1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30 31
ในใจ...ไกลกว่าสายตา (Sound of Colors) : โลกในอีกหนึ่งมุมมอง
รีวิวหนังสือที่อ่านตามเกม RRR หรือ Rainy Read Rally ต่อ ... ใครที่สงสัยว่ามันคืออะไรคลิกที่ลิงก์ข้างล่างได้เลยค่ะ - กระทู้เปิดตัว - กระทู้ปัจจุบัน ((ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค.)) เล่มนี้อ่านตามโจทย์ 20-5. [piccy] อ่านหนังสือรวม 3 เล่ม จากคนละประเทศ นับจากสัญชาติคนแต่ง จะเป็นฉบับแปลหรือไม่แปลก็ได้ (ไต้หวัน)เรื่อง : ในใจ...ไกลกว่าสายตา (Sound of Colors) เขียนและภาพประกอบ : จิมมี่ เลี่ยว (Jimmy Liao) แปลโดย : ประทุมพร ตั้งกุลธวัช เนื้อหาโดยย่อ เช้าตรู่ของวันครบรอบวันเกิดปีที่สิบห้าของฉัน ฝนตกพรำๆ อยู่นอกหน้าต่าง อาศัยอยู่ในเมืองนี้ ฉันหลงทางเสมอ เดินลงหนองบึงอยู่บ่อยๆ เท้าจุ่มลงหลุมเลน จะเดินหน้าก็ไม่ได้ จะถอยหลังก็ลำบาก หวาดหวั่นอยู่ลึกๆ ว่าโชคของฉันอาจอยู่ใกล้ๆ แต่ฉันกลับมองข้ามไป คนที่ความสุขกระจัดกระจายหายไป ใครกันจะมาเติมความอบอุ่น ให้เต็มที่ว่างอันเงียบเหงา บ่อยครั้งที่เรายังไม่ทันรู้จักกัน ก็ต้องรีบจากลา จะมีใครคอยฉันอยู่ที่ปากทางออกบ้างไหม เธอจะกุมมือฉันไว้แน่นๆ บอกทิศทางดวงดาวต่างๆ ให้ฉันรู้... ขอบคุณนะที่เธออยู่เป็นเพื่อนฉันมาตลอด * ขอบคุณภาพและรายละเอียดจาก นานมีบุ๊คส์ อ่านจบแล้วชอบมากค่ะ มาทราบทีหลังว่า เล่มนี้ Jimmy Liao เขียนขึ้นจากประสบการณ์ป่วยไข้จากโรคลูคีเมีย ต้องรักษาที่โรงพยาบาลในไทเป คนไข้มารักษาตัวแล้วก็ตายไปเยอะมาก เขาต้องรับการรักษาด้วยเคมีบำบัด ซึ่งทรมานมากด้วยค่ะ หนังสือเล่มนี้เปิดเรื่องด้วยบทกวีของ W.Szymborska "We're extremely fortunate not knowing precisely the kind of world we live in ...พวกเราช่างโชคดีเหลือเกินที่ไมต้องรู้เลยว่า โลกที่เราอาศัยอยู่นั้นเป็นเช่นใดแน่" Sound of Colors บอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวตาบอดอายุ 15 ปี ซึ่งเดินออกจากบ้าน ลงรถไฟใต้ดิน เดินผ่านสถานที่ต่างๆ มากมาย แต่สิ่งที่เธอได้เห็นในความคิดคำนึงนั้น ต่างออกไปจากสถานที่จริงซึ่งคนตาธรรมดามองเห็น บรรยากาศของหนังสือจะเปลี่ยวเหงาและอบอุ่นจางๆ เด็กสาวตาบอดปรับตัวต่อสู้ความความเดียวดายและมืดมิดจนกระทั่งเคยชินในที่สุด เธอไม่รู้ว่าปุยเมฆที่เคยเห็นยังเป็นสีขาวอยู่หรือไม่ และไม่รู้ว่าถ้ามองเห็นได้อีกครั้งเธออยากเห็นอะไรมากที่สุด อ่านจบแล้วก็เลยลองหลับตา...เสียง กลิ่น และสัมผัสรอบข้าง...ทำให้มองเห็นโลกอีกใบจริงๆ ค่ะ ^^ ....เกี่ยวกับจิมมี่ เลี่ยว เกิดที่ไทเป จบการศึกษาสาขาทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ เป็นหนุ่มขี้อาย ใช้เวลาอยู่กับครอบคัวอย่างเรียบง่าย และอุทิศตนให้กับงาน เขาเขียนและวาดภาพประกอบหนังสือมาตั้งแต่ปี 1998 ด้วยเรื่อง Secrets in the Woods และ A Fish that Smiled at Me ซึ่งทำให้หนังสือของเขากลายเป็นปรากฎการณ์ทางวัฒนธรรม การผสมผสานภาพพจน์กับคำพูดในวิธีการใหม่ จิมมี่เติมหนังสือของเขาด้วยกรอบของกวีนิพนธ์อันมีเสน่ห์ แฟนหนังสือของเขามีทั้งเด็ก วัยรุ่นและผู้ใหญ่ นับว่าเขาเป็นนักวาดภาพประกอบที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเอเชีย เป็นผู้จุดประกายความนิยมในการสร้างสรรค์และสื่อภาษาทางวรรณกรรมออกมาด้วยรูปภาพสีสันสดใส ปรุงแต่งจินตนากาที่จับใจคนทุกวัย มีผลงานมาแล้วกว่า 20 เรื่อง ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากของผู้อ่าน หนังสือของเชาจำหน่ายได้มากกว่า 3 ล้านเล่มในไต้หวันและจีน และได้รับการตีพิมพ์แล้ว 8 ภาษา ทั้งภาษาจีน อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน กรีก ญี่ปุ่น เกาหลี และไทย เรื่องราวของเขาสะท้อนความเป็นจริงของชีวิต การรวมกันของภาพประกอบ และงานเขียนแบบกวีอันทรงเสน่ห์ พิมพ์สี่สี่ เป็นที่ถูกใจทั้งผู้ใหญ่และวัยรุ่น ผู้อ่านมากมายเพลิดเพลินไปกับลายเส้นที่มีชีวิตชีวา และวิธีการเล่าเรื่องที่งดงาม * ขอบคุณภาพและรายละเอียดจาก นานมีบุ๊คส์ ..... ตอนจะเขียน เซิร์ชหารูปประกอบ กลับพบรีวิวที่เขียนได้ดีมากกกกกใน blog ของคุณ MBA ซึ่ง...คุณ MBA ได้รวบรวมจากหลายๆ เว็บไซต์อีกที เลยขอยกมาอีกหนึ่งต่อนะคะ ^^" * //recoilz.multiply.com/journal/item/11 * //www.matichonbook.com/newsdetail.php?gd=44721 * ไม่ได้ขออนุญาตอะค่ะ ไอซ์ไม่มี ID ใน multiply เลยแปะขอไม่ได้ ถ้าคุณ MBA มาพบแล้วไม่ต้องการให้แปะต่อ ยินดีลบทันทีนะคะ ^^" หนังสือ Sound of Colors (2001) ผลงานอีกเล่ม ที่ Jimmy Liao เขียนขึ้นจากอาการป่วยไข้สาหัสจากโรคลูคีเมีย เขาบอกว่า ห้อง 071 ที่โรงพยาบาลไทเป เป็นสถานที่แห่งความทรงจำในเรื่องความเจ็บปวด เพราะปกติคนไข้ทุกคนที่นี่ จะมารักษาตัวแล้วก็เลิกรักษา (ตาย) ไปเร็วมาก แต่เขาต้องอยู่โยงรับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดนานถึงห้าเดือนเต็ม ย่อมจะเป็นช่วงเวลาเหมือนตายทั้งเป็น Sound of Colors บอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวตาบอดในสถานีรถไฟใต้ดิน Jimmy Liao เดินเรื่องโดยใช้ความคิดคำนึงของเด็กสาวในเช้าวันหนึ่งของฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งตรงกับวันเกิดครบรอบ 15 ปีของเธอ และเป็นเช้าวันที่ดวงตาเธอเริ่มจะมองไม่เห็น The year that the angel said goodbye to me At the entrance to the subway I started not to see. On the autumn of my 15th birthday As rain drizzled outside the windows I fed my cat. At 6:05 I walked in to my subway. จะเห็นว่า Jimmy Liao นั้น เชี่ยวชาญอย่างยิ่งในการสร้างบรรยากาศที่เปลี่ยวเหงาเศร้าลึก แค่เรื่องตาบอดในวันเกิดก็เศร้าพอแรงอยู่แล้ว แต่วิธีการชั้นเชิง ที่เขาบอกเล่าอริยาบทของเด็กสาวขณะที่กำลังก้าวลงบันไดสถานีรถไฟใต้ดินแล้วบอกว่า "นางฟ้าได้กล่าวคำอำลากับฉันตรงทางเข้าสถานีรถไฟ แล้วดวงตาฉันก็เริ่มมองไม่เห็น" นั้น ใครเคยอ่านผลงานของเขาในก่อนหน้านี้ อาจจะรู้สึกเหมือนกันว่า วิธีการแบบนี้มันเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาไปแล้ว ถ้อยคำของ Jimmy Liao งามละเมียดละไม ให้ภาพจินตนาการที่กว้างขวางไม่แตกต่างจากภาพเขียนของเขาเลย เขาให้เด็กสาวตาบอดเดินกางร่มออกจากบ้านท่ามกลางละอองฝนโปรยปราย เด็กสาวเพิ่งเสร็จจากการให้อาหารแมว และต้องโดยสารรถไฟใต้ดิน เด็กสาวค่อยๆ เดินลงไปตามทางเดินมืดชื้นที่ปราศจากลมและฝน เด็กสาวได้ยินเพียงเสียงรองเท้าตัวเองกระทบพื้นดังกึกก้องอยู่ในความเงียบ และบันไดนั้นดูเหมือนจะทอดลงโดยไม่สิ้นสุด แต่เด็กสาวไม่ได้กลัวอะไร เธอเคยชินกับการอยู่คนเดียว และเคยชินกับการอยู่คนเดียวในท่ามกลางผู้คนมานานแล้ว ขณะเดินอยู่บนทางเท้าในสถานีรถไฟใต้ดิน เธอก็จินตนาการว่า เธออาศัยอยู่ในโลกที่ไม่มีคน และไม่มีใคร กำลังเดินเล่นในความมืดโดยปราศจากจุดหมาย "ฉันเริ่มฝึกตัวเอง โดยการออกเดินทางจากป้ายที่ไม่รู้จัก สู่ป้ายที่ไม่รู้จักอีกแห่งหนึ่ง หากรถไฟใต้ดินในโลกนี้เชื่อมถึงกันหมด มันจะสามารถพาฉันไปทุกหนแห่งที่ฉันอยากไปได้หรือเปล่า" แต่เมื่อขึ้นไปอยู่บนรถไฟ ท่ามกลางผู้คนเบียดเสียดยัดเยียด เด็กสาวกลับลืมสนิทว่าตัวเองกำลังจะเดินทางไปไหน "ทั้งที่ลืมตา แต่ฉันยังรู้สึกเหมือนว่ายังหลับอยู่" โลกมืดมิดยังเป็นความแปลกใหม่ในชีวิตที่เด็กสาวต้องเรียนรู้ เธอเดินออกจากสถานี ขณะที่แสงแดดอบอุ่นส่องสว่างมายังผืนหญ้า ในความมืดเด็กสาวได้ยินเสียงใบไม้ร่วงเป็นจังหวะแผ่วเบานุ่มเนิบ เธอเคยได้ยินมาว่า ณ ที่แห่งนี้มีใบไม้ทองคำซุกซ่อนอยู่ โลกมืดทำให้เด็กสาวค้นพบความลับของชีวิต ดังเช่นบทกวี The Blind Woman ของ Rainer Maria Rilke เคยบอกเล่าไว้ I no longer have to do without now. All colors are translated Into sounds and smells. And they ring infinitely sweet Like tones. Why should I need a book ? The wind leafs what passes there for word. And sometimes repeat them softly. And Death who plucks eyes like flowers. Doesn't find my eyes . เมื่อสีสันทั้งหมดในโลกกลายมาเป็นเสียงและกลิ่น ทั้งยังให้ท่วงทำนองอ่อนหวาน ใครจะต้องการหนังสืออีกต่อไป ในเมื่อยามนี้ใครคนนั้นสามารถอ่านและเข้าใจภาษาลมที่พัดผ่านแมกไม้ ความตายเด็ดดวงตามนุษย์ง่ายดายราวกับเด็ดดอกไม้ แต่เด็กสาวตาบอดไม่ต้องยำเกรงอีกต่อไป เนื่องเพราะความตายจะไม่มีวันค้นหาดวงตาเธอพบ ฉันพร้อมจะโบกมืออำลาเมืองที่มีอันตรายรอบด้านนี้ไปได้ตลอดเวลา แต่ความสีสันสวยงามระทึกใจของมันก็ทำให้ฉันตัดใจจากมันไปไม่ได้สักที" ในความมืด มีคำถามมากมาย เช่นว่า สีของแอปเปิ้ลจะแดงสดเท่ากับเชอร์รี่หรือเปล่า เวลาเงยหน้าขึ้นมองฟ้านั้นให้ความรู้สึกอย่างไร "ถึงตอนนี้ฉันลืมไปหมดแล้ว ว่าปุยเมฆยังสดสวยอยู่หรือไม่" "ฉันร้องขออะไรต่อมิอะไรจากโลกนี้มากไปหรือเปล่า ชีวิตคนเราไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนเลยใช่ไหม เรามาร้องเล่นเต้นรำกันต่อไปเถอะ" รวมถึงคำถามสำคัญที่ว่า ถ้าสามารถมองเห็นโลกใบนี้อีกครั้ง เธออยากเห็นอะไรที่สุด เส้นสายภาพวาด Jimmy Liao ไม่ว่าเล่มนี้หรือเล่มไหน ก็ออกจะแข็งกระด้าง ยังไม่ถูกจริตส่วนตัวอย่างเต็มร้อยเท่าใดนัก คงเป็นอารมณ์ความรู้สึกจากเรื่องราวมากกว่า ที่มีพลังสะกดใจ ให้ผู้อ่านจดจ่ออยู่กับเรื่องได้ ตั้งแต่ต้นจนจบ Sound of Colors ก็เช่นกัน แม้เรื่องราวโรยไว้ซึ่งความเปลี่ยวเหงาเศร้าอยู่ในทุกหน้ากระดาษ แต่กลับให้ความรู้สึกสวยงามอิ่มเอมใจได้อย่างหน้าประหลาด โลกดูจะไม่ยุติธรรมเลย ที่กำหนดให้ใครบางคนต้องตาบอดไป แต่โลกก็มอบบางอย่างคืนให้ โดยที่คนตาดีทั่วไปอาจจะไม่เคยได้สัมผัสเลย นั่นน่าจะเป็นแก่นสารสำคัญจากหนังสือ Sound of Colors ที่พยายามให้เราตระหนักรู้ อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัว (อีกแหละ) ว่า "ตาดี" ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะบางทีคนตาบอดอาจโชคดี ขณะที่คนตาดีนั่นแหละที่โชคร้าย บางทีคนที่ไม่ต้องมองเห็นอะไรเลยในโลกนี้ อาจมีความสุขสบายใจแบบในบทกวี We"re Extremely Fortunate ของ Wislawa Szymborska ที่บอกว่า "เราช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ ที่ไม่รู้เลยว่าเราอยู่ในโลกแบบไหน" ตัวภาพยนตร์ลองเข้าไปอ่านที่เวบ popcornfor2 นะคับ เพิ่งรู้ว่าพี่นีอุงเคยเขียนไว้นานแระ
Create Date : 12 สิงหาคม 2552
Last Update : 12 สิงหาคม 2552 13:18:56 น.
3 comments
Counter : 3915 Pageviews.
โดย: นัทธ์ วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:21:07:04 น.
โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:22:08:18 น.
โดย: Clear Ice วันที่: 8 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:00:34 น.
เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายยิ่งกว่าพายุ ^^
บอกกล่าวกันก่อน
Blog นี้มีอะไร อัพเดทใหม่ๆ คลิกที่ Blog map & Update ค่ะ
ตอนนี้นิยายที่เขียนค้างอยู่ถูกล็อกไว้ชั่วคราว เพราะอยากจัดระเบียบความคิดของตัวเองนิดนึงก่อนค่ะ ขออภัยสำหรับความไม่สะดวกด้วยนะคะ
ขอร้องคนที่มาอ่านงานเขียนของไอซ์ในบล็อกนะคะว่า กรุณาอย่าก็อปปี้ไปเผยแพร่ที่อื่นเลย ไม่ว่าจะให้เครดิตหรือไม่ เพราะบอกตรงนี้เลยค่ะว่า "ไม่อนุญาตทุกกรณี" ขอให้อ่านกันเพียงแต่ในนี้ หรือถ้าอยากแบ่งปันกันจริงๆ ขอให้ทำ link มาที่นี่นะคะ ^^
ตอนนี้ไอซ์เล่น Blog น้อยลงมากๆ เลย เพราะจะไปอยู่ใน Facebook มากกว่า
ยังไงแอ๊ดไปคุยกันได้ ที่นี่ นะคะ เป็น Facebook ส่วนตัวของไอซ์ รับแอ๊ดทุกคนค่ะ แต่ว่าไอซ์ใช้คุยเรื่องทั่วๆ ไปด้วย ไอซ์อัพค่อนข้างบ่อย อัพทุกเรื่องเลย อาจจะรกนิดนึง
ถ้าจะติดตามเรื่องงานเขียนหรืองานแปล ((ไม่ได้แปลนานแล้วนะคะ ฮา)) ก็สามารถเข้าไปกด like กันที่เพจได้ ที่นี่ นะคะ ^^
ผลงานล่าสุด
กล่องนี้จะเป็นกล่องที่แนะนำผลงานล่าสุดของไอซ์นะคะ ^^
ปี 55 นี้ เปิดศักราชใหม่อย่างอลังการด้วยผลงานใหม่ซึ่งออกพร้อมกัน 2 เรื่องเลยค่ะ ^^ ((ภูมิใจเล็กๆ เพราะหนาด้วยอะ 555)) เป็นหนังสือสองเล่มที่นางเอกของทั้งสองเรื่องมีหน้าตาเหมือนกัน เนื้อเรื่องมีจุดเชื่อมกันเล็กน้อย อ่านเล่มไหนก่อนก็ได้ เพราะเรื่องเกิดขนานกันไปค่ะ หรือถ้าจะอ่านแค่เล่มเดียวก็ได้เหมือนกันค่ะ รับรองว่าไม่สะดุด แต่ถ้าได้อ่านสองเล่มจะรู้ว่า อีกฝ่ายหนึ่งเกิดอะไรขึ้น ^^
ระบำรัก
เรื่องนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นในปารีส-ฝรั่งเศส และทาลลินน์-เอสโตเนียค่ะ พระเอกเป็นจิตรกรและเป็นโจรขโมยงานศิลปะ คราวนี้ภาพวาดที่เขารับงานแทนเพื่อนว่าจะขโมยออกมานั้น ถูกขโมยตัดหน้าเสียก่อน พอกลับมาก็พบว่าเพื่อนตัวดีหายตัวไปอีก แน่นอนว่าตำรวจเพ่งเล็งมาที่เขา ส่วนนางเอกเป็นผู้ครอบครองภาพวาดที่เขาคิดว่าจะสามารถทำให้เขาสืบหาตัวการที่ทำให้เขาลำบากได้ ถ้าชอบพล็อตเก๋ๆ ชิงไหวชิงพริบ รับรองว่าเรื่องนี้ถูกใจแน่ค่ะ ^^
เล่มบนอาจจะไม่หวานมาก แต่เล่มล่างนี่ หวานจนบ.ก.สั่งตัดเลยทีเดียว แอ๊ >_<
ระบำฝัน
เรื่องนี้นางเอกเป็นเด็กถูกเก็บมาเลี้ยงค่ะ เธอไม่มีความทรงจำในวัยเด็กเหลืออยู่เลย ทั้งๆ ที่ชีวิตก็ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ เพราะพ่อแม่และน้องเลี้ยงรักเธอ แฟนหนุ่มก็รักเธอ แต่ความฝันซึ่งเป็นเศษเสี้ยวจากอดีตตามหลอกหลอนจนเธอไม่อาจอยู่เฉยได้ เธอดิ้นรนหาความจริง โดยที่ไม่รู้เลยความจริงอาจทำให้เธอสูญเสียทุกอย่างไป ฉากเรื่องนี้อยู่ที่ปารีส-ฝรั่งเศสและประเทศไทยค่ะ
ฝากหนังสือ "ระบำรัก" และ "ระบำฝัน" ด้วยนะคะ เป็นสองเล่มที่ไอซ์มั่นใจว่า ถ้าได้อ่านจะชอบแน่นอน บอกไว้ก่อนว่า ถึงจะมีฉากตปท.แต่ก็ไม่ใช่หนังสือท่องเที่ยวนะคะ ดังนั้นจะเน้นที่พล็อตมากกว่ามากๆ ใครที่ชอบงานของไอซ์อยู่แล้ว รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง ส่วนคนที่ไม่เคยอ่าน หรือไม่เคยชอบงานของไอซ์มาก่อน อยากให้ลองหยิบมาอ่านดูค่ะ ยินดีรับคำแนะนำ ติชม เสมอนะคะ ^^
ส่วนผลงานก่อนหน้านี้ ก็มีงานแนว Romantic Suspense เล่มแรก เป็นแนวใหม่ของแจ่มใสค่ะ
Deadly Game...เกมรักมรณะ
เกิดการฆาตกรรมต่อเนื่องขึ้น และคนที่ตายก็ล้วนเกี่ยวข้องกับนางเอก ฆาตกรเป็นใครกันแน่ ... เป็นเล่มแรกที่เขียนแนวนี้ ฝากด้วยนะคะ อยากได้ feedback มากๆ ค่ะ ^^
ส่วนผลงานเล่มก่อนหน้าที่ออกวางแผงเดือน ส.ค. 54 ฉลองที่แจ่มใสครบ 10 ปี เป็นหนึ่งในโปรเจ็ค Sweet 10 ค่ะ
คนที่สิบ...รักที่สุด
ในโปรเจ็คนี้จะมีทั้งหมด 4 เล่มด้วยกัน เป็นเรื่องของเพื่อนสาว 4 คนที่เกี่ยวพันกับเลข 10 แต่ละเล่มอ่านแยกกันได้ค่ะ เล่มของไอซ์...นางเอกมีแฟนมาแล้วเก้าคน ก็ไม่ใช่ตัวจริงซักที คนที่สิบนี่...จะใช่ไหมนะ ^^
ฝากผลงานด้วยนะคะ ^^
29/1/2012
ฝากผลงานทั้งหมดด้วยนะคะ ^^
ผลงานเขียนเดี่ยวๆ
ผลงานแปล
ผลงานร่วมกับนักเขียนท่านอื่น
ทำไงเราก็วิเคราะห์วิจารณ์หนังสือแบบนี้ไม่ได้ซะที ...
เห็นแล้วอยากดูหนัง ...แล้วก็หยิบหนังสือมาอ่านอีกรอบ