No matter what life brings, I just believe that... Everything happens for the best.

Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
30 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
AR no.4 - Life of Pi : กึ่งๆ ระหว่างชอบและเกลียดชอบกล

อ่านเล่มที่ 4 จาก ลิสของ TBR Challange จบในวันสุดท้ายของเดือน 4 พอดี ((แต่จริงๆ แล้ว เพิ่งจะมาอ่านรวดเดียว 3 เล่มในเดือนนี้แหละค่ะ ฮา)) ให้ความรู้สึกว่า เป็นไปตามตารางดีจัง เอิ๊กส์




เรื่อง : Life of Pi
เขียนโดย : Yann Martel





รายละเอียดจากปกหลัง

หลังจากที่เรือขนสินค้าจมลง เรือช่วยชีวิตลำหนึ่งลอยอยู่กลางทะเลของมหาสมุทรแปซิฟิค ผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวคือเด็กหนุ่มอายุ 16 ปี ชื่อ พาย พาเทล บนเรือมี ไฮยีน่าหนึ่งตัว ม้าลายขาหักหนึ่งตัว ลิงอุรังอุตังตัวเมียหนึ่งตัว และเสือเบงกอลหนัก 450 ปอนด์อีกหนึ่งตัว...


.....


อ่านจากปกหลัง ดูปกหน้า แล้วไพล่ไปคิดว่าจะเป็นแนวผจญภัยแฝงปรัชญา คล้ายๆ กับเรื่อง Kensuke's Kingdom อะไรทำนองนั้น

เนื่องจากเห็นว่าเป็นหนังสือที่ได้รางวัล The Man Booker Prize ปี 2002 จึงซื้อมาตั้งแต่หนังสือปกอ่อนภาษาอังกฤษออกใหม่ๆ อย่างไม่ลังเล ... แล้วก็ดองเค็มเอาไว้ ... กะว่าจะไว้อ่านตอนเซ็งๆ หรือต้องการแรงบันดาลใจ แต่เห็นดองนานแล้ว แถมดองจนมีแปลไทยออกมาแล้วอีกต่างหาก จึงรีบจัดเข้าลิส TBR Challange และอ่านเสียที

สารภาพอีกหนึ่งอย่างว่า ไอซ์ไม่เคยอ่านหนังสือที่มีอะไรเกี่ยวกับ "อินเดีย" จบซักเรื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็น The Death of Vishanu, Bricklane, Life isn't all ha ha he he, Holy Cow ฯลฯ ... ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน พอเปิดอ่านหน้าแรกไปแล้ว เลยรู้สึกแหยงๆ นิดหน่อย 555


หนังสือแบ่งออกเป็น 4 ส่วนค่ะ


ส่วนแรกเป็น Author's Note

เป็นความในใจของผู้เขียนที่บอกความเป็นมาของการเขียนเรื่องนี้ ((อ่านตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องจริงเลยทีเดียว เอิ๊กส์))

เขาไปอินเดียเพื่อหาที่เขียนนิยาย และเขาก็ได้พบกับชายอินเดียคนหนึ่ง ซึ่งแนะนำให้เขาไปคุยกับ Pi Patel ผู้ซึ่งจะสามารถบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของเขา เป็นเรื่องราวที่จะทำให้คุณเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า ... A story that will make you believe in God


ส่วนที่สองเป็น Toronto and Pondicherry

ตอนนี้จะเป็นการบอกเล่าประวัติเบื้องต้นของ Pi Patel ตั้งแต่ยังเด็ก ที่มาของชื่อจริง เรื่องราวของครอบครัวที่มีพ่อเป็นเจ้าของและผู้ดูแลสวนสัตว์ ทำให้พายเข้าใจธรรมชาติของสัตว์ได้เป็นอย่างดี

และมีการบอกเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้พายเป็นคนที่นับถือศาสนาถึง 3 ศาสนา นั่นก็คือ ฮินดู คริสเตียนแคทอลิก และมุสลิม


ส่วนที่สามเป็น The Pacific Ocean

ครอบครัวของพายต้องการอพยพไปแคนาดา พ่อของพายขายสัตว์ในสวนสัตว์ของตัวเองไปให้สวนสัตว์ต่างๆ ครอบครัวของพายและสัตว์บางส่วนโดยสารไปกับเรือ Tsimtsum ... เรือของญี่ปุ่น ... เรือลำนี้จม พายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงผู้เดียวในเรือช่วยชีวิต ... ในเรือลำนั้นมี ไฮยีน่าหนึ่งตัว ม้าลายขาหักหนึ่งตัว ลิงอุรังอุตังตัวเมียหนึ่งตัว และเสือเบงกอลหนัก 450 ปอนด์ ชื่อ Richard Parker อีกหนึ่งตัว

ส่วนนี้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรือ การที่สัตว์ต่างๆ เข้าห้ำหั่นกัน จนเหลือเพียงพายกับริชาร์ดเพียงแค่หนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัว พายต้องพยายามหาทางเอาชีวิตรอด โดยไม่ถูกริชาร์ดกินให้ได้

พายลอยเรืออยู่นานถึง 227 วัน กว่าเรือจะลอยไปเกยชายฝั่งของแม็กซิโก


ส่วนที่สี่เป็น Benito Juarez Infirmary, Tomatlan, Mexico

เป็นสถานที่ที่พายกำลังรักษาตัว และมีเจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นสองคนเข้ามาสัมภาษณ์เพื่อหาสาเหตุที่เรือ Tsimtsum จม ตอนนี้เป็นจุดคลี่คลายและเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด


........


ความรู้สึกขณะอ่าน ... ตอนแรก ... อืม เปิดเรื่องน่าสนใจแฮะ จะเป็นเรื่องแบบไหนหนอ ที่จะทำให้คนอ่านรู้สึก "เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า"



ตอนที่สอง ... อ่านไปได้ซักห้าสิบหน้า ชักสงสัยว่าเรื่องราวจะดำเนินไปทางไหนกันแน่ มีความรู้สึกว่าผู้เขียนเล่าโน่นเล่านี่ไปเรื่อยๆ ไม่เข้าเรื่องเสียที แถม...อย่างที่บอกตอนแรกนะคะ ไอซ์ไม่ถูกโฉลกกับหนังสือที่มีกลิ่นอาย "อินเดีย" ... ร่ำๆ จะวาง จะอ่านไม่จบเอา

ไอซ์เลยไปอ่านรีวิวในอเมซอน ซึ่งก็มีส่วนหนึ่งบอกว่า จะเข้าเรื่องจริงๆ ก็โน่นเลย เกือบหน้าที่ร้อย หลังจากนั้นจะสนุก และตอนจบก็เจ๋งมาก เลยอดทนอ่านต่อไปเรื่อยๆ

มันก็มีช่วงที่รู้สึกว่า อ่านสนุกและตลก สลับกับช่วงที่รู้สึกว่า มันมีแต่น้ำมากจนน่าเบื่อ ... คนเขียนจะปูเรื่องไปทางไหนกันแน่ ((ฟะ))

ตอนที่ชอบในช่วงนี้ก็คือ ตอนที่ผู้นำศาสนาทั้งสาม ตั้งแต่บาทหลวง อิหม่าม และ Pandit มาเจอกัน ต่างก็บอกว่า พายนับถือศาสนาของตน แล้วก็เถียงกัน ขำแบบแสบๆ ดีค่ะ



ตอนที่สาม ... เรือล่มและเข้าเรื่องตามที่เขียนไว้ในปกหลังเสียที เรื่องก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เหมือนกับตอนที่สองค่ะ คือ ไอซ์รู้สึกว่า มันมีช่วงที่สนุกสลับกับช่วงที่น่าเบื่อ ... ชอบตอนที่เริ่ม "ฝึกเสือ" ... บางช่วงก็อ่านผ่านๆ ไปบ้าง

มันก้ำๆ กึ่งๆ ระหว่าง ความ surreal และความ absurd ชอบกล อ่านแล้วทะแม่งๆ

บอกตรงๆ ค่ะว่า พยายามอ่านให้จบ เพราะอยากรู้ว่า ตอนจบที่หลายๆ คนบอกว่า อึ้ง และ เจ๋ง นี่ เป็นยังไง



ตอนที่สี่ ... บทสรุป ... ไอซ์คิดว่าเป็นบทที่ดีที่สุดของเล่มนี้ หลังจากที่อ่านแบบเรื่อยๆ เปื่อยๆ มาทั้งเล่ม ... บทสรุปลงท้ายได้กระชับ เนียนและเจ๋งดีจริงๆ ทำให้ต้องกลับไปย้อนคิดเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ตอนเรือแตกใหม่ตั้งแต่ต้น


.....


ความรู้สึกหลังอ่านจบ ... บอกไม่ถูกค่ะว่ารู้สึกยังไง มันกึ่งๆ ระหว่างชอบและเกลียดชอบกล ... อาจจะหวังกับเรื่องนี้มากไปหน่อยก็ได้

ช่วงประวัติของพายไอซ์ว่าปูเรื่องนานไปหน่อย หลายๆ ส่วนมันก็ไม่จำเป็นนะ ช่วงเรือแตกแล้วตอนอ่านรู้สึกว่ามัน "เว่อร์" อ่านไปขมวดคิ้วไปบ้าง มีช่วงที่สนุกบ้าง แต่จบดีจริงๆ ค่ะ ตอนจบนี่ฉุดทุกอย่างขึ้นมาหมดเลย

คือ...ตัวอักษรในเรื่องไม่สามารถ "ตรึง" ให้ไอซ์อยากอ่านทุกตัวอักษรได้ บางส่วนที่ผู้เขียนพยายามจะ "ขำ" กลับทำให้ไอซ์ว่า "ฝืด"

รู้สึกว่าต้อง "ทนอ่าน" เพื่อให้ถึง "ของดีในตอนท้าย" ยังไงไม่รู้แฮะ


ไอซ์ชอบสัญลักษณ์และการเปรียบเทียบ โดยเฉพาะ "เสือ" หรือ "สันดานดิบ" ของคน ชอบมากค่ะ



ที่ขัดใจเป็นที่สุดหลังจากอ่านเรื่องนี้จบก็คือ เรื่องนี้ไม่เห็นจะทำให้รู้สึกเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าที่ตรงไหน มันออกจะเป็นแนวศาสนาพุทธ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน การกระทำทุกอย่างอย่างมีสติ เสียมากกว่านะ



จำได้ว่าเคยอ่านรีวิวเห็นหลายๆ คนชอบเรื่องนี้ ... สำหรับไอซ์...เอาเป็นว่า โอเคที่ได้อ่าน ดีใจและโล่งใจที่อ่านจนจบ ((แม้ว่าบางช่วงระหว่างอ่านจะรำคาญเป็นอย่างมาก)) ไม่ต้องค้างคาใจ แต่...อ่านแล้วไม่เป็นไปอย่างที่หวัง เพราะไม่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจอะไรเลย ...

ไม่คิดจะอ่านซ้ำแน่ๆ ค่ะ




Create Date : 30 เมษายน 2551
Last Update : 30 เมษายน 2551 21:50:24 น. 14 comments
Counter : 3637 Pageviews.

 
เล่มนี้เห่อซื้อมาเพราะกระแสค่ะ เอาเข้าจริงยังอ่านไม่จบเลย ทั้ง ๆ ที่ค่อนไปทางชอบเรื่องเล่าแนว ๆ นี้นะคะ แหะ ๆ ไม่รู้ทำไม


โดย: แม่ไก่ วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:20:26:05 น.  

 
ได้ยินมาว่าดีเช่นกันค่ะ
แต่ยังไม่ได้อ่านเลย
ขอบคุณที่ให้ข้อมูลละเอียดนะคะ


โดย: Jevanni วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:20:47:27 น.  

 
เรื่องนี้อ่านแล้วเหมือนกันแหละพี่ไอซ์ ชอบฉากเดียวกันเลยอ่ะตอนที่บาตรหลวงโผล่มาทั้งสามคน ฮ่าๆๆๆ

แล้วก็แอบเห็นด้วยจ้าว่าบางทีบรรยายเยอะไปหน่อย เลยแอบอ่านข้ามไปตั้งหลายหนแน่ะ อิอิ

แต่สไตล์การเขียนเค้าเจ๋งดีนะ ชอบ


โดย: เบบูญ่า วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:47:27 น.  

 
จำฟีลไม่ค่อยได้แล้วเพราะอ่านมาหลายปีเต็มที่ แต่เท่าที่จำได้ ที่ว่าทำให้ "เชื่อในพระเจ้า" มันค่อนข้าง "ลักลั่นย้อนแย้ง" (ศัพท์จำเขามา) น่ะค่ะ

นอกจากจะเล่าเรื่องเพื่อเล่าเรื่องแล้ว ส่วนหนึ่งคนเขียนยังใช้เรื่องทั้งเรื่องเปรียบเทียบกับโลกแห่งความจริงด้วย คือบางทีการที่คนเชื่อในศาสนา ก็ทำให้ดูโง่ ดูงมงาย เหมือนเที่ยวเล่าเรื่องโกหกเสือกับลิง แต่ที่จริงแล้ว ถ้าไม่เชื่อในศาสนาเลย โลกบางทีมันก็โหดร้ายมาก ๆ เหมือน "ความจริง" ในตอนท้ายเรื่อง

คนเรามีธรรมชาติจะแสวงหา "ความจริง" ก็หาไปไม่มีที่สิ้นสุด จนในที่สุดก็ไม่เหลือให้เชื่อ ไม่เหลืออะไรสวยงามเลย เหมือนตอนหนึ่งที่ไปเจอเกาะสวย แต่เกาะนั้น
"กินสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนเกาะ" พอแกะใบของต้นไม้ที่งอกในเกาะออกมา
ก็พบฟันของมนุษย์อยู่ข้างใน แล้วพายร้องว่า "ย่อยไปหมดเหลือแต่ฟัน...เหลือแต่ฟัน"

ตรงนี้มีคนอธิบายให้ฟังว่าเขาเล่นคำภาษาอังกฤษ tooth กับ truth จึงอาจจะแปลได้
ว่า "เหลือแต่ความจริง...เหลือแค่ความจริง" น่ะค่ะ

เขาก็ถามว่า พอเจอแต่ความจริงแห้งแล้งแล้วคนเราควรจะทำยังไง ใช้ชีวิตอันเจ็บปวดไม่มีอะไรต่อ หรือว่าหันกลับไป "เชื่อพระเจ้า" ดี

คนเราต้องการที่พึ่งทางใจน่ะค่ะ แม้แต่คนที่นับถือศาสนาพุทธ บางทีเจอหนักมาก ๆ ก็ยังไหว้พระแล้วรู้สึกดีขึ้นเลย


โดย: เคียว IP: 128.86.158.253 วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:3:22:53 น.  

 
เป็นรีวิวที่ทำให้คนดองเล่มนี้อยู่ต้องคิดหนัก

ตูจะฉลาดพอจะเก็ทแบบที่คุณเคียวอธิบายมาไหมเนี่ย?


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:6:36:36 น.  

 
555 มันก็ไม่ได้เข้าใจหรือตีความยากนะคะพี่ยาคูลท์ เรื่องมันจะสื่อแบบที่น้องปันว่า แต่...แต่...และแต่...คนอ่านอย่างไอซ์ "ไม่เชื่อ" น่ะสิ มันเลย ลักลั่นย้อนแย้ง ((เอามั่ง 555 หงสาทำพิษ 555)) พออ่านจบก็เลยแอบแอนตี้ "ไม่เห็นทำให้ตูเชื่อได้เลย" 555

และตอนจบ ... พอ "เสือ" จากไป ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี พายดำเนินชีวิตอย่างปกติ มีความสุข ... มันทำให้ไอซ์ติดนิดๆ เหมือนการสารภาพบาปน่ะ พอสารภาพไปแล้ว "บาป" ก็หายไปเลยงั้นหรือ

สิ่งสวยงามกับความเป็นจริง ... พอดีไอซ์เลือกความเป็นจริงเสียด้วยสิ แหะๆ

อาจจะเป็นเพราะไอซ์ไม่อินน่ะ เลยต่อต้านเล็กๆ

อีกอย่าง...ช่วงการบรรยายมันเยิ่นเย้อจริงๆ แบบที่น้องเพนว่านั่นแหละ แทบจะวางทิ้งหลายรอบ พยายามอ่านจนจบเพราะอยากรู้ตอนจบนั่นแหละ

...

ใครที่ลังเลอยู่ลองพลิกๆ อ่านดูเถอะค่ะ โดยเฉพาะพี่แม่ไก่ที่ซื้อมาแล้ว เอิ๊ก

คุณ Jevanni อาจจะชอบก็ได้นะคะ คนชอบเล่มนี้เยอะ

สำหรับไอซ์ จะชอบก็ชอบไม่ลง จะเกลียดก็ไม่ใช่ ... ^^"


โดย: Clear Ice วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:48:50 น.  

 
ต่ออีกนิด ... เพิ่งเก็ทเรื่อง tooth กับ truth ตอนปันบอกนี่แหละจ้ะ ((ตอนอ่านก็อ่านแบบรีบๆ อ่าน ข้ามๆ ด้วย สารภาพว่า เบื่อ เลยไม่ได้ละเลียดอะไร)) พอปันบอกอย่างนี้ เลยนึกได้ ... เข้าท่าดีเหมือนกันแฮะ เพราะในเรื่องจะเน้นมากเลย บอกว่า "เจอฟันครบทุกซี่"

อีกอย่าง...เรื่องนี้เลยทำให้มองอีกมุมว่า คนที่เคร่งศาสนาใช้ศาสนาเป็นการหลบหนีจากความเป็นจริงหรือเปล่า

บอกไม่ถูกอะ หลายๆ จุดที่อ่านแล้วไม่อินมากๆ อาจจะเพราะความเชื่อของพี่ไม่ตรงกับความเชื่อในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่ออะนะ แง่


โดย: Clear Ice วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:54:25 น.  

 
เป็นหนังสือที่อ่านช่วงแรกก็เบื่อมากๆ เหมือนกันค่ะ

แต่พออ่านเลยไปร้อยหน้ากว่าๆ ก็สนุกจนวางไม่ลงเลย

เคยรีวิวลงบล็อกด้วยหละ

ชอบการจบมากๆ เจ๋งจริงๆ ด้วย แบบ..เออ..ความจริงบางอย่างมันก็โหดร้ายมากๆ น่ะ

แต่เห็นอย่างหนึ่งนะว่า เป็นเรื่องที่อาจทำให้คนชอบยากเหมือนกันหละ



อ่านของคุณเคียวแล้วเก็ทมากขึ้นอีก เจ๋งกว่าเดิมอีกแฮะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:31:56 น.  

 
ชอบฉากผู้นำศาสนาทั้ง 3 เหมือนกันค่ะ
แต่ตอนนี้ยังอ่านไม่จบ กำลัีงลอยคออยู่ในมหาสมุทรอยู่


โดย: PinGz (Kai-Au ) วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:57:16 น.  

 

ต้นเรื่องช้ามากจริงๆ ไม่ได้ไปอ่านในอเมซอนอย่างคุณไอซ์ แต่ก็กัดฟันอ่านไปเรื่อยๆ คาดหวังว่าจะเจอสักทีตอนที่ควรค่าให้เรียกว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ จนไปเจอตอน 3 ศาสดานั่นล่ะ อีกทีก็ตอนเสือ หลังจากนั้นก็เริ่มดีขึ้นตลอด

แต่ไม่เป็นหนังสือที่จำอะไรในเล่มได้มากเท่าฉากเขมือบม้าลาย


โดย: อั๊งอังอา IP: 124.120.115.90 วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:54:11 น.  

 
ฮา แปลว่าอ่านแล้วรู้สึกคล้ายๆ กันเลยนะคะพี่เต้ย ไก่อู และอั๊งอังอา

ตอนแรกๆ อืดเสียจนเกือบจะอ่านไม่รอดน่ะค่ะ เข้าไปอ่านรีวิวในอเมซอนเป็นกำลังใจว่า มันจะดีจริงเหรอ 555

โดยรวมแล้ว...ไม่ดีอย่างที่หวังอะนะ แหะๆ


โดย: Clear Ice วันที่: 3 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:28:39 น.  

 
ชอบตอนเดียวกันเลยค่ะที่สามผู้นำศาสนามาเจอกัน ฮามาก แต่ส่วนตัวกลับชอบช่วงต้นเรื่องนะคะเพราะอ่านได้เรื่อยๆสนุกดีไม่คิดว่าอืดหรือเยิ่นเย้อเลย แต่คิดว่าไอ้ช่วงหลังเรือแตกไประยะหนึ่งแล้วออกไปทางท้ายเล่มมันเยิ่นเย้ออออมากเลย อยากจะอ่านข้ามก็ไม่ได้ไม่ใช่นิสัย

ที่คุณไอซ์บอกว่าอ่านแล้วไม่ได้ทำให้เชื่อในพระเจ้า ส่วนตัดคิดว่ามันก็ลงมาที่บทจบนะคะ ผู้เขียนน่าจะตั้งใจสื่อว่า คนเราไม่ควรเชื่อแต่สิ่งที่จับต้องและพิสูจน์ได้ สิ่งที่ไม่เคยเห็นจับต้องได้อย่าง ความรักและศาสนา (รวมทั้งพระเจ้าด้วย) ก็ไม่ได้หมายความไม่ได้มีอยู่จริง แนวนี้หรือเปล่าคะ
เคยรีวิวเล่มนี้เหมือนกันแต่นานมากแล้ว รีวิวกลัวสปอยล์มากไม่ได้พูดตอนจบเลย


โดย: TaMaChAN (narumol_tama ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:14:14 น.  

 
ในที่สุดก็อ่านจบแล้วค่ะ แอบคิดคล้ายๆกัันว่า สุดท้ายแล้วส่วนไหนที่มันเกี่ยวกับศาสนา
รวมๆแล้วเนื้อเรื่องแอบสยองตอนชำแหละทั้งหลายแหล่ กับชอบตอนบาทหลวง 3 คน และการเปรียบเทียบสัตว์เป็นคนในตอนสุดท้าย


โดย: PinGz (Kai-Au ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:38:52 น.  

 
ดู Index รายชื่อหนังสืออื่นๆ ที่ไอซ์ได้รีวิวไปแล้วตามลิงก์ข้างล่างค่ะ

- หนังสือภาษาอังกฤษ
Index Bookshelf : English Books

- หนังสือแปล
Index Bookshelf : Translated Books

- หนังสือภาษาไทย
Index Bookshelf : Thai Books


โดย: Clear Ice วันที่: 8 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:49:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Clear Ice
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add Clear Ice's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.