กทม. - อช.เขาแหลมหญ้า จ.ระยอง(2024) ฉบับเดินทางด้วยรถสาธารณะ

ธันวาคม 2024
ช่วงปลายปี เราอยากหาพื้นที่กางเต็นท์ที่เพิ่งถอยมาใหม่เอี่ยมอ่อง ประเดิมปิดทริปปีนี้แบบไม่ใกล้ไม่ไกลแถบภาคตะวันออกที่เดินทางง่าย ๆ สักหน่อย ก็มาพบเจอกับชื่อ "เขาแหลมหญ้า" จากกลุ่มกางเต็นท์ ตั้งอยู่ที่ บ้านก้นอ่าว อ.บ้านเพ จ.ระยอง แถมยังมีบริเวณพื้นที่กางเต็นท์ติดทะเล และที่สำคัญก็คือมีโควต้ารับแค่จำนวน 40 หลังเท่านั้น (walk in 20 และจองออนไลน์ 20)
แต่ก็ไม่ต้องกังวลจะต้องไปแย่งที่กับใคร หากไม่ตรงกับช่วงหยุดยาว ลานกางเต็นท์ในวันปกติจะค่อนข้างวังเวง เพราะนักท่องเที่ยวไม่ค่อยนิยมค้างคืนที่นี่ ตัดเรื่องการที่ต้องนำอุปกรณ์พักแรมมาเอง มีหลายรีวิวเตือนไว้เรื่องลิงเจ้าถิ่น ที่ชอบมารบกวนค้นหาอาหาร ขโมยของ จนถึงขั้นฉีกทำลายเต็นท์! นอกเหนือจากนั้นถือว่ายอดเยี่ยม ทั้งห้องน้ำและบรรยากาศริมทะเล
สถานีขนส่งเอกมัย ใครเป็นคนบอกสัตหีบ ตั้งอยู่ใน จ.ระยอง?
ในวันเดินทางเรามาตั้งหลักที่สถานีขนส่งภาคตะวันออกฯ ตามความคุ้นชินเวลากลับบ้านในช่วงเวลาหนึ่งที่ต้องใช้บริการจากสถานีแห่งนี้ รอบนี้ตรงดิ่งไปที่ช่องจำหน่ายตั๋ว รถตู้ กรุงเทพฯ – ระยอง ถามถึงจุดลงรถปลายทาง ผ่านเขาแหลมหญ้ามั้ย? คนที่ประจำจุดขายตั๋วบอกแค่ว่ารถตู้สายนี้วิ่งเข้าตัวเมืองโดยตรง ไม่ผ่านเส้นนอก ทีแรกก็ว่าจะไปลงที่ขนส่งฯ แล้วต่อรถประจำทางเอาก็แล้วกัน ในตอนนั้นไม่มีใครรอคิวถัดจากเรา คุณพนักงานออกตั๋วเลยบอกให้รอสักครู่ ก่อนก้มดูที่มือถือพร้อมพิมพ์ข้อมูลปลายทาง ผ่าน google map หรือแอปสักตัว "เขาแหลมหญ้า ไปซื้อตั๋วที่รถตู้สัตหีบถัดไปอีกสองช่องได้เลยครับ" เขาชี้ไปยังจุดจำหน่ายตั๋ว กรุงเทพ-สัตหีบ ชาวสัตหีบตัวจริงได้แต่ยิ้มแห้ง แล้วก็ขอบคุณเป็นพิธี ข้อมูลที่ป้อนผ่านออนไลน์ทั้งหลายแหล่ พอทีมันก็ประมวลผลผิด ๆ ถูก ๆ ปักหมุดลงโลเคชั่นไปเรื่อยเปื่อย บ้างสับสนพรมแดนระหว่างจังหวัดก็เยอะ

⭗ นี่คือตัวอย่างที่พบเจอบ่อย ๆ
 ขนส่งฯ เอกมัย ยังมีรถตู้และรถโดยสารอีกหลายเจ้าที่วิ่งไประยอง ทุกอย่างยังไม่พังพินาศจ้า ตำแหน่งของเขาแหลมหญ้า อยู่ถัดไปจากหาดแม่รำพึงเพียงไม่กี่กิโล มองหาคีย์เวิร์ดตามป้าย บ้านก้นอ่าว หาดแม่รำพึง และบ้านเพ ไปเรื่อย ๆ เราก็ได้เจอกับรถตู้ที่จะสามารถวิ่งผ่านไปถึงหน้าอุทยานได้โดยตรง คนขายตั๋วเจ้านี้เขียนระบุที่หมายเอาไว้เพื่อแจ้งคนขับ เพราะที่จริงแล้วหากไม่มีใคร ไปลงที่อช.เขาแหลมหญ้า รถก็จะเลี่ยงไปอีกเส้นทางนึง ด้วยเหตุผลที่ว่าเดี๋ยวนี้มีคนไปลงที่นั่นกันไม่เยอะ
เราได้เที่ยวรถรอบ 9.30 น. ค่าโดยสาร 270 บาท ต้นทางมีแต่ต่างชาติที่จะไปเที่ยวเกาะเสม็ด ส่วนคนไทยมี 2คน โดยคนหนึ่งจะไปลงย่านหาดแม่รำพึง เป็นมินิบัส 20 ที่นั่ง สบาย ๆ
 ⭗ ช่องจำหน่ายตั๋วรถไปบ้านเพ เกาะเสม็ด ที่สามารถวิ่งไปส่งที่ อช.เขาแหลมหญ้าได้

⭗ 11.58 น. แวะจอดพักที่ปั๊มน้ำมัน ตรงข้ามวัดหนองว้า จ.ระยอง 
⭗ 12.52 น. รถจอดที่ฝั่งตรงข้ามอุทยาน เรามาชำระค่าเข้าอุทยานเป็นด่านแรกเสียก่อน (40 บาท) เป้ใหญ่กับเต็นท์ที่แบกมา เจ้าหน้าที่เลยอาสาขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่จุดทำการด้านบนเพื่อติดต่อจองพื้นที่กางเต็นท์ เนื่องจากเราจองออนไลน์และเสียค่าธรรมเนียมมาเรียบร้อยแล้วก็ยื่นใบเสร็จให้ตรวจสอบ แล้วก็เลือกจุดที่จะปักหลัก ก็มีหลายมุมที่เลียบเลาะไปตามหาดอยู่โซนท้าย ๆ ก็จะดูส่วนตัวหน่อย แต่นี่อยากได้แบบใกล้จุดประจำการเจ้าหน้าที่และห้องน้ำ เลยได้ที่แคร่ ฉลามวาฬ 1 มาครอง และแม้ตอนนี้จะบ่ายโมงแล้ว นอกเหนือจากเราก็ยังไม่มีใครมาลงชื่อจองจุดกางเต็นท์สักราย จบเรื่องที่ต้องติดต่อแล้วคุณเจ้าหน้าที่ที่มาส่งก็บิดมอ’ไซค์พาไปส่งต่อที่ด้านล่าง ระยะทางจากหน้าทางเข้ากับจุดท่องเที่ยวนี่ไกลเอาเรื่อง แถมช่วงเนินก็สู๊งสูง ส่วนใครเอารถส่วนตัวมาเองก็ต้องจอดรถไว้ที่ด้านบน จากนั้นถึงค่อยเดินลงเนินไปยังพื้นที่ด้านล่างอีกที ถ้ามาตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะมีรถสองแถวของอุทยานฯ ให้บริการไปส่ง จากหน้าปากทางมาจนถึงจุดท่องเที่ยว(ฟรี) ตอนที่ซ้อนท้ายก็มีถามเรื่องลิงเจ้าถิ่นที่ต้องระวังยังไงบ้าง เพราะมาคนเดียวไม่มีคนเฝ้าของให้ คุณเจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้กางเต็นท์ช่วงหลังห้าโมงครึ่ง เป็นช่วงที่พวกลิงจะกลับขึ้นเขากันแล้ว ส่วนสัมภาระก็ฝากไว้ที่ป้อมได้ จุดตรงนั้นมีคนดูแล 24 ชั่วโมง และก็มีบางช่วงที่พยายามพูดเรื่อง ของลิงให้ฟัง "ลิงที่นี่ไม่ดุหรอกครับ เขาค่อนข้างรู้" หว่านล้อมให้คล้อยตาม น้องไม่ดุ น้องน่ารัก ไอ้ช่วงระหว่างเข้าโค้งนี่สิ สิ่งที่เห็นตำตาก็คือมีลิงกลุ่มหนึ่งกำลังรุมแก้วพลาสติก สวบกินน้ำแข็งและน้ำแดงหกกระจายเลอะเกลื่อนจากพื้นถนน "พยายามอย่าเดินถือของกินนะครับ" เจ้าหน้าที่บอก
จ้า น้องไม่ดุ น้องน่ารัก 
⭗ ป้ายจองจุดกางเต็นท์แคร่ที่ 1 ตำแหน่งนี้ในชื่อเดิมน่าจะเป็น A1

⭗ ลานกางเต็นท์ ฉลามวาฬ 1-2-3 ป้อมประจำการเจ้าหน้าที่(เราฝากของไว้ที่นี่) บริเวณแยกนี้เชื่อมต่อกับเนินทางลง

⭗ ห้องน้ำ/ห้องอาบน้ำ ของโซนแรก
ฉลามวาฬ 1 ยังไม่เข้าประจำการ
ช่วงบ่าย ๆ แบบนี้มีนักท่องเที่ยวเยอะอยู่นะ แต่ส่วนมากไม่ค้างคืน เราฝากเป้กับเต็นท์ไว้ที่ป้อม ก่อนออกไปหาอะไรกินแล้วก็เดินเที่ยว ริมหาดไปพลาง ๆ ก่อน ฤดูหนาวปีนี้ อากาศเย็นเขามาเป็นระลอก แต่วันที่เดินทางมีฝนปรอยเบา ๆ ท้องฟ้ามีเมฆครึ้มสลับกับแดดและร้อนอีกด้วย! กว่าจะพร้อมออกเดินไปตามเส้นทางสำรวจธรรมชาติก็โน่นแหละ บ่ายสองกว่า ๆ เห็นแดดแล้วตาลาย ระหว่างนี้ก็โทรติดต่อรถตู้สำหรับเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ กินข้าว แล้วก็ดูนักท่องเที่ยวเขาหามุมถ่ายรูปกับนางผีเสื้อสมุทรแล้วก็ศาลาสีขาวที่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์ก ดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักท่องเที่ยวกับลิงเจ้าถิ่น การหาทางออกในการอยู่ร่วมกันของร้านค้าและฝูงลิง ด้วยลวดตาข่ายที่ล้อมปิด และเสียงปืนกลเด็กเล่นที่ดังปิ้ว ๆๆ สำหรับขู่ให้ลิงกลัว ที่เห็นกับตาจากหน้าร้านสวัสดิการ เขาจะต้องปิดเลื่อนบานกระจกเอาไว้เสมอ แต่พวกลิงก็เอามือแหวกประตูเปิดได้อยู่ดี--เก่งจริงจริ๊ง!

⭗ จ๋อ ปีนเก้าอี้มานั่งเสนอหน้า

⭗ ลิงเจ้าถิ่น ที่มาป้วนเปี้ยนใกล้ ๆ จุดนั่งพัก

⭗ ขนาดร้านอาหารยังตั้งชื่อ "ครัววานร" กั้นรั้วรอบขอบชิด ให้คนสั่งอาหารเข้าไปนั่งกินอย่างสงบด้านใน 
⭗ หน้าร้านกาแฟ และคนที่อยู่ประจำร้าน (เสื้อขาว) ที่ดูสนิทสนมกันดีกับพวกจ๋อ

⭗ ปลายหาดที่เชื่อมต่อกับโรงแรมระยองรีสอร์ทฯ

⭗ เปลือกหอย ซากปะการัง ที่บริเวณริมหาด (ไม่ควรเก็บกลับไปเป็นที่ระลึกนะคะ)

⭗ ศาลาสีขาว มุมเช็คอินยอดนิยม ประจำเขาแหลมหญ้า
สถานีแรก ขึ้นต้นที่ลำดับ 9
มีเส้นทางเดินลัดเลียบริมทะเล ที่เห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวก่อนหน้าพากันเดินไปตรงนั้น จุดแรกที่เจอมีป้ายขึ้นบอกก็เป็นสถานีที่เก้า เอ๊ะยังไง? เรารู้แค่ว่ามีทางเดินใหม่ที่เพิ่งสร้างเพิ่มขึ้นมาเป็นพื้นกระจกใส โดยมีส่วนที่เชื่อมต่อกับทางเดินปกติและยื่นลงไปในทะเลแค่นั้น เดี๋ยวก็คงรู้เองแหละ เพราะยิ่งเดินไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอกับ สถานีที่ 8,7,6… ซึ่งบางช่วงก็เจอกับคนที่เดินสวนผ่านมาด้วย ตามความเข้าใจ ณ ตอนนั้นพวกเขาคงเดินไปถึงสถานีแรกแล้วย้อนกลับ

⭗ ทางเดินลงไปยังเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ตรงนี้มีจุดที่นำรถเข็นลงไปได้

⭗ สภาพทางเลียบทะเล เดินง่ายมาก ทะเลแถวนี้น้ำใสดี มีคนลงไปเล่นน้ำกันด้วย

⭗ ซุ้มนั่งพัก หลบร้อนและวิวของเกาะเสม็ดฟากตรงข้าม

⭗ สะพาน sky walk ที่เพิ่งทำใหม่ กำลังเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว

⭗ ส่วนที่ยื่นลงทะเล ก็ไม่ลึกมาเท่าไหร่ พอเป็นสีสันในการดูเพรียงและปูทะเล ที่อยู่บนโขดหิน

⭗ ผู้คนที่สวนผ่านมาอีกทิศทาง

⭗ เตยทะเล
หลังหลุดออกมาจากโซนต้นเตยทะล ก็จะมาถึงตรงลานหินควอร์ตไซต์ ตรงนี้เป็นที่โล่งแจ้งที่ดูแล้ง ๆ และร้อนมาก อยากมีรูปบ้างอะไรบ้าง ก็ตั้งกล้องถ่ายแล้ววิ่งไปมาจนหมดแรง ที่ตรงนี้เป็นสถานีลำดับที่ 5 แล้วเรายังต้องตามหาจุดเดินเชื่อมต่อจากที่ไหนเนี่ย? จะเดินลัดเลียบไปตรงริมเขา ก็ดูอันตรายไปหน่อย เห็นป้ายเขาแหลมหญ้าด้านบนกับรอยเท้าที่พอนำทางได้ ก็ปีนขึ้นไปต่อเลยจ้า ทำให้พอนึกออกว่า ที่ตรงนี้แหละ ที่ร่ำลือกันว่าปราบดอกยางรองเท้า ของใครหลายคนมาแล้ว

⭗ ทางเดินขึ้นเนินด้านบน

⭗ เรือประมงรอบบ่าย ที่แล่นผ่านในช่วงนี้

⭗ ลานหิน สถานีที่ 5

⭗ หินชนิดนี้เขาว่าเอามือไปถูแล้วจะมีประกายติดมือด้วยนะ

⭗ ที่ตั้งของป้ายอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า ที่ด้านบน

⭗ ขึ้นมาถึงด้านบนแล้ว ทำไมกองหินเยอะจัง

⭗ คนด้านล่างสองรายที่หามุมถ่ายภาพตรงลานหิน เหลือตัวนิดเดียว

⭗ บ่ายสามกว่า ๆ เมฆเต็มท้องฟ้า มีเรือใบผ่านแล่นมาหนึ่งลำถ้วน
ช่วงเดินหอบแฮ่ก ๆ เป็นหมากึ่งเดินกึ่งคลานไปถึงด้านบน เห็นร่มไม้สีเขียว ได้ยินเสียงเพลงเบา ๆ และผู้หญิงชุดขาว อ๋อ มีนักท่องเที่ยวมานั่งพักอ่านหนังสืออยู่ตามลำพัง
เราเดินเลยจากตรงนั้นไปเข้าสู่อุโมงค์ต้นไม้ เริ่มมีความร่มรื่น แต่ร่างกายยังรู้สึกร้อนไม่หายจากแดดที่พึ่งฝ่ามา กางเกงเดินป่าขายาว ที่หยิบเปลี่ยนไม่ทันก็อาจเป็นภาระนิด ๆ เพราะหลังจากเอาเป้ของไปฝากที่ป้อมแล้ว ก็ไม่ได้ย้อนกลับไปตรงนั้นอีก
ได้เจอสถานีที่ 3 – 2 และนักท่องเที่ยวที่เดินสวนมา พวกเขายังดูสบายดี โดยไม่มีเหงื่อท่วมเหมือนเรา ด้านบนนี้บางทีก็เงียบจนวังเวง แต่บางครั้งก็มีเสียงเขย่ากิ่งไม้ ลั่นมาจากด้านบน ที่น่าจะเป็นพวกลิงที่แอบซุ่มอยู่บนเขา ใครที่มาเดิน(ครั้งแรก)ในช่วงเวลาที่เย็นกว่านี้ อาจมีตกใจได้ง่ายเชียวล่ะ

⭗ จากลานหินที่แห้งแล้ง เมื่อขึ้นมาด้านบนก็เปลี่ยนบรรยากาศเป็นอุโมงค์ต้นไม้สีเขียว

⭗ ป้ายสถานีที่ 1

⭗ ทางเดินเข้าจากซีกฝั่งนี้

⭗ แหลมที่ตั้งของศาลาขาว เมื่อมองลงมาจากมุมสูง ตรงสะพานไม้ด้านข้างมีที่จอดเรือ ที่วิ่งเชื่อมระหว่าง เกาะเสม็ด - เขาแหลมหญ้า เจอสถานีแรกแล้ว! สภาพแวดล้อมของที่ตรงนี้ก็คือ ป่าดิบแล้งฝั่งทะเล (Litforal Seasonal Rain Forest) เส้นทางเดินที่เป็นจุดแรก ซ่อนตัวอยู่ที่นี่เอง ถ้าไม่ติดรถจนท. แล้วเดินมาเองก็คงจะสังเกตเห็นมันแต่แรก เพราะทั้งสองฟากทำป้าย เส้นทางสำรวจธรรมชาติ เอาไว้เหมือนกัน ใครใคร่เห็นสภาพแวดล้อม ป่าไม้ - ชายทะเล ก็แนะนำให้มาจาก 1-9 ระยะทางรอบเดินอยู่ที่ 1.25 กิโลเมตร ส่วนใครอยากเน้นถ่ายรูปก็ไปฝั่งสถานีที่ติดกับริมทะเล ตามที่เดินมาแต่แรกก็ได้ แต่ข้อเสียคือเป็นทิศทางที่เดินหันหน้าเข้าหาแดดจัง ๆ

⭗ เส้นทางถนนที่ต้องเดินลงมาหลังจอดรถตรงลานด้านบน

⭗ ลิงมาเฟีย บนหลังคาร้านสวัสดิการ
 ⭗ บ้านพักของอุทยานฯ ที่ตั้งชื่อกันตามตัวละครเรื่องพระอภัยมณี 
⭗ แผนที่ในอาณาเขต

⭗ เขตปลอดขยะ ที่นี่ไม่มีจุดทิ้งขยะนะ ป้องกันลิงไปรื้อมากินแล้วเกิดอาการบาดเจ็บหรือป่วยได้

⭗ มีลิงขึ้นไปปีนหลังคารถแล้ว
มีรถของครอบครัวหนึ่งมาจอดเทียบตรงจุดกางเต็นท์ ในวันที่นักท่องเที่ยวผู้มาพักแรมมีไม่มาก ทางอุทยานฯ คงผ่อนปรนให้เอารถลงมาได้ เพื่อสะดวกในการจัดเก็บและป้องกัน(ลิง) เพราะปกติเขาจะให้จอดที่ด้านบนแล้ว มีรถเข็นใส่ข้าวของให้ยืม
งั้นก็แแปลว่า คืนนี้เราไม่ได้ครองลานกางเต็นท์คนเดียวแล้ว เย้ ๆ เห็นครอบครัวที่นำรถมาพวกเขาเริ่มปักหลักตั้งแคมป์กันตั้งแต่เนิ่น ๆ ส่วนเราปาไปเกือบห้าโมงกว่า ก็ยังไม่ได้กางเต็นท์เหมือนเขาสักที ฤกษ์ที่ดี คือฤกษ์ที่ลิงกลับขึ้นเขา
และที่แคร่ไม้ฉลามวาฬ 3 ก็ดันมีลิงสองตัวมานั่งหาเห็บหมัดกันอีก

⭗ แขกผู้ไม่ได้รับเชิญหนึ่งคู่ที่แคร่ ฉลามวาฬ 3
เดินเที่ยวจนรอบแล้ว จนไม่รู้จะไปไหนต่อ อยากอาบน้ำ กางเต็นท์ เก็บข้าวของในพื้นที่ส่วนตัวให้จบ ๆ รอนานถึงช่วงหกโมงเย็นโน่น กว่าพวกลิงจะกลับขึ้นเขาจนหมดเกลี้ยง แม้ตอนนี้จะยังมีตกค้างอยู่บ้าง แต่ก็รอไม่ไหว กลับไปเอาสัมภาระที่ฝากไว้ที่ป้อมมาเลยละกัน จนท.ที่อยู่เวรตอนนั้นก็ดูไม่อยากขัดใจแล้ว
พกงูยางมาหนึ่งตัว วางไว้ข้างเต็นท์หลอกลิง จำมาจากรีวิวนึง ไม่รู้ว่าได้ผลมั้ย ถ้าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่เนอะ (แจ้งเจ้าหน้าที่สักนิดก่อน เดี๋ยวแกคิดว่างูจริงแล้วเอาไม้ฟาด)
เพราะระหว่างอยู่จุดพักแรม แต่ยังไม่เข้าไปสิงในเต็นท์ แกก็จะเดินตระเวนตรวจตราบ้าง ชวนคุยนิด ๆ หน่อย ๆ เห็นว่าช่วงหยุดยาวจะมีคนมากางเต็นท์เยอะเลย วุ่นน่าดู ไม่รู้เพราะคนเยอะหรือต้องคอยช่วยไล่ลิง อาบน้ำเสร็จ บรรยากาศเริ่มมืดลง ที่จุดกางเต็นท์แต่ละเขตจะมีไฟส่องสว่างอยู่แล้ว กะว่าจะนั่งตากลมนับดาวฟังเสียงคลื่น ก็ต้องมาเจอกับปรอยฝน ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ปี 2024 ที่อากาศหนาวมาเป็นระลอก ๆ จนเทพฤดูหนาวได้รับฉายาว่าทรงร่างทอง ดันมาพักงานอะไรในวันนี้ เข้าไปมุดอยู่ในเต็นท์ตั้งแต่ หนึ่งทุ่มกว่า ๆ เสียงฝนเปาะแปะ ๆ ด้านนอกแต่ไม่มีลมกรรโชกแรง จะว่าไปเขาว่าเต็นท์รุ่นที่เพิ่งถอยมา กันลมกันฝนได้ดี (ไม่เหมาะกับฤดูร้อน) แต่นี่ไม่ใช่เวลามาพิสูจน์มั้ย ออกไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ จนท.ก็เดินมาบอกแผนสำรองให้ เผื่อว่าฝนแรงกว่านี้ให้ยกเต็นท์ไปกางที่เพิงจอดรถฝั่งตรงข้ามได้เลย โชคดีที่มันไม่ตกหนักอะไร ส่งข้อความอำลา ขอตัวไปนอนกับผู้คนทางบ้าน ตั้งแต่ยังไม่ทันสองทุ่มดี แอบหวังว่าจะไม่ต้องย้ายจุดประจำการ ไปอีกฝั่งก็พอ ตลอดคืนเท่าที่มีสติก็จะได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่าน แล้วก็มาหยุดที่ป้อม เป็นการลาดตระเวนตรวจตราความเรียบร้อย ของเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชม. 
⭗ แสงแรกของเช้าวันถัดมา

⭗ ตื่นมาฟังเสียงคลื่นลม ถ้าไม่ติดเรื่องลิง คงได้ลงไปเล่นน้ำทะเลแต่เช้า
เช้าของอีกวัน เราตื่นเช้ามาก ๆ แต่ก็ยังไม่ได้เก็บข้าวของ ออกไปล้างหน้าแปรงฟัน ที่ห้องน้ำจะตั้งเยื้องกับแคร่ไม้ไม่ไกล จุดวางอ่างล้างหน้าจะมีกระจกบานใหญ่สะท้อนให้เห็นทะเลและลานกางเต็นท์ ช่วงหกโมงครึ่ง ภาพในกระจกที่เห็นคือลิงใหญ่ตัวแรก กำลังเดินอยู่บนถนน จากที่คิดว่าจะเก็บข้าวของสักเจ็ดโมง ปฏิกิริยาแรกที่สมองสั่งการก็คือ ต้องโกยให้ทันก่อนที่พวกนี้จะแห่มายกฝูง สรุป ต้องฝากของไว้ที่ป้อมตามเดิม แล้วก็ปลีกตัวไปเดินเที่ยวที่ทางเดินเลียบทะเลเก็บตกอีกสักนิด บรรยากาศตอนเช้ากำลังสบาย ๆ ไม่ร้อนอบอ้าวแบบเมื่อวานนี้ เสียอย่างเดียวคือฟ้าครึ้มมีเมฆมาก เดินไปถึงแค่ต้นเตยทะเล ไม่บุกป่าฝ่าดงไปบนเนินเขาแหลมหญ้าแล้วนะ สงสารรองเท้า

⭗ ศาลาขาว กับท้องฟ้าช่วงเช้า

⭗ เห็นนกน้ำสองตัวที่ตระเวนหาเหยื่อหาปลา อย่างนกยางตัวขาวแล้วก็นกยางทะเลขนสีเทาเข้ม

⭗ เรือประมง รอบเช้า มีผู้หญิงผมสั้นรายนึงวิ่งออกกำลังกายผ่านมา เดาว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่อุทยาน เพราะมันยังเช้ามาก ๆ อยู่เลย ส่วนเรากำลังเตรียมตัวย้ายออกตอนแปดโมง เดินขึ้นเนินไปยังจุดทำการ คืนป้ายฉลามวาฬที่สำนักงาน รอบนี้ใช้วิธีเดินลัดขึ้นไปทางบ้านพัก (คุณเจ้าหน้าที่บอกว่าเดินง่ายกว่าทางถนนเส้นปกติ และไม่ต้องเสี่ยงเจอลิง)
วันนี้ตรงกับวันหยุด เลยเริ่มเห็นคนมาจอดรถที่ลานจอด เตรียมขนของไปยังบ้านพักที่จองไว้จำนวนสองครอบครัว
หารถเข้าเมือง เดินไปถึงหน้าปากทางตอน 8.44 น. เจ้าหน้าที่บอกว่ารถที่วิ่งเข้าเมืองนี่ให้รอฝั่งอุทยานนี่แหละ ที่จริงแล้ว จากเขาแหลมหญ้า – กรุงเทพฯ สามารถโทรนัดรถตู้ให้มารับที่หน้าอุทยานได้ แต่เราจะไปต่อที่สัตหีบ (จ.ชลบุรี) หลังโทรติดต่อหารถไปเมื่อวานนี้ ไม่มีรถจากบ้านเพวิ่งไปเส้นทางนั้น เป็นไปได้มากสุดคือให้ลงที่อมตะนคร
 หรืออีกทางเลือกนึงก็คือต่อรถสองแถวเข้าเมืองไปขนส่ง ก็คือ หาดแม่รำพึง – บขส.(เก่า) จะยืนรอรถไปแบบเรื่อยเปื่อยมันก็น่าเบื่อไง ตัดสินใจเดินเลียบไปทางหาดแม่รำพึงเรื่อย ๆ ก่อน รถผ่านมาค่อยว่ากัน จากหน้าอุทยานฯ เดินไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยวร้างเท่าไหร่ ไม่นานก็เริ่มเจอที่พักอาศัย อาคารพานิชย์ แล้วก็ชาวตะวันตกวัยเกษียณเดินผ่านไปมา เพิ่งรู้ว่าแถวนี้มีคนต่างชาติมาอาศัยอยู่กัน แต่ก็ไม่คึกคักเท่าฝั่งพัทยา จังหวะเดินทางเรื่อยเปื่อยไม่รีบร้อนกับอากาศช่วงเช้า ดูเหมือนว่าเมืองนี้จะยังไม่ตื่นกันดี รถราแทบไม่วิ่งผ่าน รถสองแถวสีน้ำเงินเข้มที่มองหาแทบไม่มีวี่แววจะผ่านมา ไม่แน่ว่าอาจต้องสาวเท้าไปไกลจนถึงจุดรอรถประจำทางหน้าหาด ก่อนจะได้ยินเสียงทักทายที่ดังมาจากหน้าคูหาอาคารหลังนึง "ยูจะไปไหน" "ท่ารถสองแถว" "โอ้โห มันไกลประมาณหกกิโลเชียวนะ" ลุงอีฟส์ คนบ้านเพเชื้อสายฝรั่งเศส ผู้กำลังยืนจ้อคุยอยู่กับเพื่อนที่ถือมอเตอร์เรือ ได้ขอปลีกตัวออกมา เข็นรถพ่วงที่จอดไว้แล้วสตาร์ทเครื่องเพื่อพาไปส่งที่ท่ารถ พวกเราวิ่งรถหัวฟูเลียบผ่านชายทะเลของหาดแม่รำพึง ที่มีแนวต้นสนทะเลขึ้นเต็มไปหมด จำนวนผู้คนยังคงดูบางตา เมื่อให้เทียบกับทะเลที่อื่น ไม่อยากรบกวนลุงอีฟส์มากกว่านี้แม้ว่าแกอยากจะไปส่งให้ไกลกว่า เราเห็นป้ายจุดจอดรถและที่นั่งพักผู้โดยสารเล็ก ๆ มีหญิงต่างชาติรายหนึ่งกำลังนั่งรอรถอยู่เช่นกัน ส่งกันแค่นี้ก็พอน้อ

⭗ นั่งซาเล้ง เลียบไปตามเส้นถนนของหาดแม่รำพึง

⭗ เจอจุดรอรถประจำทาง บขส. - หาดแม่รำพึง ที่มีป้ายติดบอกอย่างเป็นทางการ 
⭗ ลุงอีฟส์ คนบ้านเพ ที่อาสามาส่ง

⭗ กลุ่มประมงอวนปู ที่หาดแม่รำพึง
ที่ตรงนี้มีกลุ่มประมงอวนปูที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กำลังสาวอวนกัน เขาว่าแนววางอวนก็ที่ชายฝั่ง ไม่ได้ลงไปลึกมาก ในนึงก็อยากเดินไปดูเขาจับปู อีกใจนึงก็กลัวตกรถ เลยนั่งมองจากที่จุดนั่ง แล้วก็ถามลุงเสื้อน้ำเงินที่กำลังสาละวนรับของไปส่งตามที่ต่าง ๆ ในช่วงที่แกจัดข้าวข้องที่ลานจอด เห็นว่าจับได้เยอะพอตัวเลยวันนี้ แถมช่วยยืนยันเรื่องรถให้ใจชื้นอยู่บ้าง
"รอรถสักพักนะเดี๋ยวก็มา เป็นสองแถวคันสีน้ำเงิน" หญิงต่างชาติซึ่งนั่งรอรถก่อนหน้าเป็นสุภาพสตรีชาวรัสเซีย กำลังรอรถเข้าระยองเช่นกัน เธอชี้ไปที่คอนโดอยู่เยื้องไปจากจุดรอรถ ตั้งไกลจากนี้หลายเมตรว่าเธออาศัยอยู่ที่นั่น เราคุยคั่นเวลาได้ตะกุกตะกัก เพราะเธอบอกแต่แรกว่าพูดภาษาอื่นไม่ได้นอกจากรัสเซียและเยอรมัน ส่วนภาษาอังกฤษคือรู้เป็นบางคำ ถ้าเป็นพัทยา ย่านที่คนรัสเซียอยู่กันพลุกพล่าน จนถึงกับต้องมีป้ายมีภาษารัสเซียขึ้นโชว์จนชินตา มันน่าจะสะดวกกับเธอมากกว่าแถวนี้ แต่เธอส่ายหน้า บอกว่าวุ่นวายไม่ชอบ ที่บ้านเพดูสงบกว่าเยอะ เรามีความหวังกับรถสองแถวสีน้ำเงินคันแรกที่วิ่งผ่านมา คาดว่าหลังจากนี้จะย้อนกลับมาทางนี้ต่อ เพื่อขับเข้าเมือง (บขส.เก่า) ตามรอบ จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มา เหมือนหายไปอีกมิติ กระทั่งหญิงผมสั้นที่วิ่งออกกำลังกาย ในอุทยานเมื่อเช้าเหยาะเท้าก้าวผ่านหน้าเราไป หญิงรัสเซียสะกิดให้มองรถกระบะสีฟ้าหน้าตาคล้ายกับสองแถว ที่กำลังวิ่งมาทางเราด้วยความหวังแต่แล้วมันก็เลี้ยวกลับไปอีกเส้นทาง เธอลุกขึ้นแล้วบอกลา ขอให้โชคดี! หลังจากรอมาเกินหนึ่งชั่วโมงแล้ว ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนรัสเซียอีกรายเดินถือถุงพลาสติกใส่ผ้า มารอรถสมทบอีกราย คนนี้จะดูโผงผาง ไม่เรียบร้อยเท่าคนเมื่อครู่ แกพูดได้ภาษาเดียวไม่รู้ว่าใช้ชีวิตยังไง ระหว่างรอรถแล้วรถไม่มา บางทีก็มีโบกเอาดาบหน้า รถบางคันก็จอดเทียบไหล่ทางก็จะไปเปิดรถเขา รถสองแถวของอุทยานที่จะพาไปท่าเรือข้ามฟากไปเกาะเสม็ด ก็ขึ้นไปนั่งแหมะบนนั้น จนเจ้าหน้าที่ต้องมาเชิญลง สักพักชวนเราเดินทะลุไปเส้นสุขุมวิท แต่แดดมาแล้วไม่อยากเดินอ่ะ สัมภาระเยอะด้วย จนลุงอวนปูขับรถมาแวะจอดรอบสามแล้ว และกำลังจะไปรับของที่ท่าเรือศรี ซึ่งจะผ่านไปยังหน้าถนนสุขุมวิทอยู่แล้ว ป้าที่ทำประมงฯ ตะโกนบอกให้ช่วยไปส่งรอรถที่นั่นแทนดีกว่า "ถามฝรั่งที ว่าเขาจะไปด้วยไหม" ปาฎิหารย์มีจริง ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ชาวรัสเซียรายนี้ฟังเข้าใจหรือบังเอิญ นางเดินไปเปิดที่กั้นรถพ่วงของลุงแล้วดิ่งไปนั่งบนนั้นหน้าตาเฉย โดยไม่ทันได้เจรจา นี่ก็ยังเป็นคำถามที่ผุดขึ้นในใจ เขาใช้ชีวิตต่างแดนยังไงฟะ ในแบบที่ไม่รู้ภาษาอื่นเลย พวกเราประจำที่บนรถพ่วงวิ่งลัดออกไปยังเส้นสุขุมวิท ที่แยกตะพงตรงหน้าปากทางเข้าบ้านก้นอ่าว คุณลุงอวนปู ยืนโบกรถสองแถวคันสีส้มให้ บอกให้เราไปลงสุดทาง แล้วค่อยต่อรถไปที่ขนส่งใหม่ เราและคนรัสเซียขึ้นรถไปพร้อมกัน กว่าจะถึงขนส่งฯ (เก่า) ระยะทางก็ไกลพอสมควร พอถึงจุดนี้เราลงรถจ่ายเงินค่าโดยสาร แม้ผู้โดยสารบางรายจะไม่ได้ลงที่นี่กัน แต่แหม่มก็รีบเดินลงรถตามเรามาติด ๆ คนขับรถเลยถามว่ามาด้วยกันหรือปล่าวด้วยความสงสัย "มาพร้อมกัน แต่ไม่ได้มาด้วยกันค่า" งงมั้ย อย่างงเลยนะ 
⭗ สถานีขนส่งฯ (เก่า) ระยอง ที่ยังไม่ใช่จุดหมายปลายทางสุดท้ายของการเดินทาง
ชาวรัสเซียจ่ายค่ารถ 20 บาท เหมือนรู้ราคา แล้วก็เดินถือถุงก๊อบแก๊บตัวปลิว ไปยังทิศทางที่น่าจะรู้ว่ากำลังไปไหนต่อ เธอน่าจะชินกับพื้นที่นี้แล้วมั้ง คงไม่ต้องห่วง
ส่วนเราเดินตรงไปยังรถที่จะวิ่งที่ไปขนส่งใหม่อีกต่อ รถที่จะวิ่งออกไปเส้นต่างจังหวัดไปรวมตัวกันที่โน่นหมด
ที่ขนส่งฯ (ใหม่) เราได้รถที่วิ่งผ่านสัตหีบรอบ 11 โมง เป็นเวลาพอเหมาะพอดี หลังจากคุณนายแม่ส่งข้อความนัดจุดลงรถที่เตาถ่านประมาณเที่ยงวัน
Create Date : 27 พฤษภาคม 2568 |
|
8 comments |
Last Update : 28 พฤษภาคม 2568 8:26:04 น. |
Counter : 553 Pageviews. |
|
 |
|