No matter what life brings, I just believe that... Everything happens for the best.

Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
9 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
The Doomsday Key : เหตุผลที่ James Rollins คือนักเขียนคนโปรดอันดับหนึ่งในตอนนี้ >_<

เล่มนี้อ่านจบแล้วตอบโจทย์ HHR ข้อ...

30-3. [ทินา+Clear Ice+PToNZ_PRiNZz] นักเขียนโปรดของเพื่อน: อ่านหนังสือ 3 เล่ม 3 นักเขียนโดยเล่มหนึ่งเป็นนักเขียนคนโปรดของตัวเองและอีก 2 เล่มเลือกจากนักเขียนคนโปรดของผู้ร่วมโครงการ (เล่มที่ 4 เป็นต้นไปบวกโบนัสเพิ่มเล่มละ 10 คะแนนข้อแม้ว่าไม่ซ้ำนักเขียน)
รายชื่อนักเขียนคนโปรด


James Rollins หรือ James Clemens เป็นนักเขียนคนโปรดของไอซ์เองค่ะ ^^

ชอบผลงานจากทั้งสองนามปากกาโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นคนเดียวกันมาตั้งนาน เพิ่งจะรู้ว่าเป็นคนเดียวกันเมื่อสักปีสองปีที่ผ่านมานี้เอง





เรื่อง : The Doomsday Key (Sigma Force 6)
เขียนโดย : James Rollins
สนพ. : Orion (21 Jan 2010)
จำนวนหน้า : 512 หน้า
ภาษา : อังกฤษ





รายละเอียดจากปกหลัง

เกิดการฆาตกรรมสามศพในสามทวีป เหยื่อคือ อาจารย์ด้านพันธุ์ศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันในประเทศอเมริกา นักโบราณคดีแห่งวาติกันในกรุงโรม...ประเทศอิตาลี และ ลูกชายของวุฒิสมาชิกคนดัง...ในประเทศมาลี - ร่างกายของพวกเขาถูกตราด้วยสัญลักษณ์โบราณที่ลึกลับและน่าหวาดหวั่น ... เครื่องหมายไม้กางเขน (Cross) ของดรูอิด (Druid) นอกรีต

เหยื่อฆาตกรรมที่แปลกประหลาดเหล่านี้นำเกรย์ เพียซ (Commander Gray Pierce) แห่งหน่วยซิกม่า (Sigma) สู่การตามล่าระดับนานาชาติ เพื่อจับกลุ่มที่มีอำนาจมหาศาลและกุมคลังอาหารของโลก เกรย์จะต้องไขปริศนาคำใบ้จากอดีตด้วยการช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่อาจวางใจได้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรูพลางเอาชีวิตรอดจากนักฆ่าด้วย

แต่...การกอบกู้โลกจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล และไม่ช้า เขาก็พบว่าตัวเองจะต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจที่ยากลำบาก...


....


เล่มนี้เป็นเล่มที่หกของซีรียส์ Sigma Force นะคะ เล่มอื่นๆ ก่อนหน้าคือ

- Sandstorm (1)
- Map of Bones (2)
- Black Order (3)
- The Judas Strain (4)
- The Last Oracle (5)


ขอบอกว่าปกหลังโปรยได้ธรรมดามากมายสำหรับเล่มนี้ ซึ่ง...สนุกมากๆๆ ค่ะ พี่จิมไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย ((แม้จะรู้สึกว่า The Last Oracle ดร็อปลงมาหน่อย The Doomsday Key ดึงขึ้นกลับไปสนุกมากๆ อีกแล้ว >_< ))


ก่อนจะเข้าเรื่อง พี่จิมเกริ่นด้วยข้อเท็จริงทางประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์เช่นเคยค่ะ



ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์คือ

- ในช่วงศตวรรษที่ 11 พระเจ้าวิลเลี่ยมแห่งอังกฤษได้สั่งให้มีการสำรวจประชากรในอาณาจักรอย่างละเอียด โดยให้เหตุผลว่าจะได้ใช้เป็นข้อมูลในการเก็บภาษี โดยให้ชื่อว่า Domesday Book ((บันทึกประชากร)) แต่มีปริศนาเกี่ยวกับบันทึกนี้มากมาย คือ...มีการสั่งให้ทำขึ้นอย่างเร่งด่วน เป็นความลับ และ...บางพื้นที่ที่ถูกบันทึกมีเขียนคำว่า 'Wasted' เป็นภาษาละติน ซึ่ง...ทำให้บันทึกเล่มนี้ได้รับชื่ออีกชื่อว่า Doomesday Book ((บันทึกวันโลกาวินาศ))

- ในช่วงศตวรรษที่ 12 บาทหลวงชาวไอริชคนหนึ่งชื่อ Mael Maedoc ซึ่งภายหลังได้รับการตั้งให้เป็น Saint Malachy เคยมีภาพทำนายขึ้นมาระหว่างการเดินทางแสวงบุญไปที่โรม ท่านได้บันทึกภาพทำนายเอาไว้ เป็นรหัสทำนายของโป๊บ 112 องค์ บันทึกนี้ได้หายไปและถูกค้นพบอีกครั้ง ได้รับการเก็บรักษาไว้ที่วาติกัน ... คำทำนายของท่านเป็นจริงอย่างน่าประหลาดจนถึงโป๊บองค์ปัจจุบัน โป๊บเบเนดิกซ์ที่ 16 ซึ่งเป็นองค์ที่ 111 ... คำทำนายบอกว่า...โป๊บองค์ต่อไปคือ 'ปีเตอร์แห่งโรมัน' ซึ่งจะเป็นผู้ได้เห็นวันสิ้นสุดของโลก



ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์

ระหว่างปี 2006-2008 ประชากรผึ้งประมาณ 1/3 ได้หายไปจากประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และประเทศในทวีปยุโรป รังผึ้งว่างเปล่าคล้ายกับว่าเหล่าผึ้งได้บินจากไปและจะไม่มีวันบินกลับมาอีกแล้ว เหตุการณ์นี้ได้รับการเรียกขานว่า Colony Collapse Disorder ...มีข่าวประโคมถึงความลึกลับนี้มากมาย แต่ไม่มีการไขความจริงให้คนทั่วไปได้รับรู้

คำตอบอยู่ในหนังสือเล่มนี้แล้ว มันน่ากลัว แต่...เป็นความจริง



ไอซ์ว่าเกริ่นแค่นี้ก็ทำให้ตื่นเต้นที่จะอ่านยิ่งกว่าปกหลังหลายเท่า >_<


....



เรื่องมันเริ่มต้นจากการฆาตกรรมล้างบางศูนย์ทดลองปลูกข้าวโพดที่ได้รับการตัดต่อทางพันธุกรรมของบริษัท Viatus ในประเทศมาลี ... เจสัน กอร์แมน...ลูกชายของวุฒิสมาชิกที่เข้าไปดูแลงานที่นั่นถูกสังหารโหด พร้อมด้วยตราประทับรูปเครื่องหมายไม้กางเขนของพวกนอกรีต ((Pagan Cross) หน้าตาเป็นเหมือนกากบาทอยู่ในวงกลมค่ะ)) บนหน้าผาก

ก่อนตายเจสันได้อีเมล์ส่งผลการวิจัยส่วนหนึ่งไปให้พ่อของเขา ซึ่งพ่อของเขาได้ส่งต่อให้ ดร. มัลลอยด์...อาจารย์ที่ปรึกษาของเขาในพรินซ์ตัน

เพนท์เตอร์ โครว์ (Painter Crowe) ผู้อำนวยการของ Sigma จึงได้ส่งมังค์ (Monk) ไปสัมภาษณ์ ดร. มัลลอยด์ แต่กลับพบว่า ... มังค์ไปถึงสายเกินไป ดร. มัลลอยด์ ซึ่งได้ค้นพบความผิดปกติทางพันธุกรรมของตัวอย่างข้าวโพดถูกฆ่าไปเรียบร้อยแล้ว ศพของเขามีตราประทับแบบเดียวกัน


ขณะเดียวกันนั้นเองในวาติกัน...ประเทศอิตาลี บาทหลวงจีโอวานี่ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโบราณคดีถูกฆ่าทิ้ง โดยที่ผู้ที่ได้พบเห็นเขาเป็นคนสุดท้ายและถูกลูกหลงเข้าขั้นโคม่าไปด้วยคือ วิโก้ เวโรน่า (Vigor Verona) ... ลุงของราเชล (Rachel Verona) ซึ่งเป็น Carabinieri ((ตำรวจที่สืบสวนด้านศิลปวัฒนธรรมโดยเฉพาะ)) ... บาทหลวงจีโอวานี่ถูกฆ่าพร้อมกับตราประทับเช่นกัน นอกจากนั้นเขายังตายโดยการปกป้องและส่งของสิ่งหนึ่งให้กับวิโก้ และราเชลก็เก็บมาได้ มันคือถุงหนังซึ่งมีรูป Pagan Cross ด้านหนึ่งและรูป Spiral อีกด้านหนึ่ง ข้างในบรรจุของซึ่งเป็นกุญแจไขความลับสำคัญเอาไว้

ราเชลที่ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร ได้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเกรย์ซึ่งเป็นแฟนเก่า


หน่วยซิกม่าจึงแยกกันสืบคนละทาง เกรย์กับโควาสกี้ไปอิตาลี / เพนท์เตอร์กับมังค์ไปสวีเดน ... ถิ่นของบริษัท Viatus โดยที่ไม่รู้เลยว่า ต่างคนต่างสืบคดีที่เกี่ยวข้องกันอยู่ และถูกชักใยโดยศัตรูเก่า ... The Guild

แน่นอนว่า...ความจริงเบื้องหลังทุกอย่าง มีอนาคตของโลกเป็นเดิมพัน



การดำเนินเรื่องก็จะเป็นการดำเนินเรื่องสลับกันไประหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฝั่งของเกรย์และฝั่งของเพนท์เตอร์ ก่อนจะมาบรรจบกันตอนท้าย คล้ายๆ กับซีรียส์ซิกม่าเล่มก่อนๆ นะคะ

ถึงแม้ว่าหนังสือในชุดของ Sigma จะค่อนข้างมี step คล้ายๆ กัน แต่...รายละเอียดที่น่าสนใจต่างกัน และพี่จิมก็ยังหักมุมให้คนอ่านเดาไม่ถูกเป็นระยะๆ

ฉากในเรื่องนี้จะเน้นที่ยุโรปแฮะ อิตาลี สวีเดน อังกฤษ และฝรั่งเศส ((มีอเมริกาตอนต้นๆ เรื่องหน่อย))


อ่านแล้วสนุกและตื่นเต้นมากๆ ค่ะ ทั้งประวัติศาสตร์ ตำนาน ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ก็น่าสนใจทั้งนั้น



ประวัติศาสตร์และตำนาน

หลักๆ ก็เกี่ยวข้องกับ Doomsday Book และคำทำนายของเซ็นต์มาลาคีนะคะ นอกจากนั้นก็จะมีเกี่ยวกับพวก Celtic และ Neolithic ในประเทศอังกฤษ



วิทยาศาสตร์

เน้นไปที่การตัดต่อพันธุกรรมเลยค่ะ พวกอาหาร GM หรือ Genetically Modified Food มีอะไรน่ากลัวเยอะมาก

ในเล่มจะมีพูดถึงการนำเอาพวกแบคทีเรียที่มีความอดทนสูงต่อสภาวะอากาศที่รุนแรง มาตัดต่อกับพืชต่างๆ ผลิตผลที่ได้ก็เช่น ข้าวโพดที่ต่อต้านแมลง ข้าวโพดที่เติบโตในที่แล้งได้ดี ฯลฯ ... แต่...บางอย่างก็มีผลกระทบต่อสุขภาพของคนที่บริโภคเข้าไป เช่น ในปี 2001 มีบริษัทที่ผลิตข้าวโพดซึ่งกินเข้าไปแล้วจะทำให้เป็นหมันได้ ... เพื่อลดประชากรของมนุษย์ ... ประเทศซิมบับเวและแซมเบียถึงกับประกาศห้ามนำเข้าอาหารที่ได้รับการตัดต่อพันธุกรรมทุกชนิดเลยทีเดียว



Code breaking

งานนี้โค้ตจะเกี่ยวกับพวก Celtic Cross และเครื่องหมายของ Pagan อื่นๆ ค่ะ



ทั้งหมดนี้ประสานร้อยเรียงขึ้นมาเป็นเรื่องราวที่สนุกสนาน ครบทุกรสชาติจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการผจญภัย การไขรหัส ปัญหาการเมืองระหว่างองค์กร และมีความรักแทรกเข้ามาด้วย


ที่ประทับใจและทึ่งมากๆ กับหนังสือของพี่จิมทุกเล่ม ((ที่ไม่ใช่แนวแฟนตาซีในนามปากกา James Clemens)) ทุกอย่างเป็นข้อเท็จจริงหมดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ สถานที่ เครื่องมือเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ พี่จิมทำการบ้านมาดี ข้อมูลแน่นและไม่มั่ว ((นานๆ ทีก็มีพลาดบ้างนิดหน่อย ฮา)) อ่านแล้วหวือหวาตื่นตาตื่นใจดีมากๆ

ตัวละครมีการพัฒนาจากเล่มก่อนหน้าขึ้นมาเรื่อยๆ มีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามา ตัวละครเก่าเติบโตขึ้น ... ถึงจะอ่านแยกเล่มได้ แต่ไอซ์ก็ขอแนะนำให้อ่านเรียงเล่มตามลำดับนะคะ จะได้อถรรสมากกว่าค่ะ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครก็น่าสนใจ อ่านแล้วรู้สึก "แคร์" ตัวละครมาตั้งแต่เล่มแรก พี่จิมบรรยายตัวละครได้ดีและมีพัฒนาการค่ะ ^^



ตอนนี้ชุดซิกม่า 6 เล่ม ไอซ์ยกให้เล่มนี้สนุกพอๆ กับ Maps of Bones ค่ะ เรียงตามความชอบส่วนตัวของไอซ์ตามนี้เลย

- Map of Bones (2)
- The Doomsday Key (6)
- Black Order (3)
- The Judas Strain (4)
- Sandstorm (1)
- The Last Oracle (5)


แต่ก็รับรองว่า เล่มที่สนุกน้อยที่สุดของพี่จิม ก็ยังมาตรฐานสูงกว่านักเขียนแนวๆ นี้อีกหลายคนค่ะ ((ยกหางกันสุดฤทธิ์ 555))



หนังสือของ James Rollins ไม่ได้มีแค่ความบันเทิง แต่บรรจุด้วยสาระน่าคิดจากข้อมูลที่ทำการบ้านมาอย่างดี ประสานระหว่างประวัติศาสตร์ ตำนาน วิทยาศาสตร์ กับการ "บู๊" ได้อย่างลงตัว

สำนวนดี การดำเนินเรื่องกระชับ พล็อตแน่น มีอะไรให้เซอร์ไพร์ซอยู่เรื่อยๆ ตลอดเรื่อง

... เป็นงานของนักเขียนน้อยคนมาก ที่ไอซ์เฝ้ารอให้ออกแต่ละเล่มอย่างใจจดใจจ่อค่ะ ^^




เชียร์เล่มนี้และทุกเล่มในชุด Sigma ค่ะ แต่ผลงานเก่าๆ ของพี่จิมก็สนุกนะคะ แต่จะเน้นแนวบู๊ๆ มากกว่า


...


แน่นอนว่า ท้ายเล่มนี้พี่จิมก็แนะนำตำราสำหรับผู้สนใจอยากไปค้นคว้าหาความรู้ต่อดังนี้ค่ะ

- The History of the Celtic Cross -> The Golden Thread of Time




- The History of Neolithic England -> Kingdom of the Ark




- Saints -> How the Irish Saved Civilization และ The Quest for the Celtic Key





- Genetically Modified Food -> Seeds of Deception และ Seeds of Destruction





- Bees -> A Spring without Bees




......


และ...

ระหว่างอ่านเรื่องนี้ ไอซ์อ่านไปเปิดหาข้อมูลไปค่ะ มีอะไรที่น่าสนใจและน่านำไปค้นข้อมูลต่อเยอะมากๆ เลย ขอบันทึกไว้เตือนความจำตัวเองนะคะ


- Domesday Book




- Saint Malachy Prophecy

- Druid

- Black Madona




- Peat Bog

- Stone Circle

- Akershus Castle

- Extremophile พวกแบคทีเรียหรือสิ่งมีชีวิตที่สามารถเติบโตได้ใน extreme condition จึงถูกนำมาใช้ในการตัดต่อเสริมพันธุกรรมของพืชทางเกษตร เพื่อให้สามารถปลูกได้ในสถานที่ซึ่งแห้งแล้ง หรือมีแมลงมาก ฯลฯ

- Bardsey Island สถานที่ฝังศพของเมอร์ลิน?

- Curse of Ham

- Fomorian

- Clairvaux Abbey ที่ฝังศพของเซนต์มาลาคี?

- Club of Rome

- Svalbard Seed Vault







สปอยล์ The Doomsday Key

อ่านจบแล้วมานึกว่าอยากจะทำเรื่องย่อเก็บไว้สักหน่อย เพราะเวลาจะอ่านเล่มต่อไปจะได้ไม่ต้องนึกนาน แต่...พอมานั่งมองจอแล้ว นึกไม่ออกว่าจะย่อยังไงเลยทีเดียว เนื้อหามันเยอะมากกกกกก >_<


- เรื่องของเรื่องทั้งหมดที่ทำให้เกิดการฆาตกรรมสามศพนั้นก็เป็นเหตุจากบริษัท Viatus ซึ่งมี Ivan Karlsen เป็นเจ้าของ ... ความจริงอิวานมีเจตนาที่ดี ((ล่ะมั้ง)) คือ เขาเห็นว่าการเติบโตของประชากรโลกไม่สัมพันธ์กับปริมาณอาหารบนโลก จากโมเดลต่างๆ พบว่า หากปล่อยให้ประชากรเพิ่มไปเรื่อยๆ แบบนี้ อนาคตประชากรมนุษย์จะต้องสาปสูญไปถึง 90% ดังนั้น...เขาจึงเสนอวิธีการคล้ายๆ กับ Eugenic ... กำหนดจำนวนประชากร ด้วยการตัดต่อพันธุกรรมของเมล็ดพืช เช่น ข้าวโพด


- แบคทีเรียหรือเชื้อราที่นำมาใช้ในการตัดต่อพันธุกรรมข้าวโพดนี้ มาจาก bog mummy ที่ค้นพบจากหมู่บ้านซึ่งได้รับการระบุในบันทึก Domesday ว่าเป็น wasted นั่นเอง ... สมัยก่อนนั้นเกิดโรคระบาดจากราชนิดนี้ คือทำให้อาหารที่กินไปไม่ได้รับการย่อยและดูดซึม ยิ่งกินยิ่งหิวโหย คนทั้งหมดหิวตาย โดยมีเห็ดเติบโตอยู่ในอวัยวะในช่องท้อง


- คนที่ค้นพบเชื้อที่ว่าก็คือบาทหลวงจีโอวานนี่นั่นเอง เขาเป็นนักโบราณคดีที่ obsess เกี่ยวกับ Black Madona ...


- พวกเกรย์ที่สืบๆ ไปก็เลยได้สืบถึงประวัติศาสตร์สมัยก่อนที่เกาะ Bardsey ซึ่งก่อนโน้นมีพวก Fomorian ซึ่งเคยทำสงครามกับพวก Celtic มีอิทธิฤทธิ์ในการเศกโรคระบาด ... ภายหลังสงครามสงบก็เลยถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ให้กับพวก Celtic


- The Doomsday Key คือยารักษาโรคระบาดนี้


- Black Madona เหมือนกับเทพธิดาที่มีพลังในการรักษา


- นิยายในเล่มสรุปว่า ความจริงแล้วพวกที่เคยต่อสู้กับพวก Celtic จริงๆ แล้วเป็นชาวอียิปต์ที่อพยพมาอยู่แถวนี้ ((มีหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์)) ดังนั้น Black Madona ก็เป็นเจ้าหญิงอียิปต์ และ The Doomsday Key ที่เป็นยารักษานั้น จริงๆ แล้วก็เป็นสูตรที่ใช้ในการรักษาศพของมัมมี่


- Celtic Cross จริงๆ แล้วคล้ายคลึงกับเครื่องมือในการวัดทางวิศวกรรม ... คล้ายๆ กับ theodolite ... ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่ามาจากอียิปต์ เพราะอียิปต์ก็มีความชำนาญด้านนี้ เอิ๊ก


- Pagan Cross ซึ่งมีลักษณะเหมือนวงกลมที่ถูกแบ่งออกเป็นสีส่วนด้วยกากบาท มองได้อีกอย่างว่าเป็นเครื่องหมาย quartered earth ซึ่งก็หมายถึงโลกนั่นเอง ส่วน spiral คือ "การเดินทางของวิญญาณ"


- ของในซองหนังที่ราเชลพบก็คือ นิ้วของมัมมี่เจ้าหญิงอียิปต์ ซึ่งเนื่องจากเธอมีผิวสีเข้ม จึงน่าจะเป็นที่มาของ Black Madona


....

ในส่วนของตัวละครในเรื่อง

- จากเล่มที่แล้วที่ ซิกม่าโดนบุกยึดและทำลาย Sean McKnight ถูกฆ่าไป TT^TT Sigma ก็มีคนมาควบคุมใหม่ ทำให้เพนท์เตอร์ทำงานลำบากมากมาย

- มังค์กลับมาเป็นปกติและเริ่มปฏิบัติการได้แล้ว ((ต้นๆ เรื่องยังไม่ได้ แต่สถานการณ์บังคับ))

- คู่หูของมังค์คือ John Creed ซึ่งไอซ์ชอบเลยล่ะ ... พี่จิมดันให้ตายซะตอนหลังได้ ทำเอาอึ้ง

- เล่มนี้เพนท์เตอร์ลุย field work เต็มตัว ชอบมากๆ ค่ะ เขาช่างฉลาด ว่องไว และก็เท่ห์สุดๆ

- ความสัมพันธ์ระหว่างเกรย์กับราเชลดูเหมือนจะจบลงในเล่มนี้ เพราะท้ายๆ เป็นการสั่งลาล่ะ

- ได้รู้จัก Seichan มากขึ้น ((เป็นตัวละครที่ชอบอยู่แล้วนะคะ)) เธอเข้าร่วมทีมกับเกรย์ โดยมี cover ว่าต้องการกลับคืนไปสู่ Guild เพื่อสืบหาตัวจริงของผู้นำกิลด์ ... มาเฉลยตอนหลังว่า จริงๆ แล้วเพนท์เตอร์เป็นคนส่งเธอเข้าไปเองแหละ และตอนสุดท้ายเธอที่หลงรักเกรย์อยู่ก็มีความสัมพันธ์กับเกรย์และได้เข้ามาทำงานในซิกม่าด้วย ... เล่มต่อไปเธอคงจะมีบทบาทในฝ่ายดีมากขึ้นล่ะมั้ง

- ชอบทั้งเพนท์เตอร์และเกรย์ค่ะ เท่มากๆ ทั้งคู่เลย ชอบมากเป็นพิเศษเวลาที่เพนท์เตอร์ออกฟิวด์เวิร์ค ^^


- ปิดท้ายด้วยเพนท์เตอร์ได้ศพของคนที่เป็น Echelon คนหนึ่งในกิลด์ ... พอโกนผมออก ตรงศีรษะด้านหลังมีสัญลักษณ์ประหลาดอยู่ด้วย คล้ายๆ กับ Freemason แต่ก็ไม่ใช่ ((ดูแล้วคล้ายๆ กับ Freemason ผสมกับธงของมุสลิมเลยอ่า)) ก็ต้องรอไขปริศนากันต่อไป


- อยากอ่าน The Devil Colony ซึ่งเป็น Sigma เล่ม 7 แล้วค่ะ หวังว่าพี่จิมจะรักษาระดับความสนุกให้สูงขึ้นไปอีกน้า >_<







แถมท้ายด้วยรายชื่อผลงานของพี่จิมทั้งหมดเลยนะคะ


ในนามปากกา James Rollins

- Subterranean ... เล่มนี้เป็นเล่มแรกที่อ่าน และทำให้ติดตามงานของพี่จิมมาตลอดค่ะ อ่านมาตั้งแต่ออกใหม่ๆ เลยล่ะ >_<
- Excavation
- Deep Fathom ... เพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้อ่านเล่มนี้เลย หาหนังสือไม่ได้ T^T
- Amazonia
- Ice Hunt
- Sandstorm (Sigma 1)
- Map of Bones (Sigma 2) ... มีแปลเป็นไทยแล้ว ใช้ชื่อ "สมบัตินักบุญ"
- Black Order (Sigma 3) ... มีแปลเป็นไทยแล้ว ใช้ชื่อ "รหัสพระกาฬ"
- The Judas Strain (Sigma 4)
- The Last Oracle (Sigma 5)
- The Doomsday Key (Sigma 6)
- Altar of Eden ... เพิ่งออกปกแข็งอะค่ะ รอปกอ่อนอยู่ >_<
- Jake Ransom and the Skull King's Shadow ... อันนี้เป็นวรรณกรรมวัยรุ่นล่ะ ยังไม่ออกปกอ่อนเช่นกันค่ะ
- The Devil Colony ... ซิกม่าเล่ม 7 จะออกปกแข็ง วันที่ 3 ส.ค. ปีนี้ เมื่อไหร่จะได้อ่านก็ไม่รู้ แง้


ในนามปากกา James Clemens

* ซีรียส์ Banned & the Banished มี 5 เล่มจบ

- Wit'ch Fire
- Wit'ch Storm
- Wit'ch Star
- Wit'ch Gate
- Wit'ch War

สนุกมากกกกกกกค่ะ อ่านแล้ววางไม่ลงเลย >_<

* อีกซีรียส์คือ Godslayer

เพิ่งออกมาสองเล่มคือ

- Hinterland
- Shadow Fall

ไอซ์ยังไม่ได้อ่านสองเล่มนี้นะคะ ซื้อมาดองไว้ รอให้ออกครบก่อน ซึ่ง...ไม่รู้ว่าจะออกเมื่อไหร่ อยากให้พี่จิมเขียนหนังสือเร็วกว่านี้อีก >_<





ดู Index รายชื่อหนังสืออื่นๆ ที่ไอซ์ได้รีวิวไปแล้วตามลิงก์ข้างล่างค่ะ

- หนังสือภาษาอังกฤษ
Index Bookshelf : English Books

- หนังสือแปล
Index Bookshelf : Translated Books

- หนังสือภาษาไทย
Index Bookshelf : Thai Books


Create Date : 09 พฤษภาคม 2553
Last Update : 9 พฤษภาคม 2553 13:22:28 น. 13 comments
Counter : 7460 Pageviews.

 
กรี๊ด อยากอ่านมากๆๆอ่ะ รอตั้งแต่จบ last oracle เลย เพราะ seichan นี่ล่ะไอซ์ ชอบเหมือนกันเลย นี่พี่เลยไม่กล้าอ่านบล็อกนี้ เดี๋ยวหาหนังสือมาอ่านจบก่อนแล้วจะแวะมาใหม่

เชียร์พี่เจมส์ด้วยคน เล่มที่สนุกน้อยก็ยังสนุกกว่าเล่มสนุกมากของคนอื่นเพียบบบบบ


โดย: พัืท IP: 94.71.33.70 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:40:52 น.  

 
กรี๊ดดด พี่พัทรีบอ่านเร็วๆ ค่ะ จะได้มาคุยกัน เล่มนี้ไอซ์ว่าสนุกกว่า The Last Oracle เยอะมาก ข้อมูลการเดินเรื่องอะไรก็มันส์กว่าเยอะ

อยากให้พี่เจมส์เขียนหนังสือไวๆ เนอะ ฮา

จริงๆ เขาก็เขียนไวแล้วนะเนี่ย ปีนึงออกหลายเล่มอยู่ แต่ก็อยากให้เขียนเร็วขึ้นอีกอะ ไม่ทันใจเลย >_<


โดย: Clear Ice วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:33:46 น.  

 
อยากอ่านมากกกกกกกกกกกกค่ะ นานมีบุ๊คส์แปลไทยออกมา 2 เล่มแล้วก็เงียบไปเลยอ่ะ เราว่าชุดนี้สนุกที่สุดในบรรดาทุกเล่มที่นานมีแปลมาแล้ว


โดย: azzurrini วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:04:02 น.  

 
หวังว่าจะมีการแปลต่อนะคะคุณ azzurrini ไม่งั้นก็เสียดายแทนคนอ่านอะค่ะ ... แต่แอบเห็นใจคนแปลนิดหน่อย ท่าทางจะแปลยากเหมือนกันค่ะ คงจะต้องค้นข้อมูลเยอะเชียว ตอนอ่านเองค้นเองก็สนุกดี แต่ถ้าจะต้องค้นไปอธิบายไปด้วยคงมึน >_<


โดย: Clear Ice วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:41:29 น.  

 
วันนี้ไปร้านหนังสือ Barnes & Noble มาค่ะ หาหนังสือของนักเขียนคนนี้ไม่เจอในแผนก fiction/Literature สงสัยจะไปอยู่ในแผนก science fiction แน่ๆ เลย คราวหน้าจะไปหาใหม่ค่ะ สรุปว่าเรื่องไหนสนุกที่สุดคะ จะได้เริ่มที่เรื่องนั้น หรือว่าซื้อหมดทั้งชุดเลย พี่เป็นแบบนี้แหละค่ะ เริ่มอ่านของใครแล้วต้องอ่านให้หมดทุกเล่ม


โดย: กุลธิดา (kdunagin ) วันที่: 10 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:46:44 น.  

 
อืม ดูจากการที่พี่ไก่ชอบงานของ Dan Brown ไอซ์ว่าน่าจะลองที่ชุด Sigma เลยค่ะ ซึ่งจะเป็นการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ ตำนาน และไขรหัสได้ชัดกว่าเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้า ซึ่งจะเน้นที่บู๊ๆ และการผจญภัยมากกว่า

จริงๆ แล้วชุด Sigma เริ่มต้นที่ Sandstorm แต่เรื่องจะเข้มข้นกว่าที่ Map of Bones นะคะ

งั้นไอซ์แนะนำพี่ไก่ลองอ่าน Map of Bones เป็นเล่มแรกละกันค่ะ ถ้าชอบค่อยลองเล่มอื่นๆ ดู

หวังว่าพี่ไก่จะชอบน้า อยากมีคนชอบพี่จิมเพิ่มขึ้นเหมือนกันจัง >_<


โดย: Clear Ice วันที่: 10 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:55:45 น.  

 
เอ...จริงๆ งานของพี่จิมก็น่าจะอยู่หมวด fiction นะคะ หรือว่ามันจะไปถูกจัดอยู่ในหมวดสืบสวน-ฆาตกรรมหว่า ฮา


โดย: Clear Ice วันที่: 10 พฤษภาคม 2553 เวลา:8:19:37 น.  

 
จะเป็นหมวด mystery ได้ไหมคะ วันหลังจะใช้เวลาเดินหานานกว่าวันนี้ค่ะ ร้านนี้มันเกิดจะใหญ่เสียด้วยซี


โดย: กุลธิดา IP: 74.177.76.241 วันที่: 10 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:14:48 น.  

 
เข้าไปดูใน amazon.com มันจัดหมวดแบบนี้ค่ะพี่ไก่

Books > Literature & Fiction > Genre Fiction > Action & Adventure
Books > Mystery & Thrillers > Mystery
Books > Mystery & Thrillers > Thrillers > Spy Stories & Tales of Intrigue


สงสัย B&N เอาหนังสือพี่จิมไปไว้กับพวก Clive Cussler แน่ๆ เลยค่ะ >_<


โดย: Clear Ice วันที่: 12 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:12:56 น.  

 
Borders put this book in the Adventure and Thrillers Shelf ka..



โดย: OumAM IP: 67.169.208.67 วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:11:53 น.  

 
ขอบคุณคุณ OumAM นะคะ ไม่รู้ว่าพี่ไก่หาเจอหรือยังน้า >_<


โดย: Clear Ice วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:31:17 น.  

 
ขอบคุณนะค๊ะสหหรับข้อมูล ตอนนี้มีสะสมแล้ว 4 เล่มที่เหลือต้องหาอ่านแล้ว


โดย: maew IP: 101.109.214.30 วันที่: 25 ตุลาคม 2555 เวลา:16:21:35 น.  

 
ว้าว ขอบคุณสำหรับ ข้อมูลค่ะ เพราะว่าตอนนี้กำลังตามหา black order แต่อยากสะสมทุกเล่มของพี่ เค้า ฮ่าๆ ถ้าหาได้


โดย: แอนนี่ IP: 183.89.137.82 วันที่: 10 มิถุนายน 2556 เวลา:14:47:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Clear Ice
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add Clear Ice's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.