Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2549
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 กรกฏาคม 2549
 
All Blogs
 

O นางครวญ O








นางครวญ - ออเคสตรา



พศ.๒๓๑๐
ยามสิ้นสุด .. ราชวงศ์บ้านพลูหลวง


๑๔
๑. อาดูระพูนอยุธยา
ขณะวาระวอดวาย
ทวยรัฐและขัตติยะมลาย
ทุขะสายก็บรรสาร
.
.

๒. โอ้ .. เมืองแก้วเมืองฟ้าถึงคราล่ม
บัลลังก์จมมอดไหม้ด้วยไฟผลาญ
ปราสาทยอดใหญ่โตสูงโอฬาร
ถูกพลม่านเหนี่ยวรั้งเผาพังยับ
๓. ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดจากเชือดหลั่ง
คือสุดรั้งกายทอดลงมอดดับ
หลังพลุ่งเพลิงโหมซ้ำเกินรำงับ
คือชีพสรรพทอดเถ้า .. สิ้นเงาไท
๔. โอ้ .. ว่ารอยโศกเศร้าในเงาเนตร
จากสุดเขตศักดินาเคยอาศัย
กระบวนทัศน์ศรัทธาล้วนปราชัย
เหลืออาลัยเรื่องหลังที่ยังคง
๕. ต้องจำพรากจากถิ่นมาสิ้นศักดิ์
ละห้อยหักอาดูรประยูรหงส์
พลัดเวียงวังร้างหมู่มาอยู่ดง
กับอีกผู้ซื่อตรงมั่นคงนั้น
๖. คือหนึ่งแกล้วผู้กล้ายังปรากฏ
ข่มกำสรดเพื่อใครสิ้นไหวหวั่น
เป็นปราการผ่อนค่ารอยจาบัลย์
ร่วมปกป้องคุ้มกันตราบบรรลัย
๗. พระพายเฉื่อย .. เริ่มโหมเข้าโลมโลก
ดังโบยโบกศรัทธาให้อาศัย
หวังนิทราย้อนย้ำความอำไพ
สัมผัสใจเยียวยาทุกอารมณ์
๘. พระเขนยเคยหนุน .. เป็นดุ้นพฤกษ์
แกล้วก็นึกกล้ำกลืนกับขื่นขม
โอ้ .. ดอกฟ้าร่วงผล็อยลิ่วลอยลม
ความขืนข่ม .. ฤๅจะกลบให้ลบเลือน
๙. หัวอกเอ๋ย .. เคยหนักด้วยศักดิ์ราช
ต้องบำราศรูปรอยมาคล้อยเคลื่อน
เคยสูงส่งสุกสกาวดุจดาวเดือน
กลับแล่นเลื่อนลอยล่างลงข้างกาย
๑๐. ทูลกระหม่อม .. เคยห่มล้วนรมย์รื่น
แต่เนตรตื่นชื่นฤทัยอยู่ไม่หาย
นางกำนัลหมอบเมียงเฝ้าเรียงราย
กลับเดียวดายเงียบเหงา .. ใต้เงาจันทร์
๑๑. จักเค้นชีพบีบชาติมาลาดรับ
เพื่อสำหรับนอบน้อม .. ใจหม่อมฉัน
จักรองภาษพจนีย์ด้วยชีวัน
ทอนโศกศัลย์ห่างเหพระเทพินทร์
๑๒. กระท่อมทับเปรียบว่าเช่นปราสาท
เรไรดั่งพิณพาทย์ระนาดศิลป์
ครวญขับกล่อมห้อมให้หนึ่งใครยิน
ประโลมถิ่นห้วงฤดีดั่งมีมา
๑๓. โกสุมกลีบดอกก้านประสานประดุจ
เช่นมงกุฏแห่งนาฏพิลาสสถา-
นะภาพในศักดิ์สกุลผู้บุญญา
แทนรูปทรงสูงค่ากลางป่าไพร
๑๔. โสมกลางสรวงแทนดวงอัจกลับ
ทอดแสงโลมที่ประทับผู้หลับใหล
แผ่วลมผ่าวผ่านฤดีผู้มีใจ
กระซิบให้สุจริตสัมฤทธิ์รู้
๑๕. บรรจถรณ์หมอนม่านย่อมลาญลับ
เยียรบับแพรผืนยากคืนสู่
อุบะกรองหอมร่ำสิ้นดำรู
ที่ยังอยู่เคียงใจ .. ย่อมใจคน
๑๖. อัสสาสะในครานิทราสนิท
พาดวงจิตเรื่อยเร่กลางเวหน
หมายลับล่วงเรื่องหลังสิ้นกังวล
วางชีพชนม์เคียงแกล้วผู้แววไว
๑๗. สิ้นสุดแล้วไอศูรย์จำรูญรัศมิ์
สิ้นจำรัสบริบทเคยสดใส
สิ้นประยูรวงศ์นาถบำราศไกล
สิ้นจากไร้รอยบุญเคยหนุนนำ
๑๘. อุษาสาง .. พลางถวิลถึงปิ่นเกล้า
เคยแหนเฝ้ากลับผวนเป็นครวญคร่ำ
คง .. อำนาจกฎเกณฑ์ของเวรกรรม
มาช่วยย้ำช่วยยุดจนสุดรอย
๑๙. ปานฉะนี้ปิตุราชมาตุเรศ
จะเทวษกำสรดใจถดถอย
จักลำบากทดท้อท่ามรอคอย
หรือละห้อยถึงบุตรก็สุดเดา
๒๐. สิ้นแผ่นดินสิ้นบุญสิ้นคุณค่า
แต่นองหน้าหยาดรอยล้วนสร้อยเศร้า
เพียงหนึ่งผู้คู่เข็ญยังเห็นเงา
ช่วยบรรเทาทดท้อให้พอทน
๒๑. แต่เหลือบเหลียวลืมเนตรสบเลศหนึ่ง
แววซาบซึ้งถนอมรับสิ้นสับสน
อุ่นหทัยเคียงข้างใครบางคน
พาอึงอลขวยเขินสะเทิ้นอาย
๒๒. แม้นอยู่สองต่อสองในห้องเก่า
ยังลงเข่ากราบก้มประนมถวาย
คงสำรวมใจอยู่ .. ใจผู้ชาย
ว่าอย่าหมาย .. สูงส่ง .. เกินวงศ์ตน
๒๓. เอื้อมหัตถ์เนียนจับกรที่ซ่อนอยู่
ย้อนนัยสู่รำงับความสับสน
ว่าสิ้นแล้วช่วงต่างระหว่างคน
สร้อยกุณฑลจะพาดสายบนกายนี้
๒๔. แล้วเลื่อนองค์ทรงร่างอยู่กลางอก
แกล้วก็ปกกรป้องตระกองศรี
สะท้านด้วยแววตาและท่าที
อ้อมอารีก็โอบอุ้มเข้าหุ้มเนื้อ
๒๕. วิเวกแว่วลมไหวยอดไม้แกว่ง
แม้นโศกแห่งเบื้องหลังจะยังเหลือ
หากอาวรณ์อบอุ่นได้จุนเจือ
สองใจเอื้อปลิดสร้อยกลบรอยกรรม
๒๖. อธิษฐานผ่านวาสน์ให้พาดช่วง
ทุกภพล่วงพบเจอให้เพ้อพร่ำ
ใจทั้งดวงรอคอยทุกรอยคำ
จนเนื่องนำน้อมสู่เป็นคู่เคียง
๒๗. ใจต่อใจดังว่าร่วมสาธก
ท่ามเหล่านกเขาไพรที่ให้เสียง
พระพายเอื่อยคนแนบแก้มแอบเอียง
เสนาะเพียงสองใจเต้นไหวรับ
๒๘. กรุ่นมาลีไหนเห็นจะเช่นหอม
ดั่งใจหลอมลึกล้ำเป็นลำดับ
วงแขนแกร่งโอบย้ำดั่งกำชับ
ว่าแม้นยับชีพวายไม่คลายคลอน
๒๙. แรงสุดถิ่นดินฟ้ามหาสมุทร
ฤๅอาจฉุดจิตชายให้ถ่ายถอน
ลึกล้ำห้วงน้ำสวรรค์สีทันดร
ฤๅเทียบตอนลึกล้ำแห่งจำนง
๓๐. ถ้วนถิ่นแถนแมนสรรพ .. โปรดรับรู้
จักเชิดชูอยู่ข้างด้วยนางหงส์
ตราบสุดช่วงชีวิตถึงปลิดปลง
จะยังคงรอกัน .. นิรันดร




 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2549
118 comments
Last Update : 31 พฤษภาคม 2566 8:13:28 น.
Counter : 3530 Pageviews.

 

ยิ่งอ่าน ก็ยิ่งซาบซึ้งขึ้นทุกครั้ง
จริงๆ นะคะ ไม่ได้มายกยอกันเอง

ตามที่เรียนมา ในสมัยเสียกรุงครั้งที่สอง
อยุธยาเสียหายยับเยิน จนต้องย้ายเมืองหลวง

สตรีเชื้อพระวงศ์ที่เคยอยู่อย่างเป็นสุขสบายในวัง
มาตลอดสองร้อยกว่าปี
เมื่อมาเจอเหตุการณ์บ้านแตกสาแหรกขาด
คงตื่นตระหนก และ โศกเศร้า จนทำอะไรไม่ถูกเลยนะคะ

พม่าเอง ก็ดูเหมือนไม่ต้องการอยุธยาเป็นเมืองขึ้นอีกแล้ว
ถึงขนทรัพย์สิน กวาดต้อนผู้คนกลับไปเป็นเชลย
แล้วตั้งใจเผาทำลายบ้านเมืองจนไม่สามารถฟื้นฟูได้อีก

ในความเห็นของพี่
ถ้าตอนนั้น ถ้าสมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพรยังทรงดำรงเป็นกษัตริย์อยู่
เราจะเสียกรุงฯ หรือเปล่าคะ

อ่านแล้ว สงสัยต้องแวะไปอยุธยาอีกสักครั้งแล้วล่ะค่ะ

 

โดย: นางเอง IP: 221.128.114.161 8 กรกฎาคม 2549 13:46:04 น.  

 

น้อง
เจ้าฟ้าชั้นพระเจ้าลูกยาเธอที่ร่วมชนนีเดียวกัน
องค์โตคือเจ้าฟ้ากุ้ง...เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ
องค์รองคือเจ้าฟ้าเอกทัศน์
องค์เล็กคือเจ้าฟ้าอุทุมพร

องค์โต...ได้เป็นพระอุปราช...เป็นองค์ที่เข้มแข็งห้าวหาญ...จัดการเรื่องราวได้ดี...แต่เจ้าชู้มาก
และจบชีวิตเพราะเป็นชู้กับเจ้าฟ้าสังวาลย์
แล้วถูกโบย...องค์นี้หากขึ้นครองราช
ไทยอาจไม่เสียกรุง

องค์รอง...ชอบสำราญ...จิตใจไม่ชอบการศึก
ไม่มีความเห็นเป็นของตนเอง...แต่มักใหญ่ใฝ่สูง
เมื่อได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เลยจัดการเรื่องราวไม่ได้

องค์เล็ก...ไม่ทะเยอทะยาน...รักพี่รักน้อง
ฝักใฝ่ธรรมะ...เข้มแข็งเด็ดขาดในการรบ
แต่มักจะยอมคน..ใจอ่อน...จึงต้องถวายราชสมบัติคืน
พี่ชายคนรอง หลังศึกพม่ายกแรกเลิกราไป
เพราะแม่ทัพพม่าโดนปืนระเบิดใส่เสียชีวิต

เป็นองค์ที่พม่ากวาดต้อนไปกรุงอังวะทั้งผ้าเหลือง
รวมทั้งข้าราชบริพารแม่ทัพนายกองทั้งหลาย
ให้อยู่ชานกรุงอังวะ...ชื่อหมู่บ้าน โยเดีย-(เป็นคำเรียก
ชาวอยุธยาของพม่า...ปัจจุบันคงมีลักษณาการทำนองเดียวกับมอญปากเกร็ด...และแขกจามบ้านครัว
คือเป็นชนส่วนน้อยที่รุ่นหลังคงพูดพม่ากันหมดแล้ว)

หากเจ้าฟ้ากุ้งเป็นกษัตริย์
เจ้าฟ้าอุทุมพรเป็นอุปราช
ช่วยกันรบพุ่ง...คงต้านพม่าอยู่มือ

จะแวะไปอยุธยาเมื่อไร...บอกด้วย
จะฝากซื้อโรตีสายไหม..หน้าศาลากลางจังหวัด

 

โดย: พี่ IP: 58.136.233.245 8 กรกฎาคม 2549 22:20:14 น.  

 

อยู่ที่พ่อของเจ้าพี่น่องสามพระองค์ที่แย่งราชสมบัติอันพึงควรของเจ้ากรมขุนนเรนทรพิทักษ์

 

โดย: ดนย์ 9 กรกฎาคม 2549 15:13:00 น.  

 

คงโทษกันไม่ได้ครับ
ชนะเป็นเจ้า
สมัยพระนารายณ์ที่ยกย่องกันเป็นมหาราช
ก็ฝ่าเลือดเนื้อคนขึ้นสู่บัลลังก์เหมือนกัน

การเข่นฆ่าล้างผลาญวงศ์ตระกูลกัน
เริ่มตั้งแต่หลังพระเจ้าอู่ทองมาแล้ว
ทำให้ไทยเราไม่อาจสั่งสมความรอบรู้
ในวิชาการแขนงต่างๆได้เท่าที่ควร
อย่างน่าเสียดาย
รวมทั้งหลักฐานทางวรรณกรรม
จำนวนมาก ที่สูญเสียไปใน
กองเพลิง...ที่ว่ากันว่าไหม้ผลาญอยู่หลายวัน

 

โดย: สดายุ IP: 58.136.203.26 9 กรกฎาคม 2549 21:55:29 น.  

 

เพิ่งสังเกตเห็นที่แถบด้านบน
ว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ดูสวยงามขึ้น
รูปสรรพสัตว์บนพื้นหลังสีแดงเข้ม
งามจริง

คงต้องขอบคุณ คนใจดี ไว้ณที่นี้
ที่เอื้อเฟื้อให้ด้วย จิตเมตตา

พี่ขอบคุณนะคะ

 

โดย: พี่ IP: 58.136.203.26 9 กรกฎาคม 2549 22:17:17 น.  

 

ดีใจที่พี่ชอบค่ะ

เห็นลายพวกนี้แล้ว ดูจะเข้ากับบล็อกพี่มากกว่า
เลยเอามาแต่งลงให้
ไม่ว่าน้องมาทำบล็อกพี่เลอะไปนะคะ

 

โดย: น้องเอง IP: 61.47.102.68 11 กรกฎาคม 2549 5:18:20 น.  

 

น้องนาง
หามิได้
พี่ยินดีและรู้สึกตื้นตันในน้ำใจไมตรี
เช่นนี้เป็นที่ยิ่ง

แม้แต่พื้นแบคกราวด์รูปนกสดายุ
นี่ก็เหมือนกัน
หากว่ามีความเห็นเป็นอย่างอื่น
แล้วน้องปรารถนาจะแต่งให้มันสวยงามขึ้น
กว่าที่เป็นอยู่
พี่ก็ขอเชิญอย่าได้ลังเลเลย
ขอได้โปรดสงเคราะห์ไปตามที่เห็นควร

 

โดย: พี่คนนี้ IP: 193.173.157.254 11 กรกฎาคม 2549 7:38:55 น.  

 

น้องนาง
ตัวหนังสือ วรรณประทีปสวยจัง
ตัวเอียง หางยาว แบบนี้แหละเหมาะ
เอามาเป็นตัวหนังสือแบบที่ใช้เขียนกลอนได้ไหม

 

โดย: พี่ (สดายุ... ) 11 กรกฎาคม 2549 20:23:46 น.  

 

อ่านและสะท้อนใจค่ะ

 

โดย: รักบังใบ 12 กรกฎาคม 2549 11:34:58 น.  

 

อ่านและสะเทือนใจค่ะ

 

โดย: รักบังใบ 12 กรกฎาคม 2549 11:35:19 น.  

 

พี่สดายุ

ตัวหนังสือ วรรณประทีป
เป็น font ที่ต้องติดตั้งเพิ่มพิเศษค่ะ
ไม่มีอยู่ในบล็อก หรือ ในโปรแกรม windows มาตรฐานทั่วไป

การใช้ font พิเศษ ถ้าหากไปปรากฏในเครื่อง
ที่ไม่ได้ติดตั้ง font พิเศษนี้เหมือนกัน
จะทำให้อ่านไม่ได้ค่ะ

แต่ที่ปรากฏบนหน้าบล็อกนี้ได้
ก็เพราะโปรแกรม photoshop
จะเปลี่ยน "ตัวอักษร" ให้เป็น "ภาพอักษร"
ซึ่งภาพอักษร ก็คือ ภาพๆ หนึ่งนั่นเอง
จึงไปปรากฏที่เครื่องไหนก็ได้
โดยที่เครื่องๆ นั้น ไม่ต้องมี font พิเศษเหล่านี้ติดตั้งไว้

ดังนั้น จึงไม่สามารถใช้ font พิเศษเหล่านี้
เขียนเป็นกลอนในบล็อกได้
เนื่องจากที่บล็อก ใช้ได้แต่อักษรมาตรฐาน
ที่ติดตั้งมาพร้อมกับโปรแกรม windows เท่านั้นค่ะ

เอาไว้จะลองเปลี่ยนภาพ background ให้
แต่อาจจะไม่ใช่ภาพนกสดายุ
พี่เห็นว่าอย่างไรคะ

 

โดย: นางเอง IP: 203.113.36.13 12 กรกฎาคม 2549 12:45:29 น.  

 

...ชอบเพลงนางครวญ
กับกลอน....

 

โดย: ไกลแสนไกล IP: 202.28.66.23 13 กรกฎาคม 2549 11:12:32 น.  

 

น้องนาง
เปลี่ยนได้เลย
พี่ว่ารูปนางอัปสรในบล็อคน้องก็สวยนะคะ
แต่ว่ารูปที่สวยๆคงมีมากมาย
น้องเป็นธุระให้พี่แล้วกันนะคะ

 

โดย: พี่ IP: 193.173.157.254 13 กรกฎาคม 2549 14:45:33 น.  

 

สวัสดีครับ

รักบังใบ
บทนี้ที่จริงทะยอยเขียนไปเรื่อยๆ
ไม่ได้จบในครั้งเดียว
เพียงแต่ยังรักษาอารมณ์ได้ต่อเนื่อง



ไกลแสนไกล
เพลงไทยเดิม ออกจะเศร้าไปนิด
กลอนจึงตั้งใจเขียนให้รับกับเพลง ก็เลยต้องเศร้าตาม
คน ก็ย่อมเหงาๆอยู่ตอนเขียน

 

โดย: สดายุ IP: 193.173.157.254 13 กรกฎาคม 2549 14:49:08 น.  

 

"ตราไว้ในดวงใจ"
แม้วันเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด
กลับยิ่งชัดเจนตราตรึง....


....ความรู้สึกที่บอกได้เป็นแบบนี้...จริงจริง

 

โดย: IP: 202.28.66.23 IP: 202.28.66.23 13 กรกฎาคม 2549 15:25:59 น.  

 

ไกลแสนไกล

จิตใจคนเรา บางครั้งกลอกกลิ้ง
บางครั้งเสแสร้ง
จนตัวเราเองยังคาดไม่ถึง

บุรุษหนุ่มมากรัก
ดรุณีริรัก
เคยร่วมกันสร้างสรรค์วีรกรรมมานักต่อนัก
และเคยร่วมกันสร้างโศกนาฏกรรมมาไม่น้อยกว่ากัน

รู้ตน
และจักรู้ ผู้อื่นในที่สุด

 

โดย: สดายุ IP: 58.136.203.220 13 กรกฎาคม 2549 21:36:45 น.  

 

...ขอบคุณ.....ขอบคุณมาก.....

 

โดย: IP IP: 202.28.66.23 14 กรกฎาคม 2549 13:13:17 น.  

 

มนุษย์เรา
เพียงเพราะหน้าตา
ถึงกับอาจทำได้ทุกอย่าง
กระทั่งถึงกับขายจิตวิญญาณของตัวเอง

เพียงแต่มักลืมคิดไปว่า
สุดท้ายแล้ว ตัวเองจะได้อะไร ?

 

โดย: สดายุ IP: 58.136.203.190 14 กรกฎาคม 2549 21:30:11 น.  

 

...2....สถานสงบในโลกลดลงทุกวันแต่พอยังค้นพบ
ความสงัดในจิตเกิดได้ยากกว่านัก
แม้สำเนียงภายนอกเงียบลง
แต่เสียงภายในยังกึกก้องฟุ้งซ่านเต็มที่
จิตใจโลดแล่นตามสิ่งมาสัมผัส
และแม้เมื่อภายนอกเลือนรางไปแล้ว
จิตก็ยังขบเคี้ยวซากแห่งอดีต
คือความทรงจำไม่ลดละ

ความอยากแยกผู้อยากออกจากสิ่งอันน่าใคร่
เกิดการดิ้นรนโลดแล่นเข้าหา
อัตตาเกิดขึ้น...
กาลเวลาเกิดขึ้นเมื่อใด
ความอยากสิ้นไป
อัตตาและกาลเวลาย่อมไม่ปรากฎ
ความสงัดแท้จริงเกิด
เมื่อความอยากทั้งหลายสิ้นลง

เพื่อการปรากฎของความสงัดอันยิ่ง
จิตจะต้องถูกชะล้าง
จากฝุ่นผงอันได้เกาะทับถมอยู่นานนับศตวรรษเสียก่อน
ประสบการณ์แห่งอดีต
ไม่ว่าปวดร้าวหรือหวานล้ำ
หยาบหรือประณีตจำต้องปล่อยวาง

จิตจะต้องปล่อยวางสิ่งทั้งหลายอันเคยใฝ่หา
สร้างสมและยึดมั่นไว้
เป็นต้นว่าทรัพย์สาร อำนาจ
ชื่อเสียงเกียรติคุณ สิ่งอันรักใคร่
ความรู้และแม้ความดีความชั่ว
เราจะต้องผ่านความตาย
แม้ชีพยังเต้นอยู่

ในความสงัดอันยิ่ง
ชีวิตและความตายกลมกลืนกัน
โลกและธรรมแยกไม่ออกจากกัน
ชั่วขณะจิตปรากฎเป็นนิรันดร


อ้างอิง ในความสงัด ...ระวี ...ภาวิไล...

 

โดย: IP IP: 202.28.66.24 15 กรกฎาคม 2549 13:29:33 น.  

 

คืออยากพูดสักหน่อย
กับสิ่งที่เอามาโพสต์

สิ่งที่คุณ ระวี ภาวิไล เขียน
เป็นโลกุตรธรรม
อันเป็นธรรมเหนือโลก
หากแต่ผู้เขียนยังอยู่ในโลกียะเท่านั้นเอง

ไม่ได้คิดว่าไม่ดี
แต่ใจที่ไม่เคยสัมผัสภาวะนั้นโดยตรง
ข้อเขียนย่อมมาจากการขบคิดเชิงตรรกะ
การอ่านการศึกษา มาอีกทีหนึ่ง

ที่จริงแล้ว อริยสงฆ์ ผู้สัมผัสรสแห่งโลกุตรธรรม
อย่างท่านพุทธทาส
เท่านั้นที่เขียนแล้วเราควรพิจารณาโดยแยบคาย

ขณะที่เราเองไม่อาจรู้ได้ด้วยใจตนเอง

เพียงแต่คนเราในระดับนี้
โลกธรรมพื้นฐานทั่วไป
ก็สามารถให้ความรำงับ สงบ ในจิตได้แล้ว
การไปอ่านในสิ่งที่เกินระดับจิตตน
จะเข้าใจ ได้อาจเสียเวลาเปล่า
และจำต้องเชื่อกันแต่ถ่ายเดียว

จับตา
ติดตาม
ความคิด
ทุกห้วงขณะจิต
เข้าใจ
รับรู้
และสังเกตผลจากทุกการตกกระทบ
กับสิ่งรอบตัว
ก็น่าจะเพียงพอ

 

โดย: สดายุ IP: 58.136.203.54 15 กรกฎาคม 2549 17:25:51 น.  

 

 

โดย: IP IP: 202.28.66.23 17 กรกฎาคม 2549 12:55:03 น.  

 

๐ ฝ่า..เชี่ยวกรากสายน้ำสีดำหม่น
สายน้ำที่ขุ่นข้น..ขุ่นจนขม
ค่อยปีนป่ายตีนต่ำขึ้นย่ำตม
แล้วถุยถ่มฝาดเฝื่อนให้เบือนเบา

 

โดย: สดายุ IP: 58.136.233.215 20 กรกฎาคม 2549 4:32:42 น.  

 

๐ แผงดาวผ่องเดือนพลันเลื่อนลับ
จมดับรอยเรียวเหลือเปลี่ยวเปล่า
พยับฝนคลุ้มคลั่งลอยตั้งเค้า
เมฆหม่นวาบเร้าด้วยเงาไฟ

 

โดย: สดายุ IP: 58.136.233.215 20 กรกฎาคม 2549 4:34:06 น.  

 




.....มีพบ... มีพลัดพราก...
โหยหา......ลืมเลือน....



........ความรักเป็นเช่นนี้ หรือไม่ใช่........

 

โดย: IP IP: 202.28.66.23 20 กรกฎาคม 2549 11:01:48 น.  

 


.ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสพบเจอ..คนธรรมดา.....บางคน
.............ที่มีจิตที่ใจสูงส่งเสมือนพระ ............


......และนอกจากนี้พบว่า คนแตกต่าง...
....พื้นฐานความรู้ความคิดแตกต่างกัน..

......การอ่านและการตีความแต่ละคนไม่เท่าเทียมกัน
...ทั้งนี้ล้วนมาจากภูมิหลังและสติปัญญาที่แตกต่างกัน

.....การศึกษาเรื่องราวในโลก บางครั้งจำเป็นต้องมีพื้นฐานก่อน.....แล้วจึงจะพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้น......

.......สิ่งที่นำมาโพสต์จึงเป็นเพียงต้องการความคิดเห็น...หรือมุมมองที่แตกต่างกันไป อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาความรู้ความคิดของผู้น้อยต่อไป ...ซึ่งขอขอบพระคุณ...

ผู้น้อยไม่ถนัดเขียนกลอน...
............ขอชื่นชมกลอนของท่าน....
........อยู่ไกลไกล......

ปล...............อาจารย์กำลังต่อขิม...เพลงนางครวญให้อยู่คะ ...จึงขออนุญาต....ใช้เวปนี้ของท่าน....ในการท่องจำโน้ต...


 

โดย: IP IP: 203.121.166.162 20 กรกฎาคม 2549 11:51:20 น.  

 

รัก
โกรธ
เกลียด
หลงใหล

ล้วนเป็นภาวะของอารมณ์
และจะจางคลายไปตามกาลเวลา
ตามหลัก อนิจจัง

อารมณ์ที่กอดเกี่ยวกับปัจจัยภายนอกตัว
ย่อมเป็นทุกข์
เนื่องจากปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งเหนือการควบคุม

การกอดเกี่ยวนี้เราเรียกนิวรณ์

แต่มันจะอยู่ได้ไม่นานนัก
กาลเวลารักษาได้ทุกความรู้สึก

 

โดย: สดายุ... 20 กรกฎาคม 2549 12:00:07 น.  

 

ภาพกุลสตรีนั่งตีขิม
รูปนี้ นับว่าเป็นภาพในฝัน
ของผมทีเดียว ที่จะเห็นในชีวิตจริง

เป็นสิ่งที่หลงเหลือมาจากอดีต
อันบ้างก็ยังอาลัยอาวรณ์อยู่อย่างไม่รู้คลาย

 

โดย: สดายุ... 20 กรกฎาคม 2549 12:09:33 น.  

 

.....เพลงนางครวญ เถา.......

.......สามชั้น
........โอ้ว่าป่านฉะนี้พระพี่เจ้า จะโศกเศร้ารัญจวนหวนหา
.........ตั้งแต่ไปแก้สงสัยมา ไม่เห็นขนิษฐาในถ้ำทอง

....สองชั้น....
พระจะแสนโศกสร้อยละห้อยไห้ ร้อยราชหฤทัยหม่นหมอง
จะดั้นด้นค้นคว้าเที่ยวหาน้อง ทุกประเทศเถื่อนท้องพนาลี

...........ชั้นเดียว
อกเอ๋ยทำไฉนจะได้รู้ ว่าน้องอยู่ประมอต้นกรุงศรี
แม้นใครทูลแถลงแจ้งคดี เห็นทีจะรีบมาด้วยอาลัย

(อิเหนา พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2)

..ขอนำมาฝากเป็นกำนัล....

 

โดย: IP IP: 202.28.66.23 20 กรกฎาคม 2549 12:38:15 น.  

 

ขอบคุณกับบทพระราชนิพนธ์
ที่นำมาลงไว้

เพลงนี้ชอบตั้งแต่ฟังครั้งแรกแล้ว
พอเห็นรูปคนตีขิม
ก็จะนึกถึงเพลงนี้
พอได้ยินเพลงนี้ก็จะนึกถึงคน...
ที่เอาเพลงนี้มาลงให้

ทั้งรูปทั้งเพลง
จากคนคนเดียวกัน

เป็นคน...ที่เหมือนในรูปวาดนั้น

 

โดย: สดายุ... 20 กรกฎาคม 2549 12:49:26 น.  

 

๐ เหยียบย่างจดเท้าย่างก้าวเคลื่อน
แถวเถื่อนทุกข์ทัณฑ์ก็สั่นไหว
ซอกซอนย้อนรัวถึงหัวใจ
แทรกใส่โทรมสิ้นจิตวิญญาณ

 

โดย: สดายุ... 20 กรกฎาคม 2549 12:52:56 น.  

 

๐ เถอะ..จะฝ่าหนามแหลมคอยแซมทิ่ม
แม้นต้องลิ้มร้อนเร่าคอยเผาผลาญ
พิษสงยังพอหยัดพอทัดทาน
พอขับขานลึกล้ำทุกร่ำร้อง

 

โดย: สดายุ... 20 กรกฎาคม 2549 12:54:06 น.  

 

๐ ไฟสรวงช่วงสายก่อนส่ายเลื้อย
พุ่งเฟื้อยเริงรุดแสงผุดผ่อง
นั่น..ควรใจบ่ายมุ่งหมายปอง
ความเรื้องรองเฉกไฟที่ไหม้ฟ้า

๐ ต่ำดินเศษขยะปลิวระพื้น
ลมตื่นปัดเปื้อนเต็มเถื่อนป่า
เหยียบเถิดเหยียบย่ำทั้งตำตา
ย่างเถิดย่างฝ่าท่ามตาตน

 

โดย: สดายุ... 20 กรกฎาคม 2549 12:54:56 น.  

 

.......คนเราล้วนเกิดมาจากรากเหง้า ของความรักโดยแท้
...........หากปราศจากเสียซึ่งความรู้สึกนี้
....โลกคงไม่เอื้อแก่การดำรงชีวิต

......และเพราะความรักมีค่าเกินกว่าที่จะลืม.......


....ขอบคุณ สำหรับบทกลอนอันไพราะที่ท่านรังสรรค์ขึ้นมาทิ้งไว้..ให้ได้จดจำกัน

 

โดย: me IP: 202.28.66.23 20 กรกฎาคม 2549 13:27:02 น.  

 

......คนเราล้วนเกิดมาจากรากเหง้าของความรักโดยแท้
....หากปราศจากเสียซึ่งความรู้สึกนั้น
...โลกคงไม่เอื้อแก่การดำรงชีวิต

และเพราะความรักมีค่าเกินกว่าการที่จะลืม

----บทกลอน ยังคงไพเราะเหมือนเช่นเดิม
....อันนำมาซึ่งคุณค่าที่ควรจดจำ

 

โดย: IP IP: 202.28.66.23 20 กรกฎาคม 2549 13:32:47 น.  

 

......และเพราะความรักมีค่าเกินกว่าที่จะลืม.......

บุรุษใดที่สามารถทำให้จิตใจสตรี
มิอาจลืมเลือนเขาได้ตลอดกาล

ต้องนับว่าเป็นยอดบุรุษผู้หนึ่ง

 

โดย: สดายุ... 20 กรกฎาคม 2549 14:52:19 น.  

 

เขียนให้

๐ รักลึกล้ำตราบสิ้น…..….ชีพสลาย
แจ้งยิ่งสุริยะฉาย…….…...ช่วงฟ้า
กี่วงวัฏฏ์อาจวาย….…..…วางเทวษ หนอพี่
รำลึกทุกเหว่ว้า…………...สวาดิย้ำจำยอม

 

โดย: สดายุ... 20 กรกฎาคม 2549 16:25:12 น.  

 

๐ ใดเล่าอาจหักล้าง......วงกรรม
ยกจิตพ้นด้วยสัม-.........ฤทธิ์รู้
เท่าทันทุกช่วงบำ.........เรอบท นั้นนา
ใดหนึ่งใดนั้นผู้.............ผ่านพ้นจนพอ

 

โดย: สดายุ... 21 กรกฎาคม 2549 9:14:01 น.  

 

๐ ละห้อยพลอยเหนี่ยวโน้ม......ปรารถนา พี่เอย
ใจหนึ่งใจเสน่หา...................ห่อห้อม
จดจ่อเนื่องทุกปรา-................กฎสู่ จิตนา
รักหนึ่งรอแนบน้อม................ร่วมรู้เพียงเรียม

 

โดย: สดายุ... 21 กรกฎาคม 2549 10:10:19 น.  

 




...............ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด

..................ตราบชั่วฟ้าดินสลายไม่คลาย.....รักเธอ


.........ขอบคุณที่ให้นกร้องเพลง..
........ขอบคุณสำหรับทุกๆสิ่ง......

 

โดย: Ip IP: 203.121.166.162 21 กรกฎาคม 2549 10:38:26 น.  

 

ที่นี่เป็นเพียงพื้นที่
ของคนเขียนร้อยกรองคนหนึ่ง
คนที่ชอบร้อยกรอง
ย่อมสามารถเข้ามาอ่านได้ทุกเมื่อ

ความรัก
คงเป็นอิสรภาพหนึ่งเดียวในโลก
ที่กฎเกณฑ์ใดๆไม่อาจหยุดยั้งมันได้
ก่อเกิด ตั้งอยู่ หรือ ดับไป
ล้วนไม่อาจเหนี่ยวรั้งบังคับ

จริตสองจริต
ตั้งแต่เริ่มต้นสัมผัสกัน
จักยืนยาวแล้วค่อยๆโน้มเข้าหากัน
หรือค่อยๆแยกถ่างออกจากกันในที่สุด

ล้วนต้องให้ช่วงแห่งกาลเวลาเป็นตัวบ่งบอก

 

โดย: สดายุ... 21 กรกฎาคม 2549 11:27:25 น.  

 

......"การรอคอยไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ไม่ว่าจะนานสักแค่ไหน ก็ทำให้ทรมานใจได้ทุกครั้ง แม้จะสักแค่เพียงอึดใจเดียว"....


...



....อนึ่ง......ยังต่อเพลงนี้ไม่จบเลย....ยังคงต้องฟังกันอีกนาน..
....เพราะเวลาเหงาถึงเหงามากมาก ก็มีเพียงขิมเท่านั้นที่คอยเป็นเพื่อน....

........คงต้องจดต้องจำให้ขึ้นใจ.......

.....ทำให้นึกถึงคำที่อาจารย์สอนว่า..
.....เพลงไทยเดิมบางเพลง..คนเล่นจำกันมาข้ามภพข้ามชาติกันเลยทีเดียว

 

โดย: ip IP: 202.28.66.23 21 กรกฎาคม 2549 13:11:41 น.  

 

๐ บุพกาลเบื้องพู้นผ่านสูญว่าง
เมื่อดาวพร่างเวหาเลื่อนราศี
อานุภาคพุ่งพล่านนับนานปี
ยังคงลีลาศตอนเหมือนก่อนนั้น

๐ เคลื่อนปวงธาตุสัมพันธ์มาบรรจบ
แต่งชาติภพขันธ์ใจพร้อมไหวหวั่น
ให้ก้าวย่างเคลื่อนคล้อยกลางรอยทัณฑ์
ตราบเวียนวนในวันไม่เว้นวาย

 

โดย: สดายุ... 21 กรกฎาคม 2549 21:07:50 น.  

 

 

โดย: ip IP: 202.28.66.23 23 กรกฎาคม 2549 10:52:53 น.  

 

เมื่อวาน ไปอยุธยามาค่ะ
คิดถึง...กลอนบทนี้
คิดถึง..คนเขียนบทนี้

 

โดย: น้องเอง IP: 203.113.36.8 24 กรกฎาคม 2549 12:20:26 น.  

 

 

โดย: ip IP: 202.28.66.23 24 กรกฎาคม 2549 13:48:26 น.  

 

ไกลแสนไกล

ถึงไม่ลงชื่อก็พอเดาออกนะ
เรียนขิมไปถึงไหนแล้วล่ะ
คนชอบดนตรีไทยนี่
มักจะมีหัวอนุรักษ์นะ

อยากจะเดาว่า
คงชอบชีวิตแบบใน สี่แผ่นดิน ของหม่อมคึกฤทธิ์
หรือไม่ก็ ร่มฉัตร ของทมยันตี
การแต่งกาย
คำพูดคำจาของคนยุคนั้น

ถ้าเป็นเช่นนั้น
ก็แสดงว่าชอบเหมือนกัน
แต่ผมชอบไกลไปถึงแบบใน สายโลหิต
ของโสภาค สุวรรณ โน่น

 

โดย: สดายุ... 24 กรกฎาคม 2549 19:59:02 น.  

 

น้องนาง
ชื่นใจจริง......มีคนคิดถึง........

ไปดูอุทยานประวัติศาสตร์หรือเปล่า
แล้วเห็น...อะไร...เดินออกมาจากเจดีย์เก่าบ้างคะ

พี่เคยไปยืนเพ่งตั้งนาน
อยากเห็นชายสไบปลิวสักแว๊บ ให้พอชื่นใจ
พร้อมผมทรงกระพุ่ม ก่อนเดินลับหาย
ไปกับเหลี่ยมเจดีย์
แต่ผิดหวัง สงสัยความถี่แสงของยุคนั้น
ยังปรับได้ไม่ตรงกับนัยน์ตาพี่
อิๆๆ

 

โดย: สดายุ... 24 กรกฎาคม 2549 20:04:45 น.  

 

พี่สดายุ

สงสัยความถี่แสงของยุคนั้น
คงยังไม่ตรงกับตานางเหมือนกันค่ะ

แต่ดีแล้วนะคะ
ที่พี่ไม่เห็นชายสไบใครเข้า
เพราะ ประเดี๋ยวพี่เกิดเดินตาม
แล้วหายเข้าไปในเจดีย์
คงมีบางคนแถวนี้ เสียใจมากๆ

 

โดย: นางเอง IP: 221.128.102.90 25 กรกฎาคม 2549 5:36:52 น.  

 

สวัสดีคะ..ท่านสดายุ.และท่านนางเอง

...เรียนได้4เพลงแล้วคะ
ส่วนนางครวญเพิ่งได้ท่อนแรก...
.....ดนตรีไทยถ้าไม่คล่องจริงๆครูจะไม่ต่อเพลงใหม่ให้คะ

...สำหรับหนังสือที่ท่านกล่าว...อ่านหมดทุกเล่มแล้วคะ
....หนังสือก็คือหนังสือ...

.....ท่านคงจะเชื่อเรื่องชาติภพนะคะ..

..แม่ครู..ของผู้น้อย...บอกว่า...ผู้น้อยเคยเกิดในดินแดนภูเขาในที่ราบสูงที่หนาวเย็นและไกลมาก

และภพซ้อนภพ...เคยเกิดในดินแดนทะเลทรายหลายพันปีมาแล้ว

...เคยเกิดในสมัยอยุธยาช่วงเสียกรุงฯครั้ง ที่ 2

....สุดท้าย เคยเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5ตอนต้น การตายครั้งครั้งล่าสุด...อยู่ในเรือ....จมน้ำคะ.......

...ท่านเชื่อไม่.......

...ณ.ปัจจุบันอะไรที่เคยเป็นสัญญาเก่าที่เคยทำไว้
ก็ต้องกลับมาทำเหมือนเดิม......ตามที่ท่านกล่าวในกลอนนี้ละคะ....

...เวลาไปอยุธยา..ทรมานมาก...ใจจะขาด

หรือเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา ....ว่ายน้ำเป็นแต่ก็กลัวน้ำมาก..

...ต้องมานั่งเล่นขิม จัดดอกไม้ แกะสลักผักผลไม้ ทำขนม อาหาร..(ส่วนใหญ่ทำถวายพระ) ...พูดเสียงดังก็ไม่ได้ แต่งตัวไม่เรียบร้อยก็ไม่ได้ และต้องสวดมนต์ทุกวัน

.....ผมตัดสั้นก็ไม่ได้...

...ถึงกระนั้นก็...ไม่มีสัญญาเก่า ในเรื่อง แต่ง โคลงฉันท์กาพย์กลอน ..เพราะในอดีตกาล ผู้ชายเท่านั้น....ที่จะได้เล่าเรียนฝึกฝนใน....เรื่องเล่านี้....


.....และสุดท้าย คนเป็นแบบนี้ต้องทำงานรับใช้แผ่นดินเท่านั้น...ซึ่งเหนื่อยเหลือเกิน...

...และสุดท้ายของสุดท้าย มักจะเป็นคนอาภัพ....(สาเหตุมาจาก"กรรรม")


(พูดมากเกินไปแล้ว...)


 

โดย: ไกลแสนไกล IP: 202.28.66.23 25 กรกฎาคม 2549 12:21:25 น.  

 

น้องนาง

สิ่งหนึ่งที่ปรารถนาในใจพี่
คือ ได้ย้อนกลับไปอย่างในนิราศสองภพ
โดยเฉพาะช่วงปี ๒๑๐๐ ต้นๆ ยุคพระนเรศวร
เสียกรุงครั้งแรก ๒๑๑๒ ใช่ไหม
ตอนนั้นพระองค์ท่าน เพิ่ง ๙ ขวบ

อยากเห็นองค์จริง
อยากเห็นตอนทัพบุเรงนองมาล้อมกรุง
อยากเห็นพระน้องนางเธอขององค์พระมหาอุปราชา
อยากเห็นตอนชนช้างกัน

คงต้องรอ time machine




ไกลแสนไกล

ไม่ต้องเรียกผมว่าท่านหรอก
ผมไม่ใช่คนใหญ่โตมาจากไหน
คนธรรมดา

แล้วอีกอย่าง คำลงท้ายประโยคบอกเล่า
ใช้ ค่ะ หรือ ขะ ก็ได้เสียงเดียวกัน เขาไม่ใช้ คะ
เพราะมันเป็นประโยคคำถาม เวลาฟังไม่ถนัด
แล้วต้องการให้ผู้พูด เขาพูดอีกครั้ง

เรื่องชาติภพ
เป็นเรื่องต้องพูดกันมาก ยืดยาว
ไปอ่านความคิดผมในประเด็นเหล่านี้
ได้ใน กระทู้โคลง บท โคลงเคลง

ที่เขียนในร้อยกรองส่วนใหญ่เพียงเพื่อ
ให้สอดคล้อง
กับความเชื่อของคนส่วนใหญ่
ออกแนวโรแมนติก จารีตนิยม
อันครอบคลุมสังคมไทยอยู่
อันสืบเนื่องมาแต่ไตรภูมิกถา

ที่เล่ามาก็ ขอรับทราบละกัน
ที่อยากทราบกว่าคือ...
แม่ครู..ของผู้น้อยน่ะเป็นใคร ?

การพูดแบบนี้แสดงถึงอะไรรู้ไหม ?
คุณวิเศษในตน

คนที่จะรู้อดีตได้ ต้องมีคุณสมบัติอะไร ?
๑ ต้องได้อภิญญาหก หรือ
๒ ต้องมี วิชชาสาม อย่างใดอย่างหนึ่ง
คุณสมบัตินี้เป็นผลพลอยได้จากการฝึก
จิตอย่างเข้มข้น ระดับสำนัก อาฬารดาบส
และอุทกดาบส ในสมัยพุทธกาลโน่นทีเดียว

ส่วนแบบอย่างฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง
หรือ หลวงพ่อเกษม เขมโก
ที่ลูกศิษย์ลูกหาบางส่วน
อาจศรัทธาเชื่อมั่นอยู่บ้าง
ผมไม่มีความเชื่อเช่นนั้น

ส่วนที่ว่า
....สุดท้าย เคยเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5ตอนต้น การตายครั้งครั้งล่าสุด...อยู่ในเรือ....จมน้ำคะ.......

พูดถึงก็นึกถึง พระนางเรือล่ม ขึ้นมาทันที

สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระพี่นางเธอองค์โต พระราชธิดาในพระจอมเกล้าฯ กับเจ้าจอมมารดาเปี่ยม จากสายสกุล สุจริตกุล....สิ้นพระชนม์เพราะเรือล่ม

สมเด็จพระพันวสาอัยยิกาเจ้า พระขนิษฐาองค์รองหรือ
สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระราชมารดาใน
เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ มกุฏราชกุมารองค์แรกแห่งสยามประเทศ และเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช พระราชชนกในรัชกาลปัจจุบัน

พระขนิษฐาองค์สุดท้อง
สมเด็จพระพันปีหลวง หรือ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระราชมารดาใน รัชกาลที่ ๖ องค์มกุฏราชกุมารองค์ที่สองแห่งสยาม และ รัชกาลที่ ๗

ตำแหน่งพระพันปีหลวง
คือผู้เคยทรงเป็นสมเด็จพระราชินี แล้ว มีพระราชโอรส
ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดา
.....................................

เพียงแต่หากความเชื่อใดก็ตาม
เป็นสิ่งที่ส่งเสริมจิตใจให้มั่นคง
ต่อความดีงาม ความเชื่อนั้นก็ควรแก่การส่งเสริม
ให้สถิตถาวรตลอดไป ในคนนั้นๆ

สิ่งนี้ย่อมเป็นอุบายวิธี
ในการที่พระร่วงท่านทรงรจนา ไตรภูมิกถา
อันถ่ายทอดความเห็นจาก วิสุทธิมรรค
มาอีกต่อ อันเหมาะสำหรับ
สภาวะจิตระดับที่เหมาะแก่จริตในทางศรัทธาเท่านั้น

เพียงแต่หากมีปัญญาพอจะแทงทะลุ
อุบายเหล่านี้ไปได้แล้วล่ะก็
พึงหันไปอ่านงานท่านพุทธทาสเถิด
จิตจะก้าวหน้าต่อๆไปยิ่งขึ้น

ลองไปอ่าน....สุญญตา...ของท่านพุทธทาส ดู
และหากเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วล่ะก็
อาจทำงานโดยไม่เหนื่อยเลยก็ได้

 

โดย: สดายุ IP: 58.136.203.119 25 กรกฎาคม 2549 23:25:13 น.  

 

อ้าอะรุณแอร่มระเรื่อรุจี
ประดุจมโนภิรมระตี ณ แรกรัก
แสงอะรุณวิโรจน์นะภาประจักษ์
แฉล้มเฉลาและโศภินัก นะฉันใด
หญิงและชาย ณะยาระตีอุทัย
สว่าง ณ กลางกะมลละไมก็ฉันนั้น

แสงอุษาสะกาวพะพราว ณ สรรค์
ก็เหมือนระตีวิสุทธ์อันสว่างจิต
อ้าอนงคะเชอญดำเนิรสนิธ
ณ ข้างดะนูประดุจสุมิตร์ มโนมาน
ไปกระทั่ง ณ ฝั่งอุทกอะจิระธาร
และเปล่งพะจี ณ สัจจะการ ประกาศหมั้น
ต่อพระพักตร์สุราภิรักษะอัน
เสด็จสถิต ณ เขตอะรัณยะนี้ไซร้
ว่าดะนูและน้องจะเคียงคระไล
และครองตลอด ณ อายุขัย บ่คลาดคลา

(บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ จากเรื่องมัทนะพาธา)


 

โดย: บูรพกาล IP: 203.113.86.156 26 กรกฎาคม 2549 13:22:53 น.  

 

 

โดย: บูรพกาล IP: 203.113.86.156 26 กรกฎาคม 2549 13:37:23 น.  

 

บูรพกาล

ยกเอาอีทิสังฉันท์ ๒๐
บทเก่งของรัชกาลที่๖ มาลง
ไม่ทราบว่าเป็นคนเดียวกับ
ไกลแสนไกล หรือเปล่า

อยากจะเดาว่าเป็นคนเดียวกัน
สังเกตเวลาที่มาลงชื่อไว้ ช่วงตั้งแต่ ๑๐ โมงเช้า
ถึงบ่ายโมงกว่าๆ ไม่ก่อนไม่เกินจากนี้
โดยตลอดมา

เวลาที่บันทึกเป็นเวลาไทย
เทียบเป็นเวลาในยุโรปประมาณ ตี๔ ถึง ๗โมงเช้า
เวลาก่อนทำงาน สำหรับคนตื่นเช้า

เทียบเป็นเวลาอเมริกา ประมาณ ๔ทุ่ม ถึง ตี๑
เวลาก่อนนอน สำหรับคนนอนดึก

รูปที่นำมาลงไว้สวยงามมาก ถูกใจทั้งสองรูป
โดยเฉพาะรูปล่าง เหมาะจะเอาไปใช้ประกอบ
ร้อยกรอง....ขอขอบคุณ

๐ อัปสรจากฟากฟ้า......มาดิน ไฉนฤๅ
เหนี่ยวบุปผาหอมริน.....รื่นล้ำ
โดยพักตร์จักวายถวิล...เวียนสบ สิ้นฤๅ
ใจผ่านใจพลุ่งน้ำ.........ย่อมน้ำใจคน ฯ

 

โดย: สดายุ IP: 58.136.203.242 26 กรกฎาคม 2549 22:32:39 น.  

 

สดายุ



o ได้เห็นพระเพ็ญโฉม ดุจโสมสว่างหน
ราดเร้ากำเดาดล จิตเดือดบ่เหือดลง

o ศรทรงอนงค์แผลง พิษแสร้งจะเสียบองค์
ปักในหฤทัยตรง อุระแค้นเพราะแสนคม

o วันพบประสบพักตร์ ศุภลักษณ์มโนรมย์
อิ่มใจจะใคร่ชม บ่มิพริบกระหยิบตา

o เพ็ญโสมบ่เพ็ญศรี ดุจนี้ ณ เวหา
แสงส่องบ่ผ่องปรา กฎอย่างพระนางนวล

o งอนงามอร่ามโรจน์ ฉวิโชติประชันชวน
แข่งขันพระจันทร์บวรณ์ ศศิแน่จะแพ้นาง

o ยามยลพิมลโฉม อุระโหมพระเพลิงพลาง
ร้อนรักตระหนักกลาง จิตข้าศิขาดูร

o นางกลับและลับเนตร ก็เทวศทวีคูณ
เร่าร้อนบ่ผ่อนภูล พิษรักประจักษ์แด

o คิดไปก็ใจหาย เพราะกระต่ายจะหมายแข
เวียนหวังระวังแล ศศิไซร้บ่ไยดี

o อ้านางสอางรัตน วรขัติยนารี
โปรดด้วยอำนวยชี วะบ่ตัดสลัดตูฯ

(จาก นิทานเวตาล)


ท่านคิดผิดแล้ว
เรามิใช่ไกลแสนไกล
เราคือบูรพกาล
ผู้ผ่านมาพานพบกับ blog ท่าน

 

โดย: บูรพกาล IP: 203.113.86.156 27 กรกฎาคม 2549 10:46:41 น.  

 

...กราบขอบพระคุณ...

ท่านบูรพกาล....สำหรับรูปสวยมากคะ
..บังเอิญมีน้องเรียนทัศน์ศิลป์ เอกศิลปกรรมไทย......อยู่....เค้าคงชอบมาก...

...ท่านสดายุ....เคยชินเสียแล้วละคะ
ที่จะเรียกแบบนี้..(.ต่อไปจะไม่เรียกบ่อยๆละกัน)
....คำพูดมักเป็นดาบสองคมเสมอ....
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารทางเดียวคะ..
(สายตา น้ำหนักคำ ..ฯลฯ มันแสดงออกมาไม่ได้)

เวลาพูดคุยแบบนี้ รู้สึกเหมือนว่า" ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตาความมืดเท่ากันพอดี"

ก็ยังคงชินเขียน..คะ...แบบนี้เหมือนกันคะ...(ต่อไปจะไม่เขียนบ่อยอีกเช่นกันคะ)

ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำ.ญาติฝ่ายพ่องของผู้น้อยเกิดที่จังหวัดที่ท่านพุทธทาสอยู่ พวกเรานับถือท่านมาก...

...หรับผู้น้อย อดีตก็คืออดีต... ต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
มีบทบาทหน้าที่อะไรก็ทำไป

...การสนใจเรื่องราวอดีต ก็เพื่อเป็นบทเรียนในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันเท่านั้น....

.."...พูดถึงก็นึกถึง พระนางเรือล่ม ขึ้นมาทันที

.....สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระพี่นางเธอองค์โต พระราชธิดาในพระจอมเกล้าฯ กับเจ้าจอมมารดาเปี่ยม จากสายสกุล สุจริตกุล....สิ้นพระชนม์เพราะเรือล่ม"......

....ผู้น้อย...สงสารและอาลัยอย่างหาที่สุดมิได้
....สำหรับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระองค์นี้






 

โดย: ไกลแสนไกล IP: 202.28.66.23 27 กรกฎาคม 2549 11:42:20 น.  

 

บูรพกาล

รูปที่ลงไว้สวยงามถูกใจทุกรูป
ท่าทางจะชอบงานศิลปะสินะ
คงเหมือนผม ชอบแต่ไม่ได้ร่ำเรียน

ชอบฉันท์หรือครับ

๕๗. ศรีศรี..กวีลิขิตะภาษ
นยะปราชญะเกริกไกร
พากย์กล่อมตะล่อมยุคะสมัย
พิเราะให้คระโหยหา

๕๘. ศรีศรี..วจีเสนาะสนอง
อุระต้องก็ตรึงตรา
ซ่านซึ้งระรึงสุขะสถา-
ปนะภาวะอาวรณ์

๕๙. บรรโลมกะโสมนัสภาค
อภิวากยาทร
บรรสมภิรมยะประอร
ก็สะท้อน ณ ท่วงที

๖๐. สมดังพลังอรรถะแถลง
ระบุแจ้ง ณ ธาตรี
ถ้วนเมืองกระเดื่องสุภะพจี
ระบุชี้ระบัดชม.....

บางส่วนจาก...อตีตา....

 

โดย: สดายุ... 27 กรกฎาคม 2549 16:34:03 น.  

 

ไกลแสนไกล
อยู่เมืองไทยหรือเปล่านี่

การสนใจอดีต
โดยเฉพาะหากเป็นอดีตของตนเอง
ใครเล่าจะหักห้ามใจได้
เพียงแต่ส่วนใหญ่มิอาจรู้ได้เท่านั้นเอง

อดีตมีส่วนทำให้เราภาคภูมิในตัวเอง
และบ้างบางส่วนก็อาจทำให้เรารู้สึกอดสู
ตัวเองได้เหมือนกัน

การสนใจใคร่รู้อดีตไม่มีอะไรเสียหาย
อย่างน้อย เราเองก็ภูมิใจได้ว่า
มีรากเหง้าเทือกเถาเหล่ากออยู่
มิใช่เฉกเช่นบรรดาจอกแหน
ที่ไร้รากยึด....อันสายน้ำจะพัดไป
ทางใดก็ย่อมได้

เรียนรู้ความถูกผิดของอดีต
เรียนรู้ความสามารถของบรรพชน
และมีสำนึกสำเหนียกในทุกการ
เข้ามีส่วนร่วมด้านจิตใจ

ท่านพุทธทาสนั้น
ท่านเป็นปูชนียบุคคลผู้ยิ่งใหญ่
อันยากจะหาได้ในรอบพันปีทีเดียว
เรานับว่าโชคดีที่เกิดมามีชีวิตอยู่
ร่วมสมัยกับท่าน

๐ อักษรสะท้อนรัถยะปราชญ์
คุรุชาติควรชม
สูงค่าสุภาษิตะผสม
อธิคมะควรหมาย

๐ บาลีวิถีอนัญะมรรค
บริรักษะบรรยาย
ปลดเท็จเผด็จมุหะสลาย
อภิปรายะเปรียบเปรย

๐ ซับซ้อนบวรธรรมะประจักษ์
สัจะลักษณ์รำเพย
ขับเขลาระเร้าอรรถะเฉลย
นยะเผยบ่อำพราง

๐ ปรารมภะข่มทิฐิวิบัติ
ทุระวัตระตัดวาง
ชูหลักมุนินทระถะถาง
ระดะขวางและคอยไข

๐ พ่างพูนจรูญสุริยะรัง-
สิมะปลั่งประกายไกล
โลมแถนและแดนทิพะไสว
ฤ ไฉนบ่เห็นสรวง

๐ อำพนพิมลรัศมิแข
ฤ จะแผ่จะเผยดวง
ยามวันถวัลยะยะยวง
บ่มิล่วงมิเลือนสี

๐ ร่วมปลงดรงคะพจนารถ
วิปลาสะวาที
ร่วมปรามเพราะทรามวุฒิวิถี
ปรัศนีประโคมขรม

๐ แด่...ผู้เพราะรู้อนัตต์ลักษณ์
พิเคราะห์หลักมุปรารมภ์
แด่...ผู้เพราะรู้ภิสะปฐม
ศิระก้มประนมกร.


 

โดย: สดายุ... 27 กรกฎาคม 2549 21:55:44 น.  

 

....พี่สดายุ

ขออนุญาต แวะมาทักทาย
คุณไกลแสนไกล และ คุณบูรพการ ที่นี่นะคะ


.....สวัสดีค่ะ คุณไกลแสนไกล
ยินดีได้รับรู้จักนะคะ

ได้ยินว่าหัดเรียนขิมอยู่ นางก็พอเล่นได้เหมือนกัน
แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ซ้อมเลย มือชักแข็งๆ แล้ว
หัดเล่นมานานหรือยังคะ

เพลงนางครวญเป็นเพลงที่ตัวเองชอบที่สุด
มาหัดเล่นขิม ก็เพราะเพลงนี้
แต่ต้องหัดอยู่นาน กว่าครูจะยอมสอนเพลงนี้ให้
แล้วคุณไกลแสนไกล ชอบเพลงไหนเป็นพิเศษคะ


.....สวัสดีค่ะ คุณบูรพกาล
ตอนแรกเข้าใจว่าเป็น
คุณไกลแสนไกลเหมือนกัน

อินทรวิเชียรฉันท์ จาก นิทานเวตาล
ที่นำมาให้อ่าน เพราะมากค่ะ
ภาพที่มาลง โดยเฉพาะภาพสุดท้าย สวยมาก
คงต้องขออนุญาต save เก็บไว้ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: เพรง.พเยีย IP: 221.128.109.107 28 กรกฎาคม 2549 5:23:21 น.  

 

"การสนใจอดีต
โดยเฉพาะหากเป็นอดีตของตนเอง
ใครเล่าจะหักห้ามใจได้
เพียงแต่ส่วนใหญ่มิอาจรู้ได้เท่านั้นเอง

อดีตมีส่วนทำให้เราภาคภูมิในตัวเอง
และบ้างบางส่วนก็อาจทำให้เรารู้สึกอดสู
ตัวเองได้เหมือนกัน

การสนใจใคร่รู้อดีตไม่มีอะไรเสียหาย
อย่างน้อย เราเองก็ภูมิใจได้ว่า
มีรากเหง้าเทือกเถาเหล่ากออยู่
มิใช่เฉกเช่นบรรดาจอกแหน
ที่ไร้รากยึด....อันสายน้ำจะพัดไป
ทางใดก็ย่อมได้"

(ไม่ว่าจะนานเพียงใด.....ก็ยังคงแต่งคำประพันธ์ได้ไพเราะเฉกเช่นที่เคยเป็นมา...ก็คงสมควรที่จะต้องภูมิใจจริงจริง)


สำหรับท่านเพรง.พเยีย
ยินดียิ่งเช่นกัน
ดีใจด้วยที่เล่นขิมได้...

..เพลงไทยเดิมทุกเพลงชอบหมดเลย
...เพลงนางครวญ เศร้าไป ....................

......ท่านทำเวปได้สวยและอนุรักษ์ความเป็นไทยได้ดีทีเดียว.. เวลาแต่งโคลงฉันท์กาพย์กลอน ถ้าใส่เพลงไทยเดิม....จะทำให้ได้กลิ่นอายเก่าเก่า ได้ดียิ่งขึ้นคะ

...ผู้น้อยชอบรูปเทพปักษี ที่ท่านนำมาลง...ทำให้นึกถึงป่าหิมพานต์...........

...ท่านบูรพกาล....

....ท่านคงจะกำลังนึกถึง บทกลอนหรือฉันท์ที่เกี่ยวข้องกับ ...ใครก็ตามที่เห็นภาพแล้วหลงใหลในภาพนั้น....


ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติคุยด้วยนะคะ

 

โดย: ไกลแสนไกล IP: 202.28.66.23 28 กรกฎาคม 2549 10:29:40 น.  

 

น้องนาง

ด้วยความยินดียิ่งค่ะ
การเข้ามาเยี่ยมเยียนด้วยน้ำใจไมตรี
ของคนที่รักชอบอย่างเดียวกัน หรือคล้ายกัน
ย่อมเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพ
อันควรจดจำ

พี่ย่อมยินดีนัก
หากว่ามีมิตรภาพที่งดงามเกิดขึ้นใหม่ๆ
ในพื้นที่นี้






ไกลแสนไกล

ที่นี่ยินดีต้อนรับเสมอ .......
เจ้าของบ้านหากต้อนรับได้ไม่
อบอุ่นเท่าที่ควร
ย่อมสมควรให้อภัยให้มากไว้.....

ความคิดเห็นของปัจเจกชนที่ได้แสดงไว้
อาจเหมือนกันบ้าง ต่างมุมมองบ้าง
แต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงไม่เป็นเหตุทำให้
ห่างหายไป

บางครั้งการพูดคุยด้วยอารมณ์ที่หนักแน่น
เยือกเย็นและเป็นกลางด้วยกันของคู่สนทนา
ก็สามารถทำให้คนเราเข้าใจกันและกันได้มากขึ้น

เข้าใจในอัตภาคที่ดำรงอยู่
และยินดีอยู่ด้วยอัตภาคนั้นๆ

 

โดย: สดายุ... 28 กรกฎาคม 2549 15:55:56 น.  

 

บูรพกาล

มีรูปนางรำที่สวยงามสดใส
มีภุชงคปยาตฉันท์ ๑๒ อันพร่างพราย
เพียงแต่ไม่ทราบว่าเป็นของท่านใดแต่งไว้

ฉันท์ชนิดนี้
คุณคมทวน ว่าไว้ว่ามีลีลาประดุจ
งูเลื้อยสมชื่อฉันท์

๐ พิจิตรนามพิรามนวล
ประดิษฐ์ควรกระบวนคำ
ประทับจิตสนิทจำ
จะล่วงนำลุสำนึก

๐ ประดุจว่าประดาหวัง
จะรู้สั่ง...และรู้สึก
ประเทียบทันจะบันทึก
ก็เมื่อตรึก...และนึกตรอง


เขียนสดหน้าจอ
ยังไม่งามนัก...ต้องขออภัย

แต่อย่างไรก็อยากจะเชื้อเชิญ
ให้มาคุยด้วยกันบ่อยๆละกัน นะเจ้าคะ

ยินดีต้อนรับ ทุกเมื่อเชื่อวันขอรับ

 

โดย: สดายุ... 28 กรกฎาคม 2549 16:44:35 น.  

 

"เข้าใจในอัตภาคที่ดำรงอยู่
และยินดีอยู่ด้วยอัตภาคนั้นๆ"

......ขอบพระคุณที่เข้าใจ...
....อย่ากังวล...ในทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการพูดคุย....เลย.
....น้อยคนนักที่จะมีคนพูดคุยกับผู้น้อยรู้เรื่อง..
....ยังคงอยู่ตรงนี้... ถ้าจะไป....เมื่อไรจะมาลา...

......เวลาผ่านไป..........ท่านเยือกเย็นลงแล้วจริงจริง....

.....ท่านบูรพกาล.....

...ผู้น้อยจะอยู่ใกล้หรือไกล..อยู่ที่จิตของท่านบูรพกาลเอง..

....ถ้านึกถึงกัน...จิตก็จะผูกพันกัน...ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ใกล้กัน ..ถ้าไม่นึกถึงกันหรือลืมเลือนกันไป ก็เปรียบ
เสมือนกับว่า... เราอยู่ไกลกัน...ไกลแสนไกล......

"ณ ข้างแรมบ่เห็นองค์
พระจันทร์เจ้า ณ ราตรี..."
.
...ผู้น้อยเองยังอยาก...ชื่นชม "จันทรา" เพราะมองเห็นคราวใด ทำให้รู้สึก"อิ่มอุ่น".... จนยากที่จะบรรยาย

 

โดย: ไกลแสนไกล IP: 202.28.66.23 28 กรกฎาคม 2549 18:14:15 น.  

 

สวัสดียามสายค่ะ
...พี่สดายุ
...คุณบูรพกาล
...คุณไกลแสนไกล

ขอบคุณ คุณบูรพกาล...และ คุณไกลแสนไกล
ที่แวะไปเยี่ยมที่บล็อก
มีความรู้สึกว่า เรา...มีอะไรที่ชอบคล้ายๆ กัน
จึงยินดี และ ดีใจมาก ที่ได้รู้จักนะคะ



พี่สดายุ
ช่วงหนึ่ง..ที่มิตรภาพได้งอกงามเกิดขึ้น
แม้วันหนึ่ง อาจต้องห่างหายกันไป
ที่เหลืออยู่ ย่อมคือคุณค่า
อันควรจดจำ

นางเอง...ก็เช่นกันค่ะ

 

โดย: เพรง.พเยีย IP: 221.128.100.166 29 กรกฎาคม 2549 10:04:40 น.  

 

ไกลแสนไกล

อัตภาค ย่อมเป็นภาวะแห่งตัวตน
อันมีอยู่ในทุกผู้คน
การเปลี่ยนแปลงไปในทางใดทางหนึ่ง
ไม่ว่าร้อนขึ้น หรือ เย็นลง
ย่อมดำเนินไปภายใต้กฎอนิจจังนั่นเอง

ยังดีที่รอบแห่งสัญญาหนึ่งๆ
ถูกจำกัดด้วยสังขารขันธ์
อันไม่อาจทรงอยู่ ได้นานนัก
ไม่เกิน ๑๐๐ ปีเป็นส่วนใหญ่

หาไม่แล้วสัญญาในอดีต จะทำให้
จิตเราไม่อาจสงบรำงับได้เลย

ธรรมชาติ คงไม่ต้องการให้โลกวุ่นวาย
ไปด้วยความรัก ความแค้น อันย้อนไป
แก้ไขต้นเหตุไม่ได้อีกแล้ว

คงมีอย่างเดียวที่พอจะเชื่อมถึงกันง่ายหน่อย
บนฟ้านั่น..มีจันทร์เดียว..
เป็นจันทร์เดิมกับเมื่อ คืนเพ็ญวิสาขะ ริมฝั่งเนรัญชลา

 

โดย: สดายุ... 29 กรกฎาคม 2549 23:15:49 น.  

 

น้องนาง
นั่นเป็นสิ่งที่ควรไตร่ตรอง
โดยแยบคาย

คุณค่าบางอย่าง
หากว่าดำรงอยู่ในใจเราได้อย่างถาวรแล้ว
จักสามารถช่วยให้ผงธุลี
ในดวงตาเบาบางลง

และมีแต่ผู้มีธุลีในดวงตาบางเบาเท่านั้น
จะฝ่าห้วงทุกข์ผ่านพ้นไปได้

อัตภาคบางรูปแบบ
ดูเหมือนว่าธรรมชาติจะเป็นใจ
เพราะจะมีความเหมาะสมต่อการ
ดำรงคุณค่าบางอย่างได้อย่างถาวร..และเพิ่มพูน
และจะไม่ถอยกลับตลอดกาล

 

โดย: สดายุ... 29 กรกฎาคม 2549 23:22:59 น.  

 

 

โดย: ไกลแสนไกล IP: 202.28.66.23 31 กรกฎาคม 2549 12:16:47 น.  

 

 

โดย: สดายุ... 1 สิงหาคม 2549 12:23:23 น.  

 

...มาคุยให้ฟังถึง...เรื่องการฝึกขิม

...การเล่นขิมนั้น....

.....โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงนางครวญ...ครูจะสอนเกี่ยวกับอารมณ์เพลงในแต่ละห้องดนตรี...เช่น ช่วงนี้ต้องเศร้า... คร่ำครวญ อาลัย คนึงหา หรือโหยหา... แม้กระทั่งท่อนบางท่อน.....จะต้องนึกถึงความหลังที่เคยได้รับความอบอุ่น .แล้วบัดนี้ไม่มีอีกแล้ว....ซึ่งจะต้องถ่ายทอดออกมาเป็นอารมณ์ของดนตรีให้ได้........

......ครูจะนำซออู้มาเล่นคู่ด้วย ซอจะให้ความหวานได้มากกว่า เพราะการที่เราฝึกเล่นนั้น มือเราจะเล่นแข็งกว่าครูของเรา ดังนั้นเสียงซอของครูจะโหยหวล จนเราฟังเพลิน....กระทั่งลืมตีขิมไปเลยก็มี.......


....และที่สำคัญ ...ครูจะไม่ยอมให้จดโน้ต ต้องจำให้ขึ้นใจให้ได้...วิธีเดียวคือต้องฟังบ่อยๆ..

..กับสิ่งที่เขียน......ไม่ทราบว่าเบื่อที่จะอ่านหรือเปล่า.. ..
..

 

โดย: ไกลแสนไกล IP: 202.28.66.23 1 สิงหาคม 2549 13:26:19 น.  

 

ไม่เบื่อหรอก
ชอบอ่าน

ชอบอ่านเกร็ดความรู้แบบนี้
ที่หาอ่าน หารู้ได้ยาก
เพราะเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจง

ที่จริงอยากอ่าน
เรื่องที่...แม่ครู...บอกเล่าหลายๆอย่างด้วยนะ
ไม่ต้องเกรงว่าใครจะคิดอย่างไร
มาเล่าสู่กันฟัง

กำลังเขียนเรื่องย้อนอดีต
ชอบเพลง
ชอบรูป
ใน นิราศกาลเวลา มาก

อยากรู้เรื่องชีวิตคนในยุคอยุธยาตอนต้น
ให้มากกว่านี้
ส่วนใหญ่จะมีให้อ่านตั้งแต่ช่วง
พระเอกาทศรถลงมา ที่ฝรั่งบันทึกไว้

อยากรู้ช่วงเวลาสมัยพระบรมไตรโลกนาถ
ที่เข้าใจกันเองว่า
...ลิลิตยวนพ่าย...ถูกเขียนขึ้นมา
ไล่ๆกับ...โองการแช่งน้ำ
...ลิลิตพระลอ

 

โดย: สดายุ... 2 สิงหาคม 2549 5:43:13 น.  

 

...ดีจังที่ไม่รู้สึกเบื่อ....

...บางอย่าง...ถ้าไม่เกี่ยวข้องกัน.....จะไม่ได้พบได้เจอกัน...บางเรื่องถ้าไม่ได้รับอนุญาตเสียก่อน ก็จะฝืนไม่ได้.......

......นักเขียนในปัจจุบัน...ที่สามารถเขียนเรื่องราวเก่าเก่าได้...นักเขียนผู้นั้นจะต้องนั่งสมาธิ เพื่อให้จิตละเอียด เมื่อไปอยู่สถานที่ใด จะสามารถรับคลื่นหรือพลังงานที่ยังมีอยู่บางเบานั้นได้...และรู้ที่มาที่ไปของตัวเองเป็นอย่างดี ซึ่งรู้ได้เฉพาะตน...ต้องฝึก....การที่จะรู้อะไรต้องผ่านการฝึกฝนทั้งนั้น....เช่น ใกล้หลุมศพทหารญี่ปุ่นมีผู้หญิงไทยนั่งไหว้อยู่ หรือไปในสถานที่เก่าแก่โบราณ เรื่องราวต่างๆก็จะไหลมาให้ได้รับรู้ในมโนสำนึก....

.........ถ้าไม่มี ก็ต้องศึกษาแล้วจิตนาการ...อาจจะยากหน่อย...

.....เราถูกฝึกให้รำละคอน...ให้ฟังเพลงไทยเดิม โดยเฉพาะอย่างการทำอาหาร......ไปถวายพระ...

...ผู้หญิงไม่เคยได้ออกหน้าเลย นอกจากงานบุญ....
...และจะไม่ค่อยรู้เรื่องราวของฝรั่งเท่าไร..ที่จะชื่นชมหน่อยก็คนอังกฤษ ...ผู้หญิงไทยโบราณจะเก็บตัวมาก....ประตูหน้าต่างก็จะไม่เปิดมากนัก สมัยนี้เรียกว่าอยู่แบบทึมทึม...

...ในสมัยอยุธยาตอนต้น ...ท่านคงจะได้อ่านไตรภูมิพระร่วง... หรือราวสมัยในช่วงเสียกรุงฯครั้งที่หนึ่ง... ราชวงศ์พระร่วง ...ราชวงศ์อู่ทอง.... เราได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธ ร่วมทั้งพราหมณ์... เรื่องราวต่างๆมาจากศาสนาทั้งสิ้น ...อินเดีย ศรีลังกา....ฯลฯ ช่วงนี้เป็นช่วงปลอดฝรั่ง...

......คนสมัยนั้นอยู่กันอย่างสงบ...ลักษณะการแต่งตัวจากภาพยนต์เรื่องสุริโยทัยนั่นละ... เห็นจะใกล้เคียง....

.......วรรณกรรมในสมัยก่อน...ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชายเขียนทั้งสิ้น....ส่วนใหญ่เราจะศึกษาชีวิตของผู้แต่งท่านนั้นๆ ว่าได้รับอิทธิพลมาจากที่ใด....

...

 

โดย: ไกลแสนไกล IP: 202.28.66.23 2 สิงหาคม 2549 14:06:06 น.  

 

ส่วนเรื่องวรรณคดี

...ขอกล่าวเรื่องลิลิตพระลอ.....เป็นการชมผู้ชาย.......
....ควรอ่านพระยาอนุมานราชธนเขียนไว้.....

...ลิลิตยวนพ่าย.....ชื่นชมพระบารมีพระมหากษัตริย์....
..ยวน..อาจหมายถึงคนล้านนา.....

....โองการแช่งน้ำ...

...ทั้งหมดเป็นเรื่องเก่าแก่ หาคนแต่งไม่ได้ทั้งสิ้น....
......เราเปรียบกษัติย์เป็นสมมุติเทพ .....วรรณคดี ....ก็ต้องสอดคล้องกัน...ไม่ว่าจะเป็นการชื่นชมพระบารมี ความจงรักภักดี.....สังเกตได้ว่าจะเป็นภาษาที่เก่าแก่.....คณะพระครูราชพราหมณ์....ในราชสำนัก...มักจะเป็นคนแต่งถวาย.....

.

 

โดย: ไกลแสนไกล IP: 203.121.166.162 2 สิงหาคม 2549 14:23:35 น.  

 

..เรื่องราววรรณคดี...ว่างๆจะถามครูที่สอนดนตรีไทยให้...ครูเก่งเรื่องสุนทรียศาสตร์...

.....ความจริงถูกให้เรียนในเรื่องของการปกครองไทยเป็นส่วนใหญ่.....ดังนั้นการวิเคราะห์จึงเป็นไปในแนวทางการเมือง และการปกครองเป็นส่วนใหญ่

...เพราะถ้าเรียนการปกครองไทย ต้องอ่านตั้งแต่
พระไตรปิฎก.....ไตรภูมิพระร่วง...รามเกียรติ์....กฎหมายตราสามดวง..และสามก๊ก....ไม่ค่อยมีเวลาชื่นชมความงามของภาษาเท่าไหร่ ดังนั้นเรียกได้ว่าไม่มีความถนัด.....

 

โดย: ไกลแสนไกล IP: 202.28.66.23 2 สิงหาคม 2549 14:31:00 น.  

 

...อีกส่วนหนึ่ง...การชื่นชอบในนิราศ...หรือภาพบทกวี..
...มาจากสัญญาเก่า...การได้เกิดในยุคใด..มันมีตัวเชื่อมในช่วงนั้นนั้นมากกว่า ซึ่งไม่แปลก...

....ต่อให้เรียนวิทยาศาสตร์เก่งแค่ไหนก็ตาม..สัญญาเดิมก็ต้องมีติดมา...ทำอะไรมาก็ต้องทำอย่างนั้น ..ต่อเมื่อหลุดพ้นวงกรรมเมื่อใด..เมื่อนั้นก็จะหลุดจากสัญญาเดิมด้วยเช่นกัน.....


....ซึ่งคงไม่เพียงแค่ชอบ ถึงขั้นหลงใหลเลยทีเดียวล่ะ.....

 

โดย: ไกลแสนไกล IP: 202.28.66.23 2 สิงหาคม 2549 14:56:28 น.  

 

น่าภาคภูมิใจแทน
ผู้ที่กำเนิดมาในแวดล้อมที่สมารถเอื้อ
ต่อการส่งเสริม สืบสาน
สิ่งที่มีมาแต่ยุคเก่าก่อน

วิทยาศาสตร์
อาจก้าวหน้าไปมากมาย
จนละเลยบางเรื่องราว
และทอดทิ้งไว้ดุจกับอิฐก้อนเก่าเก็บ
แห่งปราสาทขอม

อธิบายด้วยวิทยาศาสตร์คงได้ว่า
คลื่นความถี่แสงที่สั่นอยู่ในจักรวาลนั้น
หากว่าเรามีเครื่องมือที่ไวมากๆจับได้
แล้วแปลงเป็นภาพบนจอรับที่ละเอียดมากๆได้

เราอาจสามารถเห็นภาพ ขบวนพระศพ
มหาราชที่ยิ่งใหญ่ของเรา เสด็จมาในขบวนทัพ
ที่กลับจากเมืองหางได้ในครั้งกระโน้นได้

ความถี่แสง และความเร็วแสง
โดยทฤษฎีแล้วมีความเป็นไปได้
ที่จะ..เห็น..สิ่งที่ผ่านมาแล้ว
อาจต้องรอเครื่องมือที่มีขีดความสามารถถึง
เท่านั้นเอง

 

โดย: สดายุ IP: 193.173.157.254 2 สิงหาคม 2549 15:22:50 น.  

 

การทราบจากข้อมูลประวัติศาสตร์ว่า
ต้นราชวงศ์จักรีเอง..สืบสายพระโลหิต
ย้อนกลับไปถึงเจ้าแม่วัดดุสิต
พระแม่นมในพระนารายณ์มหาราชผู้เป็น
หลานปู่ของพระเอกาทศรถ ในราชวงศ์สุโขทัย
(หากว่า เจ้าพระยากลาโหม..ซึ่งต่อมาเป็นพระเจ้าปราสาททอง-พระราชชนก เป็นบุตรที่กำเนิดกับหญิงสามัญชน
คราวที่องค์ขาวเสด็จประภาสต้นนั้น...เป็นเรื่องจริง)

ซึ่งดูๆจะย้อนกลับไปไม่ต่ำกว่า
๔ ถึง ๕๐๐ ปี นั้นเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก

(ราชนิกูล ในราชจักรวงศ์ ชั้นปลาย
มีฐานันดรศักดิ์ นำหน้าชื่อคือ
ม.จ. ...ม.ร.ว. และ ม.ล. เป็นที่สุด
เมื่อสืบสายต่อไป เป็น นาย นางสาว
จึงต้องมี ณ อยุธยา ต่อท้ายสกุล
ทั้งหมด)

อันนี้ไม่แน่ใจการสืบสายฐานันดรนำหน้าชื่อ
ครั้งอยุธยา เพราะไม่มีข้อมูลผ่านตาเลย
รอ เอื้อเฟื้อทางข้อมูลก็แล้วกัน

ความเป็นหญิง เป็นชาย
อาจเป็นเหตุให้แตกต่างกันโดยหน้าที่
อันแบ่งแยกชัดเจนในยุคสมัยหนึ่ง
ทำให้ความเท่าเทียมทางด้านการเรียนรู้
มีความลักลั่นอยู่มากทีเดียว

โอกาสที่หญิงยุคโบราณจะเขียนบทกวี
จึงยิ่งน้อยกว่าน้อย

หากแต่เชื่อมั่นว่าการกดขี่ทางเพศ
ของเราแม้นในสมัยต้นอยุธยาเอง
คงยังไม่ถึงพวกอาหรับในยุคสมัย
ปัจจุบันละกระมัง

ว่ากันว่า
จะดูว่าชาติใดมีอารยะเพียงไหน
ให้ดูสิ่งเหล่านี้ ว่ามีเป็นของตนเองหรือไม่

ภาษา
อาหาร
เครื่องแต่งกาย
ดนตรี

อเมริกา ออสเตรเลีย ออสเตรีย แคนาดา
อาร์เจนตินา บราซิล ละตินอเมริกา ทั้งหมด
คงนับไม่ได้
เพราะไม่มีภาษาเป็นของตนเอง

ไทยเรามีครบ
อาหารเลิศรส
เครื่องแต่งกายงดงาม
ภาษาอลังการ
ดนตรีเสนาะหู

แถมงานฝีมือสวยงามละเมียดละไม
การแกะสลักพืชผัก ผลไม้ งามจนสุดบรรยาย

ที่กล่าวมาเกือบทั้งหมด
หญิงมีบทบาทมากกว่าชาย
ยกเว้นเรื่องภาษาเท่านั้น
จงภูมิใจเถิด

 

โดย: สดายุ IP: 193.173.157.254 2 สิงหาคม 2549 16:06:40 น.  

 

อยากได้เพลงนางครวญ เพลงที่บรรเลงอยู่ใน web page นี้ จังเลย เพราะมาก จะทำยังไงดี
william_k316@hotmail.com

 

โดย: รัน IP: 202.12.74.7 22 มกราคม 2550 14:00:17 น.  

 

โค๊ดเพลงบรรเลงนี้
หัวและท้ายต้องมี...< และ > ตามลำดับ
ไม่แน่ใจว่าจะแปะที่นี่ได้หรือเปล่า


embed width="0" height="0" bgcolor="ffffff" autoplay="true" cache="true" enablejavascript="true" controller="true" autostart="true" filename="//www.freewebs.com/payear01/ThaiOldSong/ThaiSong_NangKroun_Prayuk.wma" showcontrols="true" showstatusbar="true" rate="1" balance="0" currentposition="0" playcount="10" currentmarker="0" invokeurls="true" volume="0" mute="0" enabled="true" enablecontextmenu="0" audiostream="true" autosize="0" animationatstart="true" allowscan="true" allowchangedisplaysize="true" autorewind="5" baseurl="" bufferingtime="5" clicktoplay="true" cursortype="0" displaybackcolor="0" displayforecolor="16777215" displaymode="0" displaysize="4" enablepositioncontrols="-1" enablefullscreencontrols="0" enabletracker="-1" language="-1" selectionstart="-1" selectionend="-1" sendopenstatechangeevents="-1" sendwarningevents="-1" senderrorevents="-1" sendplaystatechangeevents="-1" showaudiocontrols="-1" showpositioncontrols="-1" showtracker="-1" src="//www.freewebs.com/payear01/ThaiOldSong/ThaiSong_NangKroun_Prayuk.wma">

 

โดย: สดายุ... 24 มกราคม 2550 22:46:52 น.  

 

เพลงนี้ไช่ไหมที่เป็นเพลงตอนที่พระมหินได้เสียกรุงให้กลับพม่า

 

โดย: พรรคดาวดึงส์ IP: 58.9.128.252 1 กุมภาพันธ์ 2550 17:48:18 น.  

 

เศร้างะ

 

โดย: คนรักประวัติศาสตร์ IP: 125.25.80.57 16 กุมภาพันธ์ 2550 20:24:19 น.  

 

อยากได้เพลงอ่ะ หาที่ไหนค้า

 

โดย: han'lux IP: 58.8.183.207 24 มีนาคม 2550 16:48:58 น.  

 

อยากให้เว็บนี้อยู่ไปนานๆขอบคุณค่ะ

 

โดย: ไม่บอก IP: 222.123.14.226 7 พฤษภาคม 2550 14:39:14 น.  

 

เพลงนางครวญเล่นยากมากเลยค่ะ เล่นมาตั้งอาทิตย์ได้แค่ 14 ช่องดนตรีเอง ยังไม่จบท่อนแรกเละค่ะ

 

โดย: คนสกล IP: 58.147.80.123 11 พฤษภาคม 2550 17:12:59 น.  

 

เพลงนางครวญเล่นยากมากเลยค่ะ เล่นมาตั้งอาทิตย์ได้แค่ 14 ช่องดนตรีเอง ยังไม่จบท่อนแรกเลยค่ะ

 

โดย: คนสกล IP: 58.147.80.123 11 พฤษภาคม 2550 17:14:01 น.  

 

เศร้าจัง.....

 

โดย: ภูตร IP: 203.121.132.66 5 มิถุนายน 2550 17:15:49 น.  

 

เศร้าจัง.....

 

โดย: ภูตร IP: 203.121.132.66 5 มิถุนายน 2550 17:16:29 น.  

 

อยากได้เพลงนี้จังเลยครับฟังแล้ว "จับใจ"

 

โดย: อิศเรศร IP: 210.203.182.110 1 สิงหาคม 2550 0:34:39 น.  

 

พี่คะ อยากได้เพลงนี้มากเลยอะคะ พี่ช่วยส่งมาให้หน่อยได้ไหมคะ ขอร้องละนะคะ หาเพลงนี้ไม่ได้เลยสักที ต้องนำไปทำงานนะคะ ขอร้องพี่หาให้หน่อยแล้วช่วยส่งมาให้ที่ i_d_k_u@hotmail.com ถ้าพี่หาให้จะขอบพระคุณมากเลยนะคะ แต่ถ้าไม่ได้ก็คงจะไม่ได้จิงๆ คงต้องเศร้าใจมากแน่ๆ เลยคะ

สุดแสนสุด เศร้าใจ ในหัวอก
อุราฟก ช้ำยิ่ง จริงจริงหนอ
อยากได้เพลง นี้บ้าง ตั้งตารอ
ขอเถิดขอ เถิดนะ ส่งให้ที
หากได้แล้ว คงมีสุข ไร้ทุกข์โศก
ลืมวิโยค ความช้ำ ในทรวงนี้
ขอพี่เจ้า เมตตาน้อง หน่อยสักที
หากได้ดี แล้วจะกลับ ไม่ลับไกล

 

โดย: น้องอี๊ด IP: 158.108.54.59 30 สิงหาคม 2550 10:16:24 น.  

 

ยามลมหนาวคล้าวฝนระคนโศก
เคล้ากลิ่นโมกข์อกข้าจะแตกฉาน
ขาดตังเจ้าเฝ้าเคียงดั่งวันวาน
โอ้ดวงมาลย์ของข้าอยู่ที่ใด

 

โดย: เศร้าจัง IP: 222.123.194.31 13 ตุลาคม 2550 14:55:19 น.  

 

ยามลมหนาวคล้าวฝนระคนโศก
เคล้ากลิ่นโมกข์อกข้าจะแตกฉาน
ขาดตัวเจ้าเฝ้าเคียงดั่งวันวาน
โอ้ดวงมาลย์ของข้าอยู่ที่ใด

 

โดย: แก้ไข IP: 222.123.194.31 13 ตุลาคม 2550 14:58:08 น.  

 

นอกจากนี้ ผมยังค้นพบว่า คุณ สดายุ สนใจธรรมะอีกด้วย

ตั้งแต่เกิดมา ผมยังไม่เคย ทึ่ง ใครเท่านี้เลยครับ ชื่นชมจริงๆครับ

 

โดย: Rational Eagle 15 ตุลาคม 2550 22:59:51 น.  

 

เป็นเพลงที่ชอบมาก ฟังที่ไรนึกถึงสมัยเด็กๆ

 

โดย: คนรุ่นเก่า IP: 203.144.144.164 20 ตุลาคม 2550 10:21:59 น.  

 

ขอบคุณสำหรับ โค๊ดเพลงครับ เรียบร้อยครับ เพราะมากๆ

 

โดย: pojinban IP: 203.150.119.105 15 พฤศจิกายน 2550 10:45:03 น.  

 

คือนู๋อยากได้โน๊ตเพลงนางครวญอ่ะค่ะ โน๊ตขิมอ่ะค่ะ พี่สดายุช่วยส่งมาที่เมล์นู๋หน่อยนะค่ะ superpha@hotmail.com ขอบคุณมาก ๆ คะ ขอเร็วๆ หน่อยน่ะจ๊ะ

 

โดย: นู๋ภา IP: 203.113.41.134 25 มกราคม 2551 21:05:43 น.  

 

เข้ามา Blog นี้แล้วมีความสุขจังค่ะ
ชอบฟังเพลงไทยหวานๆ
ดนตรีไทยไพเราะมาก
ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆที่มอบไว้

 

โดย: pim IP: 124.120.66.117 23 กุมภาพันธ์ 2551 9:44:56 น.  

 

ว้าว แต่ละคน เก่งๆทั้งนั้นเลย เห็นแบบนี้แล้วเสียดแทงใจจัง แง้ ตอนสอบทั้งโอเน็ต เอเน็ต51น่ะ น้องเจ็บใจข้อที่เค้าให้บทประพันธ์ที่ติดกันมา แล้วถามว่าเป็นคำประพันธ์ชนิดใด แง้อีกรอบนะคะ น้องดันตอบกาพย์ทั้งสองครั้งเลย ทั้งที่เป็นฉันท์ทั้งคู่ เซ็งมากๆเลยค่ะ เสียไปแล้วสองคะแนน ทั้งที่ท่องจำครุ ลหุฉันท์ซะแม่น พอเอาเข้าจริงๆกลับไม่ได้ เศร้าอ่ะค่ะพี่ๆ ทำยังไงถึงจำพวกบทประพันธ์ได้ดีๆคะ บอกหน่อย พี่ๆที่น่าเคารพ ขอบคุณที่รับฟังเจ้าค่ะ

 

โดย: ว้าว IP: 118.174.50.196 13 มีนาคม 2551 22:43:34 น.  

 

อกเอ๋ยอกข้าจะขาดดิ้น ยามเมื่อสิ้นกลิ่นไอของพี่เจ้า
แม้นบ่ได้ยลเห็นหน้าก็ทำเอา หัวใจเหงาเศร้าวิญญาทุกคราเอย.


ต้องขอสวัสดีท่านผู้เป็นเจ้าของ ณ สถานแห่งนี้ด้วยนะเจ้า
เพราะชอบวรรณคดีไทย และอะไรที่เป็นไทยๆมากๆ พอเปิดมาเจอก็แบบใช่เลยน่ะเจ้าค่ะ ขอเป็นผู้มาเยือนที่เดินหลงเข้ามาแล้วได้ไออุ่นแห่ง ไอวรรณคดีแห่งกาลโบราณกาลติดตัวออกไปด้วยเถอะนะคะ

 

โดย: รันติกาล ยามราตรี IP: 118.175.133.219 26 มีนาคม 2551 14:13:45 น.  

 

ไม่น่าเชื่อ งดงามทั้งรูปลักษณ์ งดงามทั้งภาษาบ่งบอกถึงความงดงามทางจิตใจของคนที่เข้ามาเยีอน ดีใจที่ยังมีคนแบบนี้ในโลก หามาตั้งนาน แค่ได้มีโอกาสได้สัมผัสก็รู้สึกว่ามีกำลังใจ มีแรงแต่ยังสงสัยว่าโลกนี้ยังมีมุมแบบนี้ด้วยหรือ มีคนพูดเพราะๆ ด้วย รักทุกคนทั้งๆที่ไม่รู้จัก ทุกคนทำให้หายท้อค่ะขอบคุณนะคะ

 

โดย: รานี IP: 222.123.21.17 30 เมษายน 2551 9:08:07 น.  

 

ขอเข้ามาฟังเพลงด้วยคนนะ เพลงไพเราะดี ฟังแล้วมีความสุข ขอรบกวนช่วยหาเนื้อเพลงนี้มาลงให้ด้วยนะคะ และอยากได้เพลงที่วงสุนทราภรณ์เอาทำนองไปดัดแปลง เป็นเพลงนางครวญ ที่ร้องโดยคุณวรนุช อารีย์ค่ะ

 

โดย: pan IP: 125.26.41.180 16 พฤษภาคม 2551 13:55:33 น.  

 

คิดถึง........ก็เลยแวะมาทักทาย ตอนนี้เหงามาก แต่ก็เข้มแข็งนะ สวัสดีทุกๆคนค่ะ

 

โดย: รานี IP: 222.123.213.138 17 พฤษภาคม 2551 18:23:20 น.  

 

ยิ่งฟังยิ่งอิน สุดแสนเศร้าวังเวง เหมือนตอนเจ้าฟ้าไทยใหญ่ออกจากหอคำ เพราะถูกพวกพม่าเข้ามายึดหอคำ

 

โดย: จิ่งยุ้น IP: 118.173.157.40 26 พฤษภาคม 2551 10:20:44 น.  

 

แวะเข้ามาเยี่ยมค่ะ ยิ่งฟังยิ่งอิน เหมือนอยู่โลกส่วนตัวเลยค่ะ

 

โดย: จิ่งยุ้น IP: 125.24.118.116 9 มิถุนายน 2551 1:34:14 น.  

 

เพลงเพราะมาก....
นึกถึงตอนเสียกรุง เพราะคนไทยไม่รักและสามัคคีกัน ไทยเราจึงรบแพ้พม่า ...
ณ ปัจจุบันนี้คนไทยเราแตกแยกกันอีกแล้ว ...
... ถ้ายังเป็นอย่างนี้ ชาติไทยของเราจะเป็นอย่างไร ...

 

โดย: 12 IP: 202.47.227.17 8 สิงหาคม 2551 13:56:57 น.  

 

เพราะมากค่ะ ฟังแล้วมีความรู้สึกน้ำตาตกใน รบกวนขอไฟล์เพลงนี้เป็น .mp3 จะเป็นไปได้ไหมค่ะ หรือสามารถโหลดได้ที่ไหนบ้างค่ะ หรือจะกรุณาส่งมาทาง e-mail: apple.g.green@gmail.com

 

โดย: หยก IP: 203.185.133.8 15 กันยายน 2551 16:15:24 น.  

 

สวัดดีครับ รบกวนถามปัญหาหน่อยครับ ถ้าผมจะเอาเพลงนางครวญไปทําการค้า ผมต้องขออนุญาติใครหรื่อไม่คับ รบกวนท่านผู้รู้ด้วยคับ

 

โดย: kitano IP: 124.120.71.231 30 กันยายน 2551 5:57:34 น.  

 

ประทับใจบล็อคนี้มากค่ะ ชอบมากตั้งแต่แรกที่ได้เข้ามาสัมผัส

 

โดย: มาใหม่ IP: 117.121.208.2 9 ตุลาคม 2551 13:26:25 น.  

 

วรรณศิลป์สุดยอดครับ
(ดีใจได้โพสคนแรกในปี ๕๒)

 

โดย: มาใหม่กว่า IP: 58.147.35.77 13 มกราคม 2552 9:04:18 น.  

 

นางครวญ....ชอบชื่อนี้
ชื่นชอบภาพ..ในเว๊ปนี้มาก...สวยถูกใจไปหมด...

ขอร่วมครวญ.....


สิ้นสุดแล้วไอศูรย์พูนใจข้า
ไร้แววตาลาลับเลยเคยสดใส
มิเอื้อนเอ่ยเผยพร่ำร่ำลาไกล
เธอสิ้นไร้รอยรักเราเศร้าดวงมาลย์

เธอจากไกลไอศูรย์พี่ที่เคยเหงา
ไร้แม้เงาเคล้าคลอพะนอสาน
สิ้นอาลัยจากใจนี้พี่ร้าวราน
เธอลืมเลือนวันวานที่ผ่านมา

เหลือซากใจยับเยินเกินผสาน
อธิฐานคราญครวญใจหวนหา
ชาติภพใดขอได้พบคบนวลตา
ลบเลือนคราบมายาพาสุขใจ

ถ้วนโลกาฟ้าโพ้นไกลให้ได้รู้
ฉันยังอยู่..มิได้จาก..ฟากฟ้าใส
คิดถึงจวบชีพวายดับลับฟ้าไกล
ณ ที่ไร้....ฤทัยรัก...จักหมดกรรม....

 

โดย: ฟ้าไกล IP: 71.102.221.101 31 มกราคม 2552 1:14:03 น.  

 



บัวเข้ามาเพราะชื่อเป็นอันดับแรก แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ มิน่า ผู้คนถึงได้เยอะแยะมากมายในการเข้ามาเยี่ยมชมนะคะ คุณกาย

 

โดย: สโรชินี IP: 203.172.141.227 12 พฤษภาคม 2553 23:55:34 น.  

 



ร้อยดวงใจแทนถ้อยล่องลอยฟ้า
ปรารถนามุ่งมาดวาดฝันให้
ค่ำคืนนี้ส่งห้วงถึงดวงใจ
ให้อบอุ่นถึงใคร..คนไกลนั้น

คิดถึงจังค่ะ

 

โดย: Piyarat IP: 222.123.122.55 31 พฤษภาคม 2553 22:56:12 น.  

 



คุณกาย

บัวตามมาอ่านอีกครั้ง จะค่อยๆ ไล่ไปเรื่อยๆ นะคะ

 

โดย: บัว IP: 203.172.141.227 31 พฤษภาคม 2553 22:57:56 น.  

 

ชอบมากค่ะ

 

โดย: พัช IP: 192.168.30.254, 124.120.93.208 25 กรกฎาคม 2553 23:39:05 น.  

 

ชอบมากค่ะ

 

โดย: ืnapa_natt IP: 27.55.72.206 6 เมษายน 2558 23:07:09 น.  

 

เพลินเพลงเพลินกลอนอ่อนหวาน
สุดตระการหวานวับจับใจแสน
ฝันฟ้าคำจำนรรจาค่าใดแทน
ส่งแก้วแกนแว่นฟ้ามาบรรเลง

 

โดย: กฤษณา เวชศิลป์ IP: 171.4.238.107 24 กันยายน 2558 22:31:00 น.  

 

น่าทึ่ง ลองเข้ามาอ่านดู เขียนมาเป็นสิบปีแล้วหรือนี่

 

โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 1 สิงหาคม 2559 13:12:13 น.  

 



bloggang เริ่มมีเมื่อปี 2548 ครับ
ก่อนหน้านั้นก็เขียนเล่นในถนนนักเขียนพันทิป
และใน Thaipoem อยู่สัก 2-3 ปีครับ

 

โดย: สดายุ... 2 สิงหาคม 2559 19:26:16 น.  

 

ผ่านมาหลายปี ทักษะความชำนาญไม่ต้องพูดถึงกันเลยค่ะ

 

โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 3 สิงหาคม 2559 9:30:34 น.  

 

https://www.facebook.com/review.share2022

 

โดย: สดายุ IP: 184.22.179.156 7 กุมภาพันธ์ 2566 8:32:37 น.  

 

O ปีกกระพือ, การกระหยับ-ก็ขับเคลื่อน
กระซิบหนึ่งก็แย้มเยือนเข้าเตือนสมัย
จุดหมายคือ-รับรอง, ตรึกตรองนัย-
ที่แนบใส่แรงถวิลโบกบินมา
O ปีกลวดลายบ่ายหน้าเพื่อมาสู่-
การรับรู้รับฟังที่หวังว่า-
กระซิบคำ, ผ่องแผ้วแห่งแววตา
จักแนบปีกภุมราตอบท่าที
O เมื่อจวงจันทร์ครองฟ้าในคราค่ำ
ถ้วนดาวดื่น, หล้าต่ำ, ถ้อยคำพี่
จักโหมสู่โสตคะนึงด้วยถึงที-
ถมทับความใยดีผู้มีใจ
O ปีกลวดลายหายลับไปกับพลบ
โคมแห่งคบก็ขจ่างสว่างไสว
แรงถวิลที่โผนผกในอกใคร
เหมือนหวังให้อีกถวิลร่วมดิ้นรน !

 

โดย: สดายุ IP: 184.22.179.156 12 กุมภาพันธ์ 2566 17:57:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.