No matter what life brings, I just believe that... Everything happens for the best.

Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
1 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
Sabriel - Lirael - Abhorsen (Old Kingdom - Abhorsen Trilogy) : เมื่อคนตายฟื้นขึ้นมาล่าคนเป็น


หนังสือ 3 เล่มนี้อ่านจบแล้วตอบโจ่ทย์ HHR ข้อ...

25-2. [ส้มแช่อิ่ม-ยาคูลท์-Clear Ice] โจทย์ "ไตรรงค์ธงไทย": อ่านหนังสือ 3 เล่มที่มีโทนสีปกแดง 1 เล่ม ขาว 1 เล่ม น้ำเงิน 1 เล่ม (ต้องเห็นสีที่ว่าชัดๆ สัก 1x1 นิ้ว หรือเป็นสีพื้นหลังที่เป็นโทนคล้ายกันก็ได้)

เดินดูทั่วห้องสมุดทำให้สังเกตว่า หนังสือแนวแฟนตาซีที่เป็นชุดส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ค่ะคือ ถ้ามี 3 เล่มจบจะเป็นสี แดง - น้ำเงิน - ดำ ถ้ามี 4 เล่มจบจะเป็น แดง - น้ำเงิน - ดำ - ขาว หรือ แดง - น้ำเงิน - ดำ - เขียว มีชุดนี้ชุดเดียวที่ 3 เล่มจบแล้วเป็นสี ขาว - น้ำเงิน - แดง เลยได้ฤกษ์หยิบมาอ่านซักที หลังจากดองไว้นานมากเหลือเกิน

สาเหตุที่ดองก็คือ ซื้อเล่มแรกมาตั้งแต่ออกใหม่ๆ เพราะหน้าปกสวย จากรูปคงมองไม่เห็น แต่ปกจริงมีการยิงนูนเป็นอักษรเวทย์มากมายตามท้องเรื่อง อ่านปกหลังแล้วน่าสนใจ แต่...พอซื้อมาแล้วพบว่า...มันเป็น trilogy -_-" ก็เลยกะว่ารอให้ออกครบแล้วค่อยอ่านทีเดียว กว่าจะออกครบก็รอเสียหมดกำลังใจ ทำให้ขี้เกียจอ่านอยู่นานเชียว ^^"

เนื่องจากว่าเป็น Trilogy ก็เลยรีวิวพร้อมกัน 3 เล่ม โดยที่ช่วงแรกจะไม่สปอยล์ แล้วไปสปอยล์พร้อมกันหมดทั้งสามเล่มตอนท้ายเลยค่ะ





หนังสือ : Sabriel
เขียนโดย : Garth Nix
ปกอ่อน : 368 หน้า
สำนักพิมพ์ : HarperCollinsChildren'sBooks
ภาษา : อังกฤษ





* เล่มนี้ไอซ์มีเป็นปกเก่ากว่านี้ คือจะเป็นพื้นสีขาวไปเลย ไม่มีรูปข้างล่าง เพราะซื้อมาตั้งแต่ออกใหม่ๆ พอออกเล่มต่อๆ มาดันทำปกใหม่สวยกว่าเก่า แอบเซ็ง ฮือ...

รายละเอียดจากปกหลัง

ใครจะปกป้องคนที่มีชีวิต เมื่อคนตายฟื้นคืนชีพ...?

ซาเบรียล (Sabriel) เป็นลูกสาวของผู้ใช้เวทมนตร์ (Mage) ชื่อ แอ็บฮอร์เซ็น (Abhorsen) เธออาศัยอยู่นอกกำแพงของอาณาจักรเก่า (Old Kingdom) ตั้งแต่ยังเด็ก - ห่างไกลจากพลัง 'Free Magic' ที่ควบคุมไม่ได้ และห่างไกลจากคนตาย ซึ่งฟื้นคืนชีพ

แต่ขณะนี้พ่อของเธอหายตัวไป และซาเบรียลก็โดนเรียกให้เดินทางข้ามกลับไปยังอาณาจักรเก่าเพื่อตามหาเขา ต้องจากความปลอดภัยในโรงเรียนซึ่งเหมือนกับเป็นบ้าน ซาเบรียลเริ่มต้นเดินทางซึ่งเต็มไปด้วยความอันตรายเหนือธรรมชาติ กับผู้ร่วมทางซึ่งเธอไม่อาจวางใจได้ - เนื่องเพราะไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เห็นในเขตของอาณาจักรเก่า ที่นั่น...เธอพบกับความชั่วร้ายซึ่งเป็นภัยเหนือชีวิตของเธอเอง และได้เผชิญหน้ากับโชคชะตาที่ซ่อนอยู่...


...

จากเจ้าของบล็อก :

เล่มนี้เป็นเล่มแรกของ Trilogy ซึ่งก็จะเป็นการแนะนำ "โลก" ที่ผู้เขียนสร้างขึ้นนะคะ

"โลก" ของหนังสือชุดนี้จะแบ่งออกเป็นสองอาณาจักรกั้นด้วยกำแพงสูง ... โลกภายนอกซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของกำแพงจะเหมือนกับโลกสมัยใหม่ของเราค่ะ ยิ่งห่างจากกำแพงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่มีเวทมนตร์ ใช้ไฟฟ้า ใช้รถยนต์ ส่วนทางทิศเหนือของกำแพงคือ "อาณาจักรเก่า" จะเป็นโลกที่ยังมีเวทมนตร์อยู่ ซึ่งในเรื่องใช้คำว่า "Charter Magic" การร่ายมนตร์ก็จะใช้ "Charter Mark" หรือเครื่องหมายเวทมนตร์นั้นเอง ... ผู้ที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้จะเรียกว่า "Charter Mage" ซึ่งจะมีเครื่องหมายเวทย์กลางหน้าผาก

พ่อของซาเบรียลซึ่งมีฉายาว่า "แอ็บฮอร์เซ็น" เป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่เป็น Necromancer หรือแปลง่ายๆ ว่า "หมอผี" คือสามารถเรียกและกำจัดวิญญาณได้ หน้าที่ของเขาคือ การกำจัดสิ่งที่ควรตายแล้วแต่กลับฟื้นขึ้นมาอีกในรูปแบบต่างๆ ... เครื่องมือของแอ็บฮอร์เซ็นก็คือ ดาบและกระดิ่ง 7 ใบ ซึ่งมีอำนาจในการปราบวิญญาณต่างๆ กัน ((ชื่อกระดิ่งและอำนาจของมันอยู่หน้า 65 ต้องคอยเปิดดูทุกที เพราะจำยาก ฮา))

โลกแห่งวิญญาณจะมีประตู 9 บาน ถ้ายังไม่ได้ผ่านประตูบานที่ 9 ก็ยังจะสามารถเรียกวิญญาณกลับมาได้ แต่จะกลับมาในรูปแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับผู้เรียก

ซาเบรียลถูกพ่อส่งเข้าโรงเรียนด้านนอกกำแพงของอาณาจักรเก่าตั้งแต่อายุห้าขวบ เธอเป็นนักเรียนดีเด่น เป็นหัวหน้านักเรียน และ...ในโรงเรียนนี้มีการสอนเวทมนตร์พื้นฐานด้วย ... นอกจากการเรียนเวทมนตร์ในโรงเรียนแล้ว พ่อของเธอยังถ่ายทอดวิชาการเป็นหมอผีให้เธอด้วย เธอรู้วิธีการใช้กระดิ่ง และศึกษา "คำภีร์แห่งความตาย (Book of dead)"

จู่ๆ วันหนึ่งก็มีสิ่งไร้ชีวิตที่ถูกสร้างด้วยเวทมนตร์มาหาเธอ นำดาบและกระดิ่งของพ่อมาให้ ทำให้ซาเบรียลรู้ว่า พ่อของเธอเผชิญกับปัญหา และเธอก็ต้องออกเดินทางไปช่วยพ่อ ทั้งๆ ที่เธอแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาณาจักรเก่าเลย


...


อ่านเล่มนี้แล้วรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกม RPG ค่ะ ฮา รู้สึกว่าถ้าเอาไปทำเป็นเกมคงสนุก จัดการกับวิญญาณร้าย ((มีหลายระดับมาก)) ผ่านด่านต่างๆ พบผู้ร่วมทาง ค้นหาความจริงเกี่ยวกับอดีตของอาณาจักรเก่า

ไอซ์ว่าเนื้อหาของเรื่องก้ำกึ่งอยู่ระหว่างวรรณกรรมเยาวชนและหนังสือสำหรับผู้ใหญ่นะคะ ((หนังสือชุดนี้อยู่ในหมวดวรรณกรรมเยาวชน)) เพราะเนื้อหาเข้มข้นดี ถึงแม้ว่าตัวเอกจะเป็นเด็กสาวอายุ 18 ก็ตาม อ่านจบแล้วก็อยากอ่านเล่มต่อไป ^^


*-*-*-*-*



หนังสือ : Lirael
เขียนโดย : Garth Nix
ปกอ่อน : 528 หน้า
สำนักพิมพ์ : HarperCollinsChildren'sBooks
ภาษา : อังกฤษ






รายละเอียดจากปกหลัง

เมื่ออนาคตถูกซ่อนไว้ ใครเป็นคนถือกุญแจแห่งโชคชะตา...?

ลิราเอลไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกสาวของชาวเคลยร์ (Clayr) เธอไม่เคยมีความสามารถในการมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออนาคตที่อาจะเป็นไปได้ (Sight) - ซึ่งเป็นความสามารถโดยกำเนิดของชาวเคลยร์ ถึงกระนั้น...ระหว่างที่แอ็บฮอร์เซนซาเบรียลติดพันกับการแก้ปัญหาที่อื่น...โชคชะตาของอาณาจักรเก่ากลับอยู่ในกำมือของเธอ

ขณะที่ความชั่วร้ายจากอดีตแผ่ขยายเงา - ความชั่วร้ายที่ต่อต้านสายเลือดแห่งราชตระกูล ปิดกั้นการมองเห็นของเหล่าเคลยร์ และคุกคามที่จะทำลายเส้นแบ่งระหว่างชีวิตและความตาย - ลิราเอลจึงต้องรับภาระกิจใหญ่หลวง โดยมีเพียงสุนัขชื่อเสีย (Disreputable Dog) เพื่อนผู้ซื่อสัตย์เป็นผู้ช่วยเหลือ ลิราเอลออกเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตราย และเผชิญหน้ากับโชคชะตาของเธอ...


...

จากเจ้าของบล็อก :

เล่มสองเริ่มต้นด้วยระยะเวลาห่างจากตอนจบของเล่มแรก 14 ปีค่ะ ดังนั้นจะมีสปอยล์เล่มแรกนิดหน่อยนะคะ

เล่มนี้มีตัวละครเด่น 2 คนค่ะ

คนแรก...สาวน้อยลิราเอล

แม่ของเธอเป็นเคลยร์ที่ได้กระทำสิ่งที่แตกต่างจากชาวเคลยร์ทั่วๆ ไป ...ชาวเคลยร์ซึ่งเป็นพวกที่มีนิมิตรสามารถมองเห็นอนาคตหรือที่เรียกว่า Sight ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงค่ะ และจะมีลูกโดยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่มาหาถึง Clayr's Gracia ซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวเคลยร์ ตั้งอยู่เหนือสุดของอาณาจักรเก่า แต่แม่ของลิราเอลหายหน้าไปจาก Clayr's Gracia แล้วก็มีเธอกลับมาด้วย ไม่มีใครรู้ว่าพ่อของเธอคือใคร

เด็กสาวชาวเคลยร์จะสวมชุดสีฟ้า พอโตแล้วจะเปลี่ยนเป็นสวมชุดสีขาว การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของชาวเคลยร์ขึ้นอยู่กับว่า จะเริ่มมีนิมิตรเมื่อไหร่ ซึ่งปกติจะเริ่มมีกันตั้งแต่อายุประมาณสิบเอ็ด

ลิราเอลอายุ 14 ปีแล้ว เธอยังไม่มีนิมิตรเลย นอกจากนั้นเธอยังดูแตกต่างจากชาวเคลยร์ทั่วไปที่มีผมสีทองตาสีอ่อนอีก ... เธอมีดวงตาและผมสีเข้ม แน่นอนว่า มันทำให้เธอกลุ้มใจมากๆ ความแตกต่างนี้ทำให้เธอเก็บตัวให้ห่างจากคนอื่นๆ ลิราเอลจึงไม่มีเพื่อนเลย

ความต้องการขอลิราเอลคือ ได้เห็นนิมิตร ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชาวเคลยร์เต็มตัว แต่จริงๆ แล้ว โชคชะตาของเธอยิ่งใหญ่กว่านั้น


คนที่สอง...เจ้าชายซาเม็ธ (Sameth) หรือ แซม

แซมเป็นลูกคนที่สองของทัชสโตนกับซาเบรียลค่ะ ลูกคนแรกของทั้งสองเป็นผู้หญิงชื่อเอลิเมเร (Ellimere)

ทัชสโตนกับซาเบรียลส่งลูกทั้งสองออกไปเรียนในโรงเรียนนอกอาณาจักรใหม่จนจบมัธยมปลาย ก่อนจะกลับเข้ามาในอาณาจักรเก่านะคะ

ในสายตาของแซม เอลิเมเรเป็นพี่สาวที่จู้จี้จุกจิกและเจ้าอำนาจ เธอจะเป็นราชินิคนต่อไป ซึ่งก็หมายความว่า แซมจะต้องสืบทอดหน้าที่แอ็บฮอร์เซ็นต่อจากซาเบรียล

ปัญหาก็คือ...การที่เกือบโดนหมอผีคนหนึ่งจองจำในโลกหลังความตายทำให้แซมกลัวโลกหลังความตาย เขาไม่สามารถอ่านคัมภีร์แห่งความตาย และไม่สามารถบังคับใจให้ใช้กระดิ่งทั้ง 7 ได้

สิ่งที่แซมถนัดและชอบทำนั้นคือการสร้างสิ่งของต่างๆ ด้วยเวทมนตร์ ซึ่ง...ไม่ใช่สิ่งที่แอ็บฮอร์เซ็นควรทำสักนิด

เขาจะสามารถเป็นแอ็บฮอร์เซ็นตามที่ทั้งพ่อ แม่ พี่สาว และทุกคนในอาณาจักรคาดหวังได้งั้นหรือ


สำหรับเล่มกลาง เล่มที่หนาที่สุดนี้ เป็นการปูพื้นตัวละครสองตัวบน ซึ่งเป็นตัวเด่นต่อไปถึงเล่มหน้าค่ะ ลิราเอลและแซม...ทั้งสองต่างมีปัญหาที่ไม่สามารถเป็นอย่างที่คนรอบข้างคาดหวังได้

อาณาจักรเก่ากำลังระส่ำระสาย มีคนที่ฟื้นจากความตายเข้ามาก่อกวนในอาณาจักรจนซาเบรียลแทบจะไม่ได้อยู่วัง ต่อสู้จนบาดเจ็บสาหัสอีกต่างหาก แถมชาวเคลยร์ก็ยังไม่สามารถมองเห็นบริเวณใกล้ Red Lake ซึ่งหมายความว่ามีอะไรบางอย่างปิดกั้นนิมิตรของชาวเคลยร์

ลิราเอลและแซมต่างเดินทางตามโชคชะตาของตัวเอง จนกระทั่งเส้นทางของทั้งสองมาบรรจบกัน ต่อสู้กับศัตรูร้ายของอาณาจักรร่วมกัน

...

เล่มนี้เนื้อหาเข้มข้นและสนุกสนานกว่าเล่มแรกค่ะ มีตัวร้ายตัวใหม่ที่ร้ายกว่าเดิมเข้ามาวางแผนการใหญ่ มีปัญหาการเมืองระหว่างอาณาจักรเก่าและอาณาจักรใหม่ เปิดเผยเกี่ยวกับอดีตของอาณาจักรเก่า และเรื่องราวที่ซับซ้อนขึ้น

ช่วงแรกๆ จะรำคาญตัวละครแซมมากหน่อย ที่ถูกวางคาแร็กเตอร์ให้เป็นเด็กสปอยล์ เอาแต่ใจ ไม่คิดหน้าคิดหลัง คิดน้อย ตามประสาเจ้าชายเอาแต่ใจ อายุ 17 แต่ทำตัวเหมือนอายุไม่ถึง 15 ... ก็เข้าใจได้นะคะ เพราะคนเขียนปูพื้นหลังมาแล้ว แต่อ่านแล้วก็รู้สึกเหมือนอยากจะเข้าไปเบิร์ดกะโหลกสักทีสองที เอิ๊ก

พอแซมมาเจอกับลิราเอลแล้ว ค่อยรู้สึกว่าทำตัวเข้าท่าขึ้นมาหน่อย

คนเขียนตั้งใจเขียนให้ตัวละครชายทำตัวงี่เง่าแน่ๆ เลย เล่มแรกก็เป็น ฮา


*-*-*-*-*



หนังสือ : Abhorsen
เขียนโดย : Garth Nix
ปกอ่อน : 396 หน้า
สำนักพิมพ์ : HarperCollinsChildren'sBooks
ภาษา : อังกฤษ






รายละเอียดจากปกหลัง

เมื่อประตูบานที่เก้าเรียกหา ใครจะสามารถต่อต้านการเรียกร้องของมันได้...?

ความชั่วร้ายจากโบราณกาลได้ตื่นขึ้น - เป็นอิสระจากคุกใต้ดินและหาทางที่จะหนีออกจากครอบเงินมนตราซึ่งป้องกันไม่ให้มันปลดปล่อยพลังแห่งความชั่วร้ายได้

ลิราเอลผู้ซึ่งได้รับมรดกหมาดๆ ในการเป็น "ผู้ที่จะสืบทอดหน้าที่แอ็บฮอร์เซ็น (Abhorsen-in-waiting)" รู้ว่าชะตากรรมของโลกอยู่ในมือของเธอ มีเพียงภาพทำนายจากเคลยร์ที่ช่วยนำทางเธอ และความช่วยเหลืออย่างไม่แน่ใจของเพื่อนร่วมทาง - แซม สุนัขชื่อเสีย และม็อกเก็ต - ลิราเอลปฏิบัติภารกิจอันตราย คำตอบจะต้องถูกค้นพบที่ใดที่หนึ่งระหว่างชีวิตและความตาย - แต่อดีตผู้ช่วยบรรณารักษ์ระดับสองจะสามารถค้นพบสิ่งที่จะใช้ทำลาย "ผู้ทำลายล้าง (Destroyer)" ก่อนที่จะสายไปได้หรือ?


...

จากเจ้าของบล็อก :

เหตุการณ์ในเล่มสามจะต่อจากเล่มสองเลยค่ะ ดังนั้น...จะมีสปอยล์เล่มสองนะคะ

ตอนนี้ลิราเอลและแซมต่างรู้โชคชะตาที่แท้จริงของตัวเองแล้ว ลิราเอลเป็น "ผู้ที่จะสืบทอดหน้าที่แอ็บฮอร์เซ็น (Abhorsen-in-waiting)" ส่วนแซมคือนักสร้างหรือ Wallmaker

ปริศนาของอาณาจักรเก่าเริ่มคลี่คลาย และรู้แล้วว่าศัตรูที่วางแผนร้ายรอบทิศ ชักใยโยงทั้งในอาณาจักรเก่าและอาณาจักรใหม่คือใคร และต้องการอะไร

ปัญหาก็คือ...จะหยุดยั้งมันได้อย่างไร


เล่มสามเป็นเล่มที่สนุกที่สุดในสามเล่มค่ะ ตามฟอร์มของ Trilogy นะคะ ที่สองเล่มแรกจะปูทางมาเพื่อเล่มสุดท้าย

จบได้อย่างลงตัว พร้อมกับทิ้งปมไว้ให้คิดนิดหน่อย


*-*-*-*-*



สรุปสั้นๆ สำหรับ Old Kingdom - Abhorsen Trilogy นั้นเป็นแฟนตาซีผจญภัยสำหรับวัยรุ่น ธีมของเรื่องเป็นการต่อสู้ระหว่าง Necromancer หรือ หมอผี ค่ะ

เวทมนตร์ในอาณาจักรเก่าจะแบ่งเป็นสองอย่างคือ Charter Magic และ Free Magic ... Charter Magic เทียบง่ายๆ ก็คือ เวทย์ขาว ส่วน Free Magic ก็ทำนองเวทย์ดำนะคะ

หมอผีใช้ Free Magic เป็นสิ่งที่ถูกแบนในอาณาจักรเก่า เพราะพวกเขาปลุกคนตายให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา พวกคนตายที่ฟื้นคืนชีพมาพวกนี้จะกินคนเป็น เพื่อซึมซับพลังชีวิตให้สามารถอยู่ในโลกของคนเป็นได้

แอ็บฮอร์เซ็นเป็นหมอผีที่ทำหน้าที่กำจัดวิญญาณร้าย รวมทั้งหมอผีฝ่ายตรงข้าม

ตัวละครหลักจะเป็นเด็กสาว เพราะเขียนขึ้นมาอยู่ในหมวดวรรณกรรมเยาวชนนะคะ แต่เนื้อเรื่องเข้มข้นใช้ได้เลย ไม่ได้เด็กจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้เคร่งเครียดเลือดสาดบีบหัวใจแบบแฟนตาซีผู้ใหญ่ ... สรุปว่าเด็กวัยรุ่นอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี


ส่วนตัวอ่านจบแล้วรู้สึกว่า ผู้เขียนยังใช้ "โลกที่สร้างขึ้นมา" ได้ไม่คุ้มเท่าไหร่ เพราะโลกจินตนาการนี้ยังมีอะไรให้เล่นอีกมากเลยค่ะ มีอะไรอีกหลายๆ อย่างที่สร้างขึ้นมาแล้วยังไม่ได้หยิบมาใช้ คิดว่าผู้เขียนสามารถนำเอา "อาณาจักรเก่า" มาเล่นอะไรได้อีกเยอะ ... ในอเมซอนบางทีก็ไม่เรียก 3 เล่มนี้ว่าเป็น Old Kingdom Trilogy นะคะ แต่เรียกเป็น Old Kingdom Chronicles ... สงสัยว่าผู้เขียนจะหยิบเอามาใช้อีกจริงๆ ...

เท่าที่รู้ตอนนี้มีอีกเล่มที่ใช้ฉากและตัวละครจากชุดนี้ แต่เป็นรวมเรื่องสั้นชื่อ Across The Wall : A Tale of the Abhorsen and Other Stories





แต่เท่าที่อ่านรีวิวเห็นว่า มีเรื่องที่เขียนใหม่จริงๆ อยู่แค่เรื่องเดียวอะค่ะ เป็นเรื่องของนิโคลัสซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของแซม เรื่องอื่นๆ เป็นผลงานเก่าๆ ของผู้เขียนที่เอามารวมไว้ รู้สึกว่าจะไม่ค่อยเวิร์ค ทั้งเล่มสนุกอยู่เรื่องเดียว น่าจะทำให้เสียดายเงิน แต่ใจนึงก็อยากได้มาเก็บไว้ให้ครบๆ จัง ปกสวยด้วย >_<


คิดว่า...หนังสือชุดนี้ยังไม่มีแปลเป็นภาษาไทยนะคะ ((อยากให้มีแปล แต่ก็สงสารคนแปล หนังสือชุดนี้บทสนทนาน้อยยยยมากกกกก บรรยายเยอะมากกกกกก แปลมือหงิกแน่ๆ 555)) สำหรับคนที่สนใจงานของ Garth Nix ตอนนี้เอ็นเธอร์แปลชุด The Keys to the Kingdom มา 6 เล่มแล้ว เหลือเล่มสุดท้ายก็จะจบชุดแล้วค่ะ ดูรายละเอียดได้ ที่นี่ นะคะ หนังสือชุดนี้ดังเลยล่ะค่ะ ไอซ์ซื้อฉบับภาษาอังกฤษสะสมไว้ตั้งแต่เริ่มออก ตอนนี้ขาดเล่มสุดท้ายที่เพิ่งออกเมื่อเดือน มี.ค. เล่มเดียว ... ถ้าครบแล้วออก boxset จะเคืองมาก >_<


*-*-*-*-*






สปอยล์

Sabriel


เล่มนี้ซาเบรียลออกจากโรงเรียนเข้าไปในอาณาจักรเก่า เธอถูกตามล่าโดยสมุนของเคอร์ริกอร์ (Kerrigor หรืออดีตก็คือ เจ้าชาย Rogirrek) สถานที่แห่งแรกที่เธอไปก็คือบ้านของพ่อ ที่นั่นเธอได้พบกับอะไรบางอย่างที่อยู่ในร่างของแมวสีขาว มันคือ Free Magic ที่ถูกควบคุมด้วยปลอกคอที่ร่ายเวทย์เอาไว้ มันบอกว่าชื่อ ม็อกเก็ต (Mogget ... ไอซ์อ่านว่า Maggot ทั้งเรื่องเลยเชียว -_-")

ม็อกเก็ตบอกว่าพ่อของซาเบรียลตายไปแล้ว และซาเบรียลก็จะต้องเป็นแอ็บฮอร์เซ็นรุ่นต่อไป

ซาเบรียลออกเดินทางไปกับแม็กก็อตและได้พบกับร่างของชายหนุ่มที่ดูเหมือนรูปสลักไม้ เธอพบว่าวิญญาณของเขาอยู่แถบประตูที่หนึ่งหรือสองนี่แหละค่ะ ขี้เกียจเปิดล่ะ ...ก็เลยช่วยเขาออกมา

เขาคือชายที่มีชีวิตเมื่อสองร้อยปีก่อน ตอนที่อาณาจักรเก่ายังปกครองด้วยราชินี เวทมนตร์ยังคงแข็งแกร่งด้วยมีหินเวทมนตร์ (Charter Rock) ปกป้อง เขาคิดว่าตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ราชตระกูลของอาณาจักรเก่าล่มสลาย และยอมให้ม็อกเก็ตเรียกว่า "ทัชสโตน - Touchstone" ซึ่งเป็นชื่อของพวกตัวตลกในวัง

ภายหลังเฉลยว่า ทัชสโตนเป็นลูกนอกสมรสของพระราชินี ... พระราชินีมีลูกอีกสามคนคือ โรเจอร์ (Rogir) และลูกสาวอีกสองคน โรเจอร์นี่แหละที่เข้าฝ่ายมืด จัดการใช้เลือดของน้องสาวทั้งสองทำลายหินเวทมนตร์หลักไป 2 ก้อนจากทั้งหมด 6 ก้อน โรเจอร์หลอกให้ทัชสโตนพาราชินีมาเพื่อฆ่าและใช้เลือดทำลายหินก้อนที่ 3 ... ราชินีถูกฆ่าโดยที่ทัชสโตนช่วยไม่ทัน และแอ็บฮอร์เช็นในสมัยนั้นก็โผล่มาเสียก่อน

ในอดีตนั้นจะมี Great Charters ซึ่งมี 5 คน ก็คือ หนึ่ง...ราชนิกูล / สอง...แอ็บฮอร์เซ็น / สามกับห้ายังไม่ได้เฉลย ส่วนอันดับสี่ก็คือ...เคลยร์

ส่วนม็อกเก็ตนั้นสืบเชื้อสายมาจากพวกที่สร้างกำแพง เมื่อปลอกคอถูกถอดจะกลายร่างเป็นวิญญาณร้ายที่ต้องการฆ่าซาเบรียลชำระหนี้เลือด แต่สามารถผูกมัดมันกลับเข้ามาในการควบคุมได้อีกด้วยการใช้แหวน

ตอนจบพ่อของซาเบรียลสละชีวิตเพื่อจัดการกับวิญญาณของเคอร์ริกอร์ เปิดทางให้ซาเบรียลและทัชสโตนหนีไปทำลาย "ร่างจริง" ของโรเจอร์ เพราะถ้าไม่ทำลายร่างจริง วิญญาณของโรเจอร์ก็จะกลับมาเป็นเคอร์ริกอร์ได้เรื่อยๆ

ร่างจริงของโรเจอร์อยู่นอกกำแพงใกล้กับโรงเรียนของซาเบรียล ... ตอนจบซาเบรียลยังทำลายเคอร์ริกอร์ไม่ได้ แต่ควบคุมมันด้วยเวทมนตร์จากแหวนได้

เรื่องนี้พระเอก ((?)) ทัชสโตนค่อนข้างปวกเปียกค่ะ ^^"



Lirael

- ช่วงแรก...ทัชสโตนและซาเบรียลครองราชย์ได้ 14 ปีแล้ว...เปิดตัวลิราเอล อายุ 14 ปี

ลิราเอลที่กลุ้มใจกับความแตกต่างของตัวเองจากชาวเคลยร์คนอื่นๆ จึงตัดสินใจจะฆ่าตัวตายในวันเกิดปีที่ 14 เธอปีนเขาขึ้นไปตั้งใจจะกระโดดภูเขาน้ำแข็งฆ่าตัวตาย แต่กลับได้เห็นพระราชาทัชสโตน ((ซึ่งอิฉันไม่เข้าใจมากๆ ว่า ทำไมไม่เปลี่ยนชื่อกลับเป็นชื่อเดิมก่อนถูกแช่วิญญาณฟะ เพราะก็บอกไว้ในเล่มแรกว่าชื่อทัชสโตนเป็นชื่อที่ดูหมิ่นตัวเอง เอามาเป็นชื่อพระราชาได้อีก เอิ๊ก)) และพระราชินีซาเบรียลซึ่งเป็นแอ็บฮอเซ็นมาพบกับเหล่าเคลยร์ผู้แข็งแกร่ง 7 คนอย่างลับๆ เพื่อปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นทางทิศตะวันตก แต่ชาวเคลยร์ทั้งหมดไม่เห็นนิมิตรอะไรจากฝั่งนั้นเลย แน่นอนว่าจะต้องเกิดเรื่องแน่ๆ ทัชสโตนและซาเบรียลจึงขี่ Paperwings ไปแก้ปัญหา

เคลยร์ทั้ง 7 ได้พบลิราเอลที่ซ่อนตัวอยู่ รู้ว่าเธอกำลังกลุ้มใจที่ตัวเองยังไม่มีนิมิตร ก็เลยเสนอให้ลิราเอลลองทำงานจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ซึ่งลิราเอลก็ดีใจและขอทำงานในห้องสมุด

ถึงลิราเอลจะไม่มีนิมิตร แต่เธอมีความสามารถในการร่ายมนตร์ เธอใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดศึกษา Charter mark ต่างๆ มากมาย จนสามารถเข้าไปในสถานที่หวงห้ามได้

ที่นั่นเธอได้หินสลักรูปหมา และได้ปลดปล่อยสติลเคน (Stilken) ซึ่งเป็น Free magic ร้ายโดยบังเอิญ

เธอสร้าง sending ซึ่งเป็นสุนัข แต่เกิดความผิดพลาด เพราะหินสลักสุนัขผสมตัวเองเข้าไปในนั้นด้วย ผลที่ได้คือสุนัขตัวใหญ่ซึ่งมีปลอกคอเวทย์สวมอยู่ มันเรียกตัวเองว่า Disreputable Dog

ลิราเอลเรียนรู้เวทมนตร์ต่างๆ จนสามารถปราบสติลเคนได้ และก็เลยคิดว่าเธอจะใช้เวลาในห้องสมุดนี้เรียนรู้เวทมนตร์และปราบวิญญาณร้ายต่างๆ


- ช่วงสอง...ทัชสโตนและซาเบรียลครองราชย์ได้ 18 ปีแล้ว...เปิดตัวเจ้าชายซาเม็ธอายุเกือบครบ 17 ปี

ที่แอนเซลสเตอร์เร (Ancelstierre) หลังจากแข่งคริกเก็ตเสร็จแล้ว ทีมของแซมก็โดนพวก Death เข้าจู่โจม แซมรู้ว่ามีหมอผีอยู่เบื้องหลังการจู่โจมครั้งนี้ และก็เข้าไปในโลกหลังความตายเพื่อจะจัดการกับหมอผี ทั้งๆ ที่ไม่มีอาวุธติดตัวสักอย่าง ไม่มีดาบ ไม่มีกระดิ่ง -_-" ... ในโลกหลังความตาย แซมเกือบถูกหมอผีที่ชื่อเฮจ Hedge จองจำ แต่หนีรอดออกมาในวินาทีสุดท้ายพร้อมกับรอยแผลไหม้ ... งานนี้ทำให้แซมกลัวโลกหลังความตายไปเลย

นิโคลัส เซย์เร (Nicholas Sayre) เพื่อนสนิทของแซม วิ่งไปเจอกับเฮจแทนที่ของแซม และถูกเฮจส่งอะไรบางอย่างเข้าร่างกาย

ทัชสโตนและซาเบรียลต่างกำลังทำงานหนัก ซาเบรียลต้องปราบวิญญาณร้ายซึ่งมีจำนวนมากขึ้น และทั้งสองก็ยังต้องดำเนินการทางการทูตกับอาณาจักรใหม่ ซึ่งจะส่งผู้อพยพจากสงครามทางใต้เข้าไปอยู่ในอาณาจักรเก่า

แซมกลับไปที่อาณาจักรเก่าด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาเบื่อการทำหน้าที่ในฐานะเจ้าชายซึ่งพี่สาวที่ทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการคอยบังคับให้เขาทำ และเขาก็ไม่สามารถอ่านคัมภีร์แห่งความตายได้ แล้วชุดกระดิ่งทั้งเจ็ดก้ปรากฎตัวขึ้นมาอีก

นิคส่งจดหมายหาแซมบอกว่าจะมาเยี่ยมที่อาณาจักรเก่า ตอนแรกจะให้แซมไปรับ แต่ไปๆ มาๆ นิคกลับเปลี่ยนใจเพราะพบไกด์ชื่อเฮจ ซึ่งจะพาเขาไปดูสถานที่ที่ฟ้าผ่าลงมาบ่อยๆ (Lighting Trap) ... แซมที่กำลังไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไร ก็เลยหนีออกจากวัง ด้วยความตั้งใจว่าจะไปช่วยนิค

ระหว่างทางขณะที่กำลังเพี่ยงพล้ำ ((สมน้ำหน้ามากๆ เหอๆๆๆ)) ม็อกเก็ตในร่างแมวขาวก็โผล่ออกมากลายเป็นผู้ร่วมทางไป


ขณะเดียวกันนี้...ลิราเอลก็อายุ 19 ปีแล้ว แต่ยังคงไม่มีนิมิตรเช่นเดิม แต่เก่งด้าน Charter Magic มากขึ้น เธอสามารถสร้างหนังสัตว์ไว้ใช้แปลงร่างได้ ทำให้สามารถสำรวจห้องสมุดได้เยอะขึ้น

เธอได้ค้นพบทาง Lirael's Path ซึ่งนำเธอไปสู่ของสามอย่าง คือ หนังสือแห่งความจำ / กระจกดำ และขลุ่ยแถว (panpipe) ซึ่งเหมือนกับกระดิ่งทั้ง 7 ของหมอผี แต่มีพลังน้อยกว่า

ของสามสิ่งนี้ทำให้เธอสามารถเดินทางเข้าไปในโลกหลังความตาย และสามารถดูสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้

ชาวเคลยร์คนอื่นๆ ได้มองเห็นนิมิตรว่า ลิราเอลจะได้พบกับนิโคลัส ทำให้ลิราเอลต้องออกเดินทาง


- ช่วงสาม...เส้นทางของลิราเอลมาบรรจบกับแซม ต่างพากันหนีจากพวกคนตายไปตั้งหลักที่บ้านของแอ็บฮอร์เซ็น ทำให้ลิราเอลได้รู้ว่า จริงๆ แล้วพ่อของเธอก็คือพ่อของซาเบรียล...แอ็บฮอร์เซ็นคนก่อนนั่นเอง ((รู้ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วง่ะ เพราะบรรยายลิราเอลได้เหมือนซาเบรียลมากๆ ฮา))

ลิราเอลจึงเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งแอ็บฮอร์เซ็น ส่วนแซมนั้นคือ Wallmaker


ตอนท้ายเล่มมีการเฉลยถึงอดีตของอาณาจักรเก่า

คนที่สร้าง Charter Stone ไม่ได้มีแค่ 5 คนตามที่รู้แค่ส่วนหนึ่งในเล่มแรก แต่จริงๆ แล้ว ตอนเริ่มต้นมี 9 คน แต่...คนที่ 8 หนีไปอีก 7 คนที่เหลือเลยทำให้เขาต้องชดใช้ ส่วนคนที่ 9 นั้นสู้กลับ เลยถูกอีก 7 คนจองจำในลูกกลมและผ่าออกเป็นสองซีก ฝังไว้ใต้ดิน

คนที่ 9 คือโอรานนิส (Orannis) หรือ Destroyer ที่ต้องการฟื้นคืนชีพขึ้นมา โดยมีเฮจเป็นข้ารับใช้ทำหน้าที่ดึงนิโคลัสมาเป็นเครื่องมือนั่นเอง



Abhorsen

เริ่มขี้เกียจย่อละเอียดล่ะ เอาคร่าวๆ ละกันนะคะ ฮา

แผนการของโอรานนิสที่วางเอาไว้ก็คือ

- ชักใยให้นักการเมืองในอาณาจักรใหม่ส่งผู้อพยพชาวใต้ให้พากันขึ้นมาอยู่ใกล้กำแพงอาณาจักรเก่า ทำให้พวกเขาข้ามเขตเข้ามาในอาณาจักรเก่า เพื่อถูกฆ่าและกลายมาเป็นผู้รับใช้ ... ช่วยกันขุดเอาลูกกลมสองซีกขึ้นมาจากดิน

- นิโคลัสซึ่งเป็นลูกหลานผู้มีอิทธิพลในอาณาจักรใหม่ถูกโอรานนิสสิง แต่ยังมีสติอยู่กับตัวเองเล็กน้อย เขาคิดว่าตัวเองกำลังจะทำการทดลอง โดยเอาลูกกลมสองลูกมาต่อให้ติดกัน เพื่อสร้างแหล่งพลังงาน ... การที่จะต่อให้ติดนั้น จะต้องเอาลูกกลมสองซีกนี้ข้ามกำแพงเข้ามาที่ Lighting Farm ที่นิโคลัสสร้างเอาไว้

- ฆ่าซาเบรียลกับทัชสโตน ((แต่สองคนนี้รอดมาได้)) กำจัดพวกที่มีสายเลือดสืบต่อจาก Greater Charters


ลิราเอลกับแซมพยายามยับยั้ง แต่แน่นอนว่า ไม่สำเร็จ โอรานนิสกำลังจะฟื้นคืนชีพ ส่วนเสี้ยวของโอรานนิสในนิโคลัสไปรวมกับวิญญาณที่เหลือ ทำให้นิโคลัสตาย


ลิราเอลจึงเข้าไปในโลกหลังความตายไปถึงหลังประตูบานที่ 9 เพื่อดูว่า ในอดีตนั้น Greater Charters ทั้ง 7 นั้นจองจำโอรานนิสได้อย่างไร


สงครามครั้งสุดท้าย ตัวละครหลักมารวมกันหมด ((ตามนิมิตรของเคลยร์ที่ส่งคนอื่นๆ ตามมา)) กลายเป็น Greater Charters ทั้ง 7 ... วิธีการจองจำโอรานนิสก็คือ แต่ละคนจะต้องสั่นกระดิ่งคนละใบและกล่าวคำเวทย์

ทัชสโตน - Ranna (Sleeper)
Sanar/Ryelle (ฝาแฝดเคลยร์) -Mosrael (Waker)
Dog - Kibeth (Walker) ... เฉลยในตอนนี้ว่า Dog คือส่วนเสี้ยวของ Kibeth ซึ่งเป็น Free Magic ที่หลงเหลืออยู่
เอลิเมเร - Dyrim (Talker)
แซม - Belgaer (Thinker)
ซาเบรียล - Saraneth (Binder)
ลิราเอล - Astarael, the sorrowful

และใช้ดาบที่ถูกอาบด้วยเลือดของทั้งเจ็ด ซึ่งแซมเป็นผู้สร้างรวมระหว่างดาบและขลุ่ยแถวฟันลูกกลมออกเป็นสองส่วน ... คนที่ใช้ดาบจะต้องสละชีวิต


แต่...พลังของทั้งเจ็ดน้อยเกินไป โอรานนิสต่อต้านได้และกำลังจะชนะ ตอนนั้นเองที่แซมดึงปลอกคอของม็อกเก็ตออก ปล่อยมันหลุดออกจากการจองจำ เพื่อให้มันเลือกว่าจะทำอย่างไร ... มาเฉลยตอนนี้ว่า ม็อกเก็ตนั้นก็คือ Yrael หรือ Greater Charter คนที่ 8 ที่ถูกจองจำเอาไว้เป็นการลงโทษนั้นเอง ยราเอลเลือกด้าน "ชีวิต"

ตอนที่ลิราเอลกำลังใช้ดาบฟันลูกกลมและกำลังจะถูกดูดกลืนไปนั้นเอง Dog ก็เข้ามากัดข้อมือเธอจนขาด และยอมสละชีวิตแทนลิราเอล

จบลงด้วยการจองจำโอรานนิส รักษาโลกเอาไว้ได้อีกครั้ง


บทส่งท้าย ... Dog ฝัง Charter Mark ให้นิโคลัสซึ่งยังมีเศษเสี้ยวของ Free Magic ของโอรานนิสอยู่ และส่งนิโคลัสให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา ส่วนตัวมันก็วิ่งซิกแซ็กอยู่ระหว่างเส้นแบ่งโลกทั้งสอง ... ทิ้งไว้แค่นี้ค่ะ ทำให้รู้สึกว่า มันน่าจะมีภาคต่อนะ ^^







ดู Index รายชื่อหนังสืออื่นๆ ที่ไอซ์ได้รีวิวไปแล้วตามลิงก์ข้างล่างค่ะ

- หนังสือภาษาอังกฤษ
Index Bookshelf : English Books

- หนังสือแปล
Index Bookshelf : Translated Books

- หนังสือภาษาไทย
Index Bookshelf : Thai Books


Create Date : 01 มิถุนายน 2553
Last Update : 8 มิถุนายน 2553 8:11:35 น. 7 comments
Counter : 2658 Pageviews.

 
กรี๊ดดดดด อ่านแล้วเหรอๆๆๆๆ
ซีรี่ย์สุดโปรดเลยค่ะพี่ไอซ์ ระบบเวทมนตร์เก๋ (ท่องชื่อกระดิ่ง กับคำกลอน Charter ได้ด้วยนะเออ) โลกน่าสนใจ ที่สำคัญคือนางเอกเท่ๆๆๆๆๆ Sabriel เป็นนางเอกแนวไฟท์ติ้งที่ชอบอันดับต้นๆเลยล่ะ

ตอนอ่าน Lirael แล้วรอ Abhorsen นี่ดีดดิ้นมาก แถมดันไปอ่านบทนำที่มี "เหตุการณ์" เกิดกับ Sabriel & Touchstone ก่อนอีกเอ้า

อยากแปลอะ เคยเสนอไปหลายที่ตั้งแต่ Abhorsen ยังไม่ออก ปัญหาก็คือใครๆก็ว่ามีคนซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้ว แต่ปาเข้าไปกี่ปีแล้วก็ยังไม่เห็นมีพิมพ์เลยอ้ะ

เรื่องภาคต่อคุณ Nix บอกว่าคงไม่มีเหตุการณ์ต่อเนื่องโดยตรง แต่จะเขียนความเป็นมาของ Chlorr เมื่อสมัยที่ยังเป็น... แล้วก็จะมีเหตุการณ์หลังเรื่อง Abhorsen แต่ไม่ได้ต่อเนื่องทันทีน่ะค่ะ


โดย: ทินา IP: 221.128.101.33 วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:9:02:22 น.  

 
กลับมาอีกรอบ เพิ่งเห็นว่าพี่ไอซ์แวะไปที่บล็อกแล้ว

มีคนรีวิวเค้าบอกว่าเรื่องเล่าของเฮีย Kvothe เนี่ย เป็น Fitz-lite (ประมาณว่าถูกชะตากรรมกระทืบน้อยกว่า) ด้วยนะเออ แฟน Farseer อย่างพี่ไอซ์น่าจะลองพิสูจน์หน่อยนา

ปล. ยังไม่กล้าอ่าน Farseer เลย ฟังว่าชีวิตคุณ Fitz ช่างสะบักสะบอมสลดหดหู่มาก แอบกลัว -_-"


โดย: ทินา IP: 221.128.101.33 วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:10:14:42 น.  

 
อ้าว...มีสนพ.ซื้อไปแล้วเหรอ แล้วมันไปอยู่หนใด หนังสือจบภาคตั้งนานแล้ว

พี่ก็ชอบระบบเวทมนตร์อะ ช่างคิดเนอะ แต่แอบคิดถึงภาพพวกแอ็บฮอร์เซ็น คงจะพะรุงพะรังน่าดูฟ่ะ มีทั้งดาบ ห้อยกระดิ่ง สวมโน่นนี่ เอิ๊กๆ

เพิ่งรู้ว่าเล่มต่อไปจะเขียนความเป็นมาของ Chlorr ...เอ่อ เธอก็ไปดี ไปเน่าลึกๆ แล้ว จะขุดขึ้นมาทำไมอะนั่น 555 ยังไงก็จะรออ่านล่ะเนอะ

ส่วนเรื่องของเฮีย Kvothe เดี๋ยวขอไปเช็คที่บ้านดูก่อนว่ามีจริงๆ หรือเปล่า 555 เชียร์เรื่อง Fareer มากๆ เลยนุช สนุกมากมาย คุณ Fitz ชีวิตบัดซบมากๆ เหอๆ อ่าน Farseer Trilogy จบแล้วน้ำตาคลอ จะให้จบดีต้องอ่าน The Tawny Man Trilogy ต่อไปเลย ให้หายค้างคาใจ 555


โดย: Clear Ice วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:10:30:29 น.  

 
กระดิ่งมันจิ๋วๆ เองนา สะพายได้อยู่ ดังภาพปกรุ่นเก่าที่นุชมี

//www.amazon.com/Sabriel-Garth-Nix/dp/B001T3RA8M/ref=sr_1_5?ie=UTF8&s=books&qid=1275398415&sr=8-5

เรื่องเจ๊ Chlorr น่าสนใจออก อยากรู้ว่าทำไมถึงเลิกเป็น... (อ๊อก กลายเป็น Mogget ไปแล้ว โดนรัดคอ เอ่ยชื่อไม่ได้)

มีคนเชียร์ Fitz อยู่เหมือนกัน แต่กลัวเรื่องชีวิตบัดซบนี่ล่ะ T^T มันทรมานทรกรรมมากไหมอะ แล้วมีช่วงเวลาหลั่นล้าหรือขำๆ บ้างป่าว ถ้าเครียดอยู่ 300 หน้ารวดนี่อาจจะไม่ไหวอะค่ะ -_-"


โดย: ทินา IP: 58.11.68.209 วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:21:02:47 น.  

 
อะ ของนุชเป็นปกอเมริกันแฮะ ของพี่ปกอังกฤษ เรียบกริบ ฮา

กรั๊กๆ เดี๋ยวรอดูว่าคุณ Nix จะมีไอเดียบรรเจิดอะไร เอิ๊กๆ

เอ่อ...เรื่องของ Fitz ... ช่วงหลั่นล้าหรือขำๆ ไม่มีอะ บัดซบต่อเนื่องกันไป 6 เล่ม สอง Trilogy เลยทีเดียว T^T


โดย: Clear Ice วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:22:02:25 น.  

 
ง่า... บัดซบต่อเนื่อง 6 เล่มเลยเหรอคะ งั้นขอไปฝึกตนก่อนละกัน -_-"

Name of the Wind ยังไม่จบอะค่ะ เพิ่งเล่าเรื่องไปได้หนึ่งวันเอง แต่ลางสังหรณ์นักอ่านบอกว่าพอจบชุดสามวันนี้แล้ว มันต้องมีอีกชุดที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ในปัจจุบันแน่เลย

เรื่องนี้ตัวละครไม่มากนา แถมชื่อก็จำง่ายๆ ด้วย ไม่มีพวก Zlarisnemty อะไรแบบนั้น แล้วก็ไม่ได้จบแบบห้อยต่องแต่งอยากรู้ขาดใจด้วย

ปล. คุณ Nix มีโครงการจะทำกระดิ่งเป็นจี้ห้อยสร้อยข้อมือขายด้วยล่ะ เฮียเค้าอัพเดทรูปไว้นานแล้วแต่ยังไม่เห็นวางขายเสียที อยากได้อะ อยากได้


โดย: ทินา IP: 58.11.65.205 วันที่: 2 มิถุนายน 2553 เวลา:22:30:28 น.  

 
อืม เหมือนจะยังไม่เคยมีแปลเป็นภาษาไทยใช่มั้ยคะเนี่ย
แต่อ่านที่คุณไอซ์รีวิว ท่าทางน่าสนุก
แอบถามนิดนึงได้มั้ยว่า มันแนวเดียวกะแฮร์รี่พอตเตอร์ ตรงมีเวทย์มนต์
แล้วความสนุกนี่ระดับเดียวกันมั้ยคะ


โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:15:00:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Clear Ice
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add Clear Ice's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.