:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - เมื่อทุกอย่างพังทลาย ::
:: เมื่อทุกอย่างพังทลาย ::เขียน : เพม่า โชดรัน แปล : วิจักขณ์ พานิช และ อัญชลี คุรุธัช
เคยคิดไว้บ้างไหม หากวันหนึ่งทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตพังทลายลง สูญเสียสิ่งที่รักมากที่สุดไป เราจะทำยังไงกับตัวเอง ?
สิ่งที่เรากลัว คือ การเผชิญหน้ากับความไม่รู้ ความไม่แน่นอน ความเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่ทำให้เราเจ็บปวดได้ง่ายดายที่สุด คือ การไม่อยู่กับปัจจุบันขณะของตนเอง วนเวียนอยู่กับอดีตซึ่งแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว กังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง จนปัจจุบันขณะของตนเองกลายเป็นความสับสนระทมทุกข์
หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังทุกข์จากเรื่องอะไร แต่สร้างนิสัยและความเคยชินบางอย่างให้ตัวเองสับสนวุ่นวาย เจ็บปวด เหงา เศร้า ซึม ด้วยการคิดไปในทางที่ผิด พร้อมจะตอบโต้กับทุกคำพูด ทุกความรู้สึกที่ผ่านเข้ามากระทบจิตของตน โทษคนอื่น โทษทุกสิ่งทุกอย่าง เวลาที่ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างใจ กลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น โกรธเกลียดทุกคนได้อย่างง่ายดาย ทั้งหมด คือ การสั่งสมอารมณ์ด้านลบไว้ในจิตใจ จนนำไปสู่การคิดผิด ๆ สื่อสารผิด ๆ และกระทำสิ่งต่าง ๆ อย่างผิดทิศผิดทาง
บางคนคิดไปว่าการมีความสุข คือ การไม่มีความทุกข์ มองความสุข ว่าเป็นรางวัลของชีวิต ส่วนความทุกข์ คือ การลงโทษ แต่แท้จริงแล้วสุขและทุกข์ ล้วนตั้งอยู่บนความเปลี่ยนแปลง มันเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่นโดยมิได้แบ่งแยกอย่างใจเราต้องการ สุขทุกข์เป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตที่เกิดขึ้นได้ ดำรงอยู่ได้ และในที่สุดมันก็จะผ่านไป
เมื่อจิตยังแบ่งแยกสุขและทุกข์ ถูกและผิด ขาวและดำ ศัตรูที่เราสร้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว คือ “ความจริงที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้” เมื่อพบเจอสิ่งที่ไม่ถูกใจ เราพยายามผลักไส คิดทำลายให้มันหายไปเร็วที่สุด แต่กลายเป็นว่าโดยวิธีนั้นเรากลับยิ่งเพิ่มความทุกข์ให้กับตนเอง เพราะจะไม่มีอะไรหายไปจนกว่าเราจะเกิดการเรียนรู้ รู้และเข้าใจ จนนำไปสู่การยอมรับ “ความจริง” ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันขณะของตนเอง
ไม่ว่าเราจะวิ่งเร็วเพียงใดเพื่อหนีความทุกข์ ก็ไม่อาจหนีพ้นปัญหานั้นไปได้ หากยังผูกพ่วงปัญหานั้นไว้ในจิตใจตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปที่ใด ทุกข์นั้นจะยังคงอยู่ เพียงแต่มันจะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนการตอบโต้ใหม่ ๆ กับจิตของเรา
สิ่งที่จะทำให้เราผ่านปัญหาและทุกข์ที่เผชิญหน้าอยู่ไปได้ มีเพียงการหยุด นิ่ง และมองเข้าไปให้เห็น “ชั่วขณะที่แท้จริง” ของตนเอง มองไปที่ “ความคิด” จนเห็น “ความจริง” ซึ่งซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ มองไปที่ “ความจริง” จนเห็นว่าที่สุดแล้ว “ความจริง” ซึ่งเราเห็นอยู่นั้น เป็น “ความจริงในชั่วขณะ” หรือ เป็นความจริงแท้ในรูปแบบของ “สัจธรรม”
การเห็น “ความจริงในชั่วขณะ” จะต้องทำให้เราตื่นขึ้นจากความหลงผิด และคิดว่าทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างใจต้องการ สุข ทุกข์ ล้วนเป็นสิ่งชั่วคราวที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ความรักที่ผิดพลาดล้มเหลว การงานถดถอย ความสัมพันธ์ง่อนแง่นมีปัญหา ศัตรูผู้น่าชังน่ารังเกียจ เพื่อนบ้านซึ่งไม่น่ารัก ลูกที่ดื้อและไม่ยอมเชื่อฟัง ฯลฯ ทั้งหมดเป็นปรากฏการณ์ที่ผ่านเข้ามา ก่อนจะจากไป ไม่มีสิ่งใดจะฉวยกอดมันไว้ได้โดยไม่เปลี่ยนแปลง
ถ้ารับรู้ความไม่เที่ยงเหล่านี้ได้ เราจะเห็น “สัจธรรม” ที่ซ่อนอยู่ในความไม่แน่นอนเหล่านั้น เมื่อเห็น “สัจธรรม” อย่างแจ่มชัด “ความกลัว” ทั้งหมดในชีวิตจะหายไป “ความทุกข์” ที่เคยมีจะหายไป
การฟังธรรม การปฏิบัติธรรม การภาวนา การนั่งสมาธิ การเดินจงกรม ฯลฯ ทั้งหมดเป็นไปเพื่อ “การรู้จักจิตของตนเอง” รู้...เพื่อเข้าใจการเกิดดับของสรรพสิ่ง รู้...เพื่อพ้นไปจากการแบ่งแยกสิ่งต่าง ๆ รู้...เพื่อยอมรับความจริงอย่างที่มันเป็น เพราะต่อให้สิ่งที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่จะเป็นวิกฤตหนักหนาสาหัส เป็นความพลัดพรากจากสิ่งของ สัตว์เลี้ยง หรือบุคคลที่รัก เป็นปัญหาร้ายแรงและยังหาทางออกไม่ได้
บางทีการไม่จัดการ อาจเป็นการจัดการที่ดีที่สุด
การมองดูจนเห็นความจริงว่าเราทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้ในสถานการณ์เช่นนั้น แม้นั่นอาจหมายถึงการยอมปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลงไปอย่างที่มันต้องเป็น การยอมรับว่าเราต้องปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลงไป อาจเป็นการเริ่มต้นใหม่ซึ่งดีกว่าเดิม เข้าใกล้สัจธรรมที่เราเคยวิ่งหนีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนทำให้เข้าใจความจริงแห่งชีวิต และสามารถค้นพบความจริงนี้ได้ด้วยตัวเราเอง
เพราะ “สัจธรรม” นี้ดำรงอยู่ในชีวิตของเราเองมาโดยตลอด เพียงแต่เราไม่เคยรู้ทันความจริงนี้ก็เท่านั้นเอง
Create Date : 06 มกราคม 2564 |
|
13 comments |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2565 6:56:55 น. |
Counter : 949 Pageviews. |
|
|
พังไปจะดีกว่าไปฝืนมันนะครับ ยอมรับสภาพแล้ว
เริ่มต้นกันใหม่ วางแผนดีๆ อย่าให้ผิดพลาดอีก น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดนะครับ
ปล. อ.เต๊ะ ก็สงสัยอยู่ ว่าทำไมคุณก๋าไม่ไปตาม ดูรายชื่อ คนอัพบล็อกใหม่ ก็ไม่มี คิดไปต่างๆนานา หรือว่าคุณก๋า จะโดนมาดามลงโทษ ฐานเล่นบล็อกมาก ไม่ยอมทำการบ้าน เย้ย555 ไม่ใช่ซิ นั่นต้อง หมิงหมิง อิอิ
ที่แท้เน็ตเจ๊ง นี่เองนะครับ ของที่เราเคยมี พอใช้ไม่ได้นี่
เราถึงจะเห็นความสำคัญของมันนะครับ
ว่าแล้ว อ.เต๊ะ ต้องไปจ่ายค่าเน็ตก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะโดนตัด 555