1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30
Child 44 : ไม่มีใครปลอดภัยในรัสเซียของสตาลิน
เดือน ก.ย. เป็นเดือนที่งานยุ่งมากๆ จนแทบไม่มีเวลาเริงร่าเลยทีเดียวค่ะ หนังสือเล่มนี้ใช้เวลาอ่านนานเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะหนา ตัวหนังสือเล็กขนาด 1 มิลลิเมตร ถี่ยิบ ก็ยังเครียดพอสมควรเลยด้วย อ่านตอนเครียดๆ กับงาน เป็นลม เอิ๊กหนังสือ : Child 44 เขียนโดย : Tom Rob Smith สนพ. : Pocket Books Paperback : 480 หน้า ภาษา : อังกฤษ รายละเอียดจากปกหลัง : ในสหภาพโซเวียต ((มันแปลอย่างนี้หรือเปล่าอ่า Soviet Union อะค่ะ)) ซึ่งมีสตาลินปกครองนั้น คำว่า "อาชญากรรม" นั้นไม่มีอยู่ในคำนิยาม แต่คนนับล้านก็ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว เพียงข้อสงสัยว่าไม่จงรักภักดีต่อประเทศ คำพูดที่ผิดพลาดในเวลาที่ไม่ถูกไม่ควร สามารถส่งคนบริสุทธิ์ไปสู่การประหารได้ เจ้าหน้าที่ลีโอ ดีมิดอฟ (Leo Demidov) วีรบุรุษจากสงครามผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์ เชื่อว่าเขากำลังสร้างสังคมที่สมบูรณ์แบบ แต่หลังจากที่ได้เป็นพยานในการสอบปากคำด้วยการทรมานของชายที่ปราศจากความผิด ความจงรักภักดีของเขาก็เริ่มสั่นคลอน และเมื่อได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบไรซ่า (Raisa) ภรรยาของตัวเอง ลีโอจึงถูกบังคับให้เลือกสิ่งที่หัวใจเชื่อมั่นอย่างแท้จริง และเมื่อมีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้น ฆาตกรกำลังฆ่าคนอย่างอิสระตามใจชอบ และสิ่งที่ลีโอเคยเชื่อทุกอย่างเริ่มแตกสลาย เขาถูกปรักปรำจากศัตรูและต้องออกจากบ้าน โดยมีเพียงแค่ไรซ่าอยู่เคียงข้าง เขาจะต้องยอมเสี่ยงที่จะสูญเสียทุกอย่างเพื่อจะหาฆาตกรที่ประเทศไม่ยอมรับว่ามีอยู่จริง ระหว่างที่กำลังหลบหนี ไม่ช้าลีโอก็ค้นพบว่า อันตรายนั้นไม่ได้มาจากฆาตกรที่เขากำลังพยายามจับ แต่เป็นจากประเทศที่เขาพยายามที่จะปกป้อง ...จากไอซ์ : อ่านปกหลังแล้วอาจจะคิดว่าเป็นแนวฆาตกรรมตื่นเต้นเนอะ แต่ขอบอกไว้ก่อนค่ะว่า เรื่องนี้ได้รับเลือกเป็น longlisted ของรางวัล Man Booker Prize ปี 2008 ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้อ่านหนังสือรางวัลนี้มาเล็กๆ น้อยๆ เจอแต่เรื่องเครียดๆ ทั้งนั้น 555 ((อ้อ...ปี 2008 หนังสือที่ได้รางวัลชนะเลิศคือ The White Tiger ของ Aravind Adiga ค่ะ ^^)) Child 44 มีฉากหลังเป็นประเทศรัสเซียสมัยสงครามเย็นที่ยังถูกปกครองโดยสตาลินค่ะ เริ่มต้นเปิดเรื่องในปี 1933 ที่ประชาชนอดอยากหิวโหย ไม่มีอะไรกิน คนตายเยอะมากมาย และก็มีคนบางส่วนล่าคนเพื่อนำมากินเป็นอาหารด้วย ตัดมาที่ปี 1953 ซึ่งเป็นอีก 20 ปีต่อมา สตาลินปกครองประชาชนของเขาอย่างเข้มงวด ทุกคนจะต้องภักดีต่อรัฐและผู้นำ ประชาชนไม่มีอิสระในการดำรงชีวิต บ้านและทีอยู่อาศัยถูกรัฐเลือกให้ ใครไม่มีเส้นสายก็อยู่กันอย่างกระเบียดกระเสียร ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้า ใครทำงานกับรัฐก็ได้อยู่ที่พักดีกว่า มีอาหารที่ดีกว่ากิน ทุกคนจะกลัวการถูกใส่ความปรักปรำกันมากๆ ต้องระวังคำพูดและการกระทำเสมอ เพราะจะมีสายของรัฐคอยสอดส่อง ใครถูกสงสัยจะต้องถูกนำไปทรมานจนยอมรับผิดไปเอง ต่อให้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงก็ไม่ได้แปลว่าจะปลอดภัยค่ะ เจอทรยศใส่ความกันง่ายๆ วันนี้มีอำนาจ อีกวันอาจจะโดนปรักปรำจนต้องเข้าคุกรอวันประหารก็ได้ อ่านแล้วรู้สึกว่า...คนไทยโชคดีจริงๆ ^^" เรื่องมันเริ่มต้นที่ว่า พบศพเด็กเสียชีวิตอย่างแปลกประหลาด คือ ไม่มีเสื้อผ้าติดตัว และมีเศษอะไรที่ดูเหมือนเศษดินยัดอยู่ในปาก เด็กคนนั้นเป็นลูกของลูกน้องของลีโอ ซึ่ง...อย่างที่บอกนะคะว่า รัสเซียสมัยสตาลินนั้นถือว่าไม่มีอาชญากรรม อาชญากรรมเป็นสิ่งที่ต้องปกปิด เพราะทำให้รัฐเสียการปกครอง ... ครอบครัวของเด็กที่ตายก็ถูกบังคับให้ยอมรับว่าเป็นอุบัติเหตุกันไป รายงานที่ออกมาก็เป็นเท็จอีกต่างหาก ลีโอได้รับคำสั่งให้ไปจับคนที่ถูกประกาศว่าเป็นสปายและได้รับมอบหมายให้ร่วมการสืบสวนเป็นครั้งแรก เขารู้ว่าชายคนนี้เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ก็ได้เห็นการทรมานให้ยาจนเบลอไปหมด ทำให้เขาสารภาพออกมาว่าเป็นสปาย รวมทั้งให้ชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย ((เขาเป็นสัตวแพทย์ค่ะ ชื่อที่ให้มาก็เป็นลูกค้านั่นแหละ)) ลีโอไม่ได้อยู่ดูการสอบสวนจนจบ แต่ทิ้งหน้าที่ให้ลูกน้อง Vasili ซึ่งเกลียดขี้หน้าเขาทำต่อ ไปๆ มาๆ รายชื่อที่สัตวแพทย์ให้มามีชื่อของไรซ่า...ภรรยาของเขาด้วย ปกติแล้วคนที่มีชื่อถือว่าผิดอยู่แล้วค่ะ จะผิดไม่ผิดก็คือผิด การที่ลีโอจะเอาตัวรอด เขาจะต้องปรักปรำภรรยา แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ ทำให้เขาถูกปลดจากตำแหน่ง และถูกเนรเทศไปอยู่เมืองเล็กๆ ห่างจากมอสโคว ซึ่ง...ถือเป็นโทษเบามากๆ ปกติจะต้องเข้าคุกและตาย ที่นั่น...เกิดคดีเด็กตายเหมือนกับที่มอสโคว คือร่างกายเปลือยเปล่า และมีอะไรบางอย่างถูกยัดอยู่ในปาก ลีโอเริ่มรู้แล้วว่า คดีนี้จะต้องเกี่ยวข้องกัน และเขาก็เริ่มสืบจนพบว่า มีเด็กตายแบบนี้หลายสิบศพ แต่คดีทั้งหมดมีแพะหมดแล้ว ดังนั้น...การขุดคุ้ยจึงเป็นการกระทำที่ผิดต่อรัฐ เป็นการกล่าวหาว่า รัฐทำผิด ดังนั้นเขาจึงถูกตามล่า .... ขอบอกว่าในส่วนของคดีจริงๆ ไม่มีอะไรมากค่ะ เดาได้ตั้งแต่ต้นจนจบแหละ แต่ที่อ่านแล้วรู้สึกเห็นภาพจนอึดอัดก็คือ ความเป็นอยู่ของชาวรัสเซียในสมัยที่สตาลินปกครองค่ะ มันเต็มไปด้วยความขาดอิสรภาพ ความหวาดกลัว ทุกวันผู้คนจะใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความหวาดผวา ไม่มีทางที่จะรู้ว่า คนใกล้ตัวเป็นสายของรัฐหรือเปล่า พูดผิดคำเดียวอาจถึงตายได้เลย ไม่มีใครปลอดภัยอย่างแท้จริง รัฐปกปิดทุกอย่าง ทำทุกอย่างตามใจชอบ คดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นถูกปัดว่าเป็นอุบัติเหตุบ้าง หรือโยนให้แพะรับบาปบ้าง ไม่มีระบบยุติธรรมเลย อ่านแล้วรู้สึกว่า ถ้าตัวเองอยู่ในสภาพนั้น คงไม่มีจิตใจที่จะอยากทำอะไรอะค่ะ ถึงแม้ว่าคดีนี้คนอ่านจะเดาได้ไม่ยาก แต่ลีโอสืบอย่างยากลำบากจริงๆ เพราะต้องระวังตัวทุกอย่าง อ้อ...ตัวคดีนี้อ่านแล้วคุ้นๆ อ่านสัมภาษณ์นักเขียนท้ายเล่มแล้วเลยนึกออกว่าเคยอ่านคดีประมาณนี้แล้ว คือคดีของ Andrei Chikatilo ซึ่งเป็นฆาตกรต่อเนื่องของรัสเซียในสมัยประมาณที่เกิดในเรื่องนี่แหละค่ะ ถ้าใครสนใจลองอ่านดูได้ใน wiki นะคะ ^^ สรุปว่า...ส่วนตัวแล้วไอซ์คิดว่า Child 44 เป็นหนังสือที่ดีและน่าสนใจอีกเล่มค่ะ จุดโดดเด่นของเรืองคือ การดำเนินชีวิตของผู้คนในประเทศสหภาพโซเวียตที่ถูกปกครองโดยสตาลิน ไม่แปลกใจที่เล่มนี้ไม่ติด Shortlisted ของ Man Booker Prize นะคะ เพราะรู้สึกว่า ในตัวคดีหลักเดาได้ไม่ยาก แรงจูงใจของฆาตกรไม่โดดเด่น และบทสรุปรู้สึกว่ายังหลวมๆ ไปหน่อยค่ะ สปอยล์ : อ่านตั้งแต่ต้นก็เดาได้ว่า Andrei เด็กที่สูญเสีย Pavel...พี่ชายไประหว่างล่าแมวในป่า โดยที่แม่บอกว่าพี่ชายถูกคนจับไปกิน ต้องโตมาเป็นฆาตกรแหงๆ แอบน้ำเน่าไปหน่อยที่ว่าลีโอก็คือพาเวลนั่นเอง เขาถูกจับตัวไปเป็นอาหารก็จริง แต่ลูกชายที่แท้จริงของคนที่จับไปดันตายก่อน ก็เลยรับเขาเป็นลูกชายแทน Andrei ฆ่าคนไปเพราะต้องการให้พี่ชายมาหาตัวเอง จริงๆ เป็นแรงจูงใจที่ดีพอสมควร ((แต่ส่วนตัวคิดว่า ให้ Andrei เกิดแผลในใจจนโตมารู้สึกว่าจะต้องฆ่าคนเพื่อชดเชยอะไรบางอย่างในวัยเด็ก หรือพยายามเข้าใจคนที่จับพี่ชายของตัวเองไปกิน น่าจะเข้าท่ากว่า แหะๆๆๆ)) แต่ตอนเฉลยท้ายๆ เรื่องมันดูแผ่วๆ ไม่ดราม่าเลยอะค่ะ ตอนจบผู้เขียนพยายามขมวดให้ลีโอไปรับลูกสาวสองคนของคนที่ถูกฆ่าตอนเขาไล่จับสัตวแพทย์จากบ้านเด็กกำพร้ามาเป็นลูก แต่สิ่งที่อ่านแล้วรู้สึกขาดก็คือ ไม่มีการพูดถึงพ่อกับแม่ ((บุญธรรม)) ของลีโอเลย หรือว่าจะให้คิดเองว่า ไปเจอกันครั้งสุดท้ายคือ สองคนนั้นต้องตายแล้ว และ...ที่สำคัญกว่าก็คือ ลูกสาวของ Andrei ที่ดูมีบทบาทช่วงหลังๆ ดันไม่ถูกพูดถึงเลย ทำให้อ่านจบแล้วรู้สึกแหว่งๆ นิดหน่อยนะคะ ดู Index รายชื่อหนังสืออื่นๆ ที่ไอซ์ได้รีวิวไปแล้วตามลิงก์ข้างล่างค่ะ - หนังสือภาษาอังกฤษ Index Bookshelf : English Books - หนังสือแปล Index Bookshelf : Translated Books - หนังสือภาษาไทย Index Bookshelf : Thai Books
Create Date : 14 กันยายน 2553
Last Update : 14 กันยายน 2553 8:50:35 น.
4 comments
Counter : 6925 Pageviews.
โดย: ColdOut วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:13:43:37 น.
โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:23:10:11 น.
เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายยิ่งกว่าพายุ ^^
บอกกล่าวกันก่อน
Blog นี้มีอะไร อัพเดทใหม่ๆ คลิกที่ Blog map & Update ค่ะ
ตอนนี้นิยายที่เขียนค้างอยู่ถูกล็อกไว้ชั่วคราว เพราะอยากจัดระเบียบความคิดของตัวเองนิดนึงก่อนค่ะ ขออภัยสำหรับความไม่สะดวกด้วยนะคะ
ขอร้องคนที่มาอ่านงานเขียนของไอซ์ในบล็อกนะคะว่า กรุณาอย่าก็อปปี้ไปเผยแพร่ที่อื่นเลย ไม่ว่าจะให้เครดิตหรือไม่ เพราะบอกตรงนี้เลยค่ะว่า "ไม่อนุญาตทุกกรณี" ขอให้อ่านกันเพียงแต่ในนี้ หรือถ้าอยากแบ่งปันกันจริงๆ ขอให้ทำ link มาที่นี่นะคะ ^^
ตอนนี้ไอซ์เล่น Blog น้อยลงมากๆ เลย เพราะจะไปอยู่ใน Facebook มากกว่า
ยังไงแอ๊ดไปคุยกันได้ ที่นี่ นะคะ เป็น Facebook ส่วนตัวของไอซ์ รับแอ๊ดทุกคนค่ะ แต่ว่าไอซ์ใช้คุยเรื่องทั่วๆ ไปด้วย ไอซ์อัพค่อนข้างบ่อย อัพทุกเรื่องเลย อาจจะรกนิดนึง
ถ้าจะติดตามเรื่องงานเขียนหรืองานแปล ((ไม่ได้แปลนานแล้วนะคะ ฮา)) ก็สามารถเข้าไปกด like กันที่เพจได้ ที่นี่ นะคะ ^^
ผลงานล่าสุด
กล่องนี้จะเป็นกล่องที่แนะนำผลงานล่าสุดของไอซ์นะคะ ^^
ปี 55 นี้ เปิดศักราชใหม่อย่างอลังการด้วยผลงานใหม่ซึ่งออกพร้อมกัน 2 เรื่องเลยค่ะ ^^ ((ภูมิใจเล็กๆ เพราะหนาด้วยอะ 555)) เป็นหนังสือสองเล่มที่นางเอกของทั้งสองเรื่องมีหน้าตาเหมือนกัน เนื้อเรื่องมีจุดเชื่อมกันเล็กน้อย อ่านเล่มไหนก่อนก็ได้ เพราะเรื่องเกิดขนานกันไปค่ะ หรือถ้าจะอ่านแค่เล่มเดียวก็ได้เหมือนกันค่ะ รับรองว่าไม่สะดุด แต่ถ้าได้อ่านสองเล่มจะรู้ว่า อีกฝ่ายหนึ่งเกิดอะไรขึ้น ^^
ระบำรัก
เรื่องนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นในปารีส-ฝรั่งเศส และทาลลินน์-เอสโตเนียค่ะ พระเอกเป็นจิตรกรและเป็นโจรขโมยงานศิลปะ คราวนี้ภาพวาดที่เขารับงานแทนเพื่อนว่าจะขโมยออกมานั้น ถูกขโมยตัดหน้าเสียก่อน พอกลับมาก็พบว่าเพื่อนตัวดีหายตัวไปอีก แน่นอนว่าตำรวจเพ่งเล็งมาที่เขา ส่วนนางเอกเป็นผู้ครอบครองภาพวาดที่เขาคิดว่าจะสามารถทำให้เขาสืบหาตัวการที่ทำให้เขาลำบากได้ ถ้าชอบพล็อตเก๋ๆ ชิงไหวชิงพริบ รับรองว่าเรื่องนี้ถูกใจแน่ค่ะ ^^
เล่มบนอาจจะไม่หวานมาก แต่เล่มล่างนี่ หวานจนบ.ก.สั่งตัดเลยทีเดียว แอ๊ >_<
ระบำฝัน
เรื่องนี้นางเอกเป็นเด็กถูกเก็บมาเลี้ยงค่ะ เธอไม่มีความทรงจำในวัยเด็กเหลืออยู่เลย ทั้งๆ ที่ชีวิตก็ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ เพราะพ่อแม่และน้องเลี้ยงรักเธอ แฟนหนุ่มก็รักเธอ แต่ความฝันซึ่งเป็นเศษเสี้ยวจากอดีตตามหลอกหลอนจนเธอไม่อาจอยู่เฉยได้ เธอดิ้นรนหาความจริง โดยที่ไม่รู้เลยความจริงอาจทำให้เธอสูญเสียทุกอย่างไป ฉากเรื่องนี้อยู่ที่ปารีส-ฝรั่งเศสและประเทศไทยค่ะ
ฝากหนังสือ "ระบำรัก" และ "ระบำฝัน" ด้วยนะคะ เป็นสองเล่มที่ไอซ์มั่นใจว่า ถ้าได้อ่านจะชอบแน่นอน บอกไว้ก่อนว่า ถึงจะมีฉากตปท.แต่ก็ไม่ใช่หนังสือท่องเที่ยวนะคะ ดังนั้นจะเน้นที่พล็อตมากกว่ามากๆ ใครที่ชอบงานของไอซ์อยู่แล้ว รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง ส่วนคนที่ไม่เคยอ่าน หรือไม่เคยชอบงานของไอซ์มาก่อน อยากให้ลองหยิบมาอ่านดูค่ะ ยินดีรับคำแนะนำ ติชม เสมอนะคะ ^^
ส่วนผลงานก่อนหน้านี้ ก็มีงานแนว Romantic Suspense เล่มแรก เป็นแนวใหม่ของแจ่มใสค่ะ
Deadly Game...เกมรักมรณะ
เกิดการฆาตกรรมต่อเนื่องขึ้น และคนที่ตายก็ล้วนเกี่ยวข้องกับนางเอก ฆาตกรเป็นใครกันแน่ ... เป็นเล่มแรกที่เขียนแนวนี้ ฝากด้วยนะคะ อยากได้ feedback มากๆ ค่ะ ^^
ส่วนผลงานเล่มก่อนหน้าที่ออกวางแผงเดือน ส.ค. 54 ฉลองที่แจ่มใสครบ 10 ปี เป็นหนึ่งในโปรเจ็ค Sweet 10 ค่ะ
คนที่สิบ...รักที่สุด
ในโปรเจ็คนี้จะมีทั้งหมด 4 เล่มด้วยกัน เป็นเรื่องของเพื่อนสาว 4 คนที่เกี่ยวพันกับเลข 10 แต่ละเล่มอ่านแยกกันได้ค่ะ เล่มของไอซ์...นางเอกมีแฟนมาแล้วเก้าคน ก็ไม่ใช่ตัวจริงซักที คนที่สิบนี่...จะใช่ไหมนะ ^^
ฝากผลงานด้วยนะคะ ^^
29/1/2012
ฝากผลงานทั้งหมดด้วยนะคะ ^^
ผลงานเขียนเดี่ยวๆ
ผลงานแปล
ผลงานร่วมกับนักเขียนท่านอื่น