พออ่านเรื่อง The Secret History ที่แสนจะหนาจบ อยากหาอะไรบางๆ มาอ่านบ้าง ก็เลยหยิบเล่ม "ความลับใต้ทะเลสาบ" นี้ขึ้นมา อีกอย่าง...เสาร์หน้าจะไปเทกระเป๋าที่งานหนังสือแล้ว ที่ซื้อมาคราวที่แล้วยังอ่านไม่ถึงไหนเลย แหะๆ เลยต้องทำสปีดหน่อย อิอิแปลกจริงๆ ที่กลายเป็นอ่านเรื่องที่เกิดการฆาตกรรม และตัวเอกมีความจำเป็นที่จะต้องมีส่วนร่วมและช่วยปกปิดทั้งสองเรื่องติดๆ กันเลยแฮะ ^^"เรื่อง : ความลับใต้ทะเลสาบ Lake Side ผู้เขียน : ฮิงาชิโนะ เคโงะ แปลโดย : บัณฑิต ประดิษฐานุวงษ์ เรื่องย่อ นามิกิ ชุนซุเกะ เดินทางมาสมทบกับภรรยา มินาโกะ ที่บ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่งริมทะเลสาบฮิเมงามิ เพื่อพาโชตะ-ลูกชาย มาเข้าคอร์สติวเข้มสอบเข้าโรงเรียนมัธยมเอกชนมีชื่อ พร้อมกับครอบครัวอื่นอีกสามครอบครัว จู่ ๆ เอริโกะ ชู้รักของชุนซุเกะก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยข้ออ้างเรื่องงาน ทั้งที่จริงแล้ว เธอมาสืบเบื้องหลังการจัดกวดวิชาครั้งนี้ ในคืนนั้นเอง เอริโกะถูกฆ่าตาย โดยมินาโกะสารภาพว่าเป็นคนฆ่า แต่แทนที่ครอบครัวอื่นจะแจ้งความ ทุกคนกลับร่วมมือกันอำพรางคดี นำศพไปทิ้งทะเลสาบ จนชุนสุเกะรู้สึกสงสัยว่าต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลัง เขาจึงค่อย ๆ ปะติดปะต่อเรื่องราว จนพบความจริงที่เขาไม่อาจเปิดเผยได้...ขอขอบคุณข้อมูลจาก JBook นะคะ//www.blisspublishing.co.th/mambo/index.php?option=com_content&task=view&id=301&Itemid=43....ตอนแรกจะเขียนเรื่องย่อเอง แต่เห็นว่าของบลิสเขียนเอาไว้ได้ดีมากๆ แล้ว และไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องจนสปอยล์มากเกินไป เลยก๊อปมาดีกว่า อิอิสำหรับเรื่องนี้ อ่านสนุกดีค่ะ เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และกระชับ ผู้เขียนเข้าใจหลอกล่อให้คนอ่านคิดไปทางโน้นทางนี้ ใกล้ความจริงแต่ไม่ตรงเป้าซะทีเดียว อ่านจบแล้วไม่ถึงกับรู้สึกว่า "หักมุม" แต่ก็เพลิดเพลินดีค่ะที่รู้สึกเศร้ามากเวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ก็คือ สังคมญี่ปุ่นที่เด็กๆ ต้องแข่งขัน เคี่ยวเข็ญเพื่อให้ได้เข้าโรงเรียนดีๆ และสิ่งที่พ่อแม่ของแต่ละคนยอมเสียสละและทำลงไป เพื่อจะผลักดันให้ลูกประสบความสำเร็จ ... สังคมที่ผู้ชายมีชู้ หาเศษหาเลยเป็นเรื่องธรรมดาจนกลายเป็นธรรมเนียมปฎิบัติ โดยที่ไม่มีใครประนามหยามเหยียดแต่อย่างใด โลกเรามันเป็นไปได้ถึงขนาดนี้แล้วเหรอ ... เฮ่อ
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [
เราอาจจะเปลี่ยนทั้งโลกไม่ได้ แต่อย่างน้อยถ้าเราสร้างสังคมเล็กๆ รอบตัวให้น่าอยู่ ทุกคนคิดแบบนี้ โลกคงน่าอยู่ขึ้น ความรู้สึกดีคงขยายออกเป็นวงกว้างเหมือนในเรื่อง pay it forward