ความสุขของกะทิ : ไม่มีใครไม่ต้องเจอกับ "ความทุกข์" แต่ทุกคนหา "ความสุข" ให้ตัวเองได้
รีวิวหนังสือที่อ่านตามเกม RRR หรือ Rainy Read Rally ต่อ ... ใครที่สงสัยว่ามันคืออะไรคลิกที่ลิงก์ข้างล่างได้เลยค่ะ
- กระทู้เปิดตัว
- กระทู้ปัจจุบัน ((ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.))
เล่มนี้อ่านตามโจทย์
20-3. [ยาคูลท์] อ่านหนังสือที่ได้รางวัลซีไรต์ 3 เล่ม โดยสามเล่มนี้ต้องได้รางวัลห่างกันอย่างน้อยสองปี (ตอนโพสต์แจ้ง ช่วยบอกปีที่ได้รางวัลด้วย)
แต่ยังไม่ได้คะแนนค่ะ ต้องอ่านอีกสองเล่ม ^^"
((ความจริงเริ่มอ่าน "ประชาธิปไตยบนเส้นขนานก่อน" แต่ไปๆ มาๆ ก็อ่านเรื่องนี้จบก่อนซะนี่))
เรื่อง : ความสุขของกะทิ เขียนโดย : งามพรรณ เวชชาชีวะ
รางวัลซีไรท์ ปี 2549 ประเภทหนังสือนวนิยาย
"ความสุขของกะทิ" วรรณกรรมไทยที่ได้รับการแปลแล้ว 4 ภาษา ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ ญี่ปุ่น ผู้อ่านจากหลากหลายประเทศได้รับอรรถรสมาแล้วไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาของเรื่องที่ลึกซึ้งกินใจ ภาษาที่สละสลวย บรรยากาศที่ดูงดงามน่าอยู่ จนวรรณกรรมเรื่องนี้ฝ่าวงล้อมของวรรณกรรมแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยการตัดฉากฉับไว การต่อสู้ และเวทมนตร์คาถามาได้อย่างสง่าผ่าเผย
* ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก เว็บไซต์ของร้านนายอินทร์ ค่ะ
...
ความสุขของกะทิเป็นเรื่องราวของ "กะทิ" เด็กสาวอายุสิบขวบที่อาศัยอยู่กับตาและยายที่บ้านริมคลอง ใช้ชีวิตเรียบง่าย สงบสุข
แต่ลึกๆ แล้วกะทิรู้สึกเหงา เพราะคิดถึงแม่
ผู้เขียนพาผู้อ่านติดตามชีวิตของกะทิ ไขความลับเกียวกับแม่และพ่อของเธอ
พร้อมกับบทสรุปถึง "ความสุข" ของเด็กสาวตัวเล็กๆ คนนี้
...
"ความสุขของกะทิ" เป็นหนังสือเล่มบางๆ ที่ใช้ภาษาได้เรียบง่าย สวยงาม ใช้คำน้อยแต่เห็นภาพได้ชัดเจนดีค่ะ ถึงบางครั้งไอซ์จะรู้สึกว่า บางช่วงผู้เขียนใช้คำและความคิดเกินอายุเด็กสิบขวบไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ทำให้สะดุดมาก
ชอบกลยุทธ์ในการบอกเล่า ด้วยการขึ้นบทใหม่แต่ละครั้งด้วยประโยคที่คล้ายกับเป็นความในใจของกะทิ ซึ่ง...ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบทนั้นเลย แต่บ่งบอกให้ผู้อ่านรู้ได้ว่า "กะทิ" รู้สึกอย่างไรในขณะที่ชีวิตดำเนินไปอยู่นั้น
นอกจากนั้นยังมีการ "เว้นช่องว่าง" ระหว่างเรื่องค่อนข้างเยอะ ผู้เขียนไม่ได้บอกรายเลียดของเหตุการณ์ทุกอย่าง แต่ให้คนอ่านไปจินตนาการเติมเองว่า มันเกิดอะไรขึ้นในช่องว่างนั้น ((ซึ่งกลยุทธ์นี้นักเขียนต่างประเทศใช้บ่อยนะ แต่นักอ่านไทยบางส่วนรับไม่ได้ ชอบให้นักเขียนบอกหมด เวลาไอซ์เขียนเรื่องแนวที่ทิ้งช่องว่างไว้ให้ไปคิดต่อเองเมื่อไหร่ เป็นโดนนักอ่านบ่นกระปอดกระแปดเมื่อนั้น ^^"))
เล่มนี้เป็นหนังสือรางวัลซีไรท์ที่ไอซ์ว่าอ่านง่ายมากค่ะ ไม่ต้องปีนกระไดอ่าน และให้ข้อคิดดีๆ กลับไปได้ด้วย
แนะนำนะคะ ^^
....
ต่อไปจะสปอยล์ล่ะค่ะ
"ความสุขของกะทิ" แบ่งการเล่าเรื่องราวออกเป็น 3 ช่วง
- บ้านริมคลอง
ช่วงแรกนี้เป็นการบอกเล่าถึงความเป็นอยู่ของกะทิ ที่อาศัยอยู่กับตาและยายในบ้านริมคลอง มีชีวิตที่เรียบง่าย มีความสุข มี "พี่ทอง" เป็นเพื่อนสนิท แต่กะทิก็ยังมีคำถามอยู่ในใจ คำถามเกี่ยวกับ "แม่"
- บ้านชายทะเล
เฉลยเกี่ยวกับ "แม่" ของกะทิ ซึ่งป่วยเป็นโรค ALS ((กล้ามเนื้อเสื่อม)) จนต้องไปรักษาตัว แม่ของกะทิจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แม่เล่าให้กะทิฟังถึงเหตุผลที่ต้องแยกจากกะทิ แม่ได้ใช้ช่วงเวลาสุดท้ายกับกะทิ
ตอนนี้พี่ทองโกอินเตอร์ไปอเมริกากับหลวงลุง เล็งๆ หาที่เรียนในอนาคต
- บ้านกลางเมือง
บอกเล่าเกี่ยวกับ "พ่อ" ของกะทิ ซึ่งในสองช่วงแรกไม่อยู่ใน picture เลย แม่กับพ่อ ((คนพม่า)) พบกันที่อังกฤษ แต่งงานกันในต่างประเทศและแยกทางกัน
แม่ให้กะทิตัดสินใจเองว่า จะส่งจดหมายหาพ่อหรือไม่ ถ้าส่งจดหมายไปก็จะได้พบกัน
กะทิตัดสินใจในช่วงสุดท้ายว่า จะไม่ส่งจดหมายให้พ่อ แต่ส่งจดหมายให้พี่ทองแทนโดยที่คนอื่นไม่รู้
กะทิตัดสินใจแล้วว่า "ความสุข" ของเธอคือการมองไปข้างหน้า ทิ้งอดีตให้เป็นแค่เงา
....
ที่บอกข้างบนว่า นักเขียน "เว้นช่องว่าง" เอาไว้ ยกตัวอย่างเช่น ในเรื่องไม่ได้บอกนะคะว่า แม่กับพ่อของกะทิเลิกกันเพราะอะไร เป็นต้น
....
ทั้งเรื่องบอกเล่าเรื่องราวของกะทิ ภาพของกะทิที่คนอ่านได้เห็นก็คือ เด็กที่อยู่ท่ามกลางความอบอุ่น ครอบครัวที่เพียบพร้อม ตากับยายเคยดำรงตำแหน่งใหญ่โต แม่ก็จบจากต่างประเทศ ครอบครัวมีกินมีใช้
กะทิไม่ได้มีความลำบากอะไรเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า กะทิหรือคนที่ดูว่า "มีทุกอย่างเพียบพร้อม" จะไม่มีความทุกข์ แต่...ทุกคนหาความสุขให้ตัวเองได้ในแบบที่แตกต่างกัน
หนังสือเล่มนี้ได้ถูกดัดแปลงไปเป็นภาพยนตร์ด้วย
ตอนหนังเรื่องนี้ฉายใหม่ๆ ก็ไม่ได้ดู อ่านหนังสือจบแล้ว ... ชอบหนังสือนะคะ แต่ก็ไม่รู้สึกอยากดูหนังเลยอะค่ะ คิดว่าหนังสือเล่มนี้ "อิ่ม" อยู่ในตัวของมันแล้วอะนะ ^^"
Create Date : 22 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 22 กรกฎาคม 2552 9:41:39 น. |
|
9 comments
|
Counter : 7586 Pageviews. |
|
|
|