พฤษภาคม 2563
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
21 พฤษภาคม 2563

:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 253 ::



:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 253 ::


โจทย์ --- ความจริงใจที่ไม่จริงใจ

ผู้คิดโจทย์ --- กะว่าก๋า










:: ล่มเมืองด้วยตะเกียบคู่เดียว ::




หิมะโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย
ท่ามกลางความหนาวเหน็บอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนบนแผ่นดิน
ประชาชนทนทุกข์เทวษอย่างแสนสาหัส
ผลผลิตการเกษตรย่อยยับเสียหาย การค้าขายชะงักงัน
เนื่องจากคำประกาศจากทางการห้ามเคลื่อนย้ายผู้คนไปต่างเมือง
โรคร้ายระบาดโดยมิรู้สาเหตุ ผู้คนล้มตายมากมายจนที่ฝังศพไม่พอเพียง











เซี้ยงเส้าหลงเป็นขุนนางตงฉินที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนแล้วในราชสำนัก
เขาเป็นคนเดียวที่กล้าทูลคัดค้านองค์เหนือหัวเจ้าชีวิตโดยไม่กลัวตาย
ถวายความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาจนขุนนางกังฉินที่แวดล้อมองค์ฮ่องเต้ขุ่นเคืองใจ

วันนี้อีกเช่นกัน เซี้ยงเส้าหลงเร่งรีบเข้าเฝ้าเพื่อถวายคำคัดค้านในการออกพระราชกฤษฎีกาฉบับสำคัญ
ในโถงท้องพระโรงขุนนางฝ่ายซ้ายฝ่ายขวายืนรับเสด็จกันพร้อมหน้า
องค์ฮ่องเต้นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยพระพักตร์หน่ายเนือย
ทรงมิสนใจในราชกิจหากแต่จิตใจลอยล่องไปถึงสระอาบรักในหอตำหนักชั้นใน
ที่นั่นเหล่าสนมเปลือยกายรอพระองค์อยู่ในสระน้ำเกือบสามสิบนาง
น้ำจัณฑ์จำนวนมากมายดื่มกินไม่หมด อาหารคาวหวานเลิศรสชั้นยอดจากสุดยอดพ่อครัว
พระองค์แทบจะยกราชกิจให้กับเจียงม่อคุ่ยเป็นผู้สำเร็จราชการแทนทั้งหมด
แต่เจียงม่อคุ่ยก็ทำอะไรได้ไม่เต็มมือ เนื่องจากมักถูกเซี้ยงเส้าหลงขุนนางเก่าแก่คอยคัดค้านร่ำไป

“ใครมีอะไรจะเสนออีกก็ว่าไป อย่าได้ทำเสียเวลาของข้ามากไปกว่านี้เลย” องค์ฮ่องเต้ตรัสขึ้น

เซี้ยงเส้าหลงก้าวเท้ามาข้างหน้าแล้วทูลด้วยเสียงดังฟังชัด
“ข้าพระองค์ขอทูลคัดค้านกฎหมายการปรับส่วยภาษีอากรของประชาชนฉบับใหม่พะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้มองไปยังเจียงม่อคุ่ยผู้เสนอฏหมายฉบับนี้ให้พระองค์ลงตราประทับเมื่อวันก่อน
วันนั้นพระองค์กำลังเมามายอย่างหนัก รู้ว่าลงตราประทับ แต่ไม่รู้ว่าเป็นกฎหมายอะไร
เจียงม่อคุ่ยรีบก้าวเท้าเดินออกมาแล้วกล่าวว่า
“กฎหมายฉบับนี้จะทำราชสำนักมีเงินเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งเท่าตัว ข้าพระองค์จึงทำการเสนอไปขอรับ”
เซี้ยงเส้าหลงส่ายหน้าพร้อมสวนคำไปในทันที
“แต่ในภาวะบ้านเมืองลำยากยากแค้นแบบนี้ การออกกฎหมายที่ไร้ความชอบธรรม
เท่ากับการเหยียบย่ำซ้ำเติมประชาชนมิใช่หรือ”
เจียงม่อคุ่ยหน้าแดงก่ำด้วยเพราะถูกขัดใจ
“เจ้าจะไปเดือดร้อนทำไม เงินก็เงินประชาชน”

เซี้ยงเส้าหลงแหงนหน้ามองไปที่องค์เหนือหัว เขาไม่อยากสนทนาว่าความกับเจียงม่อคุ่ยแม้เพียงคำเดียว
ด้วยรู้ดีว่านับวันเจียงม่อคุ่ยเริ่มกุมอำนาจในมือไว้ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ในวังมีการกินสินบาทคาดสินบนขุนนางเต็มไปหมด ขุนนางกับเหล่าทหารแตกความสามัคคี
พวกใครพวกมัน คนชั่วต่างกอบโกยแสวงหาผลประโยชน์กันอย่างไร้ยางอาย
เอาพวก เอาพี่เอาน้อง เอาลูกเมียของตนเข้ามารับตำแหน่งราชการโดยไม่ดูความสามารถ
ขุนนางที่รับมาก็มีแต่พวกไร้ประโยชน์ ดีแต่ประจบประแจง ใช้ลิ้นสามแฉกทำงานรับเงินเดือนไปวัน ๆ
ใครคล้อยตามเจียงม่อคุ่ยก็ก้าวหน้า ส่วนใครขัดขวางก็ถูกบีบให้ต้องลาออกจากราชการไป
ถึงตอนนี้แทบไม่เหลือคนดีมีความสามารถอยู่ข้างกายฮ่องเต้อีกต่อไป

เซี้ยงเส้าหลงจ้องมองเจียงม่อคุ่ยตาไม่กระพริบ เขาพูดขึ้นด้วยเสียงอันดังก้องว่า
“ลำพังแค่เก็บส่วย 12 ส่วนจากร้อยก็ว่าหนักหนาสาหัสแล้ว นี่เจ้ายังทำทุเรศ
ปรับเพิ่มเป็น 28 ส่วน ช่างน่าบัดซบนัก ใจเจ้าทำด้วยอะไร จึงไม่เคยแยแสความรู้สึกประชาราษฎร์
ยิ่งตอนนี้เกิดกลียุคทุกข์เข็ญไปทั่วจากโรคร้ายและภัยธรรมชาติ
การออกกฎหมายที่ไร้ความชอบธรรมเช่นนี้ มิใช่ผลักประชาชนให้กลายเป็นศัตรูต่อต้านราชสำนักใช่มิใช่”

ฮ่องเต้ทนนิ่งฟังมาพักใหญ่ พระองค์ตรัสเสริมขึ้น
“มีภัยธรรมชาติอันใดเกิดขึ้นในแผ่นดินข้าด้วยรึ ใยข้ามิรู้ ?”

เซี้ยงเส้าหลงรีบทูลกล่าว
“ขณะนี้มีโรคร้ายมิทราบสาเหตุเกิดขึ้นในแผ่นดิน ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน
จนที่ฝังศพมีไม่เพียงพอ ผลผลิตการเกษตรย่อยยับจากภัยธรรมชาติ
ประชาชนทนความหนาวอันโหดร้ายไม่ไหว พากันล้มตายไปเป็นอันมาก
องค์เหนือหัวอาจมิรับรู้ถึงความหนาว เพราะพระองค์ห่มพระวรกายด้วยขนสุนัขจิ้งจอกอันหนานุ่ม
ต่างกับประชาราษฎร์ที่ทั้งหนาว ทั้งหิวโหย จนแทบจะอดตายกันหมด
ขอพระองค์โปรดทรงพิจารณาด้วยเถิดพระเจ้าข้า บัดนี้ชาวบ้านร้านช่องแทบจะไม่เหลือข้าวสารไว้ให้กรอกหม้อกินแล้ว”
องค์ฮ่องเต้นิ่งฟัง ก่อนแย้มสรวล
“ไม่มีข้าวกิน ใยไม่กินบะหมี่แทนเล่า”

เมื่อฮ่องเต้ตรัสจบความ ขุนนางกังฉินต่างหัวเราะขึ้นโดยพร้อมเพรียง
เซี้ยงเส้าหลงสะท้านใจ พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลรินออกมา
เขาล้วงมือหยิบตะเกียบงาช้างคู่หนึ่งออกมาชูขึ้นพร้อมกล่าวว่า
“ข้าพระองค์ทำงานรับใช้ราชสำนักมาอย่างยาวนานด้วยความซื่อสัตย์
ยึดมั่นในผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ด้วยรู้ดีว่าราชสำนักเป็นเหมือนเรือ
ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ เรือลอยอยู่ในน้ำ และน้ำนั้นก็ล่มเรือได้
ตะเกียบคู่นี้พระองค์ราชทานให้กับหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันมิเคยนำมันมาใช้เลย
เนื่องเพราะรู้ดีว่าหากขุนนางกล้าใช้ตะเกียบงาช้าง ย่อมแสดงถึงความฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ
บัดนี้ข้ามิอาจแย้งทัดทานอะไรใดใดได้อีก เห็นทีราชวงศ์ของพระองค์คงต้องสิ้นสุดในกาลยุคนี้เป็นแน่แท้”

มิคาดคิด เมื่อพูดจบความ เซี้ยงเส้าหลงก็ใช้ตะเกียบงาช้างเสียบแทงทะลุคอตัวเอง
ล้มลงขาดใจตายท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคน













หิมะยังคงโปรยปรายลงมาอย่างหนัก
ลมพัดวู่หวิว กิ่งไม้แห้งลิ่วลู่ไปตามลม
กฎหมายฉบับนั้นผ่านความเห็นชอบโดยปราศจากคนคัดค้าน
ประชาชนล้มตายมากขึ้น ร้านรวงพากันเลิกกิจการแทบทั้งหมด
ชาวบ้านร้านช่องพากันหลบลี้หนีตายจากแผ่นดินที่ไร้ความยุติธรรม
จริงดั่งคำที่นักปราชญ์โบราณกล่าวไว้ --- ข้าราชการชั่วน่ากลัวกว่าพยัคฆ์

ไม่นานนัก....เมืองฉู่ที่อยู่ข้างกัน จึงกรีฑาทัพหลวงเข้ามาตียึดครองเมืองฉี
ฮ่องเต้เผาตัวเองตายในวังหลวงอย่างหมดทางสู้ ขุนนางโฉดชั่วหนีตายมิรู้ทิศทาง
ใช้เวลาเพียงไม่นานเมืองฉีก็ล่มสลายกลายเป็นหน้าประวัติศาสตร์หนึ่ง
ที่ผู้คนจดจำในความเหลวแหลกแห่งการปกครองบ้านเมือง

























 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2563
17 comments
Last Update : 21 พฤษภาคม 2563 6:58:33 น.
Counter : 1923 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณสองแผ่นดิน, คุณอุ้มสี, คุณnonnoiGiwGiw, คุณหอมกร, คุณตะลีกีปัส, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณเริงฤดีนะ, คุณเนินน้ำ, คุณtuk-tuk@korat, คุณTui Laksi, คุณhaiku, คุณThe Kop Civil, คุณชีริว, คุณSweet_pills, คุณtoor36, คุณnewyorknurse, คุณธนูคือลุงแอ็ด

 

โห ทันสมัยมาก... แล้วจะมีใครมาจัดการผู้มัวเมาได้เนาะ

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 21 พฤษภาคม 2563 7:10:04 น.  

 

คนออกโจทย์ก็ร่ายได้ยาวเลยนะคะ
พี่ยังมึนกับโจทย์อยู่เลย
คงต้องอัพบ่ายๆหรือเย็นๆไปโน่น

 

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า 21 พฤษภาคม 2563 7:11:18 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับ คุณก๋า
ความจริงใจจอมปลอมมีมาแต่โบราณนมนานเลยนะครับ
คนที่มีความจริงใจแท้แน่นอนก็ตายคนแล้วคนเล่า
ไม่ได้ร่วมงานตะพาบมานานเลย

เมื่อคืน ฝนตกอีกครับ

 

โดย: สองแผ่นดิน 21 พฤษภาคม 2563 8:19:26 น.  

 

โดน

 

โดย: อุ้มสี 21 พฤษภาคม 2563 8:27:57 น.  

 

กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
ไหนบอกบล็อกเพลงตลอดเดือนไงคุณก๋า

 

โดย: หอมกร 21 พฤษภาคม 2563 9:27:17 น.  

 

สวัสดีมีสุขค่ะ

ข้อเขียนดูเหมือนคับแค้นขุ่นเคือง
ประเดประดังอยู่ในอก
ระบายเป็นบทความแบบนี้ ดีกว่าก่นด่าทอ
ด้วยคำหยาบคาย ให้คนอ่านตีความเอาเอง
ชื่อตัวละครจำยากค่ะ

 

โดย: ตะลีกีปัส 21 พฤษภาคม 2563 11:04:51 น.  

 

สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

ตะพาบ "ความจริงใจ ที่ไม่จริงใจ" ครั้งนี้ มีแนว
การเมืองเข้ามา เป็นตัวละครสมมติ มีกลิ่นอาย โรคระบาด ทัน
เหตุการณ์ปัจจุบัน ร่วมด้วย
แต่ครูไม่เห็นด้วยกับการฆ่าตัวตายของตัวละครตงฉินนะ
การฆ่าตัวตาย ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร และอีกอย่าง กษัตริย์ก็ยัง
ไม่ได้กล่าวว่าจะไม่แก้ปัญหา ตายชะแล้ว เป็นการตายที่ไม่ได้
เกิดประโยชน์อะไร เลยนะเนี่ย อิอิ

โหวดหมวด งานเขียน ฯ

 

โดย: อาจารย์สุวิมล 21 พฤษภาคม 2563 12:58:04 น.  

 

อ่านไปก็คิดไป.. หนอนว่าพอเรื่องทุกอย่างมันถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

มันก็จะถูก Set Zero ไหมพี่.. เหมือนสมัยก่อนที่กรุงแตก
อะไรแบบนั้นไง.. หรือยุคไดโนเสา โลกโดนล้างบางไรแบบนั้น

แล้วถ้าในยุคปัจจุบัน มันจะถูก Set Zero ยังไงอ่า
นี่ต่างชาติก็ตายกันเป็นเบือ อย่างรัสเซีย เลขผู้ป่วยเยอะมาก
แต่เลขผู้เสียชีวิตน้อยสุดๆ จนแอบคิดว่า หรือเค้าเอาไปฝัง
รวมๆ กันเหมือนยุคสมัยสงครามแล้วไม่แจ้งชื่อ..

เศรษฐกิจก็แย่ลงเรื่อยๆ คนก็ได้แต่ปรับตัว
หาสภาวะที่สมดุล พวกเกษตรกรบางส่วน
หันมาค้าขายออนไลน์ พ่อค้าคนกลางก็รับของส่งตามบ้าน
แม้กระทั่งบริษัทร้านค้า ยังต้องหามาตรการทำงานที่บ้าน
มาเตรียมพร้อมไว้เสมอ เพราะเมื่อเกิดสภาวะฉุกเฉิน
จะได้แก้ไขได้ทัน..

เรื่องโรคร้ายก็ปวดหัว แต่เรื่องรัฐเป็นหนี้แล้ว
เป็นหนี้อีก ปวดหัวยิ่งกว่า เตี้ยอุ้มค่อม
แล้วผลกระทบก็ตกอยู่ที่ประชาชนตาดำๆเนอะพี่

 

โดย: nonnoiGiwGiw 21 พฤษภาคม 2563 12:58:08 น.  

 

อ่านแล้วคุ้น ๆ นะคะ
รู้สึกสะท้อนใจมาก ๆ ค่ะ
แต่การปลิดชีพตัวเองของเซี้ยงเส้าหลงช่างน่าเสียดายยิ่งนัก

 

โดย: เนินน้ำ 21 พฤษภาคม 2563 13:37:30 น.  

 

 

โดย: tuk-tuk@korat 21 พฤษภาคม 2563 15:14:22 น.  

 

โอ้ว..อ่านแล้วเศร้ารันทดกับประชาชนคนจีนในยุคนั้น
เขียนมาจากเรื่องจริงมั๊ยคร้า Based on true Story!

มันเศร้าที่ต้องเห็นคนฆ่าตัวตายด้วยตะเกียบงาช้าง
ถึงกับทำให้อาณาจักรเมืองฉี พินาศล่มสลายลง
เราว่าเหมาะสมแล้วละ ที่ฮ้องเต้ ไม่สนใจฟังคนจริงใจแนะนำ
ถูกคนไม่จริงใจ เห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประชาชนที่อดอยาก
เขียนอ่านสนุก เหมือนซีรีีย์จีน หนึ่งซีรี่ย๋คร้า...

 

โดย: Tui Laksi 21 พฤษภาคม 2563 18:42:25 น.  

 

วันนี้กะโหลกเยอะเลยครับ เนื้อเรื่องวันนี้ดัดปปลงจากสถานการณ์โควิดเลยป่ะ เข้ากับการขยาย พรก. ไปอีกเดือนด้วย
ยิ่งชนชั้นปกครองไม่ยึดโยงกับประชาชนยิ่งมองไม่เห็นปัญหา แลไม่เกิดการแก้ปัญหานะครับ
ก็ตามหลักการปกครองเลย ใครให้ประโยชน์กับชนชั้นปกครอง ชนชั้นปกครองก็จะตอบแทนกลุ่มนั้นเพื่อรักษาฐานอำนาจ
ประชาธิปไตยที่ยึดโยงกับประชาชนส่วนใหญ่จึงเป็นระบอบที่มีปัญหาน้อยที่สุด
ไม่มีข้าวก็กินบะหมี่สิ อันนี้คุ้นๆ เหมือนแซวมารี อังตัวเน็ต 555
เมื่อความดียอมแพ้เซี้ยงเส้าหลงก็ต้องเอาตะเกียบทิ่มคอตาย
สุดท้ายถ้าชนชั้นปกครองไม่ขยับและให้คนข้างล่างทนไม่ไหวเมื่อไหร่ ก็นองเลือดนะครับ
หรือไม่งั้นประชาชนอ่อนแอเมืองก็อ่อนแอจนถูกทำลายโดยข้าศึกเช่นนี้เอง

 

โดย: ชีริว 21 พฤษภาคม 2563 23:15:30 น.  

 

การสละชีพของเซี้ยงเส้าหลงหามีผลอันใดไม่
แม้จะมีเซี้ยงเส้าหลงอีกกี่คนก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
ช่างน่าหดหู่ใจยิ่งนักค่ะคุณก๋า


ฝันดีนะคะ

 

โดย: Sweet_pills 21 พฤษภาคม 2563 23:39:55 น.  

 

"ไม่มีข้าวกิน ใยไม่กินบะหมี่แทนเล่า" ผมนึกว่าจะโดนฆ่าตั้งแต่ตอนนี้ซะแล้ว ยังโชคดีนะ นึกว่าจะโดนตะเกียบปักคอตายตั้งแต่ตอนนี้ซะแล้ว

ชาวบ้านทนไม่ไหวก็ลุกขึ้นมาก็โดนฆ่าสิครับ แต่ก็นะ คนที่ไม่มีอะไรจะเสีย พวกนี้น่ากลัว พวกทิ้งชีวิตแล้วพวกเขาทำได้ทุกอย่างจริงๆ

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 22 พฤษภาคม 2563 0:21:29 น.  

 


สวัสดีค่ะ น้องก๋า

 

โดย: newyorknurse 22 พฤษภาคม 2563 3:14:24 น.  

 

มิน่าเล่าคุณก๋า.....
ลุงแอ็ดไปเดินเล่นที่เขตเฉ่าหยาง
ยังเห็นรอยแห่งอดีตแห่งท้องถิ่นนั้น
ธรรมชาตินั้น ยิ่งใหญ่เสมอครับ

 

โดย: ธนูคือลุงแอ็ด 22 พฤษภาคม 2563 5:10:09 น.  

 

การสละชีพของเซี้ยงเส้าหลงหามีผลอันใดไม่
แม้จะมีเซี้ยงเส้าหลงอีกกี่คนก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
ช่างน่าหดหู่ใจยิ่งนักค่ะ

 

โดย: ดู (สมาชิกหมายเลข 5937387 ) 23 พฤษภาคม 2563 13:26:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]