<<
มกราคม 2564
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
21 มกราคม 2564

:: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ – โปรดโอบกอดมนุษย์ลูก ::


:: โปรดโอบกอดมนุษย์ลูก ::

เขียน : วีรพร นิติประภา










ผมไม่ค่อยอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงลูก
เพราะไม่เชื่อในวิธีเลี้ยงดูลูกว่าเลี้ยงแบบเดียวกันแล้วจะได้ผลเหมือนกัน
เด็กแต่ละคนมีธรรมชาติซึ่งแตกต่างกัน
ความแตกต่างนั่นแหละ คือ ความสวยงามของการเติบโต

ผมค่อย ๆ สร้างรูปแบบการเลี้ยงดูลูกของตัวเอง
ผ่านการเรียนรู้ถูกผิด ผ่านการลองถูกลองผิด
แม้บางครั้งอาจมีคนไม่เห็นด้วยกับวิธีการเลี้ยงลูกของผม
ผมก็ไม่เคยสนใจ ผมเชื่อในแนวทางที่เลือก
เชื่อในวิธีการเติบโตท่ามกลางความสุข
และผมไม่เคยสนใจเลยว่าลูกจะต้องเป็นเด็กเก่งที่สุด
เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย เป็นเด็กมากความสามารถ
เป็นเด็กอัจฉริยะ หรือ จะสู้ใครได้หรือไม่ได้

ผมสนใจแค่ทำยังไงให้ลูกมีความสุขในการเล่น
มีความสุขในการเรียนรู้และสนใจสิ่งต่าง ๆ ที่เขาชอบ
มีอิสระในการคิดและตัดสินใจเรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง
ยิ่งเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น วิธีคุย วิธีคิด กับลูกยิ่งเปลี่ยนไป
ยิ่งต้องอาศัยความเข้าใจมากขึ้น การพูดคุยมากขึ้น
ปล่อยให้ลูกได้อยู่กับพื้นที่ส่วนตัวและมีเวลาอยู่กับตัวเขาเองมากขึ้น


ผมไม่ได้โอบกอดลูกมานานแล้ว
ไม่ใช่รักเขาน้อยลง แต่ลูกรู้ดีว่าความรักแสดงออกได้หลายรูปแบบ
วิธีของพ่อก็เป็นแบบของพ่อ วิธีแสดงความรักของแม่ก็เป็นแบบของแม่

เหตุผลเดียวที่ผมซื้อหนังสือ “โปรดโอบกอดมนุษย์ลูก”
คือ นักเขียนชื่อ “วีรพร นิติประภา” เจ้าของรางวัลซีไรต์สองสมัย
ผมติดตามอ่านงานเขียนของพี่แหม่มมาทั้งสามเล่ม
ประทับใจในสำนวนภาษา และ เทคนิคการเขียน
ทั้งสองเล่มซึ่งได้รับรางวัลซีไรต์ เป็นนิยาย
แต่เล่มนี้เป็นเหมือนหนังสือแนวคิดในการเลี้ยงลูก

“แนวคิด” ไม่ใช่ “วิธี" เลี้ยงลูก
หนังสือเล่มนี้จึงไม่ได้บอกสอนวิธีเลี้ยงลูกเพื่อให้ลูกเป็นดั่งใจพ่อแม่
แต่หนังสือเล่มนี้กำลังชี้ชวนว่าควรเลี้ยงลูกยังไงให้เขามีความสุข
และเติบขึ้นมาเป็นคนเต็มคน
ไม่ต้องทนทุกข์ผ่านวิธีการเลี้ยงดูซึ่งเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ไม่ต้องเจ็บปวดท่ามกลางความรักที่เรียกร้อง
และความกดดันอันเกิดจากการเรียนรู้ซึ่งปราศจากความสุข

ผมอ่านไปเรื่อย ๆ จนจบเล่ม
เห็นด้วยกับพี่แหม่มในหลายเรื่อง ชอบใจในหลายประโยค
อดคิดไม่ได้ว่าผมก็เลี้ยงลูกมาในแนวทางนี้โดยตลอด


ผมไม่เคยถามลูกว่ามีความสุขไหม ?
ไม่เคยถามว่ารักพ่อกับแม่ไหม ?
ไม่เคยบอกว่าเรียนอันนี้สิ ขอบสิ่งนี้สิ
อยากทำอะไรทำ อยากเป็นอะไรเป็น
ชีวิตเป็นของลูก เขาควรได้ตัดสินใจเลือก
และอยู่กับสิ่งที่ตัวเองเลือก

เวลาอยากดูว่าเด็กคนไหนมีความสุขหรือไม่
ผมชอบดูที่แววตาเด็ก แววตาจะบอกทุกสิ่งทุกอย่าง
อยากรู้ว่าลูกรักพ่อหรือแม่หรือไม่
ให้ดูว่าเขาอยากเดินมาหา อยากเดินมาคุยกับคุณหรือเปล่า
พ่อแม่ถาม ลูกตอบ นั่นเรียกว่า “พูด”
“คุย” คือ เขาอยากเดินมาเล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ฟัง
ลูกมีปัญหาอะไรเขาอยากระบายให้พ่อแม่ฟัง
“การพูดคุย” จะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีความรัก ความเข้าใจ มีความไว้ใจ

และความรัก ความเข้าใจ ความไว้ใจ
จะเกิดขึ้นท่ามกลางความสุข
ไม่ใช่ความสุขเพราะเด็กคนนั้นรวย เรียนเก่ง มากความสามารถ
ได้เรียนโรงเรียนหรู หรือ ใช้ของแพง ๆ
แต่ความสุขนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กคนนั้นได้เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความอบอุ่น
ได้คิด ได้ทำ ได้ตัดสินใจ ได้รับผิดชอบชีวิตตัวเอง
อย่างที่เด็กคนหนึ่งพึงทำได้และควรทำ

ลูกควรรับรู้ได้ว่า
หากเมื่อใดเจ็บปวด ผิดหวัง ล้มเหลว
ไม่ว่าเรื่องใดในชีวิต
พ่อกับแม่ยังอยู่เคียงข้างอย่างเข้าใจเสมอ
รักลูกโดยไม่ต้องมีเหตุผลใดมากกว่ารัก
เพราะลูกเกิดจากความรักและการให้อิสรภาพในการเติบโต
อย่างที่เขาต้องการจริง ๆ
ไม่ง่ายหรอกครับ ที่จะหาจุดที่พอดีที่สุดในการเลี้ยงลูก
แต่ละบ้านมีความคิด ความเชื่อไม่เหมือนกันในวิธีเลี้ยงดู
มีความคาดหวัง มีการผลักดันในการเรียนรู้ที่ไม่เหมือนกัน
ไม่มีวิธีใดที่ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด ได้ผลที่สุด
เพราะเด็กทุกคนแตกต่างกัน เขาไม่จำเป็นต้องถูกผลิตซ้ำมาเพื่อให้เหมือนกัน
ไม่จำเป็นต้องถูกส่งลงสนามแข่งขันอย่างกดดันและคลั่งบ้าเพราะกลัวแพ้ กลัวสู้คนอื่นไมได้
ในความแตกต่างมีความงดงาม ในความงดงามมีการเติบโต
ไม้ต่างสีต่างพันธุ์จะเติบโตไปตามรูปแบบของตัวเอง
ลูกก็เช่นกัน --- เขาควรมีโอกาสได้เติบโตอย่างที่ตนเองต้องการ
ไม่ใช่เติบโตด้วยคำบงการ
ควรเติบโตด้วยความสุข ไม่ใช่ความกดดันและความทุกข์


บางที...ลูกก็เหมือนกระจกเงาบานใหญ่
ที่กำลังสะท้อนความเป็นพ่อเป็นแม่ออกมา

เราเป็นอย่างไร ลูกก็เป็นอย่างนั้น
ลูกเป็นอย่างไร บางทีก็สะท้อนวิธีการเลี้ยงดูที่ผ่านมาของเรา

พ่อแม่ที่หลงลืมการโอบกอดตัวเอง หรือกอดตัวเองไม่เป็น
ก็ยากจริง ๆ ที่จะโอบกอดลูกด้วยความรักและความเข้าใจ
































 

Create Date : 21 มกราคม 2564
33 comments
Last Update : 17 กรกฎาคม 2565 6:59:44 น.
Counter : 703 Pageviews.

 

การโอบกอดจากแม่สู่ลูก หรือลูกสู่แม่เป็นความสัมผัสที่สื่อแสดงความรักและสายใยต่อกัน มันมีความรู้สึกลึกๆที่อธิบายไม่ถูกค่ะ

 

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ 21 มกราคม 2564 7:02:03 น.  

 

พ่อก๋าอ่านเสียบ้างหละดีแล้ว 55

 

โดย: หอมกร 21 มกราคม 2564 7:13:42 น.  

 

บางที...ลูกก็เหมือนกระจกเงาบานใหญ่
ที่กำลังสะท้อนความเป็นพ่อเป็นแม่ออกมา

เราเป็นอย่างไร ลูกก็เป็นอย่างนั้น
ลูกเป็นอย่างไร บางทีก็สะท้อนวิธีการเลี้ยงดูที่ผ่านมาของเรา

เห็นด้วยเลยค่ะ

ไม่เคยคาดหวังว่าลูกต้องเรียนเก่งที่สุดในชั้น
แต่หวังให้ลูกเข้าใจในสิ่งที่เรียน และเอาตัวรอดในสังคมยุคนี้ได้ ไม่เป็นภาระสังคม ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

ไม่เคยคาดหวังว่าลูกต้่องเข้าโรงเรียนดีๆ มหาลัยฯ ชื่อดัง มีอาชีพการงานโดดเด่น
แต่หวังให้ลูกรู้ตัวเองว่า กำลังทำอะไร ชอบอะไร และทำในสิ่งที่ชอบ เพราะคิดว่า ถ้าได้ทำในส่ิงที่ชอบ ชีวิตก็จะมีความสุข ทำงานอย่างมีความสุข

จัดว่าเป็นคนที่เลี้ยงลูกแปลกกว่าคนอื่นๆ คนนึงเหมือนกันค่ะ 555+

 

โดย: Love Memoirist (blue_medsai ) 21 มกราคม 2564 7:38:46 น.  

 

จริงค่ะเราเป็นอย่างไร ลูกก็เป็นแบบนั้น แต่มนุษย์แม่จะบอกว่าไม่คาดหวังเลยก็แลดูจะโกหกตัวเองไปหน่อย 555 สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดที่จะคอยสอนเค้าเสมอๆคือความรับผิดชอบที่ต้องมี แต่ทุกวันนี้ขนาดโตจนจะเป็นสาวแล้วเค้าก็ยังมาอ้อน มาขอกอดหน่อยๆแค่นี้มนุษย์แม่อย่างเราก็สุขใจ

 

โดย: zungzaa 21 มกราคม 2564 8:06:51 น.  

 

สมัยนี้ พ่อแม่เลี้ยงลุกด้วยมือถือ
แถมมือถือรุ่นใหม่ 5 G
แสดงการสัมผัสลูกได้อีก

กรรม เลย
ไม่มีการสัมผัสโอบกอดอย่างแท้จริง

 

โดย: เริงฤดีนะ 21 มกราคม 2564 8:26:37 น.  

 

สวัสดีครับ

ทักทายยามเช้าก่อนทำงานครับ
เป็นหนังสือที่ดูอบอุ่นน่าอ่านมากครับ

 

โดย: Sleepless Sea 21 มกราคม 2564 8:30:26 น.  

 

การเลี้ยงลูก... ผมคงคุยไม่ได้ เพราะช่วงที่ลูกสองคนยังเล็ก
และเริ่มวัยรุ่น ผมมัวแต่ทำงาน ๆ แล้วก็ทำงาน เพราะเป็นช่วง
ที่ทำเงินได้ดี

ระยะหลังมานี้ก็เสียดายที่ไม่ได้ อยู่ใกล้ชิดลูกมากนัก ที่ผ่าน
มา ได้แต่ทำตัวให้ลูกดูว่า เราต้องทำงาน ต้องเข้มแข็ง ต้องต่อสู้ด้วยตนเอง (และขอให้คุณยายอย่าดูแลหลานมากนัก อย่าขู่
ให้เด็กกลัวอะไร)

ถ้ามีหนังสือแบบข้างบน คนอ่านที่กำลังมีลูกคงจะนำแนวคิด
มาปรับให้เหมาะสม ดีเหมือนกันครับคุณก๋า

เด็ก ๆ โตมาจะได้ไม่ก้าวร้าวชี้หน้าด่าคนอื่น 555 บ่อย

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 21 มกราคม 2564 8:34:16 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณก๋า
สดใสยามเช้าเลยนะคะ เหมือนปกหนังสือเล่มนี้
เห็นปุ๊บ...ชอบเลยค่ะ น่ารักสดใสจัง
ชอบหมดเลยทุกต.ย.ที่ยกมาค่ะ

"...ไม่มีวิธีใดที่ดีที่สุด ...
...ให้เขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนเต็มคน "


ขอบคุณค่ะ...

 

โดย: Tui Laksi 21 มกราคม 2564 9:44:46 น.  

 

พี่เลี้ยงลูกด้วยความคาดหวังมาตลอด
แต่ดำเนินไปเงียบๆ ปูแนวทางให้ตลอด
ไม่เคยสั่งหรือกำชับให้ต้องทำตาม
ถ้าลูกไม่เห็นด้วยก็มีสิทะิ์ไม่ทำตาม
โชคดีที่พี่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้

เมื่อลูกอายุประมาณ 30 พี่ถามลูกทั้งสองว่า
ถ้ามีโอกาสกลับไปตั้งต้นชีวิตใหม่
ลูกจะเดินถนนสายของแม่นี้ไหม
คำตอบคือ เดิน

แต่การปูทางนี่แหละที่ยากมาก
เพราะต้องทำให้ลูกพอใจและเดินสบายด้วย
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ขอแสดงความยินดีกับสายสะพายของคุณก๋าอีกครั้งนะคะ
กระแส BG Pop Award นี่แรงมาก
บล็อกขอบคุณของพี่ได้ 96 ไลค์ชั่วข้ามคืน
เขียนบล็อกมาจะ 12 ปีแล้ว เพิ่งจะได้มากขนาดนี้นี่แหละ
ไอ้ที่กระเสาะกระแสะมาเป็นปีแล้วเลยพอจะมีแรงปั่นต่อไป

 

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า 21 มกราคม 2564 10:19:11 น.  

 

เซียนกระบี่ลุ่มแม่น้ำวัง

กอด ใครคิดว่าไม่สำคัญ ...

 

โดย: เซียนกระบี่ลุ่มแม่น้ำวัง 21 มกราคม 2564 10:39:40 น.  

 

ลูกเป็นบททดสอบความเป็นพ่อแม่เลยล่ะค่ะ
การเลี้ยงลูกให้เติบโตมีคุณภาพ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
การแสดงความรัก การโอบกอด เมื่อเด็ก ๆ ก็ทำได้นะคะ
แต่พอโตแล้วก็ไม่ค่อยยอมให้กอดแล้วค่ะ

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 21 มกราคม 2564 11:04:00 น.  

 

กลับบ้านมี้จะกอดลูก ก่อนนอนก็คุยกัน...

ช่วงนี้ซีเรียนหนักค่ะ แบกความคาดหวังเอาไว้ แต่ถ้าผิดหวังก็คิดว่าเค้าจะอยู่ได้ค่ะ

เป็นเรื่องจริงที่พ่อแม่ที่เป็นลูกจ้างเงินเดือนน้อย ไม่มีสมบัติกิจการใดๆ ให้ลูกได้สานต่อ การศึกษาเป็นสิ่งเดียวที่พ่อแม่จะมอบให้ได้ในตอนนี้

 

โดย: kae+aoe 21 มกราคม 2564 11:15:36 น.  

 

หายากมากเลยนะครับ พ่อแม่แบบคุณก๋า ส่วนใหญ่ที่ อ.เต๊ะ เจอมา
มักจะคาดหวัง อยากให้ลูกเป็นอย่างตัวเอง พ่อแม่เป็นหมอ ก็อยากให้ลูกเป็นหมอ ไม่ค่อยมีใครสนใจ ว่าลูกอยากจะเป็นอะไร จะมีความสุขหรือไม่

เด็กจะโชคดีที่มีพ่อแม่ที่เปิดใจ ให้เขาตัดสินใจเอง
พ่อแม่แค่คอย สนับสนุน ประคับประครองไปก็พอ
ยิ่งสังคมที่มีการแข่งขันสูงแบบนี้ เด็กที่ถูกบังคับมาก ก็จะยิ่งเครียด ไม่มีความสุข เอนดอร์ฟินไม่หลั่ง

สมองก็จะไม่ได้รับการกระตุ้น ไม่ได้ถูกพัฒนา ส่งผลกระทบต่อเนื่องที่ทำให้สติปัญญาของเด็กต่ำกว่ามาตรฐาน พาลเป็นเด็กมีปัญหาในอนาคตนะครับ

คุณก๋า อ้าปากหวอ นี่ใช่เอ็งตัวจริงมั้ย ทำไมเอ็งพูดจารู้เรื่องได้
อะไรสิงเอ็งเนี่ย มาๆโถๆ โดนผีเข้าก็ไม่บอก เดี๋ยวข้าจะรดน้ำมนต์ให้ เย้ย 555

ปล.อ.เต๊ะ ยินดีกับตำแหน่งทุกตำแหน่งที่ได้ในปีนี้ด้วยนะครับ
ว่าแต่ว่า เมื่อไหร่จะพา อ.เต๊ะ ไปเลี้ยงฉลองซักทีละครับ 555

 

โดย: multiple 21 มกราคม 2564 11:20:49 น.  

 

สวัสดีมีสุขค่ะ

ขอแสดงความยินดีกับสายสะพาย ด้วยค่ะ

ตอนลูกเด็กๆกอดรัดฟัดเหวี่ยง หอมกันทั้งวัน
พอโตเป็นหนุ่มเป็นสาวก็ยังกอดลูกอยู่
แต่เรื่องหอมฟอดๆ ...เขาไม่ให้เราหอมแล้วค่ะ
ยกเว้นจะเดินทางไกล ลูกมากอดมาหอมพ่อแม่เอง

 

โดย: ตะลีกีปัส 21 มกราคม 2564 11:37:59 น.  

 

สวัสดีครับคุณก๋า

ชอบประโยคที่ว่า

คุณไม่มีวันรู้เลย ว่าชีวิตที่คุณใช้นั้น เป็นชีวิตที่ดีที่สุดแล้ว

และแสดงความยินดีกับสายสะพายด้วยครับ

 

โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา 21 มกราคม 2564 11:50:47 น.  

 

ยินดีกับพี่ก๋าด้วยนะคะ

 

โดย: mariabamboo 21 มกราคม 2564 12:26:52 น.  

 

ตามที่คุณก๋าบรรยายหลานหมิงหมิงโชคดี
เรื่องการโอบกอด ที่บ้านเย็นทำกันมาตั้งแต่เด็ก
คุณแม่สนใจการเลี้ยงดูลูก
ให้ความอบอุ่นด้วยการสนใจ
โอบกอด หอมแก้ม เราทำกันชินจนเติบโต
พฤติกรรมโอบกอดของเย็นจึงเป็นปกติเมื่อพบเจอ
ผู้คนที่รัก คิดถึง นานๆพบกันที
เพื่อนหญิงชายก็โอบกอดได้หมด
เวลาฝรั่งไม่สนิททักทายโอบกอดก็เข้าใจ
และไม่รู้สึกแปลกใจอะไรค่ะ

พลังของการกอดมีมากกว่าที่คนคิด
หลายคนที่ขาดความอบอุ่นอยากให้ใครสักคนกอด
เด็กๆที่ขาดความอบอุ่นบางคนร้องขอให้ช่วยกอด
เป็นเรื่องปกติที่พบเจอได้เมื่อคุ้นเคยกัน
การกอดมีพลังงานที่ถ่ายทอดให้แก่กัน
เพื่อนเย็นบางคน นิยมหาต้นไม้ต้นใหญ่ๆ
เพื่อโอบกอด เธอบอกว่ารับพลังงาน
ก็คงมีส่วนจริงและอาจทดแทนความโหยหา
ที่จะกอดใครสักคนก็เป็นได้

 

โดย: mcayenne94 21 มกราคม 2564 13:33:57 น.  

 

ในหนึ่งครอบครัว จะต้องมีสักคนที่ "พูด" กับลูกมากกว่า "คุย" ครอบครัวไหนที่คุยกันได้อย่างเข้าใจทั้งครอบครัว ลูกสามารถเปิดอกคุยกับพ่อแม่ได้หมด ครอบครัวนั้นเป็นครอบครัวที่อบอุ่นสุด ๆ

บางครั้งพ่อแม่ก็ไม่รู้ตัวว่าการพูดหรือการสั่ง ส่งผลกระทบอะไรกับเด็กบ้าง บางคนจึงยังสั่งต่อไป จนเมื่อสายไปแล้วหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงกับตัวเด็กแล้วนั่นแหละ ถึงได้รู้

พ่อแม่จึงเป็นครูเด็ก และในขณะเดียวเด็กก็เป็นครูให้พ่อแม่ด้วย

ไม่สำคัญว่าเด็กจะเติบโตมาเป็นอะไร สำคัญที่ว่าเด็กเติบโตขึ้นมาแล้วมีความสุขหรือเปล่า

ถ้าเติบโตขึ้นมาแล้วมีความสุข หน้าที่ของพ่อแม่ก็ถือว่าสมบูรณ์แล้ว แต่ถ้าไม่ เราก็ต้องเรียนรู้กันต่อไป

การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด โดยเฉพาะกับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่

"จงโอบกอดลูกอย่างเข้าใจ เพราะความเข้าใจจะทำให้ลูกเติบโตได้อย่างมีความสุข"

 

โดย: comicclubs 21 มกราคม 2564 14:13:21 น.  

 

ผมว่าการเลี้ยงเด็กคนนึงมันไม่มีวิธี หรือใช่วิธีเดียวกันไม่ได้ เหมือนที่พี่ก๋าบอกเลยครับ
เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน การเป็น Easy child หรือ Dificult child ก็มีผลกับแนวทางการเลี้ยงดูแล้ว
ต่อให้เป็นแนวทางยังยากเลยครับพี่ คงได้แค่เป็น Guideline จริงๆ

พอมีหลาน แล้วได้เลี้ยงเค้านี่ รู้เลยครับว่ามันต้องอยู่กับเค้าใกล้ชิดจริงๆ ถึงจะรู้ว่าจะดูแลเค้ายังไง เค้าชอบอะไรไม่ชอบอะไร ถึงจะรู้ใจ

กว่าจะมีของตัวเอง คงโปรแล้ว 5555555

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 21 มกราคม 2564 15:04:21 น.  

 

อ่านแล้วนึกถึงตัวเองเลยค่ะพี่ แม่น้องนี่เลี้ยงมาแบบเพื่อนเลยค่ะ
คุยกันได้ทุกเรื่อง ยิ่งหลังๆ พอนางแก่ตัวแล้ว
นางยิ่งรับเราเป็นเพื่อนมากขึ้น(ถ้าอารมดีอะนะ)
พูดเล่นใส่กันได้เลย 5555+

มันเลยเหมือนว่า พอเราไม่มีเพื่อนให้คุย
เราก็คุยกับแม่ได้ เราก็ไม่เหงา นางก็ไม่เหงาค่ะพี่

ปล.เมื่อเช้านึกถึงที่คุยกะพี่ก๋าว่าแมวไม่ร้อง
ร้องเฉพาะตอนกิน เหมือนจะไม่จริงแล้วพี่
เพิ่มอีกตอน ก็คือ ตอนน้องอาบน้ำนี่แหละ
โอ๊ยยย ทั้งร้องทั้งข่วนประตู จะเข้ามาอาบด้วยกันให้ได้
นั่งขรี้อยู่ก็ต้องอุ้มมันขรี้พี่ แต่บางทีน้องก็ใจแข็งไม่ยอมเปิด
มันก็นอนสิงประตูเลยพี่ อาบเสร็จเปิดประตูทีมันกลิ้งเข้ามาในห้องน้ำเลย
5555+ บ้าบอเนอะพี่ ทาสแมวเท่านั้นถึงจะเข้าใจความสนุกสนานนี้

เหอๆ

 

โดย: nonnoiGiwGiw 21 มกราคม 2564 15:45:46 น.  

 

มันไม่มีสูตรสำเร็จจริงๆ ครับ ผมเห็นหลายๆ คนออกมาพูดเรื่องครอบครัวอบอุ่นอยู่พร้อมหน้ากินข้าว แล้วถามจริงว่า กินข้าวเย็นกี่โมง? กว่าพ่อแม่จะกลับมาถึงบ้านกี่โมง? กลับมาถึงสัก 19.00 น. ได้นี่เก่งแล้วครับ นี่แค่เคส พนง.ออฟฟิศนะ ถ้าเป็นเข้ากะล่ะ ถ้าเป็นเจ้าของกิจการล่ะ บางทีผมก็มองว่าพวกที่ชอบพูดเรื่องครอบครัวอบอุ่นเขาได้ลงมาดูในสภาพความเป็นจริงหรือไม่ เงินไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่าง แต่แทบทุกอย่างถ้าไม่มีเงินมันก็ไม่สามารถหามาได้ ประเด็นเลี้ยงลูกมันเชื่อมโยงไปหลายส่วนนะ ปัจจุบันแค่นี้ก็ปากกัดตีนถีบกันจะตายแล้ว ไม่ต้องแปลกใจว่าเดี๋ยวนี้คนไม่นิยมมีลูกมาก หรือไม่อยากมีลูก เพราะตัวเองยังเลี้ยงตัวไม่ค่อยจะรอดเลย

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 21 มกราคม 2564 15:47:21 น.  

 

ขอบคุณครับแม่โม

ปล. ดอกนางพญาเสือโคร่งในบล็อกแม่โมสวยมาก
ตอนแรกก็ว่าจะไปถ่ายภาพครับ
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปครับ


 

โดย: กะว่าก๋า 21 มกราคม 2564 15:50:05 น.  

 

นี่ก็ไม่ได้สนใจเกรดเหมือนกันค่ะ
เวลาครูให้ตอบแบบสอบถามว่า
โตขึ้นอยากให้ลูกเป็นอะไร
ก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไร ก็ ขีด "-" ไปค่ะ
เพราะเราก็ไม่เคยคิดว่า...
ต้องการให้เขาเป็นอะไร

 

โดย: Love Memoirist (blue_medsai ) 21 มกราคม 2564 16:13:14 น.  

 

สวัสดีครับน้องแตง

มาดามชอบบ่นน้อยใจครับ
ว่าลูกไม่ค่อยคุยด้วย
แต่ลูกรักแม่แหละ เพียงแต่เวลาโม้
คุยกับพ่อสนุกกว่า พ่อก็โม้เก่ง 555

หลักการเดียวที่ทำให้ลูกคุยกับพี่ก๋า
ก็คือ คุยในเรื่องที่ลูกสนใจครับ
มีเท่านี้เองจริงๆ


 

โดย: กะว่าก๋า 21 มกราคม 2564 18:13:31 น.  

 

อ่านแล้วชอบค่ะคุณก๋า แต่วันนี้หมดตัวค่ะ
พรุ่งนี้จะมาส่งกำลังใจย้อนหลังให้นะคะ
พี่เชื่อและเห็นด้วยว่าลูกคือกระจกเงาสะท้อนถึงพ่อแม่ในทุก ๆ ด้านค่ะ

 

โดย: เนินน้ำ 21 มกราคม 2564 18:45:56 น.  

 

การกอดลูกก่อน ไม่ว่าเค้าจะทำผิดหรือไม่ผิดบางครั้งมันก็เป็นการยับยั้งอารมณ์โกรธของเราด้วยครับ

ดึงตัวมากอดแน่นๆก่อน ค่อยคุยกัน ดีต่อทั้งคู่ครับ

 

โดย: ทนายอ้วน 21 มกราคม 2564 19:43:06 น.  

 

พ่อแม่เป็นอย่างไร ลูกจะเป็นอย่างนั้น ผมว่าอันนี้ยังใช้ได้อยู่นะครับ 555
หนังสือรางวัลซีไรต์ด้วยเหรอครับคุณก๋า สงสัยต้องไปหามาอ่านบ้างแล้วครับ ซีไรต์เล่มล่าสุดที่ผมอ่าน เราหลงลืมอะไรไปบางอย่าง นานมากแล้วครับ
ช่วงนี้แมนยูฯ มาแรงจริง ๆ ครับ 555 ลิเวอร์พูลเตะคืนนี้ไม่รู้จะหมู่หรือจ่านะครับ

 

โดย: The Kop Civil 21 มกราคม 2564 20:47:42 น.  

 

จากบล็อก

พูดถึงแล้วน้ำตาจะไหล เมื่อก่อนตอนนอนให้กอดทุกคืน "ไม่งั้นหนูนอนไม่หลับ" พอตอนนี้ ...... "ลุงอย่ากอดหนูได้มั๊ย หนูอึดอัด"

 

โดย: ทนายอ้วน 21 มกราคม 2564 22:14:09 น.  

 

ชอบอ่านหนังสือที่ได้รับรางวัลซีไรต์ครับ
หนังสือเกี่ยวกับเลี้ยงลูกไม่ค่อยได้อ่านครับ มีแต่หลานครับ
คุณวีรพร เพิ่งมีข่าวไม่นานกับพิมรี่พาย ตูนบอดี้สแลม



 

โดย: สองแผ่นดิน 21 มกราคม 2564 22:49:44 น.  

 

สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

หนังสือที่รีวิววันนี้ "โปรดโอบกอดมนุษย์ลูก" ชื่อเรื่องน่ารัก
น่าคิด ดีจัง จ้ะ ตรงกับความเชื่อ ตรงกับทฤษฎีการเลี้ยงลูกในสังคม
ปัจจุบันนี้ (ความเห็น) แต่ถ้าเป็นมนุษย์แม่และพ่อในสมัยก่อน โดย
เฉพาะ ครอบครัวคนจีน ยากนักที่จะเห็นภาพการโอบกอดลูก อิอิ

สำหรับการเลี้ยงลูกที่ให้เขามีอิสระในการคิด การเลือก เลี้ยง
เขาด้วยเหตุด้วยผล ด้วยการพูดคุย เรื่องนี้ ครูเห็นด้วยอย่างยิ่ง ถึง
ครูจะไม่มีลูกให้เลี้ยง อิอิ แต่ครูก็มีลูกที่ต้องดูแล ให้ความรู้ ให้การ
อบรมเขาเป็นคนดีของสังคมเป็นจำนวนมาก นั่นเป็นความหวังที่คนเป็นครูต้องการ และครูว่า ครูก็ได้เลี้ยงดูพวกเขาด้วยวิธีนี้เหมือนกัน
นะเนี่ย อิอิ ภูมิใจ ที่พวกเขาส่วนใหญ่ก็ประสบความสำเร็จในชีวิต
นั่นเป็นความสุขอย่างยิ่งของคนที่มีอาชีพเป็นครูจ้ะ

โหวดหมวด รีวิวหนังสือ

 

โดย: อาจารย์สุวิมล 21 มกราคม 2564 22:52:51 น.  

 

เลี้ยงลูกยังไงให้เขามีความสุข
และเติบขึ้นมาเป็นคนเต็มคน

เป็นหนังสืออีกเล่มที่ดีจังค่ะคุณก๋า

ขอแสดงความยินดีกับสายสะพายคุณก๋าด้วยนะคะ
เยี่ยมมากๆค่ะ

ฝันดีค่ะ

 

โดย: Sweet_pills 21 มกราคม 2564 23:06:11 น.  

 

น่าจะเป็นคู่มือครอบครัวได้เลยนะคะน้องก๋า

 

โดย: Sai Eeuu 21 มกราคม 2564 23:19:20 น.  

 


สวัสดีค่ะน้องก๋า

 

โดย: newyorknurse 25 มกราคม 2564 0:45:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]