เรื่อง : ความสุขของกะทิ เขียนโดย : งามพรรณ เวชชาชีวะรางวัลซีไรท์ ปี 2549 ประเภทหนังสือนวนิยาย"ความสุขของกะทิ" วรรณกรรมไทยที่ได้รับการแปลแล้ว 4 ภาษา ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ ญี่ปุ่น ผู้อ่านจากหลากหลายประเทศได้รับอรรถรสมาแล้วไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาของเรื่องที่ลึกซึ้งกินใจ ภาษาที่สละสลวย บรรยากาศที่ดูงดงามน่าอยู่ จนวรรณกรรมเรื่องนี้ฝ่าวงล้อมของวรรณกรรมแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยการตัดฉากฉับไว การต่อสู้ และเวทมนตร์คาถามาได้อย่างสง่าผ่าเผย * ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก เว็บไซต์ของร้านนายอินทร์ ค่ะ...ความสุขของกะทิเป็นเรื่องราวของ "กะทิ" เด็กสาวอายุสิบขวบที่อาศัยอยู่กับตาและยายที่บ้านริมคลอง ใช้ชีวิตเรียบง่าย สงบสุขแต่ลึกๆ แล้วกะทิรู้สึกเหงา เพราะคิดถึงแม่ผู้เขียนพาผู้อ่านติดตามชีวิตของกะทิ ไขความลับเกียวกับแม่และพ่อของเธอพร้อมกับบทสรุปถึง "ความสุข" ของเด็กสาวตัวเล็กๆ คนนี้..."ความสุขของกะทิ" เป็นหนังสือเล่มบางๆ ที่ใช้ภาษาได้เรียบง่าย สวยงาม ใช้คำน้อยแต่เห็นภาพได้ชัดเจนดีค่ะ ถึงบางครั้งไอซ์จะรู้สึกว่า บางช่วงผู้เขียนใช้คำและความคิดเกินอายุเด็กสิบขวบไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ทำให้สะดุดมากชอบกลยุทธ์ในการบอกเล่า ด้วยการขึ้นบทใหม่แต่ละครั้งด้วยประโยคที่คล้ายกับเป็นความในใจของกะทิ ซึ่ง...ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบทนั้นเลย แต่บ่งบอกให้ผู้อ่านรู้ได้ว่า "กะทิ" รู้สึกอย่างไรในขณะที่ชีวิตดำเนินไปอยู่นั้นนอกจากนั้นยังมีการ "เว้นช่องว่าง" ระหว่างเรื่องค่อนข้างเยอะ ผู้เขียนไม่ได้บอกรายเลียดของเหตุการณ์ทุกอย่าง แต่ให้คนอ่านไปจินตนาการเติมเองว่า มันเกิดอะไรขึ้นในช่องว่างนั้น ((ซึ่งกลยุทธ์นี้นักเขียนต่างประเทศใช้บ่อยนะ แต่นักอ่านไทยบางส่วนรับไม่ได้ ชอบให้นักเขียนบอกหมด เวลาไอซ์เขียนเรื่องแนวที่ทิ้งช่องว่างไว้ให้ไปคิดต่อเองเมื่อไหร่ เป็นโดนนักอ่านบ่นกระปอดกระแปดเมื่อนั้น ^^"))เล่มนี้เป็นหนังสือรางวัลซีไรท์ที่ไอซ์ว่าอ่านง่ายมากค่ะ ไม่ต้องปีนกระไดอ่าน และให้ข้อคิดดีๆ กลับไปได้ด้วยแนะนำนะคะ ^^....ต่อไปจะสปอยล์ล่ะค่ะ"ความสุขของกะทิ" แบ่งการเล่าเรื่องราวออกเป็น 3 ช่วง- บ้านริมคลองช่วงแรกนี้เป็นการบอกเล่าถึงความเป็นอยู่ของกะทิ ที่อาศัยอยู่กับตาและยายในบ้านริมคลอง มีชีวิตที่เรียบง่าย มีความสุข มี "พี่ทอง" เป็นเพื่อนสนิท แต่กะทิก็ยังมีคำถามอยู่ในใจ คำถามเกี่ยวกับ "แม่"- บ้านชายทะเลเฉลยเกี่ยวกับ "แม่" ของกะทิ ซึ่งป่วยเป็นโรค ALS ((กล้ามเนื้อเสื่อม)) จนต้องไปรักษาตัว แม่ของกะทิจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แม่เล่าให้กะทิฟังถึงเหตุผลที่ต้องแยกจากกะทิ แม่ได้ใช้ช่วงเวลาสุดท้ายกับกะทิตอนนี้พี่ทองโกอินเตอร์ไปอเมริกากับหลวงลุง เล็งๆ หาที่เรียนในอนาคต- บ้านกลางเมืองบอกเล่าเกี่ยวกับ "พ่อ" ของกะทิ ซึ่งในสองช่วงแรกไม่อยู่ใน picture เลย แม่กับพ่อ ((คนพม่า)) พบกันที่อังกฤษ แต่งงานกันในต่างประเทศและแยกทางกัน แม่ให้กะทิตัดสินใจเองว่า จะส่งจดหมายหาพ่อหรือไม่ ถ้าส่งจดหมายไปก็จะได้พบกันกะทิตัดสินใจในช่วงสุดท้ายว่า จะไม่ส่งจดหมายให้พ่อ แต่ส่งจดหมายให้พี่ทองแทนโดยที่คนอื่นไม่รู้กะทิตัดสินใจแล้วว่า "ความสุข" ของเธอคือการมองไปข้างหน้า ทิ้งอดีตให้เป็นแค่เงา....ที่บอกข้างบนว่า นักเขียน "เว้นช่องว่าง" เอาไว้ ยกตัวอย่างเช่น ในเรื่องไม่ได้บอกนะคะว่า แม่กับพ่อของกะทิเลิกกันเพราะอะไร เป็นต้น....ทั้งเรื่องบอกเล่าเรื่องราวของกะทิ ภาพของกะทิที่คนอ่านได้เห็นก็คือ เด็กที่อยู่ท่ามกลางความอบอุ่น ครอบครัวที่เพียบพร้อม ตากับยายเคยดำรงตำแหน่งใหญ่โต แม่ก็จบจากต่างประเทศ ครอบครัวมีกินมีใช้กะทิไม่ได้มีความลำบากอะไรเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า กะทิหรือคนที่ดูว่า "มีทุกอย่างเพียบพร้อม" จะไม่มีความทุกข์ แต่...ทุกคนหาความสุขให้ตัวเองได้ในแบบที่แตกต่างกันหนังสือเล่มนี้ได้ถูกดัดแปลงไปเป็นภาพยนตร์ด้วยตอนหนังเรื่องนี้ฉายใหม่ๆ ก็ไม่ได้ดู อ่านหนังสือจบแล้ว ... ชอบหนังสือนะคะ แต่ก็ไม่รู้สึกอยากดูหนังเลยอะค่ะ คิดว่าหนังสือเล่มนี้ "อิ่ม" อยู่ในตัวของมันแล้วอะนะ ^^"
"ความสุขของกะทิ" แบ่งการเล่าเรื่องราวออกเป็น 3 ช่วง- บ้านริมคลองช่วงแรกนี้เป็นการบอกเล่าถึงความเป็นอยู่ของกะทิ ที่อาศัยอยู่กับตาและยายในบ้านริมคลอง มีชีวิตที่เรียบง่าย มีความสุข มี "พี่ทอง" เป็นเพื่อนสนิท แต่กะทิก็ยังมีคำถามอยู่ในใจ คำถามเกี่ยวกับ "แม่"- บ้านชายทะเลเฉลยเกี่ยวกับ "แม่" ของกะทิ ซึ่งป่วยเป็นโรค ALS ((กล้ามเนื้อเสื่อม)) จนต้องไปรักษาตัว แม่ของกะทิจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แม่เล่าให้กะทิฟังถึงเหตุผลที่ต้องแยกจากกะทิ แม่ได้ใช้ช่วงเวลาสุดท้ายกับกะทิตอนนี้พี่ทองโกอินเตอร์ไปอเมริกากับหลวงลุง เล็งๆ หาที่เรียนในอนาคต- บ้านกลางเมืองบอกเล่าเกี่ยวกับ "พ่อ" ของกะทิ ซึ่งในสองช่วงแรกไม่อยู่ใน picture เลย แม่กับพ่อ ((คนพม่า)) พบกันที่อังกฤษ แต่งงานกันในต่างประเทศและแยกทางกัน แม่ให้กะทิตัดสินใจเองว่า จะส่งจดหมายหาพ่อหรือไม่ ถ้าส่งจดหมายไปก็จะได้พบกันกะทิตัดสินใจในช่วงสุดท้ายว่า จะไม่ส่งจดหมายให้พ่อ แต่ส่งจดหมายให้พี่ทองแทนโดยที่คนอื่นไม่รู้กะทิตัดสินใจแล้วว่า "ความสุข" ของเธอคือการมองไปข้างหน้า ทิ้งอดีตให้เป็นแค่เงา....ที่บอกข้างบนว่า นักเขียน "เว้นช่องว่าง" เอาไว้ ยกตัวอย่างเช่น ในเรื่องไม่ได้บอกนะคะว่า แม่กับพ่อของกะทิเลิกกันเพราะอะไร เป็นต้น....ทั้งเรื่องบอกเล่าเรื่องราวของกะทิ ภาพของกะทิที่คนอ่านได้เห็นก็คือ เด็กที่อยู่ท่ามกลางความอบอุ่น ครอบครัวที่เพียบพร้อม ตากับยายเคยดำรงตำแหน่งใหญ่โต แม่ก็จบจากต่างประเทศ ครอบครัวมีกินมีใช้กะทิไม่ได้มีความลำบากอะไรเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า กะทิหรือคนที่ดูว่า "มีทุกอย่างเพียบพร้อม" จะไม่มีความทุกข์ แต่...ทุกคนหาความสุขให้ตัวเองได้ในแบบที่แตกต่างกัน