ้าคอยรับ- การปรุงศัพท์เตรียบพากย์ .. อันกรากเชี่ยว- ด้วยอาวรณ์รำบาย .. เพื่อคลายเกลียว- รัดทุกเสี้ยวใจนั้น .. แล้วพันธนา O รอเถิด .. รูปแพงเจ้า .. จงเฝ้ารอ ความพร่ำพ้อผู้คอยละห้อยหา เพื่อรายล้อมดวงขวัญ .. มอบฉันทา ร่วมรูปรอยเสน่หา .. แนบอารมณ์ O รอเถิดรูปแพงเจ้า .. จง-เจ้ารู้ เมื่อรอบชู้หลอมหลั่งเข้าสั่งสม ก็ด้วยความอาทรจากพร-พรหม- ผูกเป็นปมเงื่อนตาย .. สุดคลายแล้ว ! -2- O ในค่ำคืนมืดหม่น ร้างอำพนแสงห่ม, สายลมแผ่ว- ผ่านอ่อยเอื่อยเฉื่อยโชยค่อยโรยแนว ภาพของแววตาอุทธัจก็รัดพัน O แต่แรกรูปเผยงาม ฤๅ-ห้ามได้ จนทั้งช่วงดวงใจถึงไหวสั่น แล้วค่อยเลื่อนรูปละม่อมเข้าล้อมกัน จึงเหมือนสั่นโยกสิ้นจิตวิญญาณ O สบชม้ายชำเลืองคนเบื้องหน้า เหมือนในตาวาบเงาคอยเผาผลาญ คล้ายรอยยิ้มแฝงรับอยู่นับนาน คลี่รอยหวานบ่มไล้หัวใจคน O ริ้วลมหนาวผ่าวผ่านอยู่นานแล้ว โลมดอกแก้วหอมแรงทั่วแห่งหน อีกหอมยิ่ง .. หอมซึ้งจนอึงอล พาใจวนว่ายหอมไม่ยอมร้าง O ลมเอย .. พลิ้วผ่านตรูให้รู้สึก โอนรำลึกซึ้งสู่อย่ารู้ห่าง กระซิบสื่อความนัยน้ำใจนาง ร่วมสืบสร้างแต่ในน้ำใจเดียว O ด้วยหนึ่งน้ำใจผู้คนรู้งาม ที่ทุกยามร่ำร้องหมายข้องเกี่ยว หวังอาวรณ์แฝงเร้นดั่งเช่นเกลียว- ค่อยค่อยเหนี่ยวสองขวัญรัดพันไว้ O หมายเมื่อหอมกลิ่นแก้วสู่แก้วเจ้า จักคอยเร้ารุมขวัญ .. เฝ้าฝันใฝ่ เพื่อลมผ่าววาดวี .. ผู้มีใจ- จะโลมไล้สำทับ .. ให้รับรู้ O ว่า-อิริยารูปละม่อม .. คอยล้อมกัก จะฝ่าหักขวางขวาก .. เห็นยากอยู่ เกิดแต่เมื่อรูปเห็น .. และเอ็นดู สบเพียงครู่ .. หอมหวานก็ผ่านคอย O ในท่ามกลางลมหนาว .. ใจผ่าวร้อน แรงอาวรณ์รุมแล้ว .. แม้นแผ่วค่อย จากแววหวานคลุมเคลือบ ทุกเหลือบปรอย เพรียกละห้อยห่วงเห็นไม่เว้นวาย O แอบอ้อมกอดลมหนาวมายาวนาน จนสะท้านใจอยู่ไม่รู้หาย ที่หวังให้คลุมครอบอยู่รอบกาย คือรูปหมายให้ละเมียดละไมทรวง O เมื่อถวิล .. มากครันสุดกั้นกีด ทั้งประณีตเกินขับให้ลับล่วง หวานย่อมไหลโลมหลั่ง .. ใจทั้งดวง หอมก็หน่วงอกซ้ำอยู่ค่ำเช้า O หมายดวงใจ .. ผ่องพักตร์เป็นหลักมุ่ง บ่มบำรุงส่วนเสี้ยวเคยเปลี่ยวเปล่า หวังบำราศโศกศัลย์แห่งวันเยาว์ จึงแนบเนาอ่อนหวานแห่งกาลนี้ O กาลที่ความงดงามลุกลามอก จะคอยปกปิดไว้ก็ใช่ที่ จึงเผยเล่ห์เสน่หาผ่านวาที เป็นไมตรีจบจูบ-ใจรูปคราญ O หลังลมหนาวผ่านระลอก .. กรุ่นดอกแก้ว ก็หอมรื่นทั่วแล้วทุกแนวผ่าน พร้อมคาบยามเติมตวงของห้วงกาล เติมหอมหวานเต็มช่วงทุกห้วงใจ !
Create Date : 23 กันยายน 2556
11 comments
Last Update : 18 เมษายน 2566 18:10:15 น.
Counter : 4264 Pageviews.
ถึง"ผู้คนรู้งาม"...
"O ด้วยหนึ่งน้ำใจผู้คนรู้งาม
ที่ทุกยามร่ำร้องหมายข้องเกี่ยว
หวังอาวรณ์แฝงเร้นดั่งเช่นเกลียว-
ค่อยค่อยเหนี่ยวสองขวัญรัดพันไว้
O หมายเมื่อหอมกลิ่นแก้วสู่แก้วเจ้า
จักคอยเร้ารุมขวัญ .. เฝ้าฝันใฝ่
เพื่อลมผ่าววาดวี .. ผู้มีใจ-
จะโลมไล้สำทับ .. ให้รับรู้"
ทราบ
จาก" ผู้มีใจ"...( ตามด้วยยิ้มหวานหวาน)