:: กะก๋าแนะนำหนังสือ ไร้เริ่มต้น ไร้จุดจบ (ตอนที่ 1) ::
:: ไร้เริ่มต้น ไร้จุดจบ (ตอนที่ 1) ::
เขียน : Jakusho Kwong แปล : ภิกษุณีธัมมนันทา
Jakusho Kwong เป็นอาจารย์เซนสายโซโตเซน ในหลักของการปฏิบัติธรรมแนวเซนหรือมหายาน ที่ประเทศจีนแบ่งออกเป็นสายเหนือและใต้ ในญี่ปุ่นเรียกว่าสายโซโตเซนและรินไซเซน อธิบายให้ง่ายขึ้น คือ แบ่งออกเป็นการตื่นรู้ในธรรมแบบค่อยเป็นค่อยไป และแบบฉับพลันทันใด สายโซโตเซนจะค่อย ๆ ปฏิบัติและพิจารณาธรรมไปเรื่อย ๆ ตรวจสอบจนแน่ชัดว่าตนเองได้รู้แจ้งในธรรม ส่วนสายรินไซจะเป็นไปแบบฉับพลันทันใด เน้นการปฏิบัติที่จิตของตนเป็นสำคัญ อาจใช้เวลาปฏิบัติธรรมค่อนชีวิต เพื่อบรรลุธรรมในเสี้ยววินาที แล้วการตื่นรู้นั้นก็จะอยู่ในเนื้อในตัวเราตลอดไป
แต่ไม่ว่าจะชอบแบบไหน ตรงจริตแบบไหน สุดท้ายแล้ว รู้ก็คือรู้ ไม่รู้ก็คือไม่รู้
.............................
Jakusho Kwong ฝึกฝนตนอยู่ในอารามที่อเมริกา ท่านเข้าร่วมกับสังฆะ ปฏิบัติตนอย่างต่อเนื่อง เรียนรู้จากโรชิหรือครูบาอาจารย์มากมายหลายท่าน เรียนรู้จากประสบการณ์ในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี ที่ทำให้ท่านตระหนักรู้ในความจริงแห่งชีวิต
คัมภีร์โบราณ โกอานหรือปริศนาธรรมที่ใช้ฝึกหาคำตอบทางธรรม รวมทั้งการนั่งวิปัสสนา ทั้งหมดเป็นเครื่องมือในการตครวจสอบจิตของตนเอง
ชาวตะวันตกมักนิยมฝึกฝนตนผ่านแนวทางพุทธสายมหายาน เนื่องจากไม่มีพิธีกรรมรกเรื้อรุงรัง ทุกคำสอนพุ่งตรงไปที่ความคิด คิดผิด ทำยังไงก็ได้คำตอบที่ผิด มีเพียงการตีให้ตื่น ตบให้คิด สะกิดให้ผู้ฝึกฝนตน กลับเข้ามาสู่เส้นทางที่ถูกต้องดีงาม ที่นี่จึงไม่มีปาฏิหาริย์ ไม่มีเครื่องราง ไม่มีการเปรียบเทียบกับศาสนาอื่นใด มีเพียงการฝึกฝนตนเพื่ออยู่ร่วมกับกิเลสในตนเองอย่างเข้าใจ รู้ทันความจริง รู้หน้าที่ ทำทุกสิ่งด้วยสติและการตื่นรู้
.....................................
คำสอนเซนไม่มีอะไรใหม่ แต่สิ่งเก่า คำสอนเก่า นิทานเรื่องเก่า กลับยังสดใหม่อยู่เสมอทุกครั้งที่ได้ขบคิด เพราะทั้งหมดพูดถึง สัจธรรม หรือ ความเป็นจริงแห่งชีวิตอย่างตรงไปตรงมา เซนไม่ยกตนข่มท่าน ไม่มีเรียนก่อนหรือเรียนทีหลัง ไม่มีปฏิบัติมานานหรือไม่นาน ไม่มีรู้มากหรือรู้น้อย
มีแต่รู้ --- ไม่รู้ รู้จริงหรือไม่รู้จริงเท่านั้นเอง
และบางครั้งเซนพาเราพ้นไปจากคำพูด คำสอน พึงรู้ได้ด้วยตนเอง จะพบกับประสบการณ์ตื่นรู้ได้ ต้องมาจากการฝึกฝนตนเอง ด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องยึดติดกับรูปแบบตายตัว บทเรียนและประสบการณ์ที่ครูบาอาจารย์จะมอบให้ศิษย์ได้ใช้ฝึกฝนตน เป็นเสมือนการแนะแนวทางที่ทำให้ศิษย์ได้พบหนทางรู้แจ้งด้วยตนเอง
เพราะสิ่งนี้ไม่มีใครทำแทนใครได้ ไม่มีใครรู้แทนใครได้ ครูบาอาจารย์ก็พาศิษย์ไปถึงฝั่งแห่งการตรัสรู้ไม่ได้ บทสวด พระพุทธรูป เครื่องราง ปาฏิหาริย์ ฯลฯ ไม่มีอะไรพาผู้ฝึกไปยังฝั่งแห่งการตื่นรู้ได้
เธอต้องลงมือทำ ทำไป ทำไป จนกว่าจะรู้ และต้องรู้อย่างถูกต้อง ถูกทาง ถูกธรรม
...................................
ผมนั่งอ่านหนังสือเล่มนี้จนจบ ใช้เวลาประมาณสามวัน หลายข้อความในหนังสือตรงใจ ตรงกับความรู้สึก เหมือนได้พบกับประสบการณ์ที่ตนเองเคยผ่าน เหมือนได้ทบทวนสิ่งที่ตนเองเชื่อ
หลายคนบอกว่าอ่านหนังสือเซนไม่รู้เรื่อง ผมอยากให้คุณลองเปิดใจอ่านหนังสือเซนดูอีกสักครั้ง ไม่ต้องคิดหรอกครับว่าจะอ่านรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่อง อ่านแล้วเข้าใจหรือไม่เข้าใจ แค่อ่าน แล้ววางมันลง พิจารณาตามคำสอนนั้น แต่สุดท้ายให้จิตของคุณ เป็นคนบอกตัวเองว่าได้เรียนรู้อะไรจากข้อความเหล่านั้น มีประโยคใดที่โดนใจและเก็บไปคิดต่อได้ มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์กับการพัฒนาตนเองบ้าง
เหมือนที่บอกไว้ เซนไม่ใช่แค่เรื่องรู้หรือไม่รู้ แต่ต้องรู้จริงในสิ่งที่รู้ และหนทางเดียวที่จะทำให้คุณรู้เช่นนั้นได้ ไม่ใช่จากการอ่าน ไม่ใช่จากความเชื่อ ไม่ใช่จากความศรัทธา ไม่ใช่จากการสวดมนตร์ แต่ต้องลงมือปฏิบัติที่จิตของตน อย่างต่อเนื่อง อย่างมุ่งมั่น จนกว่าจะรู้ธรรมนั่นเอง.
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2560 |
Last Update : 3 มีนาคม 2561 13:05:45 น. |
|
24 comments
|
Counter : 942 Pageviews. |
|
|
|
นักคิดก็ประดิษฐ์คำกันไปนะคุณก๋า
ที่จริงการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้สิ่งที่มีอยู่แล้วตามความเป็นจริง
เช่นเรื่องนรกสวรรค์มีจริง บุญบาปมีจริง
แล้วมีพระมหากรุณาธิคุณสั่งสอนให้ชาวโลกได้รู้ตาม
เพื่อที่จะดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ไม่พลัดไปสู่อบายต่างหาก