No matter what life brings, I just believe that... Everything happens for the best.

Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
3 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
ร้านชำสำหรับคนอยากตาย (SUICIDE SHOP) : ตลกร้าย...จริงๆ

อุอุ เล่มนี้เห็นคนพูดถึงกันในกระทู้แล้วชอบชื่อค่ะ เดินผ่านในงานหนังสือ ตอนแรกจะไม่ซื้อล่ะ...แพง 555 แต่อ่านปกหลังและปกในแล้วชอบ ซื้อมาจนได้ ^^"




เรื่อง : ร้านชำสำหรับคนอยากตาย (SUICIDE SHOP)
ผู้เขียน : ฌอง เติลเล่
ผู้แปล : องอาจ กันใจศักดิ์






รายละเอียดจากปกหลัง :

เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในกิจการร้านค้าเล็กๆ ณ เมืองหนึ่ง ดินแดนซึ่งศาสนาได้เลือนหายไปจากความนึกคิดของผู้คน การฆ่าตัวตายจึงไม่บาป ไม่ขัดต่อศีลธรรม

ณ ที่แห่งนี้กิจการของตระกูลตูวาชกำลังดำเนินไปได้สวย ใครอยากตายก็เลือกตายได้สมใจ สินค้าในร้านชำแห่งนี้มีทั้งเชือกแขวนคอ ชุดประกอบพิธีฮาราคีรี ยาพิษ หรือแม้แต่จูบมรณะ

ตระกูลตูวาชสืบทอดกิจการอันเก่าแก่นี้มาหลายรุ่น สโลแกนของร้านคือ "ไม่ตายยินดีคืนเงิน" จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อเด็กชายอลันถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม หัวใจเบิกบาน นิสัยมองโลกในแง่ดีของเขา ทำให้พ่อแม่พี่น้องในตระกูลตูวาชต้องปั่นป่วน เพราะคนในตระกูลนี้ไม่เคยยิ้ม ไม่เคยรับรู้ถึงความสวยงามของชีวิต ไม่เคยรู้สึกถึงความรื่นรมย์ของโลกใบนี้


....


ข้อความที่ทำให้สะดุดอยู่ตรงปกใน

"พวกที่อยากลองตายด้วยการผูกคอตาย มักจะเริ่มต้นด้วยการมัดผ้าพันคอให้แน่นขึ้น ตอนอยู่ที่บ้าน พวกเขาจะเอามือบีบคอเพื่อให้รู้สึกถึงกระดูกสันหลัง กระดูกอ่อน เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ และเส้นเลือดที่เต้นตุบๆ"

อ่านแล้วรู้สึกว่า...โอ...คิดได้ 555 เท่ดีค่ะ


....


หนังสือเล่มนี้เป็นแนวเสียดสี กระแทกแดกดันและ...ตลกร้ายมากๆ

เริ่มต้นด้วยความแปลกแยกที่ถูกแบ่งออกเป็นสองขั้ว คนอื่นๆ ในตระกูลตูวาชช่างหม่นหมอง ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่สาว พี่ชาย มีแต่อลันน้องเล็กคนเดียว ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี นำความสดใส และการเปลี่ยนแปลงเข้ามาให้กับคนในครอบครัว และคนอื่นๆ

ร้านขายของชำสำหรับคนตาย ขายอุปกรณ์พร้อมแนะนำวิธีการฆ่าตัวตาย ชนิดที่ว่า เป็นลูกค้าแล้วตายแน่ๆ ไม่ตายยินดีคืนเงิน ตรงนี้ผู้เขียนใส่อารมณ์ขันอันบรรเจิดไว้เยอะมากค่ะ วิธีการฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะเป็นผูกคอตาย จะถามด้วยว่า คานบ้านสูงเท่าไหร่ หรือ ถ้าอยากจะตายแบบเท่ๆ ก็ต้องทำฮาราคีรี ฯลฯ เป็นต้น อ่านแล้วก็ขำดี

ส่วนอลัน...แกะดำในบ้าน ก็พยายามเปลี่ยนความคิดของคนที่อยากฆ่าตัวตาย ให้มองเห็นถึงความสนุกสนานและความสุขของการมีชีวิต

เรื่องราวดำเนินไปเป็นบทสั้นๆ ทุกคนในเรื่องและบรรยากาศในเรื่องค่อยๆ เปลี่ยนไป จนถึงบทสุดท้ายที่...ทำให้คนอ่านเกือบทุกคน...อึ้งค่ะ


....

ไอซ์คงไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า หนังสือเรื่องนี้ต้องการนำเสนออะไร มันเป็นหนังสือที่ขึ้นอยู่กับคนอ่านจริงๆ ว่า จากประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมา มองจุดสรุปของเรื่องนี้ด้วยความหมายอย่างไร

ถามว่าชอบไหม ก็...ชอบในระดับหนึ่งค่ะ

สิ่งที่อ่านแล้วทำให้ตะหงิดๆ และหงุดหงิดนิดหน่อยก็คือ สไตล์การแปล

ออกตัวก่อนว่า ปกติไม่ชอบอ่านหนังสือที่แปลมาจากภาษาทางยุโรปเป็นภาษาไทย รู้สึกว่ามันแปร่งๆ ชอบกล

สำหรับเรื่องนี้ ... ถามว่าอ่านลื่นไหม สำนวนดีไหม ก็ขอตอบตรงๆ ว่า ดีค่ะ อ่านลื่นไหล สนุกสนานดี

แต่...มัน "เกินไป" ในหลายๆ แห่ง

การแปลหนังสือออกมาสักเล่ม นักแปลจะต้องพยายามไม่ให้ติดกลิ่นนมเนยมากเกินไปจนไม่เหมือนภาษาไทย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ทิ้ง "บรรยากาศ" ของเรื่องไปด้วย

สำหรับเรื่องนี้ ในความคิดเห็นส่วนตัวของไอซ์ เรื่องติดกลิ่มนมเนย ไม่ค่อยมีค่ะ ผ่าน แต่....บรรยากาศของเรื่อง ไอซ์ให้ตก

ยกตัวอย่างเช่น หน่วยเงินในเรื่องคือ "ยูโร-เยน" แต่มันมีหลุด "บาท" ออกมาค่ะ ไอซ์หาหน้าไม่เจอแล้ว แต่อยู่ตรงต้นๆ เรื่องเลย ทำให้สะดุดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

สำนวนบางแห่งก็ให้อารมณ์ "ไทย" หรือไม่ก็ "จีน" มากเกินไปยังไงไม่รู้ อ่านแล้วรู้สึกว่า มันขัดกับบรรยากาศในเรื่อง

คนอื่นๆ อาจจะอ่านโดยไม่รู้สึกสะดุดอะไร แต่สำหรับไอซ์...รู้สึกแปร่งน่ะค่ะ มันก็ไม่ได้มีเยอะนะคะ แต่พออ่านเจอแล้ว ทำให้สะดุดมากๆ เลย


ถามว่าอยากแนะนำไหม ... บอกไม่ถูกค่ะ อ่านแล้วก็โอเค แต่ก็ไม่ได้ปลาบปลื้มอะไรถึงขนาดนั้นนะ ถ้าชอบแนวเสียดสี ตลกร้าย ก็น่าจะชอบเล่มนี้ค่ะ


อ้อ...มีเรื่องนึงที่อยากจะบ่นมากๆ ก็คือ การจัดอาร์ตเวิร์คของหนังสือเล่มนี้ "เอาเปรียบ" มากๆ ค่ะ

แต่ละบทของหนังสือเล่มนี้สั้นมากๆ ประมาณ 3-4 หน้า อาร์ตเวิร์คคือจะขึ้นต้นบทใหม่ด้วยการเขียนเลขหน้าบทที่ฝั่งซ้าย ((มีแต่เลขบทนั่นแหละ ไม่มีเนื้อหา)) และเริ่มต้นเนื้อหาที่ด้านขวามือ แน่นอนค่ะว่า มันทำให้อุดมไปด้วยที่ว่างเยอะมาก หนังสือควรจะบางกว่านี้ได้สัก 15-20% ราคาควรจะลงมาอยู่ที่ไม่เกิน 150-160 บาท ไม่ใช่เล่นซะ 198 บาทอย่างที่เป็นน่ะ

ซื้อหนังสือมาก็อยากอ่านเนื้อหาค่ะ ไม่ได้อยากได้ที่ว่างไว้จดบันทึก T^T


....


ต่อไปจะสปอยล์ล่ะ



กลับไปค้นกระทู้ในพันทิป มีคนตั้งเอาไว้ว่า คิดยังไงกับตอนจบ คิดว่าตอนจบมีความหมายอะไร

ตอนจบนี่ทำให้อึ้งไปเหมือนกันค่ะ คือ...อลันหนุ่มน้อยอารมณ์ดี ที่พยายามเปลี่ยนมุมมองชีวิตของคนในเมืองและครอบครัวตัวเองจนสำเร็จ

ร้ายขายของชำสำหรับคนตาย ไม่ได้มีธีมเป็นการฆ่าตัวตายอีกแล้ว แต่เป็นร้านแห่งความสนุกสนานแทน

พ่อ แม่ พี่สาว พี่ชาย ค้นพบ "ความหมาย" ของชีวิต ค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ... เมื่อถึงจุดนี้ ในหนังสือบรรยายว่า

"อลันจ้องมองพวกเขาและความสุขของพวกเขาทุกคน ความเชื่อมั่นในอนาคตที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาและรอยยิ้มอันแช่มชื่นบนใบหน้าของพวกเขาคือผลงานแห่งชีวิตของอลัน...

...ภารกิจของอลันบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาปล่อยมือ!"

จบแค่นี้ค่ะ

อลัน...หนุ่มน้อยผู้มองโลกในแง่ดี มอบความสุขให้คนอื่น ... ไปๆ มาๆ แล้ว กลับเป็นคนที่อยากฆ่าตัวตายมากที่สุดในเรื่อง

อ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ เหตุผลของแต่ละคนที่อยากตายล้วนแต่เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ งี่เง่าๆ ทั้งนั้น ... ความทุกข์ที่สามารถแก้ไขได้ เพียงคุณเปลี่ยนมุมมองออกไป

ก็ทำให้ไอซ์นึกถึงอะไรหลายๆ อย่างนะคะ


- คนที่ดูมีความสุขที่สุด อาจเป็นคนที่แบกรับความทุกข์มากที่สุดก็ได้

อย่าคิดว่า คนที่แสดงออกว่ามองโลกในแง่ดี มีรอยยิ้มตลอดเวลา จะไม่มีความหม่นหมองในหัวใจ

การแบกรับความทุกข์ของคนอื่นมาไว้กับตัว พยายามแก้ปัญหาของคนอื่น อาจะทำให้ถึงจุดที่เกินลิมิตขึ้นมาได้

นึกถึงพวกจิตแพทย์ยังไงชอบกล


- การสูญเสียสิ่งสำคัญ ทำให้มองเห็นความหมายของสิ่งที่ยังคงเหลืออยู่

ไม่รู้สินะ สำหรับครอบครัวตูวาช อลันเป็นคนที่ "มีค่า" สำหรับทุกคน การที่อลันฆ่าตัวตายต่อหน้าพวกเขา อาจทำให้พวกเขาตระหนักถึงความโหดร้ายของการสูญเสียเต็มๆ ก็ได้


- ความมองโลกในแง่ดีและความสุขยังถ่ายทอดถึงกันราวกับโรคติดต่อได้ ความมองโลกในแง่ร้ายและความหมองหม่นก็น่าจะถ่ายทอดถึงกันได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละคน แต่ก็นะ...น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินยังกร่อน ความต้านทานของคนก็มีขีดจำกัดแหละ


- มีจุดอิงเกี่ยวกับที่มาของชื่อ "อลัน" ตามท้องเรื่อง ที่ตั้งตามคนชื่ออลันคนคิดคอมพ์ ที่วาดรูปแอ๊ปเปิ้ลอาบยาพิษ แล้วก็กินแอ๊ปเปิ้ลลูกนั้นเป็นการฆ่าตัวตาย

จริงๆ มันก็คล้ายๆ กันนะคะ "ครอบครัวและชาวเมือง" คือ "ผลงาน" ของอลันที่ทิ้งเอาไว้ ก่อนจะฆ่าตัวตาย อิอิ


- อลันอาจจะแค่ "ขวางโลก" ก็ได้ 555

คนเขียนอาจไม่ได้คิดอะไรเลย เพียงแค่ตลบหลังให้กลายเป็นตลกร้ายเท่านั้น กร๊ากกกก


แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็มีจุดจบเป็นปมให้คนอ่านเอาไปคิดอยู่ดี ... ใครอ่านแล้วคิดยังไง มาคุยกันนะคะ ^^







Create Date : 03 เมษายน 2552
Last Update : 3 เมษายน 2552 19:39:55 น. 13 comments
Counter : 17005 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ งานเยอะจังเลยค่า เดี๋ยวจะลองหามาอ่านนะคะ
สำหรับเล่มนี้เห็นหน้าปกก็สะดุดตาสะดุดใจเหมือนกันค่ะ ก็เลยซื้อมาด้วย แต่อ่านจบแล้วก็รู้สึกเฉยๆอยู่นะคะ อารมณ์ประมาณว่าเดาเรื่องได้ (ตีมถึงจะดูน่าสนใจ แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ ความรู้สึกเหมือนอดัมแฟมิลี่หรืออะไรทำนองนี้คะ)
เห็นด้วยนิดนึงเรื่องอารต์เวิรค เสียดายกระดาษจัง


โดย: readinglover วันที่: 3 เมษายน 2552 เวลา:19:57:34 น.  

 
when you are alone
sometime, when your heart break
who is the curer for you...
you always, in some moment of your
life.. stay alone and feeling lonely even
peoples are around you; friend, family even lover
but deep in your heart you still felt like something in your life
is gone, you scream for help, for love and for many thing that you want
but...saden that their is no one there for you, why don't you go to "GOD"
ask he for help believe me you will find the ways out and be ready for miracal
to happen into your life as it does happen to me


โดย: ns IP: 124.120.17.240 วันที่: 3 เมษายน 2552 เวลา:20:13:10 น.  

 
ชื่อหนังสือสะดุดตาจริงๆ ค่ะ คุณไอซ์
แต่ถามเราว่าอยากมั้ย ก็อยากนะ
แต่ก็คงต้องรอให้งบเหลืออ่ะ คุณไอซ์



เราน่ะ อยากถามคุณไอซ์อยู่เหมือนกัน
ส่วนใหญ่จะอ่านแต่แปลจากญี่ปุ่น
พอบางทีมาเจอแปลจากภาษาอังกฤษ
บางเล่มอ่านแล้วหงุดหงิดมาก
ประโยคซ้อนไปซ้อนมาจนบางทีก็ งง ไปเลย
แต่จะให้ไปอ่านฉบับดั้งเดิมก็ไม่ไหวอีก ภาษาไม่แตกฉาน
หนังสือบางเล่มเราอ่านไปหลับไป
แบบไม่รู้ว่าเรื่องมันไม่สนุกจริงๆ
หรือคนเขียน เขียนไม่ได้เรื่อง
หรือสุดท้ายเป็นที่คนแปลก็ไม่รู้


โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 3 เมษายน 2552 เวลา:20:21:52 น.  

 
มาบอกว่า
ใจร่าเริงเป้นยาอย่าดีก้าบ



โดย: พลังชีวิต วันที่: 3 เมษายน 2552 เวลา:21:10:05 น.  

 
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมเคยพรีวิวในบล็อก คมคาย อารมณ์ดี แต่ไม่ไร้สมอง

ผมชอบหนังสือเล่มนี้จัด ๆ เลยครับ เอ... ไม่ทราบว่าได้อ่านเรื่อง "ทำอย่างไรให้โง่" หรือยังครับ

อารมณ์ทำนองนี้เลยแหล่ะครับ


โดย: พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง วันที่: 3 เมษายน 2552 เวลา:22:36:55 น.  

 
ย่องมาตอนดึกๆ ค่ะ ^^

...แฮะๆ ถ้าคุณ readinglover จะลองอ่านงานของไอซ์ ก็ดีใจมากๆ เลยค่ะ มีโอกาสได้อ่านเมื่อไหร่ แนะนำติชมกันได้ตลอดเลยนะคะ

สำหรับเรื่องนี้...ส่วนตัวก็รู้สึกว่ามันไม่มีความแปลกใหม่เท่าไหร่เหมือนกันค่ะ จนแอบเสียดายเงินนิดๆ เพราะรู้สึกว่า สนพ.ควรทำหนังสือได้ราคาถูกกว่านี้ ถ้าไม่เว้นกระดาษขาวๆ ไว้เยอะขนาดนั้น แง่ๆ


...แหะๆ ไอซ์นับถือศาสนาพุทธอะค่ะคุณ ns ^^"


...เล่มนี้ไอซ์ไม่ได้เชียร์มากอะค่ะหัวใจสีชมพู เพราะรู้สึกว่า หนังสือแพงเกินกว่าที่ควรจะเป็นด้วยล่ะ สำหรับเนื้อเรื่อง อ่านแล้วอารมณ์ไม่สุดเท่าไหร่ แต่ก็อ่านได้เรื่อยๆ นะคะ

สำหรับหนังสือแปล ถ้าเป็นหนังสือภาษาอังกฤษ ไอซ์ไม่อ่านหนังสือแปลค่ะ อ่านแล้วหงุดหงิด คอยจะจับผิดชาวบ้านอยู่เรื่อยเชียว ((นิสัยไม่ดี แหะๆๆ)) ถ้าหนังสือแปลจากภาษาอื่นๆ ยกเว้นภาษาญี่ปุ่นและจีน ไอซ์ก็ชอบอ่านที่แปลเป็นภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทยอยู่ดี

เวลาถ่ายทอดเรื่องราวแต่ละครั้ง ก็ผ่านการตีความของคนแปลเท่านั้นหนด้วย

ไอซ์เองก็เคยแปลหนังสือ รู้ถึงความยากที่จะถ่ายทอดออกมาให้ได้ตรงใจความเป็นอย่างดีเลยเชียวล่ะ บางอย่างก็ถ่ายทอดไม่ได้จริงๆ ด้วยความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภาษา ก็ต้องหาทางเทียบเคียงให้ใกล้ที่สุด

หนังสือแปลจะสนุกหรือไม่สนุก ไอซ์ว่ามันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างหลายทอดมากๆ ค่ะ


...ฮา ขอบคุณค่าพลังชีวิต


...ยังไม่เคยอ่าน "ทำอย่างไรไม่ให้โง่" เลยค่ะคุณพยัคฆ์ร้ายฯ ของสนพ.อะไร และแปลจากเรื่องอะไรหรือคะ

ส่วนตัวจากคนที่เคยอยู่อังกฤษมาก่อน รู้สึกว่า คนอังกฤษกัดได้แสบกว่าคนฝรั่งเศสเยอะอะค่ะ ฮา


โดย: Clear Ice วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:1:33:09 น.  

 

ชอบเรื่องนี้นะ กัดได้เจ็บแสบ ตอนจบอึ้งเหมือนกันค่ะ ประมาณว่า เอ๊ยยย จบแล้วจริงๆ เหรอ ยังไงก้านนน อย่าปล่อยสิ อย่าเพิ่ง แล้วก็ครุ่นคิดไปมา

ติดใจกับเรื่องอาร์ตเวิร์คด้วย ชอบรูปเล่มทุกอย่างเลย ยกเว้นหน้ากระดาษว่างๆ มันเปลืองกระดาษค่า


โดย: อั๊งอังอา วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:0:23:51 น.  

 
เรื่องนี้ได้จากงานหนังสือเดือนตุลาปีที่แล้วค่ะ

อ่านจบเร็วมาก เหอ เหอ ยิ่งเราเป็นพวกอ่านหนังสือเร็วอยู่แล้วด้วย ยังแอบคิดเลยว่าเหมือนไม่ค่อยคุ้ม แล้วมันเป็นเรื่องหักมุม อ่านได้ไม่มากครั้งอ่ะคะ

พวกฝรั่งเศสนี่ตลกร้ายนะคุณไอซ์ เราเคยอ่านนิโคลาจอมแก่น วรรณกรรมเยาวชนสมัยเด็กๆ โอ้โห...ขนาดเรื่องเด็กๆ ยังตลกร้ายได้อ่ะ

สำหรับเรื่องนี้ อึ้ง ทึ่ง เสียวมากกับตอนจบ งงงันเหมือนปลาโดนทุบหัว แต่ไม่แปลกใจนะคะที่จบแบบนี้

อ่านแล้วเราคิดหลายตลบมาก ว่าทำไมอลันเลือกทางนี้ เห็นด้วยกับคุณไอซ์นะ ที่บอกว่า คนที่ดูมีความสุข เราไม่รู้ว่าทุกข์เขาซ่อนอยู่ตรงไหน

เป็นหนังสือที่อ่านแล้วคิดต่อ คิดตาม และ...ความชอบขึ้นกับประสบการณ์ของแต่ละบุคลค่ะ สำหรับเรา เราชอบเนื้อเรื่อง แต่ไม่ชอบสำนวนแปลที่ติดๆขัดๆ อั้นๆไว้ยังไงไม่รู้


โดย: agaligo IP: 124.120.118.53 วันที่: 8 เมษายน 2552 เวลา:0:35:14 น.  

 
...555 แอบรู้สึกไหมคะอั๊งอังอาว่า โดนคนเขียนหลอกให้คิดเล่น 555

...สารภาพว่าแอบอคติอะไรเกี่ยวกับฝรั่งเศสๆ นิดหน่อยค่ะคุณ agaligo สงสัยเป็นเพราะอยู่อังกฤษนานไป 555 สองชาตินี้เค้ากัดกันมาหลายร้อยปีเหลือเกิน

เห็นด้วยเลยค่ะที่ว่า เล่มนี้อ่านแล้วให้ความรู้สึกว่าไม่คุ้มมากๆ ทั้งๆ ที่เนื้อเรื่องดีนะคะ ... ไม่ค่อยชอบสำนวนแปลด้วยคนค่ะ อ่านไปตะหงิดๆ ไปทั้งเรื่องเลย งื้ดดดดด


โดย: Clear Ice วันที่: 8 เมษายน 2552 เวลา:17:18:57 น.  

 
ดู Index รายชื่อหนังสืออื่นๆ ที่ไอซ์ได้รีวิวไปแล้วตามลิงก์ข้างล่างค่ะ

- หนังสือภาษาอังกฤษ
Index Bookshelf : English Books

- หนังสือแปล
Index Bookshelf : Translated Books

- หนังสือภาษาไทย
Index Bookshelf : Thai Books


โดย: Clear Ice วันที่: 8 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:57:44 น.  

 
มีในครอบครองเหมือนกันค่ะ

ตอนจบ ทำเอาอึ้งไปเลย


โดย: โสด แก่น แสนหรรษา IP: 101.109.84.188 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:32:39 น.  

 
หาซื้อหรือยืมได้ที่ไหนบ้างคะ ที่ไม่ใช่งานสัปดาห์หนังสืออ่าค่ะ พอดีสนใจอยากทำละคอน


โดย: แนน IP: 1.46.202.188 วันที่: 7 มิถุนายน 2559 เวลา:12:49:58 น.  

 
พึ่งซื้อมาอ่านตอนหนังสือพิมพ์ครั้งที่ 6 อ่ะค่ะ รู้สึกหน่วงๆตอนจบนิดหน่อยเลยมาหารีวิวดูค่ะ ตอนนี้เข้าใจตอนจบแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ 😭🙏❤️


โดย: Punchhu IP: 171.99.161.36 วันที่: 31 สิงหาคม 2565 เวลา:20:07:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Clear Ice
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add Clear Ice's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.