<<
มีนาคม 2563
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
17 มีนาคม 2563

:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - The Story of Art : ว่าด้วยเรื่องศิลปะ ::



:: The Story of Art : ว่าด้วยเรื่องศิลปะ ::

เขียน : E. H. Gombrich
แปล : รติพร ชัยปิยะพร












หนังสือประวัติศาสตร์ศิลป์เล่มหนาเกือบ 700 หน้านี้
อ่านสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะผู้เขียนเลือกวิธีการเล่าเรื่องด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย
มีภาพตัวอย่างประกอบตลอดทั้งเล่ม ถึงแม้จะตีพิมพ์มายาวนานหลายสิบปีแล้ว
แต่ยังคงใช้อ้างอิงศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ศิลปะได้อย่างน่าสนใจ

เนื้อหาภายในเล่มเน้นความสำคัญของประวัติศาสตร์ศิลปะในโลกตะวันตกมากเป็นพิเศษ
แต่หลักหรือแนวคิดที่ E. H. Gombrich แสดงทรรศนะเอาไว้
สามารถใช้เป็นแนวทางศึกษางานศิลปะสากลได้อย่างแน่นอน

การมองหาความงามในงานศิลปะ
ยากที่จะหาคำจำกัดความหรือยึดโยงทฤษฎีใดเพียงทฤษฎีเดียวได้
เพราะศิลปะไม่ใช่เรื่องของรสนิยม หรือความชอบเพียงอย่างเดียว
หากแต่ต้องอาศัย “ความใส่ใจในรายละเอียด”
อาศัยการตีความหมายในงานศิลปะชิ้นนั้น
ว่าส่งผลกระทบต่ออารมณ์และความรู้สึกของผู้ชมได้มากน้อยเพียงใด


ความแตกต่างในงานศิลปะคือ “แนวคิด”
ไม่ใช่มาตรฐานด้านทักษะฝีมือ
ในยุคโบราณมนุษย์ใช้ศิลปะเพื่อติดต่อสื่อสารกับ พระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ
บ้างก็ใช้ประกอบพิธีกรรม บูชาความเชื่อบางอย่าง
ภาพวาดง่าย ๆ เชิงสัญลักษณ์ รูปปั้น งานแกะสลัก
ล้วนมีความหมายที่ต้องตีความซ่อนอยู่เสมอ

การเรียนรู้ในเรื่องราวศิลปะจึงไม่มีวันจบสิ้น
มีสิ่งใหม่ให้ค้นพบอยู่เสมอ มีการค้นพบความจริง ความเชื่อ
ที่ศิลปินคนหนึ่งทุ่มเทสร้างผลงานขึ้นด้วยเลือดเนื้อและจิตวิญญาณของเขา
ความสนุกในการค้นพบเรื่องราวใหม่ ๆ ในงานศิลปะจะเกิดขึ้น
เมื่อเราเปิดใจยอมรับความแตกต่าง ตั้งใจดูภาพหรือผลงานต่าง ๆ
แล้วลองหยุดคิดด้วยตนเองว่าผลงานชิ้นนี้ยิ่งใหญ่และได้รับการยอมรับด้วยเหตุผลใด
มันเชื่อมโยงกับความรู้สึกของเราขณะที่มองเห็นอย่างไร
โดยไม่ถูกชื่อเสียงของศิลปิน คำวิจารณ์ของนักวิจารณ์ระดับโลก
หรือ ใคร ๆ เขาก็บอกว่าดี มาเป็นตัวชี้นำความคิดของเรา














หนังสือเริ่มต้นพูดถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์
ซึ่งมีร่องรอยหลงเหลือเพียงภาพวาดในถ้ำ
เครื่องประดับ เครื่องใช้ไม้สอย หรือแม้แต่เครื่องรางต่าง ๆ
ให้เราได้เรียนรู้

จากนั้นจึงอธิบายถึงงานศิลปะอียิปต์ ซึ่งนับเป็นแหล่งวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
อักษรคูนิฟอร์มบันทึกเรื่องราวในยุคสมัยนั้นอย่างละเอียด
รูปวาดเทพต่าง ๆ สื่อความหมายแทนตัวอักษรและคำพูด
ทำให้เราได้รู้ถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในยุคนั้น










ศิลปะในยุคแรก ๆ ไม่ได้รับใช้การเมืองหรือศาสนา
แต่เป็นบันทึกประจำวัน บันทึกแบบแผนความเชื่อของคนในชุมชนนั้น ๆ
ต่อมาจึงขยับขยายผลงานต่าง ๆ ทั้งสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ บ้านเรือน
ตลอดอาคารทางศาสนา รูปแบบและวิธีคิดในงานศิลปะจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงไป

ยุคกรีก โรมัน นอกจากความยิ่งใหญ่ด้านการทหาร
ด้านศิลปะก็ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ความสมจริงสมจังเป็นตัววัดคุณภาพของศิลปินผู้สร้างสรรค์งาน
โดยมีความสมบูรณ์แบบตามอุดมคติเป็นตัวตั้ง
ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด งานแกะสลักหินอ่อน หรือ สถาปัตยกรรมในยุคนี้
เต็มไปด้วยรายละเอียด ต้องใช้ทักษะเชิงช่างชั้นสูง
ใช้เวลาในการสร้างผลงานอย่างยาวนาน จนเกิดผลงานอันน่าทึ่งและน่าอัศจรรย์ใจ















แล้วศิลปะก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าไปรับใช้ความเชื่อทางศาสนาในที่สุด
โดยเฉพาะศาสนาพุทธ และศาสนาคริสต์ ต่างใช้ผลงานด้านศิลปะในการสร้างความเชื่อ
สร้างความศรัทธาให้กับศาสนิกชนจำนวนมาก การถือกำเนิดขึ้นของพระพุทธรูป
การนำเรื่องราวในไบเบิลมาเขียนเป็นรูป มีการสร้างประติมากรรมจำนวนมาก
ตามแต่การตีความของศิลปินคนนั้น ทำให้ศาสนากลายเป็นเครื่องมือสำคัญ
ในการหล่อหลอมความคิด ควบคุมความเชื่อของคนเป็นจำนวนมาก
ให้คล้อยตามไปในทิศทางที่ศิลปิน ชนชั้นปกครองและศาสนจักรต้องการ

อีกทางหนึ่งศิลปินจีน และศิลปินเปอร์เซียในยุดอดีต
เลือกการนำเสนอผลงานศิลปะ ผ่านแนวคิดด้านธรรมชาติเป็นหลัก
เนื่องจากไม่สนับสนุนการบูชารูปเคารพตามความเชื่อในหลักศาสนา
ความงาม ความจริง ผสานกับจินตนาการของศิลปิน
ก่อเกิดงานในรูปแบบเฉพาะตัวที่สวยงามและแตกต่าง
ขณะเดียวกันรูปแบบเฉพาะตัวนั้นก็กลายเป็นกรอบ
ซึ่งทำให้ศิลปินจำนวนมากต้องเดินตามรอยบรมครู
สร้างงานแนวขนบ จนไม่ค่อยเกิดการสร้างสรรค์งานในรูปแบบใหม่ด้วยเช่นกัน











ยุคกลางของยุโรป เกิดสงครามต่าง ๆ ขึ้นเป็นระยะ
ก่อเกิดการสร้างสรรค์และทำลายผลงานศิลปะชิ้นสำคัญอยู่ตลอดเวลา
บทบาทของศิลปินแนบแน่นอยู่กับการทำงานให้คริสตจักร
หรือไม่ก็รับใช้กษัตริย์ เจ้าเมือง และมหาเศรษฐี
จากยุคกอธิค เข้าสู่ยุคเรอเนสซองส์ ศิลปะที่ดูหรูหราโอ่อ่า
รูปแบบการก่อสร้าง การออกแบบ การวาดภาพ และงานประติมากรรม
ดูลุ่มลึก มีระยะ มีแสงเงาที่จัดจ้าน
ความชำนาญด้านวิทยาศาสตร์ ความรู้ในวิทยาการด้านต่าง ๆ
ส่งผลให้ศิลปินสามารถสร้างงานที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น
สวยงามมากขึ้นกว่าในอดีตอย่างเห็นได้ชัด




















ยุคศตวรรษที่ 16 ราฟาเอล , มีเกลันเจโล , เลโอนาโด ดาวินซี
สร้างผลงานระดับโลกเอาไว้มากมายให้คนรุ่นหลังได้ทึ่งในพรสวรรค์และความสามารถ
ศิลปินอิตาลีภูมิใจในการนำเสนอกายวิภาคที่สมจริง
กล้ามเนื้อเป็นมัด ภาพริ้วผ้าอาภรณ์ที่พลิ้วไหวอย่างลื่นไหล
ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของตัวแบบที่สวยงามสอดคล้องกลมกลืน

เรื่องราวของศิลปะในยุคนี้ มักนำเสนอผ่านเรื่องราวจากไบเบิล
หรือไม่ก็เป็นเรื่องราวของเทพต่าง ๆ

เทคนิคการก่อสร้างและการออกแบบอาคาร พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด
ทำให้โลกได้รู้ได้เห็นถึงสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่อลังการเป็นจำนวนมาก

ศตวรรษที่ 19 ฝรั่งเศสกลายเป็นศูนย์กลางงานศิลปะที่สำคัญของยุโรป
พระราชวังหลายแห่งกลายเป็นต้นแบบพระราชวังในประเทศอื่น ๆ แถบยุโรป
มาเน่ต์เปิดโลกศิลปะสมัยใหม่ด้วยผลงานภาพแนวสัจนิยม
ก่อนที่กลุ่มศิลปินอิมเพรสชั่นนิสต์จะสร้างความตื่นตะลึงครั้งใหญ่
ด้วยการพลิกโฉมงานจิตรกรรมรูปแบบใหม่ซึ่งฉีกหนีผลงานคลาสสิกแบบเดิม ๆ ในอดีต
“ชั่วขณะแห่งความประทับใจ” ทำให้นักวิจารณ์ศิลปะในยุคนั้นตกตะลึงพรึงเพริด
โมเน่ต์ , เรอนัวร์ , ปีซาโร , เซซาน กลายเป็นหัวแถวของศิลปินหัวก้าวหน้า
ก่อนที่แวนโกะห์ และ โกแกง จะสร้างงานชิ้นเอกให้โลกจดจำในเวลาต่อมา
























โลกแห่งศิลปะเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
ศิลปินไม่ได้สร้างงานแค่เหมือนที่ตาตัวเองเห็น แต่ผลงานทำหน้าที่มากกว่านั้น
ทั้งถ่ายทอดความรู้สึก สร้างความสั่นสะเทือนทางอารมณ์
สร้างความสั่นไหวทางความคิด สร้างความเชื่อ ความศรัทธา
ตีแผ่ยุคสมัยและความจริงบางด้านที่คนทั่วไปอาจมองไม่เห็น
แต่ศิลปินมองเห็น และเลือกที่จะแสดงแนวคิดนั้น ผ่านงานศิลปะของตนเอง

ศิลปะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้อยู่ตลอดเวลา
ศิลปินผู้รังสรรค์งานก็เช่นกัน เกิดขึ้นใหม่ในทุกวัน
ต้องท้าทายตนเอง คิดค้นวิธีการใหม่ ๆ ในการนำเสนอผลงาน
รวมทั้งผู้ชมที่มีส่วนร่วมในการผลงานของศิลปิน
ก็ต่างต้องหยุดมอง ชื่นชม ตีความ พยายามทำความเข้าใจ
เพื่อรักษาเกลียวคลื่นแห่งความต่อเนื่องนี้ไปเรื่อย ๆ
ท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
















 



Create Date : 17 มีนาคม 2563
Last Update : 16 มกราคม 2564 7:37:45 น. 29 comments
Counter : 1367 Pageviews.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะก๋า

หนังสือ 700 หน้า อ่านลื่นไหล
คงเพราะก๋าชอบในงานศิลปด้วยมั้งคะ

ทุกยุคทุกสมัยก็แตกต่างกัน แล้วแต่ความชอบนะคะ
พี่ชอบดูศิลปะโบราญ พี่ว่าขลังดี .... ทั้งภาพถ่ายและภาพวาด


......


รักษาสุขภาพด้วยนะคะก๋า
โควิด กับฝุ่นทางเหนือแย่พอๆกันนะคะ


โดย: tanjira วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:7:01:36 น.  

 
ไม่เคยอ่านแนวนี้เลยค่ะ น่าสนใจดีเหมือนกันนะคะ


โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:8:10:28 น.  

 
สุขอังคารสวัสดีครับ คุณก๋า
สุดยอด หนังสือประวัติศาสตร์ศิลป์เลยครับ 700 กว่าหน้า เท่ากับนิยายบางเรื่อง 2 เล่มจบ
ทั้งเล่มคือประวัติศาสตร์ศิลปะตั้งแต่มนุษย์เข้าไปอยู่ในถ้ำ จนถึงยุคปัจจุบัน
คนชอบอ่านประวัติศาสตร์ชอบเลยครับ
แต่ 700 กว่าหน้า ราคาน่าจะเกือบพันใช่ไหมครับ
ชอบอ่านประวัติของจิตรกรแต่ละคนครับ

โควิด 19 บางจังหวัดเริ่มปิดเมืองแล้วครับ อย่าง เนวินบุรี
อุทัยเอง ก็เริ่มตรวจคนสงสัยโควิด 19 ทั้งขาเข้าและออกจังหวัด



โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:8:32:25 น.  

 
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
เป็นหนังสือที่คนรักศิลปะน่าจะชอบหละคุณก๋า



โดย: หอมกร วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:8:38:23 น.  

 
เสียดายตอนเรียนสถาปัตย์ ไม่มีสตางค์ ซื้อหนังสือแบบนี้อ่านนะครับ หนังสือห้องสมุด ที่ดีๆ ก็นานๆกว่าจะเจอซักเล่ม


ตอนเรียน ประวัติศาสตร์ศิลปนี่ ของ อ.เต๊ะ เน้นไปทางพวก สถาปัตย์ซะส่วนใหญ่ จริงๆ เรื่องราวเกี่ยวกับตัวศิลปิน และศาสนานี่ มีอะไรลึกลับ ซ่อนเร้น น่าติดตามหลายๆเรื่องเลยนะครับ เคยเห็นบางเรื่อง เอามาทำหนัง อ.เต๊ะ ชอบดูมากครับ


ปล. คุณก๋าโชคดีมากที่มีโอกาสโหวตให้ อ.เต๊ะ นะครับ555 น้อยคนจะได้รับโอกาสนี้


ส่วนเรื่องเปลี่ยนสาย จากอธรรมมาเป็นธรรมะ คงยากแหละครับ จริงๆ อ.เต๊ะ ก็เข้าวัดทำบุญบ่อย ใส่บาตรทุกวัน แต่ อ.เต๊ะ ก็ทำบาปแยะ ไม่น้อยหน้าเหมือนกันนะครับ บุญก็ส่วนบุญ บาปก้ส่วนบาป คงได้ไปทัวร์ทั้ง สวรรค์และนรกแหละครับ 555


ขอบคุณสำหรับโหวตด้วยนะครับ



โดย: multiple วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:8:45:13 น.  

 
อ่านไล่ไปเรื่อยๆก็ทำให้หวนนึกถึงอะไรหลายๆอย่าง
ในเรื่องศิลปะ ที่นับวันคนเราจะมีเวลาให้เรื่องนี้น้อยมาก
ทั้งที่ความเป็นจริง ศิลปะเป็นสิ่งประโลมใจ
โดยเฉพาะเมื่อตกอยู่ในสถานะวิกฤติ แต่ผู้คนก็จะบอกว่า
กุจะบ้าตาย จะให้นั่งดูศิลปะเรอะ ก็ไม่ว่ากัน ตัวฮูตัวอิทสิคะ

ภาพ Bison ของสเปนทำให้นึกถึงภาพวาดที่ผาแต้ม
ทำให้นึกยาวออกไปถึงวันเวลาที่เคยได้ไปเดินดูแถวนั้น
ภาพพระเยซูถูกสวมมงกุฏหนามทำให้นั่งคิดถึงเรื่องราว
ของศาสดาองค์นี้ และอีกหลายๆภาพสื่อให้หวนกลับไปในอดีต
ลืมความวิตกบ้าคลั่งที่เราจำใจผจญอยู่ตอนนี้

ตอนนี้พี่อ่านวรรณกรรมร้อยกรองเยอะมาก และไม่ว่าเนื้อหา
จะเป็นความรัก อ่อนหวานต้องเติมน้ำตาล หรือโหดร้ายทารุณ
เลือดสาดแดงฉาน แต่ความที่เป็นร้อยกรอง มันก็ให้
ความบันเทิงจนเราหลุดพ้นออกไปจากความโหดร้าย
ที่โลกบังคับให้เราต้องเผชิญอยู่ขณะนี้

อยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้วมั้ง
ความรู้สึกของคนชราอาจไม่อยู่ในแนวปัจจุบันนะคะ

รักษาสุขภาพตัวเองและครอบครัวดีๆด้วยค่ะ



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:8:52:35 น.  

 
ที่บ้านจะมีแต่หนังสือพระซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะคุณก๋า ก็เป็นศิลปะของพระท่านแต่ละรุ่นหรือรวมเล่ม เช่นหลวงปู่ทวด หลวงปู่ปานฯลฯ
ดูเนื้อ ดูพิมพ์ ประมาณนี้ เยอะมากๆ ค่ะ


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:9:10:18 น.  

 
ความรู้สึกที่เรามองสิ่งต่างๆ มีผลมากจริงๆ ค่ะพี่ก๋า
อย่างน้องเนี่ยะ..ถ้าสิ่งไหนน้องไม่ชอบไปแล้ว
จะกลับมามองให้ชอบอีกนี่ยากเย็นมาก 555+

เมื่อวานเลิกงานกลับบ้าน รู้สึกเหมือนคั่นเนื้อคั่นตัว
มันยิบๆเหมือนจะไข้ขึ้นหลอนเลยค่ะพี่ กินพาราไปสองเม็ดแล้วนอน
แต่ก่อนนอนเรียกเพื่อนบ้านให้เอาเอกสารทำประกันโควิดมากรอกไว้ก่อนเลย

ปรากฎตื่นมาเช้านี้..ตื่นมาตัวเย็นเหมือนเดิม
แต่พอขับรถลุยถนนมาทำงาน ก็เหมือนรุ้สึกยิบๆที่ตัวอีก
หวานระแวงสุดๆ ไปแล้วค่ะ... เฮ้ออออออ


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:9:22:39 น.  

 
เล่มนี้น่าจะแพง แต่ก็น่าอ่านมากเลยค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
ภาวิดา คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
The Kop Civil Movie Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:9:46:53 น.  

 
ึ700 หน้า หนาจริง ๆ ครับ
ภาพคลาสสิคทุกภาพเลยนะครับ พอรู้ที่มาที่ไปของภาพยิ่งขลังขึ้นอีกครับ

ช่วงนี้งดกีฬาทุกประเภทเลยครับ โควิดระบาดหนัก


โดย: The Kop Civil วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:10:34:39 น.  

 
เมื่อวันเสาร์คุยกับพนักงานส่ง Top Online
เค้าบอกว่าออเด้อไหลหลั่งมาก จาก 100 รอบต่อวัน
เป็น 300 ต่อวันอ่ะพี่.. คนไม่กล้าออกนอกบ้านกัน


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:10:44:59 น.  

 
สวัสดีครับพี่ก๋า
สบายดีไหมครับ ค่า PM2.5 ภาคเหนือโหดร้ายมากช่วงนี้
ผมเป็นภูมิแพ้ งอมไปหลายวันเหมือนกันครับพี่
เดี๋ยวนี้ไอหน่อยก็ระแวงแล้ว

หน้าสือ 700 หน้า คุณพระ.....ไม่อยากคิดถึงราคาเลยครับ
แต่เนื้อหาคุณภาพมาก
ผมเคยเรียนศิลปะแบบนี้ตอนมหาลัย เป็นวิชาบังคับของมหาลัยเลย
ตอนเรียนก็สนุกดี แต่ตอนสอบไม่สนุกเลยครับ ตีกันมั่วที่สุด
ตอนนั้นรู้สึกว่า เราเรียนไปทำไมนะ
แต่พอจบมาแล้ว ก็รู้สึกว่า เออ ดีนะที่เรียนมา เหมือนมันเป็นความรู้รอบตัวติด ๆ หัวให้คุยกับคนอื่นได้
และมันก็คลาสิกดีครับ เป็นเรื่องที่....คนทุกคนสมควรได้เรียนร้เอาไว้

จากบล๊อก
น้องหมิงดื่มนมได้เยอะดีเลยครับ พยายามอย่าให้หยุดดื่มไม่งั้นเอ็นไซม์ไม่สร้างอีก ดื่มนมแล้วเป็นเหมือนผมแน่
แล้วต้องมาดื่มนมแพงๆอีก .... ปวดหัวสองเด้ง


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:11:08:38 น.  

 
ศิลปะเป็นสิ่งสวยงาม แต่ก็แล้วแต่คนมองอีกนั่นแหละค่ะ
สวยของเขา อาจไม่สวยสำหรับเรา หรือที่เราเห็นว่าสวย เขาอาจเห็นไม่สวยก็ได้

แต่เบื้องหลังภาพหรือชิ้นงานศิลปะนั้นน่าสนใจกว่าค่ะ อย่างภาพโมนาลิซ่า
ว่ากันว่าภาพวาดนี้ ดาวินชี ตั้งใจจะวาดภาพแมวของเขาเอง
จริงเท็จยังไงไม่รู้นะคะ ในฐานะคนเลี้ยงแมวอยากรู้จริง ๆ นะคะเนี่ย 555


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:12:11:00 น.  

 
สวัสดีตอนบ่ายค่ะคุณก๋า
วันนี้ภาระกิจเยอะมาก เลยพึ่งจะเข้ามาอ่าน

โควิดนี่ทำเอาทุกอย่างแย่ไปหมด กระทบหมดทุกส่วนอะไรที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวหรือระหว่างประเทศ ที่โรงงานวัตถุดิบนำเข้าช้า ยอดขายก็ตกเพราะไม่มีของขาย
มีความสุขในวันทำงาน ไปทำงานต่อละค่ะ สู้ต่อไปนะคะทาเคชิ^^


โดย: In the past วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:12:29:01 น.  

 
ศิลปินระดับโลกมีพรสวรรค์กันทั้งนั้น

เย็น ชอบภาพเขียนของศิลปิน โมเน่ค่ะ
วาดไปท่ามกลางสวนดอกไม้ในบ้านที่สวยงาม
ศิลปินในตำนานที่ระหว่างเขียนภาพ
ชีวิตเขาน่าจะมีความสุขกว่าใครแล้ว

เรื่องความรื่นรมย์ของศิลปิน ยังมีศิลปินจีนที่นิยมไปวาดภาพตามวิวทิวทัศน์ต่างๆ ได้เที่ยวได้นั่งชมได้ทำงานและยังทำเงินสูงได้อีก

ส่วนภาพของแวนโก๊ะ เย็นเคยไปชม
ฝีแปรงโดดเด่น กระชากอารมณ์มาก
รวมทั้งประวัติของเขา ดูไปน้ำตาไหลไปทีเดียวค่ะ

เดี๋ยวนี้พิพิธภัณฑ์ต่างๆ มีเปิดให้ชมออนไลน์ฟรี
และมีให้ผลงานของศิลปินต่างๆ มีให้ชมเยอะมากๆค่ะ



โดย: mcayenne94 วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:12:46:39 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เริงฤดีนะ Food Blog ดู Blog
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
auau_py Review Food Blog ดู Blog
หอมกร Movie Blog ดู Blog
พายุสุริยะ Travel Blog ดู Blog
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน Review Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า

หนังสือน่าสนใจมากเลยน้อง


โดย: อุ้มสี วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:13:45:21 น.  

 
สวัสดีมีสุขค่ะ

ชอบดูภาพ ชอบดูงานศิลปค่ะ
ทั้งๆที่ไม่มีความรู้งานศิลปเลย
ในสายตาตัวเอง ถ้าชอบคือสวยค่ะ
ไม่อาศัยทฤษฎีทั้งสิ้น



โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:15:14:06 น.  

 
งานเขียน งานสอนถ้ามีภาพประกอบ...ช่วยได้ดีแน่เลยครับ

บางทีก็เขียนเล่าไม่ชัด มีภาพประกอบช่วยให้เห็นชัดขึ้น

แต่มีตั้ง 700 หน้าเยอะมาก ๆ นะครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:15:51:08 น.  

 
บางทีประเทศไทยก็ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ 1 ของโลกในบางเรื่องนะครับ เหอะๆๆๆ

คุณพระ....1600 บาท จริงจังมากครับ
ตอนเรียน ผมว่าจำแค่ไปสอบก็สาหัสแล้วครับ
พี่ก๋าคงคิดเหมือนกัน 5555


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:16:17:33 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

700 หน้า แถมเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ทางศิลปะด้วย
ขอยอมแพ้จ้ะ ไม่ใช่แนวที่ชอบ ห้าห้า
เธอเก่ง จัง อ่านและสรุปเนิ้อหาได้ละเอียด มีภาพ
ประกอบให้ชม บางรูปก็เคยเห็น (ที่ดัง ๆ) โมนา ลิซ่า เป็นต้น
ครูไม่มีความรู้ด้านศิลปะทางตะวันตก หรือที่ อื่น ๆ เลยไม่มีความ
คิดเห็นใด ห้าห้า

โหวดหมวด แนะนำหนังสือ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:16:44:48 น.  

 
โอ้ว ชอบๆๆเลยคร้าหนังสือเล่มนี้ สวยตั้งแต่หน้าปก
ว่าแต่หนาถึง 700 หน้า เปิดอ่านที นี่หนักมากละคร้า

คุณก๋าทำรีวิวได้สวยงาม เพิ่มคุณค่าให้เราอยากไปตาม
หามาเป็นเจ้าของด้วย เนื้อหากับภาพประกอบ ชี้ชวนให้
น่าศึกษาค้นคว้า ภาพเล่าเรื่องประวัตฺสาสตร์จากยุคอดีตกาล
หลายพันปีจนยุคศิวิไล ...ชอบมากเลยคร้าที่นำภาพและ
ประวัติบางส่วน แง่คิดที่ดีๆมาให้อ่านกัน ขอบคุณค่ะ

ปล.ผลดีจากวิกฤติยามนี้ได้อ่านหนังสือเยอะเลยนะคะคุณก๋า


โดย: Tui Laksi วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:16:45:26 น.  

 
ทักทายยามเย็นค่ะ คุณก๋า...

รักษาสุขภาพด้วยค่ะ^^


โดย: สันตะวาใบข้าว วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:17:45:33 น.  

 
เล่มหนาเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะคะคุณก๋า
พี่ว่าการใช้ภาษาง่าย ๆ ทำให้ง่ายต่อการเข้าใจค่ะ
เรื่องศิลปะ เป็นเรื่องของแนวคิดและความชอบของแต่ละคน
ไม่มีเหตุผล แค่รู้ว่าชอบไม่ชอบ
บางชิ้นงาน เราก็เข้าไม่ถึงจริง ๆ ค่ะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:18:59:01 น.  

 
พี่ก๋า... เพื่อนบ้านน้องเศร้ามากค่ะ
บริษัทปม่ที่เมืองนอกนางปิดประเทศ
เค้าเลยให้พักงาน1เดือน


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:19:20:27 น.  

 
แค่ชื่อหนังสือก็เรียกความสนใจคอศิลปะได้แล้วค่ะ

ยิ่งอ่านรีวิว
ยิ่งน่าสนใจ
และมีคุณค่าจริงๆ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:21:22:26 น.  

 
ตอนนี้ต้องทำให้ชินคือ ใช้มือให้น้อยไปอีกครับ
เอาแขนดันประตู ไม่จับราวบันได
บัตรจอดรถนี่แทบจะอยากเอาอะไรหนีบรับมา

ต้องมีสติ เอะอะก็สเปรย์แอลกอฮอล์เลยครับ


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:23:19:40 น.  

 
ศิลปะ คุณค่าของมันในแต่ละยุคสมัยก็แตกต่างกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับบุคคลด้วยเช่นกัน ศิลปะมันคือการเปลี่ยนแปลงจริงๆ ครับ เปลี่ยนจากสิ่งหนึ่งไปเป็นอีกสิ่งที่เป็นมุมที่คนคิดไม่ถึง


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:23:57:18 น.  

 
"ศิลป์"จากประวัติศาสตร์ได้บอกเรื่องราวในอดีตได้เยี่ยมยอดยิ่ง
เมื่อศึกษาอดีตกาลนานไกลเก่าแต่กาลก่อนนั้น
มันได้บ่งบอกถึงเรื่องการต่อสู้กัน,การแย้งชิงอำนาจกันในทางการเมือง,อื่นๆฯลฯ....
สังคมชาวโลกที่ไร้พรมแดนในวันนี้ กำลังจะมีการจัดระเบียบโลกกันเสียใหม่ เพราะมีความเห็นตรงกันว่า"ในระดับผู้นำ" จะต้องจัดระเบียบสังคมของชาวโลกกันเสียใหม่ ไม่เช่นนั้น "โลกแตกน่านวล"
ปล.
ไวรัสโควิท90จะเป็นตัวเปิดเกมสน่าติดตามที่เดียวครับ


โดย: ธนูคือลุงแอ็ด วันที่: 18 มีนาคม 2563 เวลา:1:21:06 น.  

 
สวัสดียามเงียบสงัดครับคุณกะว่าก๋า


โดย: ธนูคือลุงแอ็ด วันที่: 18 มีนาคม 2563 เวลา:1:23:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]