No matter what life brings, I just believe that... Everything happens for the best.

Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
3 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
Quarantine : จะอ่านหนังสือยอดเยี่ยมให้สนุก ก็ต้องมีพื้นความรู้บ้างล่ะนะ -_-"



หนังสือ : Quarantine
ผู้เขียน : Jim Crace
สนพ. : Penguin; New Ed edition (2 April 1998)
จำนวนหน้า : 243 หน้า
ภาษา : อังกฤษ





หนังสือเล่มนี้เป็น Whitbread Novel of the year 1997 และเป็น Shortlist ของ Booker prize สาขานวนิยายในปีเดียวกันด้วยค่ะ ((เล่มที่ชนะ Booker prize ในปีนั้นคือ The God of Small Things ของ Arundhati Roy นะคะ))

Whitbread Book Awards ก็จะคล้ายๆ กับ Booker Prize Awards นะคะ แต่ละปีจะแบ่งเป็นสาขา นวนิยาย อัตชีวประวัติ หนังสือเด็ก หนังสือเล่มแรก บทกวี ... หนังสือเล่มที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็จะได้รับเลือกเป็น Whitbread Novel of the year

หนังสือที่เคยได้รับรางวัลนี้ที่ไอซ์เคยอ่านก็เช่น The Curious Incident of the Dog in the Night-time (ปี 2003), Spies (ปี 2002), The Moor's Last Sigh (ปี 1995) เป็นต้น

รายละเอียดเกี่ยวกับ Whitbread Book Awards ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น Costa Awards เมื่อปี 2006 เนื่องจากเปลี่ยนสปอนเซอร์ สามารถอ่านได้ ที่นี่ ค่ะ ^^


รายละเอียดจากปกหลัง

เมื่อสองพันปีก่อน นักเดินทางสี่คนก้าวเข้าสู่ทะเลทรายจูดีน (Judean) เพื่ออดอาหารและสวดมนต์เพื่อช่วยเหลือวิญญาณที่หลงทางของตัวเอง ท่ามกลางความร้อนระอุและก้อนหินรกร้างว่างเปล่า พวกเขาได้เผชิญหน้ากับพ่อค้าผู้ชั่วร้ายนาม มูซ่า (Musa) - ชายผู้บ้าคลั่ง ซาดิสม์ นักข่มขืน เป็นกระทั่งซาตาน - ผู้ควบคุมพวกเขาไว้ในอำนาจ แต่...ยังมีใครอีกคนหนึ่ง ร่างอันเลือนรางห่างไกล อดอาหาร 40 วัน ชายชาวกาลิเลียน (Galilean) ผู้ซึ่งพวกเขาเชื่อว่ามีพลังที่จะสร้างปาฏิหาริย์

ที่นี่...ติดอยู่ท่ามกลางบริเวณอันรกร้างว่างเปล่า การสู้รบเพื่อมีชีวิตรอดของพวกเขาได้เริ่มขึ้น


จากไอซ์ :

ไอซ์ซื้อหนังสือเล่มนี้มาดองไว้นานมากแล้วค่ะ ที่ซื้อก็เพราะเป็นหนังสือที่ได้รับรางวัล Whitbread และได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเป็นหนังสือที่เจ๋งมากๆ แต่ไม่ได้รู้เลยว่า หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไร และเจ๋งยังไง

เรื่องของเรื่องก็เหมือนกับปกหลังค่ะ แต่เปิดเรื่องที่ "มูซ่า" พ่อค้าชั่วร้ายที่ป่วยหนักใกล้ตาย เลยโดนญาติๆ ร่วมคาราวานปล่อยทิ้งไว้ให้ตายพร้อมกับ มิริ (Miri) ที่กำลังท้องอยู่ ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ดูแลสามีตามหน้าที่ ท่ามกลางความรกร้างว่างเปล่าของทะเลทรายจูดีน

ระหว่างนั้นก็มีนักเดินทาง 5 คนเดินทางเข้ามาในทะเลทราย เพื่อที่จะกักตัวเองไว้ใน Quarantine ซึ่งก็คือ การอดอาหารระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก และสวดมนต์ภาวนาเป็นจำนวน 40 วัน เพื่อหวังผลบางอย่าง

ชิม (Shim) - ต้องการค้นหาความหมายอะไรบางอย่าง
อาพาส (Aphas) - ป่วยเป็นมะเร็ง และต้องการหายดีอีกครั้ง
มาร์ตา (Marta) - ต้องการมีลูก
บาดู (Badu) - จริงๆ ไม่ใช่ชื่อนะคะ แต่ไอซ์หาความหมายของคำว่า บาดู ไม่เจอ ฮา ... เหมือนว่าเขาจะเป็นบ้าค่ะ

ส่วนคนที่ห้า

จีซัส (Jesus) - เป็นลูกช่างไม้ ที่ฝักใฝ่ในการสวดมนต์ และต้องการเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้า

พอสี่คนแรกไปถึงทะเลทราย ต่างก็จับจองถ้ำสำหรับพำนักอาศัย ส่วนจีซัสดันไปเข้าไปในเต้นท์ของมูซ่าระหว่างที่มิริไม่อยู่ เพราะไปขุดหลุมศพเพื่อฝังสามี ... จีซัสดื่มน้ำของมูซ่า และเอามือแตะมูซ่า ก่อนจะหายตัวออกจากเต้นท์ไป

มูซ่าที่ใกล้จะตายมิตายแหล่ดันหายดี และคลั่งแค้นมากที่ญาติๆ ทิ้งตัวเองไป แถมยังเอาของมีค่าไปเสียหมด เหลือไว้แต่ภรรยา และของไร้ค่าอีกไม่มาก แต่มูซ่าเป็นพ่อค้าในสายเลือด เขาเลยหาทางขูดรีด ชิม อาพาส มาร์ตา และบาดู โดยอ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้

และมูซ่าก็เชื่อว่า จีซัส เป็นผู้วิเศษ เพราะสามารถรักษาเขาจนหายได้ จึงต้องการพบจีซัสให้ได้

แต่จีซัสต่างจากคนอื่นๆ เขาไม่ได้อยู่ในถ้ำละแวกนั้น แต่แยกตัวออกไป เพื่ออดอาหารอย่างจริงจัง เขาไม่กินน้ำ ไม่กินอาหาร เพื่อรอปาฏิหาริย์จากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น

ส่วนมิริที่ท้องแก่ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับการค้นหาพระผู้เป็นเจ้าหรือต้องการกำไร เธอต้องการหลุดพ้นจากสามีที่ชอบทำร้ายตัวเองเท่านั้น

ท่ามกลางความรกร้างว่างเปล่าของทะเลทรายจูดีน ต่างคนต่างก็ดิ้นรนเพื่อจุดประสงค์ลึกๆ ในใจของตัวเอง

....

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในทะเลทรายจูดีน โดยมีตัวละครเจ็ดตัวนี้เท่านั้นค่ะ มีความพลิกผันเกิดขึ้นเรื่อยๆ จนเดาไม่ถูกว่าผู้เขียนต้องการอะไรกันแน่

สำนวนของผู้เขียนอลังการมากค่ะ การบรรยายของเขาละเอียดอ่อน มีการเปรียบเทียบที่ทำให้เห็นภาพ จนเหมือนกับธรรมชาติมีชีวิต และมีบทบาทอันสำคัญซึ่งส่งผลกระทบต่อตัวละครทั้งหมด ((อาจจะคล้ายๆ กับการผลักดันของพระผู้เป็นเจ้าก็ได้))

ผู้เขียนสร้างตัวละครได้มีสีสันและสุดโต่งมากๆ ค่ะ การสื่อความคิดและความต้องการของตัวละครต่างๆ ชัดเจน ทั้งความเข้มแข็งและอ่อนแอ ... และความต้องการส่วนลึกที่สุดในใจ

ยกตัวอย่าง .. จีซัส...ต้องการความยอมรับจากคนในหมู่บ้าน เขาต้องการได้รับปาฏิหาริย์จากพระผู้เป็นเจ้า กลายเป็นผู้วิเศษ ... ชิมเองก็คล้ายๆ กัน แต่นิสัยของสองคนนี้ต่างกันลิบลับ ชิมทะนงและถือตน ส่วนจีซัสนั้นลึกๆ อ่อนแอแต่ต้องการเข้มแข็ง


ตอนอ่านก็สะดุดนิดๆ เหมือนกันค่ะ กับการที่ตัวละครเอกตัวหนึ่งชื่อ "จีซัส" และเป็นช่างไม้อีกต่างหาก -_-" มันต้องเกี่ยวอะไรกับศาสนาคริสต์แหงๆ แต่ไอซ์ไม่เคยอ่านไบเบิ้ลอะค่ะ ก็เลยอ่านเรื่องนี้เหมือนนิยายเรื่องหนึ่ง

และการที่อ่านจากมุมมองของคนที่นับถือศาสนาพุทธ ก็เลยรู้สึกว่าการกระทำของตัวละครในเรื่อง "สุดโต่ง" มากๆ การอดอาหารและการทรมานตัวเอง ไม่ใช่วิถีของชาวพุทธอะนะ


พออ่านจบแล้วไปอ่านรีวิวใน amazon ก็เลยรู้ว่า เรื่องราวใน Quarantine นี้เป็นคล้ายๆ กับการตีความใหม่และปรับเรื่องจากส่วนหนึ่งของไบเบิ้ล เกี่ยวกับตอนที่จีซัสไปพักแรมท่ามกลางความรกร้างว่างเปล่าและได้รับการยั่วยุจากซาตาน

ก็เลยไม่รู้เหมือนกันค่ะว่า ถ้าตัวเองนักถือศาสนาคริสต์ และเคยอ่านไบเบิ้ล จะรู้สึกสะดุดอะไรกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ จีซัสในเรื่อง Quarantine นั้นเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาที่พยายามเสาะหาความหมายและต้องการเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้า ในหนทางที่เขาคิดว่า จะทำให้เขาเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้าได้เท่านั้น ... มูซ่านั้นน่าจะเทียบได้กับซาตานล่ะมั้ง ((แต่จริงๆ แล้วเขาก็เป็นคนโลภที่ชั่วร้ายธรรมดาเท่านั้นแหละ)) ส่วนตัวประกอบที่เหลือเทียบกับอะไรไอซ์ก็ตีความไม่ออกเหมือนกันค่ะ ฮา


สรุปว่า...ก็เป็นหนังสือที่น่าสนใจอะค่ะ ยอดเยี่ยมในการบรรยายและใช้ภาษา ตัวละครโดดเด่น แต่คิดว่าถ้าไอซ์มีความรู้ด้านศาสนาคริสต์มากกว่านี้ น่าจะได้มุมมองอะไรที่น่าแตกตื่นกว่านี้ล่ะมั้ง ^^"





สปอยล์ :

จริงๆ แล้วพล็อตอาจจะไม่ใช่ส่วนสำคัญที่สุดของเรื่องนี้นะคะ เล่าไปอาจจะเหมือนไม่มีอะไรเลยก็ได้ แต่สิ่งที่แทรกและคำบรรยาย ทัศนคติต่างๆ รายละเอียดของเรื่องต่างหากที่น่าสนใจกว่า

สรุปง่ายๆ ก็คือ มูซ่าพยายามบีบเอาเงินจากนักเดินทางทั้งสี่คนไปเรื่อยๆ พร้อมกับพยายามหาจีซัส ทั้งอาพาสและชิมกลัวมูซ่ามากๆ จนยอมทำตามทุกอย่าง ส่วนมาร์ตาเองก็เป็นผู้หญิง เธออยากอยู่ใกล้มิริที่กำลังท้อง เผื่อว่าจะทำให้ติดโชคดีมาได้ ส่วนบาดูก็บ้าๆ บอๆ ไปตามเรื่อง

มูซ่า อาพาส และมาร์ตา ต้องการพบกับจีซัสมากๆ เพราะเชื่อว่าเขาเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะช่วยทุกคนได้

ส่วนจีซัสไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลยว่า คนที่เหลือตัองการอะไรจากตัว นอกจากคิดไปว่า พวกนั้นเป็นซาตานที่มายั่วยุเขา ทำให้เขาไม่สามารถทำ quarantine ได้สำเร็จ เขาไม่ยอมกินอะไรเลย จนร่างกายอ่อนแอมากๆ

เรื่องมันขมวดเข้ามาในคืนที่เกิดพายุ ซึ่งเป็นวันที่ 31 ของการ quarantine

มูซ่าข่มขืนมาร์ตา ขณะที่จีซัสเองก็ตายไป

คนทั้งหมดฝังจีซัสและเดินทางออกจากที่นั่นไป อาพาสกับชิมหนีไปคนละทาง ส่วนมาร์ตาก็พามิริหนีไปอีกทาง แล้วมูซ่าก็เดินทางต่อไปอีกทาง








ดู Index รายชื่อหนังสืออื่นๆ ที่ไอซ์ได้รีวิวไปแล้วตามลิงก์ข้างล่างค่ะ

- หนังสือภาษาอังกฤษ
Index Bookshelf : English Books

- หนังสือแปล
Index Bookshelf : Translated Books

- หนังสือภาษาไทย
Index Bookshelf : Thai Books



Create Date : 03 เมษายน 2554
Last Update : 3 เมษายน 2554 9:28:35 น. 3 comments
Counter : 1905 Pageviews.

 
ถ้ามีแปลเป็นภาษาไทยก็ดีสิคะ แบบว่าตอนนี้ไม่มีเวลาอ่านแบบต้องแปลเองนะคะ เพราะที่ดองไว้ยังอีกกองเบ้อเริ่มเลยอะค่ะพี่ไอซ์


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:12:47:00 น.  

 
ไม่รู้เหมือนกันว่ามีแปลหรือเปล่าอะจ้ะ ถ้ามีก็ดีเนอะ คนไทยจะได้อ่านหนังสือหลากหลายมากขึ้น ^^


โดย: Clear Ice วันที่: 7 เมษายน 2554 เวลา:23:26:40 น.  

 
นั่นน่ะสิคะ อยากให้มีฉบับแปลจังค่ะ


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 24 เมษายน 2554 เวลา:19:03:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Clear Ice
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add Clear Ice's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.