O รูปนามเจ้าเอย .. O

Giovanni Marradi - Garden of dreams and Poeme
O ลมยามเย็นโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน เมื่อความร้อนเพียบพูนค่อยสูญสลาย ความมืดมัวหม่นดำเริ่มกล้ำกราย เมื่อแสงปลายช่วงวัน .. ดับ-อันตรธาน O แว่วสรรพเสียงนกค่ำ .. เริ่มร่ำร้อง เมื่อคีตพร้องพร่ำศัพท์ขึ้นขับขาน ลมอุสุมโลมลูบต้องรูปคราญ เมื่อแก้วผ่านกรุ่นหอมมาล้อมรอ O เหมือนหรีดหริ่งเรไร .. นั้น-ให้เสียง- แทนสำเนียงพร่ำพร้องในห้องหอ พร้อมภาพกาลโน้มแนบ .. ร่าง-แอบออ เผยภาพขึ้นยั่วล้อ .. ให้ทรมาน O จาก .. ไปวัดทำบุญเพื่อหนุนชาติ- หวังป่นปราศ-โศกเศร้าคอยเผาผลาญ ถึง .. คำข้าวคำบวง .. เมื่อช่วงวาน- สุข-เอ่อซ่านอารมณ์ .. เกินข่มลง O จน .. คำพระกล่อมเกล้า .. เมื่อเข้าสาย ผ่านความหมายต่อเติมเข้าเสริมส่ง- เรียงร้อยบทพุทธธรรมให้ธำรง- อย่างมั่นคงแนบชิด .. กลางจิตใจ O ตราบ .. คู้ค้อมศีรษะกราบพระเจ้า หอมกลับเร้ารุม .. รม เกินข่มไหว แว่วศัพท์เสียง, ความ, คำ .. พร้อมกำไล- กรรทบให้ .. เงียบงัน .. สิ้น-อันตรธาน ! O รูปองค์พระสีทองงามผ่องใส เมื่อหัวใจรายล้อมด้วยหอมหวาน ธูป, เทียน, ช่อเสาวคนธ์ที่บนพาน ก็เผยผ่านครบครัน .. ในสัญญา O งดงามแห่งรูปเยาว์ในเช้าวัน- เหมือนรอโอบอุ้มขวัญกลางพรรษา แต่งรื่นรมย์โสมนัส .. ล่มศรัทธา- ด้วยแววตาปลาบปลั่ง .. ทอ-สั่งการ O หลัง..คำสอนความพระ .. เสียงจะแจ้ว คือเสียงรับคำแผ่ว .. ดังแว่วหวาน คล้าย-สะไบงามอะเคื้อ .. ห่มเนื้อคราญ- เผยภาพผ่านทับซ้อน .. แต่ตอนนั้น O สองมือเรียวกอบประนม .. หน้าก้มน้อม ผมหล่นล้อมรูปหน้า .. แววตาหวั่น- จากอุทธัจขัดเขิน .. มอง .. เมิน .. กัน จนอกใจระทึกสั่นแต่วันเพรง O ภาพเยื้องย่างก้าวคอย .. ชม้อยตา- พร้อมวงหน้างามพิสุทธิ์ - ค่อยรุดเร่ง- ขึ้นวอให้ทาสหญิง .. น้อม-กริ่งเกรง คอนขึ้นไหล่คร่ำเคร่ง .. รุดเร่งเดิน- O -นั้น-ยังคงติดตามจนยามนี้ ท่วงท่าที-มองสบ .. แล้วหลบ .. เขิน- หลัง .. แววตาโหมระลอก .. เฝ้าหยอกเอิน แรงสะเทิ้นในทรวงก็ช่วงแวว O มาบัดนี้ .. รูปองค์ที่ตรงหน้า, คำพูดจาอ่อนหวานที่ผ่านแว่ว- ราวเผยรูปงามพิสุทธิ์ .. ยื้อยุดแวว- ตา .. สบความผ่องแผ้ว .. ทุกแววตา O ยังคงเป็นโบสถ์พระ .. วาระนั้น จากแรกวันชาติภพ .. พานพบหน้า ยังคงเป็นท่วงที .. เคยมีมา งาม .. แจ่มจ้าในอกเกินยกพ้น O ตาสบรูป .. มือเรียว-ราวเหนี่ยวหน่วง- เอาความเงียบเหงาปวง .. พาร่วงป่น ตาสบตา .. ในอกก็วก .. วน- สั่นไหวอลเวงอยู่ .. ไม่รู้แล้ว O แล้วงามก็ลุกลามขึ้นท่ามกลาง- ความเวิ้งว้างล้อมห่มด้วยลมแผ่ว ความหวานซึ้งอบอุ่น .. ก็หมุนแวว- ตาผ่องแผ้วสบรู้ .. แรงชู้ชาย . . O ราว .. หัตถ์ทิพจับวางลงขวางหน้า ยั่วแววตาอ่อนโยนให้โชนฉาย- ความอาลัยอาวรณ์เกินผ่อนคลาย เผยรำบายสำหรับให้รับรู้ O เมื่อเผยรูปคอยล้อมไม่ยอมหลบ ทุกตาสบตากัน .. ฤๅ-กั้นอยู่- กับอ่อนหวานเพียบเพ็ญ .. ด้วยเอ็นดู เฝ้าเวียนเผยความสู่ .. ถึงผู้เดียว O เมื่อเผยรูปลักษณ์ล้ำ .. มาค้ำอก ความหยิบยกย่อมต้อง .. ขอ-ข้องเกี่ยว หวัง .. ถึงเนื้อเนียนผิวของนิ้วเรียว- เอื้อมมาเหนี่ยวเด็ดใจ .. เอาไปครอง O ด้วย-งามรูปรอยจริต .. ให้พิศเพ่ง, แววตาเปล่งปลาบพรับให้จับจ้อง, โลกก็เหมือนเลื่อนรับการจับจอง หลังแววผ่องแผ้วหวาน .. วาบผ่านตา O จีวรพระเหลืองลออ .. ปลิวล้อลม เมื่อแววความรื่นรมย์ .. บัง .. บ่มหน้า ทับซ้อนภาพ .. รูปคราญ .. ครั้งนานมา ผู้คอยหาละห้อยเห็นไม่เว้นยาม O สายลมยังโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน เมื่อดวงตาเหลือบค้อน .. ราว-อ้อนถาม- ว่า .. เวียนสบตาอยู่ .. ฤๅรู้ความ- ว่า .. ตาวามวับอยู่ คือ .. รู้แล้ว ? O เมื่ออาวรณ์ในทรวง .. เริ่มช่วงฉาย ก็เมื่อสายลมเร้า..อย่าง-เบาแผ่ว ความอ่อนหวานในอก .. จึงยกแนว- เผยผ่านแววตาสะทกสะเทิ้นนั้น- O ให้รับรองหวานหอมที่ล้อมอยู่ ทั้งรับรู้ .. ว่าใจที่ไหวสั่น- จากคำบวงสืบสร้างแต่ปางบรรพ์ ครั้งร่วมขันคำข้าว .. ร่วมกล่าวคำ O รอคอยเถิด .. อกใจผู้ใฝ่หา พากย์พรรณนามอบสู่ .. ให้รู้สัม- ผัส .. อารมณ์หมายปองเพื่อจองจำ- เจ้า .. ให้คร่ำครวญหาด้วยอาลัย O สุดหัวใจ .. ถ้อยคำตอกย้ำอยู่ เพื่อแรงชู้รัดพันโอบขวัญให้- รับรองการฝ่างามเอาตามใจ ด้วยอาลัยอุ่นร้อน .. ที่ย้อนรอย O เมื่อหัวใจใฝ่หา .. รูปราศี เส้นทางที่ดุ่มเดินก็เกินถอย รูปแพงเอย .. ความพิไลที่ใฝ่คอย- คือแสงพร้อยแห่งเพชรเพียงเม็ดเดียว !
Create Date : 04 กันยายน 2558 |
Last Update : 10 เมษายน 2566 12:08:49 น. |
|
9 comments
|
Counter : 4591 Pageviews. |
 |
|
|
พร้อมเพลงบรรเลงกล่อมเกลาอารมณ์ให้เคลิบเคลิ้ม
จงชอบอ่านในบล็อก ด้วยแตกต่างจากในพันทิปตรงจุดนี้