1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30
ร้านชำสำหรับคนอยากตาย (SUICIDE SHOP) : ตลกร้าย...จริงๆ
อุอุ เล่มนี้เห็นคนพูดถึงกันในกระทู้แล้วชอบชื่อค่ะ เดินผ่านในงานหนังสือ ตอนแรกจะไม่ซื้อล่ะ...แพง 555 แต่อ่านปกหลังและปกในแล้วชอบ ซื้อมาจนได้ ^^"เรื่อง : ร้านชำสำหรับคนอยากตาย (SUICIDE SHOP) ผู้เขียน : ฌอง เติลเล่ ผู้แปล : องอาจ กันใจศักดิ์ รายละเอียดจากปกหลัง : เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในกิจการร้านค้าเล็กๆ ณ เมืองหนึ่ง ดินแดนซึ่งศาสนาได้เลือนหายไปจากความนึกคิดของผู้คน การฆ่าตัวตายจึงไม่บาป ไม่ขัดต่อศีลธรรม ณ ที่แห่งนี้กิจการของตระกูลตูวาชกำลังดำเนินไปได้สวย ใครอยากตายก็เลือกตายได้สมใจ สินค้าในร้านชำแห่งนี้มีทั้งเชือกแขวนคอ ชุดประกอบพิธีฮาราคีรี ยาพิษ หรือแม้แต่จูบมรณะ ตระกูลตูวาชสืบทอดกิจการอันเก่าแก่นี้มาหลายรุ่น สโลแกนของร้านคือ "ไม่ตายยินดีคืนเงิน" จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อเด็กชายอลันถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม หัวใจเบิกบาน นิสัยมองโลกในแง่ดีของเขา ทำให้พ่อแม่พี่น้องในตระกูลตูวาชต้องปั่นป่วน เพราะคนในตระกูลนี้ไม่เคยยิ้ม ไม่เคยรับรู้ถึงความสวยงามของชีวิต ไม่เคยรู้สึกถึงความรื่นรมย์ของโลกใบนี้ .... ข้อความที่ทำให้สะดุดอยู่ตรงปกใน"พวกที่อยากลองตายด้วยการผูกคอตาย มักจะเริ่มต้นด้วยการมัดผ้าพันคอให้แน่นขึ้น ตอนอยู่ที่บ้าน พวกเขาจะเอามือบีบคอเพื่อให้รู้สึกถึงกระดูกสันหลัง กระดูกอ่อน เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ และเส้นเลือดที่เต้นตุบๆ" อ่านแล้วรู้สึกว่า...โอ...คิดได้ 555 เท่ดีค่ะ .... หนังสือเล่มนี้เป็นแนวเสียดสี กระแทกแดกดันและ...ตลกร้ายมากๆ เริ่มต้นด้วยความแปลกแยกที่ถูกแบ่งออกเป็นสองขั้ว คนอื่นๆ ในตระกูลตูวาชช่างหม่นหมอง ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่สาว พี่ชาย มีแต่อลันน้องเล็กคนเดียว ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี นำความสดใส และการเปลี่ยนแปลงเข้ามาให้กับคนในครอบครัว และคนอื่นๆ ร้านขายของชำสำหรับคนตาย ขายอุปกรณ์พร้อมแนะนำวิธีการฆ่าตัวตาย ชนิดที่ว่า เป็นลูกค้าแล้วตายแน่ๆ ไม่ตายยินดีคืนเงิน ตรงนี้ผู้เขียนใส่อารมณ์ขันอันบรรเจิดไว้เยอะมากค่ะ วิธีการฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะเป็นผูกคอตาย จะถามด้วยว่า คานบ้านสูงเท่าไหร่ หรือ ถ้าอยากจะตายแบบเท่ๆ ก็ต้องทำฮาราคีรี ฯลฯ เป็นต้น อ่านแล้วก็ขำดี ส่วนอลัน...แกะดำในบ้าน ก็พยายามเปลี่ยนความคิดของคนที่อยากฆ่าตัวตาย ให้มองเห็นถึงความสนุกสนานและความสุขของการมีชีวิต เรื่องราวดำเนินไปเป็นบทสั้นๆ ทุกคนในเรื่องและบรรยากาศในเรื่องค่อยๆ เปลี่ยนไป จนถึงบทสุดท้ายที่...ทำให้คนอ่านเกือบทุกคน...อึ้งค่ะ .... ไอซ์คงไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า หนังสือเรื่องนี้ต้องการนำเสนออะไร มันเป็นหนังสือที่ขึ้นอยู่กับคนอ่านจริงๆ ว่า จากประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมา มองจุดสรุปของเรื่องนี้ด้วยความหมายอย่างไร ถามว่าชอบไหม ก็...ชอบในระดับหนึ่งค่ะ สิ่งที่อ่านแล้วทำให้ตะหงิดๆ และหงุดหงิดนิดหน่อยก็คือ สไตล์การแปล ออกตัวก่อนว่า ปกติไม่ชอบอ่านหนังสือที่แปลมาจากภาษาทางยุโรปเป็นภาษาไทย รู้สึกว่ามันแปร่งๆ ชอบกล สำหรับเรื่องนี้ ... ถามว่าอ่านลื่นไหม สำนวนดีไหม ก็ขอตอบตรงๆ ว่า ดีค่ะ อ่านลื่นไหล สนุกสนานดี แต่...มัน "เกินไป" ในหลายๆ แห่ง การแปลหนังสือออกมาสักเล่ม นักแปลจะต้องพยายามไม่ให้ติดกลิ่นนมเนยมากเกินไปจนไม่เหมือนภาษาไทย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ทิ้ง "บรรยากาศ" ของเรื่องไปด้วย สำหรับเรื่องนี้ ในความคิดเห็นส่วนตัวของไอซ์ เรื่องติดกลิ่มนมเนย ไม่ค่อยมีค่ะ ผ่าน แต่....บรรยากาศของเรื่อง ไอซ์ให้ตก ยกตัวอย่างเช่น หน่วยเงินในเรื่องคือ "ยูโร-เยน" แต่มันมีหลุด "บาท" ออกมาค่ะ ไอซ์หาหน้าไม่เจอแล้ว แต่อยู่ตรงต้นๆ เรื่องเลย ทำให้สะดุดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สำนวนบางแห่งก็ให้อารมณ์ "ไทย" หรือไม่ก็ "จีน" มากเกินไปยังไงไม่รู้ อ่านแล้วรู้สึกว่า มันขัดกับบรรยากาศในเรื่อง คนอื่นๆ อาจจะอ่านโดยไม่รู้สึกสะดุดอะไร แต่สำหรับไอซ์...รู้สึกแปร่งน่ะค่ะ มันก็ไม่ได้มีเยอะนะคะ แต่พออ่านเจอแล้ว ทำให้สะดุดมากๆ เลยถามว่าอยากแนะนำไหม ... บอกไม่ถูกค่ะ อ่านแล้วก็โอเค แต่ก็ไม่ได้ปลาบปลื้มอะไรถึงขนาดนั้นนะ ถ้าชอบแนวเสียดสี ตลกร้าย ก็น่าจะชอบเล่มนี้ค่ะ อ้อ...มีเรื่องนึงที่อยากจะบ่นมากๆ ก็คือ การจัดอาร์ตเวิร์คของหนังสือเล่มนี้ "เอาเปรียบ" มากๆ ค่ะ แต่ละบทของหนังสือเล่มนี้สั้นมากๆ ประมาณ 3-4 หน้า อาร์ตเวิร์คคือจะขึ้นต้นบทใหม่ด้วยการเขียนเลขหน้าบทที่ฝั่งซ้าย ((มีแต่เลขบทนั่นแหละ ไม่มีเนื้อหา)) และเริ่มต้นเนื้อหาที่ด้านขวามือ แน่นอนค่ะว่า มันทำให้อุดมไปด้วยที่ว่างเยอะมาก หนังสือควรจะบางกว่านี้ได้สัก 15-20% ราคาควรจะลงมาอยู่ที่ไม่เกิน 150-160 บาท ไม่ใช่เล่นซะ 198 บาทอย่างที่เป็นน่ะ ซื้อหนังสือมาก็อยากอ่านเนื้อหาค่ะ ไม่ได้อยากได้ที่ว่างไว้จดบันทึก T^T .... ต่อไปจะสปอยล์ล่ะ กลับไปค้นกระทู้ในพันทิป มีคนตั้งเอาไว้ว่า คิดยังไงกับตอนจบ คิดว่าตอนจบมีความหมายอะไร ตอนจบนี่ทำให้อึ้งไปเหมือนกันค่ะ คือ...อลันหนุ่มน้อยอารมณ์ดี ที่พยายามเปลี่ยนมุมมองชีวิตของคนในเมืองและครอบครัวตัวเองจนสำเร็จ ร้ายขายของชำสำหรับคนตาย ไม่ได้มีธีมเป็นการฆ่าตัวตายอีกแล้ว แต่เป็นร้านแห่งความสนุกสนานแทน พ่อ แม่ พี่สาว พี่ชาย ค้นพบ "ความหมาย" ของชีวิต ค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ... เมื่อถึงจุดนี้ ในหนังสือบรรยายว่า "อลันจ้องมองพวกเขาและความสุขของพวกเขาทุกคน ความเชื่อมั่นในอนาคตที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาและรอยยิ้มอันแช่มชื่นบนใบหน้าของพวกเขาคือผลงานแห่งชีวิตของอลัน... ...ภารกิจของอลันบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาปล่อยมือ!" จบแค่นี้ค่ะ อลัน...หนุ่มน้อยผู้มองโลกในแง่ดี มอบความสุขให้คนอื่น ... ไปๆ มาๆ แล้ว กลับเป็นคนที่อยากฆ่าตัวตายมากที่สุดในเรื่อง อ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ เหตุผลของแต่ละคนที่อยากตายล้วนแต่เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ งี่เง่าๆ ทั้งนั้น ... ความทุกข์ที่สามารถแก้ไขได้ เพียงคุณเปลี่ยนมุมมองออกไป ก็ทำให้ไอซ์นึกถึงอะไรหลายๆ อย่างนะคะ - คนที่ดูมีความสุขที่สุด อาจเป็นคนที่แบกรับความทุกข์มากที่สุดก็ได้ อย่าคิดว่า คนที่แสดงออกว่ามองโลกในแง่ดี มีรอยยิ้มตลอดเวลา จะไม่มีความหม่นหมองในหัวใจ การแบกรับความทุกข์ของคนอื่นมาไว้กับตัว พยายามแก้ปัญหาของคนอื่น อาจะทำให้ถึงจุดที่เกินลิมิตขึ้นมาได้ นึกถึงพวกจิตแพทย์ยังไงชอบกล - การสูญเสียสิ่งสำคัญ ทำให้มองเห็นความหมายของสิ่งที่ยังคงเหลืออยู่ ไม่รู้สินะ สำหรับครอบครัวตูวาช อลันเป็นคนที่ "มีค่า" สำหรับทุกคน การที่อลันฆ่าตัวตายต่อหน้าพวกเขา อาจทำให้พวกเขาตระหนักถึงความโหดร้ายของการสูญเสียเต็มๆ ก็ได้ - ความมองโลกในแง่ดีและความสุขยังถ่ายทอดถึงกันราวกับโรคติดต่อได้ ความมองโลกในแง่ร้ายและความหมองหม่นก็น่าจะถ่ายทอดถึงกันได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละคน แต่ก็นะ...น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินยังกร่อน ความต้านทานของคนก็มีขีดจำกัดแหละ - มีจุดอิงเกี่ยวกับที่มาของชื่อ "อลัน" ตามท้องเรื่อง ที่ตั้งตามคนชื่ออลันคนคิดคอมพ์ ที่วาดรูปแอ๊ปเปิ้ลอาบยาพิษ แล้วก็กินแอ๊ปเปิ้ลลูกนั้นเป็นการฆ่าตัวตาย จริงๆ มันก็คล้ายๆ กันนะคะ "ครอบครัวและชาวเมือง" คือ "ผลงาน" ของอลันที่ทิ้งเอาไว้ ก่อนจะฆ่าตัวตาย อิอิ - อลันอาจจะแค่ "ขวางโลก" ก็ได้ 555 คนเขียนอาจไม่ได้คิดอะไรเลย เพียงแค่ตลบหลังให้กลายเป็นตลกร้ายเท่านั้น กร๊ากกกก แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็มีจุดจบเป็นปมให้คนอ่านเอาไปคิดอยู่ดี ... ใครอ่านแล้วคิดยังไง มาคุยกันนะคะ ^^
Create Date : 03 เมษายน 2552
Last Update : 3 เมษายน 2552 19:39:55 น.
13 comments
Counter : 16388 Pageviews.
โดย: ns IP: 124.120.17.240 วันที่: 3 เมษายน 2552 เวลา:20:13:10 น.
โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 3 เมษายน 2552 เวลา:20:21:52 น.
โดย: พลังชีวิต วันที่: 3 เมษายน 2552 เวลา:21:10:05 น.
โดย: Clear Ice วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:1:33:09 น.
โดย: อั๊งอังอา วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:0:23:51 น.
โดย: agaligo IP: 124.120.118.53 วันที่: 8 เมษายน 2552 เวลา:0:35:14 น.
โดย: Clear Ice วันที่: 8 เมษายน 2552 เวลา:17:18:57 น.
โดย: Clear Ice วันที่: 8 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:57:44 น.
โดย: โสด แก่น แสนหรรษา IP: 101.109.84.188 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:32:39 น.
โดย: แนน IP: 1.46.202.188 วันที่: 7 มิถุนายน 2559 เวลา:12:49:58 น.
โดย: Punchhu IP: 171.99.161.36 วันที่: 31 สิงหาคม 2565 เวลา:20:07:14 น.
เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายยิ่งกว่าพายุ ^^
บอกกล่าวกันก่อน
Blog นี้มีอะไร อัพเดทใหม่ๆ คลิกที่ Blog map & Update ค่ะ
ตอนนี้นิยายที่เขียนค้างอยู่ถูกล็อกไว้ชั่วคราว เพราะอยากจัดระเบียบความคิดของตัวเองนิดนึงก่อนค่ะ ขออภัยสำหรับความไม่สะดวกด้วยนะคะ
ขอร้องคนที่มาอ่านงานเขียนของไอซ์ในบล็อกนะคะว่า กรุณาอย่าก็อปปี้ไปเผยแพร่ที่อื่นเลย ไม่ว่าจะให้เครดิตหรือไม่ เพราะบอกตรงนี้เลยค่ะว่า "ไม่อนุญาตทุกกรณี" ขอให้อ่านกันเพียงแต่ในนี้ หรือถ้าอยากแบ่งปันกันจริงๆ ขอให้ทำ link มาที่นี่นะคะ ^^
ตอนนี้ไอซ์เล่น Blog น้อยลงมากๆ เลย เพราะจะไปอยู่ใน Facebook มากกว่า
ยังไงแอ๊ดไปคุยกันได้ ที่นี่ นะคะ เป็น Facebook ส่วนตัวของไอซ์ รับแอ๊ดทุกคนค่ะ แต่ว่าไอซ์ใช้คุยเรื่องทั่วๆ ไปด้วย ไอซ์อัพค่อนข้างบ่อย อัพทุกเรื่องเลย อาจจะรกนิดนึง
ถ้าจะติดตามเรื่องงานเขียนหรืองานแปล ((ไม่ได้แปลนานแล้วนะคะ ฮา)) ก็สามารถเข้าไปกด like กันที่เพจได้ ที่นี่ นะคะ ^^
ผลงานล่าสุด
กล่องนี้จะเป็นกล่องที่แนะนำผลงานล่าสุดของไอซ์นะคะ ^^
ปี 55 นี้ เปิดศักราชใหม่อย่างอลังการด้วยผลงานใหม่ซึ่งออกพร้อมกัน 2 เรื่องเลยค่ะ ^^ ((ภูมิใจเล็กๆ เพราะหนาด้วยอะ 555)) เป็นหนังสือสองเล่มที่นางเอกของทั้งสองเรื่องมีหน้าตาเหมือนกัน เนื้อเรื่องมีจุดเชื่อมกันเล็กน้อย อ่านเล่มไหนก่อนก็ได้ เพราะเรื่องเกิดขนานกันไปค่ะ หรือถ้าจะอ่านแค่เล่มเดียวก็ได้เหมือนกันค่ะ รับรองว่าไม่สะดุด แต่ถ้าได้อ่านสองเล่มจะรู้ว่า อีกฝ่ายหนึ่งเกิดอะไรขึ้น ^^
ระบำรัก
เรื่องนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นในปารีส-ฝรั่งเศส และทาลลินน์-เอสโตเนียค่ะ พระเอกเป็นจิตรกรและเป็นโจรขโมยงานศิลปะ คราวนี้ภาพวาดที่เขารับงานแทนเพื่อนว่าจะขโมยออกมานั้น ถูกขโมยตัดหน้าเสียก่อน พอกลับมาก็พบว่าเพื่อนตัวดีหายตัวไปอีก แน่นอนว่าตำรวจเพ่งเล็งมาที่เขา ส่วนนางเอกเป็นผู้ครอบครองภาพวาดที่เขาคิดว่าจะสามารถทำให้เขาสืบหาตัวการที่ทำให้เขาลำบากได้ ถ้าชอบพล็อตเก๋ๆ ชิงไหวชิงพริบ รับรองว่าเรื่องนี้ถูกใจแน่ค่ะ ^^
เล่มบนอาจจะไม่หวานมาก แต่เล่มล่างนี่ หวานจนบ.ก.สั่งตัดเลยทีเดียว แอ๊ >_<
ระบำฝัน
เรื่องนี้นางเอกเป็นเด็กถูกเก็บมาเลี้ยงค่ะ เธอไม่มีความทรงจำในวัยเด็กเหลืออยู่เลย ทั้งๆ ที่ชีวิตก็ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ เพราะพ่อแม่และน้องเลี้ยงรักเธอ แฟนหนุ่มก็รักเธอ แต่ความฝันซึ่งเป็นเศษเสี้ยวจากอดีตตามหลอกหลอนจนเธอไม่อาจอยู่เฉยได้ เธอดิ้นรนหาความจริง โดยที่ไม่รู้เลยความจริงอาจทำให้เธอสูญเสียทุกอย่างไป ฉากเรื่องนี้อยู่ที่ปารีส-ฝรั่งเศสและประเทศไทยค่ะ
ฝากหนังสือ "ระบำรัก" และ "ระบำฝัน" ด้วยนะคะ เป็นสองเล่มที่ไอซ์มั่นใจว่า ถ้าได้อ่านจะชอบแน่นอน บอกไว้ก่อนว่า ถึงจะมีฉากตปท.แต่ก็ไม่ใช่หนังสือท่องเที่ยวนะคะ ดังนั้นจะเน้นที่พล็อตมากกว่ามากๆ ใครที่ชอบงานของไอซ์อยู่แล้ว รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง ส่วนคนที่ไม่เคยอ่าน หรือไม่เคยชอบงานของไอซ์มาก่อน อยากให้ลองหยิบมาอ่านดูค่ะ ยินดีรับคำแนะนำ ติชม เสมอนะคะ ^^
ส่วนผลงานก่อนหน้านี้ ก็มีงานแนว Romantic Suspense เล่มแรก เป็นแนวใหม่ของแจ่มใสค่ะ
Deadly Game...เกมรักมรณะ
เกิดการฆาตกรรมต่อเนื่องขึ้น และคนที่ตายก็ล้วนเกี่ยวข้องกับนางเอก ฆาตกรเป็นใครกันแน่ ... เป็นเล่มแรกที่เขียนแนวนี้ ฝากด้วยนะคะ อยากได้ feedback มากๆ ค่ะ ^^
ส่วนผลงานเล่มก่อนหน้าที่ออกวางแผงเดือน ส.ค. 54 ฉลองที่แจ่มใสครบ 10 ปี เป็นหนึ่งในโปรเจ็ค Sweet 10 ค่ะ
คนที่สิบ...รักที่สุด
ในโปรเจ็คนี้จะมีทั้งหมด 4 เล่มด้วยกัน เป็นเรื่องของเพื่อนสาว 4 คนที่เกี่ยวพันกับเลข 10 แต่ละเล่มอ่านแยกกันได้ค่ะ เล่มของไอซ์...นางเอกมีแฟนมาแล้วเก้าคน ก็ไม่ใช่ตัวจริงซักที คนที่สิบนี่...จะใช่ไหมนะ ^^
ฝากผลงานด้วยนะคะ ^^
29/1/2012
ฝากผลงานทั้งหมดด้วยนะคะ ^^
ผลงานเขียนเดี่ยวๆ
ผลงานแปล
ผลงานร่วมกับนักเขียนท่านอื่น
สำหรับเล่มนี้เห็นหน้าปกก็สะดุดตาสะดุดใจเหมือนกันค่ะ ก็เลยซื้อมาด้วย แต่อ่านจบแล้วก็รู้สึกเฉยๆอยู่นะคะ อารมณ์ประมาณว่าเดาเรื่องได้ (ตีมถึงจะดูน่าสนใจ แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ ความรู้สึกเหมือนอดัมแฟมิลี่หรืออะไรทำนองนี้คะ)
เห็นด้วยนิดนึงเรื่องอารต์เวิรค เสียดายกระดาษจัง