หนังสือ : Sarah's Keyเขียนโดย : Tatiana De Rosnay สนพ. : St. Martin's Griffin Paperback : 320 หน้าภาษา : อังกฤษรายละเอียดจากปกหลัง :ปารีส เดือนกรกฏาคม 1942... ซาราห์...เด็กสาวอายุ 10 ปี ถูกตำรวจฝรั่งเศสจับตัวไปพร้อมกับพ่อและแม่ระหว่างการตรวจจับชาวยิวทุกบ้านในยามดึก ด้วยความที่ต้องการปกป้องน้องชายของตัวเอง ซาราห์ให้เขาซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าในห้องนอน ซึ่งเป็นสถานที่ซ่อนตัวลับของเธอกับน้องและล็อกกุญแจเอาไว้ และสัญญากับเขาว่าจะกลับมาหาทันทีที่ถูกปล่อยตัวหกสิบปีต่อมา...เรื่องราวของซาราห์เชื่อมโยงกับจูเลีย จาร์มอนด์ (Julia Jarmond) นักข่าวชาวอเมริกันที่ตรวจสอบเรื่องการจับตัวชาวยิว ระหว่างการหาข้อมูล จูเลียได้พบเรื่องราวอันเป็นความลับที่เชื่อมโยงเธอไปถึงซาราห์ และคำถามเกี่ยวกับชีวิตรักของเธอเอง...จากไอซ์ :ไม่รู้ว่าทำไมไอซ์ถึงชอบอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับยิวและนาซีนัก อ่านแล้วก็ห่อเหี่ยวหัวใจ แต่ก็ยังหามาอ่านอยู่เรื่อยๆ ^^"ประวัติศาสตร์ในเรื่องเป็นช่วงเดียวกับเรื่อง Suite Francaise ที่ไอซ์เคยอ่านและรีวิวไปแล้วนะคะเรื่องนี้ดำเนินเรื่องในสองช่วงเวลาขนานกันไปค่ะปัจจุบัน...จูเลียเป็นนักข่าวชาวอเมริกันที่แต่งงานกับคนฝรั่งเศส มีลูกสาวหนึ่งคน เธออาศัยอยู่ในปารีสมายี่สิบกว่าปีล่ะ ((ขอโทษด้วยนะคะที่ต่อไปนี้อาจจะไม่มีชื่อตัวละครคนอื่นๆ เท่าไหร่ อ่านจบนานแล้ว ไอซ์ลืมชื่อหมดแล้วค่ะ ขี้เกียจไปเอาหนังสือมาเปิดค้น แหะๆๆ ^^")) จูเลียได้รับมอบหมายให้ทำข่าวเกี่ยวกับ Vel' d'Hiv' หรือการจับตัวชาวยิวเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มันเป็นประวัติศาสตร์อันแสนอับอายที่ชาวฝรั่งเศสอยากลืม จึงไม่มีการสอนในห้องเรียน เป็นเรื่องที่ถูกปกปิดเสียจนคนทั่วไปแทบไม่รู้เรื่องราวนี้เลย ที่บอกว่าน่าอับอายก็คือ...ชาวยิวในฝรั่งเศสไม่ได้ถูกจับโดยทหารเยอรมันแต่อย่างไร แต่เป็นตำรวจชาวฝรั่งเศสเอง ด้วยความที่เห็นว่าตำรวจฝรั่งเศสเป็นคนจับไป คนทั่วไปจึงคิดว่า ชาวยิวเหล่านี้คงปลอดภัย ไม่ได้มีการต่อต้านขัดขวาง ชาวยิวเองก็คิดว่าตัวเองจะปลอดภัยและได้กลับบ้านเรื่องน่าเศร้าก็คือ ชาวฝรั่งเศสผู้ใหญ่ที่ถูกส่งต่อไปแคมป์ตายเยอะมากๆๆ ค่ะ และเด็กๆ ที่ถูกส่งไปแคมป์กว่าสี่พันคน ตายทั้งหมด เพราะไม่มีการ "คัดเลือก" ใดๆ ทั้งสิ้น T^Tจูเลียสืบๆ ไปก็พบว่า บ้านที่กำลังจะย้ายเข้าไปอยู่ใหม่กับสามีและลูก บ้านที่พี่สาวของพ่อสามีเคยอาศัยอยู่นั้น เคยเป็นบ้านของชาวยิวมาก่อน คือ...ช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามที่ยากลำบาก พอชาวยิวถูกจับไป บ้านของชาวยิวก็ถูกชาวฝรั่งเศสเข้ายึดครองกันทันทีจูเลียจึงพยายามสืบว่าบ้านหลังที่เธอกำลังจะเข้าไปอยู่นั้นเป็นของใคร ... ก็นะ แน่นอนว่าต้องเป็นของซาราห์ ^^"อดีต...เป็นเรื่องที่เกิดสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซาราห์วัย 10 ขวบถูกจับตัวไปพร้อมกับพ่อและแม่ เธอซ่อนตัวน้องชายไว้ในตู้ลับในห้องนอน ล็อกกุญแจและเอาลูกกุญแจไปด้วย เธอคิดว่าน้องชายจะปลอดภัยกว่าที่บ้าน และจะรีบกลับมาเปิดกุญแจปล่อยเขาออกไปเรื่องราวช่วงนี้จะอิงประวัติศาสตร์นิดๆ นะคะ ซาราห์ถูกจับไปเข้าค่าย เพื่อเตรียมส่งตัวไปแคมป์ค่ะ ทั้งสองเหตุการณ์นี้จะดำเนินไปคู่ขนานกันนะคะ เมื่อจูเลียค้นพบข้อมูลอะไรใหม่ๆ เราก็จะได้รู้เรื่องราวที่เกิดกับซาราห์มากขึ้น...ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเลยทีเดียว ผู้เขียนสำนวนดีนะคะ อ่านได้แบบลื่นไหลไปเรื่อยๆ มากๆ ทั้งๆ ที่ตัวอักษรเล็กและถี่ยิบเชียวแต่...แปลกที่อ่านจบแล้วรู้สึกโหวงๆ เรื่องไม่ครบยังไงบอกไม่ถูก ไอซ์คิดว่าส่วนที่เป็นอดีตทำได้ค่อนข้างดีมากๆ จะหงุดหงิดก็แค่ช่วงต้นๆ ที่ผู้เขียนแทนตัวซาราห์ว่า 'the girl' คือ...จะละชื่อไว้ทำไมไม่รู้ ในเมื่อมันก็เฉลยมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า เธอคือซาราห์ มากั๊กๆ เฉลยตอนกลางๆ เพื่อ?ช่วงปัจจุบันผู้เขียนพยายามสอดแทรกชีวิตของจูเลียลงไปด้วย ซึ่งส่วนนี้ไอซ์คิดว่าทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่อะค่ะ มันดูเว้าๆ แหว่งๆ อ่านแล้วไม่รู้สึกคล้อยตามเลย อาจจะรู้สึกไม่ค่อยชอบคาแร็กเตอร์ของจูเลียด้วย รู้สึกว่าเธอน่ารำคาญชอบกล ฮายังไงก็ตาม...โดยรวมแล้ว ไอซ์อ่านเรื่องนี้เร็วและชอบพอสมควรเลยค่ะ สปอยล์ :ในช่วงอดีต ซาราห์ถูกแยกจากพ่อและแม่ เธอหนีออกจากค่ายกักตัวได้ก่อนถูกส่งไปแคมป์ และได้รับการช่วยเหลือจากสามี-ภรรยาคู่หนึ่ง เธอพยายามกลับมาจนถึงปารีสจนได้ แต่พบว่าบ้านของเธอมีเจ้าของใหม่แล้ว ((ซึ่งก็คือปู่ของสามีนางเอกนั่นเอง)) เธอไขกุญแจและพบศพน้องชายตัวเอง ...ช่วงปัจจุบัน จูเลียสืบรู้เรื่องของซาราห์ว่า สามี-ภรรยาที่ช่วยเหลือเธอ รับเธอเข้าเป็นครอบครัว ซาราห์เปลี่ยนไปใช้นามสกุลใหม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ ... พ่อของสามีของเธออยู่ในเหตุการณ์ที่พบศพ และเก็บเป็นความลับของครอบครัวมาตลอด เขารู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น และอยากกล่าวขอโทษซาราห์มาเสมอจูเลียสืบไปสืบมาจนรู้ว่า ซาราห์ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อเมริกา และได้พบกับลูกชายของซาราห์แทน ((เขาไปทำงานที่อิตาลี)) จูเลียเลยเพิ่งรู้ว่า ซาราห์ไม่เคยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับสามีและลูกฟังเลย ลูกชายไม่รู้เลยว่า แม่ของเขาเป็นยิว ตอนแรกเขาไม่ยอมรับ แต่ก็ยอมรับในที่สุดส่วนเรื่องชีวิตส่วนตัวของจูเลีย ... เธอเลิกกับสามี ((เธอขัดแย้งกับสามีเรื่องสืบๆ นี่ แถมยังท้อง และสามีไม่ต้องการลูก)) แล้วบินไปอเมริกาด้วยความรู้สึกอยากพบลูกชายของซาราห์ ... ตอนหลังก็ได้พบกัน เขาเลิกกับภรรยาและย้ายไปอเมริกาเหมือนกัน ...อ่านแล้วรู้สึกว่า ความรู้สึกของจูเลียทะแม่งๆ ใช้ได้เลย เอิ๊ก
สปอยล์ :ในช่วงอดีต ซาราห์ถูกแยกจากพ่อและแม่ เธอหนีออกจากค่ายกักตัวได้ก่อนถูกส่งไปแคมป์ และได้รับการช่วยเหลือจากสามี-ภรรยาคู่หนึ่ง เธอพยายามกลับมาจนถึงปารีสจนได้ แต่พบว่าบ้านของเธอมีเจ้าของใหม่แล้ว ((ซึ่งก็คือปู่ของสามีนางเอกนั่นเอง)) เธอไขกุญแจและพบศพน้องชายตัวเอง ...ช่วงปัจจุบัน จูเลียสืบรู้เรื่องของซาราห์ว่า สามี-ภรรยาที่ช่วยเหลือเธอ รับเธอเข้าเป็นครอบครัว ซาราห์เปลี่ยนไปใช้นามสกุลใหม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ ... พ่อของสามีของเธออยู่ในเหตุการณ์ที่พบศพ และเก็บเป็นความลับของครอบครัวมาตลอด เขารู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น และอยากกล่าวขอโทษซาราห์มาเสมอจูเลียสืบไปสืบมาจนรู้ว่า ซาราห์ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อเมริกา และได้พบกับลูกชายของซาราห์แทน ((เขาไปทำงานที่อิตาลี)) จูเลียเลยเพิ่งรู้ว่า ซาราห์ไม่เคยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับสามีและลูกฟังเลย ลูกชายไม่รู้เลยว่า แม่ของเขาเป็นยิว ตอนแรกเขาไม่ยอมรับ แต่ก็ยอมรับในที่สุดส่วนเรื่องชีวิตส่วนตัวของจูเลีย ... เธอเลิกกับสามี ((เธอขัดแย้งกับสามีเรื่องสืบๆ นี่ แถมยังท้อง และสามีไม่ต้องการลูก)) แล้วบินไปอเมริกาด้วยความรู้สึกอยากพบลูกชายของซาราห์ ... ตอนหลังก็ได้พบกัน เขาเลิกกับภรรยาและย้ายไปอเมริกาเหมือนกัน ...อ่านแล้วรู้สึกว่า ความรู้สึกของจูเลียทะแม่งๆ ใช้ได้เลย เอิ๊ก
เพราะกำลังสงสัยว่าแล้วน้องชายที่อยู่ในตู้จะเป็นยังไง
ตายหรือรอดน่ะ ถ้าเป็นเรื่องจริงนี่ยิ่งน่าสงสารใหญ่เลย