ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค 2567 (ซ้อมใหญ่#2) และ Rain Bomb
หลังแวะชมฝึกซ้อมพิธีเห่เรือในพระราชพิธี เบื้องต้นจากกองเรือเล็กมาแล้ว เราก็ไม่ได้มีแผนที่ชัดเจนนักว่าจะกลับมาดูการซ้อมใหญ่อีกครั้งแบบจริงจังนัก
ได้แต่ดูภาพการฝึกซ้อมในสถานที่ใหม่อย่างอู่ทหารเรือธนบุรี กลุ่มที่พายเรือพระที่นั่งก็เปลี่ยนจากเรือไม้ไปอยู่บนลำเรือใหญ่สีทองอร่าม หรืออย่างการตั้งขบวนย่อยบนแม่น้ำตามกำหนดการถูกถ่ายทอดผ่านหน้าสื่อ และโซเชียลฯ มาเรื่อย ๆ กระทั่งกองทัพเรือเปิดให้ลงทะเบียนทางออนไลน์ล่วงหน้า สำหรับที่นั่งเข้าชมเมื่อวันที่ 23 กันยายน เพื่อเข้าชมการซ้อมใหญ่เสมือนจริง ของ ขบวนพยุหตาราทางชลมารค สองรอบสุดท้าย ณ ลานทัศนาภิรมย์ หอประชุมกองทัพเรือ และราชนาวีสโมสร ก็ยังคงต้องปล่อยให้ผ่านไปอย่างน่าเสียดาย
ล่วงเลยไปจนถึงเดือนตุลาคม โดยเฉพาะวันซ้อมใหญ่ครั้งแรก บรรดาภาพถ่ายจากช่างภาพทั้งมืออาชีพและสมัครเล่นต่างพากันแชร์ผลงานกันเต็มไปหมด ดูแล้วรบเร้ามาก ถึงจะรู้ว่าการมองตาเปล่าจากริมน้ำหรืออุปกรณ์การบันทึกภาพที่ระดับพื้นฐาน จะไม่ได้ทำให้เราเห็นแบบเลนส์เทเลที่จับระยะได้ไกล ไกล๊ ไกล ได้อย่างเขา
วันที่ 22 ตุลาคม กับการซ้อมใหญ่เต็มชุดเสมือนจริงครั้งสุดท้าย หาเรื่องมาเดินเที่ยวแถวฝั่งพระนครจนได้ หลังแวะไปศึกษาภัณฑ์ซื้ออะไหล่เครื่องดนตรี ก็วางแผนการไปหาที่ตั้งหลักสักพื้นที่นึง มองจากมุมภาพที่ช่างภาพหลายคนได้มา ตัดกลุ่มภาพจากบนสะพานออกไปได้เลย ส่วนที่ริมน้ำแถววัดกัลยาก็น่าสนใจไม่น้อย เรามาถึงที่ท่าเตียนช่วงบ่ายโมงกว่า บริเวณสวนนาคราภิรมย์ที่ตอนนี้มีการกั้นฉากเพื่อ สร้างลานจอดรถใต้ดิน เก้าอี้สีขาวถูกวางเตรียมไว้ตามโควต้าผู้เข้าชมบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในอีกด้านมุมตามที่มีแจ้งไว้ก่อนหน้านี้ตามจุดต่าง ๆ 8 แห่ง ตามที่มีประกาศของทางกทม. ถึงจะไม่มีใครเข้าไปยังด้านใน แต่พอเดินถัดไปที่จุดทางเข้าซึ่งมีการกั้นทางและมีเจ้าหน้าที่ คอยดูแลคนเข้า-ออก ก็ได้ยินคำตอบที่แจ้งกับคนที่ไปสอบถามเรื่องที่ว่างและการเข้าชม ว่าจำนวนที่นั่งมีการลงทะเบียนเข้าพื้นที่จนเต็มแล้ว และได้รับคำแนะนำ ให้ลองเดินไปหาจุดชมแถว ๆ ริมท่าน้ำอื่นแทน
⭗ บริเวณทางลงโป๊ะ ที่ตอนนี้มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่ยืนประจำจุดรับผิดชอบ
ไม่ต้องคิดถึงเรื่องข้ามฟากแล้ว วันนี้เรือหยุดให้บริการตั้งแต่เที่ยงวัน จุดปักหลักที่ไม่ได้คิดว่า จะมาก็กลายเป็นที่ ท่าช้าง แบบไม่ได้ตั้งใจ มองไปไกล ๆ ก็เห็นผู้คนฟากวัดระฆังยืนกางร่มกัน จนแน่นขนัด ร้านอาหารริมน้ำต่างมียอดจองที่นั่งเข้าชมกันล้นหลาม ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรดูคั่นเวลา เห็นแต่โดรนบินเก็บเหนือแม่น้ำภาพลอยผ่านตาไป (น่าจะเป็นของทางการ) เรือยางลาดตระเวนในน้ำ และกลุ่มเจ้าหน้าที่ประจำท่าเทียบเรือ ที่เดินไปมาระหว่างจุดเชื่อมลงโป๊ะและศาลาพัก คอยจัดระเบียบและกันผู้คนไม่ให้ยืนล้ำเส้นตามที่กำหนดไว้ สภาพแดดช่วงบ่ายนี้ แผดแรงพอประมาณ สลับพักช่วงกับกลุ่มเมฆที่เคลื่อนมาบังในบางครั้ง มีฝนปรอยเบาบางในไม่กี่นาทีและหยุดลง ต่อด้วยเสียงฟ้าร้องและฝนเม็ดใหญ่พรำตก เหมือนแกล้งหยอกลองใจคนยืนกลางแจ้ง ให้กางร่ม หุบร่ม วนไปเรื่อย ๆ ในช่วงนั้น ใครที่ได้มุมดีต่อการมองเห็นย่อมไม่อยากลุกหนีกันหรอก บ่ายสาม เหล่าเจ้าหน้าที่ประจำท่าเริ่มยืนประจำการกันที่จุดรับผิดชอบ เปิดวิทยุสื่อสารรับแจ้ง ข่าวการเคลื่อนไหวเป็นระยะ ผู้คนที่เพิ่งมาถึงท่าน้ำต่างเริ่มขยับมายืนเบียดเสียดที่แนวริมน้ำเยอะขึ้น ฝนตกอีกแล้วและครั้งนี้มีลมปะทะด้วย ต้องหยิบร่มออกมากางต่อ บางคนหนีฝน ไปยืนหลบใต้กันสาดข้างศาลา มันเป็นช่วงเวลาที่วัดใจมากจะอยู่ต่อหรือพอแค่นี้ดีหนอ? เสียงเป่าสัญญาณแตรดังขึ้นผ่านวิทยุสื่อสารของผู้ดูแลท่าน้ำ แว่วว่าเรือเริ่มเคลื่อนขบวนออก จากท่าวาสุกรีเป็นที่เรียบร้อย เราไม่รู้ว่าจะขบวนจะเคลื่อนมาถึงท่าช้างเมื่อไหร่กัน จะว่าไป ที่ตรงนี้เกือบเป็นสถานีท้าย ๆ แล้วฝนก็เทลงมาแรงขึ้นแบบตั้งตัวไม่ติด ทิศทางลมพัดมั่วไปหมด จับทางไม่ได้ว่าควรจะหันร่มบังฝนทางไหนดี ภาพที่เห็นในแม่น้ำมีแต่สีขาว มันดูขาวฟุ้ง จนมองไม่ออก ว่ากลุ่มคนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเรือ ซึ่งกำลังเคลื่อนที่ด้วยการพายจะมาถึงจุดหมายปลายยังไงได้? ท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงกาพย์เห่เรือดังแตกพร่าแทรกผ่านวิทยุฯ พร้อมคำสั่งที่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ ผู้ดูแลท่าเทียบเรือ สื่อสารมาว่าเหล่าริ้วขบวนเห่เรือกำลังใกล้มาถึงแล้วให้เตรียมพร้อม
⭗ พิธีซ้อมขบวนเรือท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่คาดคิด
⭗ ผู้คนที่ยังคอยชมภาพการซ้อมจากฝั่งท่าช้าง ที่ยังพอมีอุปกรณ์ป้องกันฝนอย่างร่มและเสื้อกันฝน
เรือลำแรกแล่นผ่านมาช่วงบ่ายสามครึ่ง พนักงานเห่ยังคงปฏิบัติการอยู่ในหน้าที่ เสียงกาพย์เห่เรือ ยังคงดังสวนแข่งกับเสียงฝน ก้องไปตลอดสองฟากฝั่งแม่น้ำ เราถอนตัวออกมาจากพื้นที่ริมน้ำไป อยู่ในศาลาแทนแล้ว วันนี้พลาดมากที่ไม่ได้พกซองกันน้ำมาใส่อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดตัวมา (สายซอ ที่ซื้อมา โดนน้ำแล้วหงิกขดเลยนะ) คนถือกล้องใหญ่ที่ตั้งใจจะมาเก็บภาพงานพิธีฯ วิ่งมาถึงศาลาไล่เลี่ยกัน หยิบเอาผ้ามาซับละอองน้ำ แกบอกว่า “น็อคไปแล้วเรียบร้อย”
หันกลับไปดูผู้คนที่ยืนเฝ้าชมที่แนวริมน้ำกลางแจ้ง คนไม่ท้อถอยก็ยังคงยืนอยู่ ขบวนเรือทยอย เคลื่อนมาให้เห็นเรื่อย ๆ ทัศนวิสัยแทบอยู่ในขั้นแย่ เสียงผู้คนในศาลาก็อื้ออึงไม่แพ้ห่าฝนข้างนอก เวลาเริ่มผ่านไปสักพักหนึ่ง ก็ได้ยินการตะโกนบอกให้เปิดท่า!
ในช่วงเวลาบ่ายสี่โมงนี้ ไม่การเคลื่อนไหวของริ้วขบวนเรือกันต่อแล้ว เรือแต่ละลำพายไปเทียบจอดพักยังท่าเรือที่ใกล้ที่สุด และต่อมามีประกาศแจ้ง ยกเลิกการซ้อม
⭗ ด้านในศาลา มีทั้งผู้คนที่ยังติดฝนและผู้ที่ส่งแรงเชียร์ให้เหล่าฝีพายที่ปฏิบัติหน้าที่กลางแม่น้ำ
⭗ เรือลำหนึ่งที่มาจอดพักตรงท่าน้ำ ขณะที่ฝนยังตกลงมาอย่างหนัก
⭗ กำลังพลฝีพายบางส่วนที่มายืนหลบฝน และบางส่วนที่ยังอยู่ในเรือเพื่อคอยวิดน้ำออก
⭗ เรือยาง ทำการเคลื่อนย้ายพนักงานบนขบวนเรือตำแหน่งอื่นที่ไม่ใช่ฝีพายออกจากลำเรือไปส่งขึ้นฝั่ง
⭗ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์กำลังเคลื่อนผ่าน
⭗ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช (ซูมได้เท่านี้)
⭗เรือรูปสัตว์สองลำ กระบี่ปราบรอนราพณ์ และกระบี่ปราบเมืองมาร ที่มาจอดตรงหน้าท่าน้ำข้างเคียง
⭗ เจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับเหล่าพลฝีพายและเรือในขบวนพิธีฯ ในสภาวะฉุกเฉิน
ผู้ประจำการบนขบวนเรือ ที่ไม่ใช่ฝีพายและผู้คุมเรือ ต่างต้องโยกย้ายออกมาด้วยเรือยาง เรือที่มาจอดพักตรงท่าช้าง ตรงศาลาเดียวกับที่เรายืนนั้น พลฝีพายแต่งชุดสีดำ ก็เลยเดาว่า คงเป็นเรือทองขวานฟ้า/เรือทองบ้าบิ่น/เรือดั้ง/เรือตำรวจ ลำใดลำหนึ่งนี่แหละ ส่วนศาลาอีกด้านนึง เป็นเรือรูปสัตว์ทั้งสองลำคือ กระบี่ปราบเมืองมาร (โขนเรือเป็นรูปวานรร่างขาว) และ กระบี่ราญรอนราพณ์ (โขนเรือเป็นรูปวานรสีดำ) มันเป็นเหตุบังเอิญที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดฝนตกรุนแรงแบบนี้ และ Rain Bomb ก็ได้ถูกนำมาใช้อธิบายเรื่องนี้ คำนี้เราเคยได้ยินครั้งแรก เมื่อช่วงเดือนกันยายน ซึ่งเกิดที่บ้านห้วยลาดหินใน จ.เชียงราย และตามมาด้วย ประเด็นน้ำป่าไหลหลาก จากปริมาณน้ำฝนที่ทะลุขีดจำกัด ในช่วงเวลาสั้น ๆ จนผู้คนต้องมาถกคุยกันในขณะนั้นว่ามันเป็นสัญญาณเตือนจากภาวะโลกเดือดหรือไม่ ในชื่อที่เป็นทางการกว่านี้ ก็คือ Microburst หรือ downdraft ครั้งนี้มันได้มาเกิดขึ้นใจกลางเมือง บ้างก็ว่าเป็นมันเกิดขึ้นแบบฉับพลัน จนไม่สามารถพยากรณ์ตรวจสอบล่วงหน้าผ่านกลุ่มเมฆฝนเช่นปกติได้
⭗ หลังฝนซาและผู้คนที่ยังเหลือในช่วงเย็น
⭗ เรืออีเหลือง กำลังพายกลับเข้าอู่จอดอีกแห่ง
⭗ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ ในจังหวะกลับหัวเรือ
⭗ เรือเล็กของทหารเรือ มาจอดเทียบท่าเพื่อเตรียมผูกลากจูงเรือพายกลับเข้าอู่จอด
ผู้คนเริ่มเดินออกไปจากพื้นที่บางส่วนหลังฝนเริ่มซา เรือยนต์ลำเล็กของทหารเรือ ขับแล่นในน้ำคละไปกับเรือยาง ได้ยินว่าเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เข้าเทียบจอดที่ฝั่งศิริราช แต่ด้วยกลุ่มลำเรือพระที่นั่งจะต้องมาจอดพักที่อู่ทหารเรือฯ แม้จะยกเลิกการฝึกซ้อม เป็นที่เรียบร้อย กลุ่มผู้ชมที่ยังคงอยู่ในบริเวณนี้ต่างพากันยืนปักหลักดังเดิมเพื่อรอส่งเรือ เราได้ทันเห็น เรือสุพรรณหงส์ เรืออนันตนาคราช ผ่านมาจริง ๆ แม้จะต่างวาระ ไปจากที่คาดคิดไว้ พลฝีพายยังคงรักษาท่าพายนกบินสำหรับเรือพระที่นั่งเอาไว้ตามเดิม มีจังหวะหนึ่งที่เรือนารายณ์ทรงสุบรรณได้แล่นผ่านมาถึงหน้าโรงเรียนสตรีวัดระฆัง ทำการกลับลำหันเรือไปอีกทิศเพื่อเตรียมเข้าอู่ ขนาดลำเรือที่ใหญ่โต กับกำลังพลฝีพายที่ทำงานกันเป็นทีมผ่านจังหวะสัญญาณผู้คุมจากหน้าเรือ เอาชนะระลอกคลื่นจนแทบไม่เห็นการโคลงเคลงด้วยแรงคน กลายเป็นภาพที่ประทับใจของใครหลายคนที่คอยยืนลุ้นจากบนฝั่ง
คนแปลกหน้า ยืนแลกเปลี่ยนพูดคุยกันผ่านเรื่องการซ้อมขบวนเรือนี้ แว่วเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจมาจากรอบข้าง
"พี่เคยเป็นฝีพายปีไหนคะ" "ผม รุ่นปี '39 ครับ"
⭗ เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ พายเคลื่อนผ่านหน้าวัดระฆัง
⭗ การจราจรบนแม่น้ำเจ้าพระยาของเย็นวันที่ 22 ตุลาคม 2567
⭗ อู่ทหารเรือธนบุรี ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
เรือลำอื่น ๆ ต่างคอยเวลากลับเข้าโรงเก็บเรืออีกที่หนึ่ง (จุดตั้งต้นขบวน) ด้วยระยะทางที่ไกล และร่างกายที่เปียกชุ่มไปหมดทั้งคนและพาหนะ ก็ต้องอาศัยเรือยนต์มาช่วยผ่อนแรงลากกลับไป สภาพการจราจรบนผืนน้ำเจ้าพระยาช่วงเย็นนี้ ดูขวักไขว่และแปลกตาดี ทั้งเรือและพลประจำเรือ ในเครื่องแบบโบราณ และเรือเล็กที่ใช้แรงเครื่องยนต์และเครื่องแบบกลาสีสีกากีตามยุคสมัย
⭗ ต้นไม้ข้างราชนาวีสโมสร โค่นล้มแบบถอนรากไปหนึ่งต้นและทีมงานกทม.ที่มาตรวจดูความเรียบร้อย
เวลาห้าโมงเย็น เราเดินออกไปตามทางเท้าเพื่อย้อนกลับไปยังทิศทางเดิม มีต้นไม้หักโค่นต้นนึง ใกล้ ๆ กับอุโมงค์ลอดไปยังฝั่งพระลาน คงมีการแจ้ง ไปยังภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเรียบร้อย เลยทันได้เห็นทีมงานของผู้ว่าฯ กทม. เดินสวนผ่านมาดูในส่วนที่เสียหายบริเวณนี้ด้วยพอดี
ก่อนถึงท่าราชวรดิษฐ์ เริ่มมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาจอดรอผู้โดยสาร ที่มาชมการซ้อมขบวนเรือฯ ไม่รู้ว่าวินของพวกเขาตั้งอยู่ที่ไหน ดูเหมือนว่าไม่มีใครรู้ข่าวเรื่องการยกเลิกพิธีซ้อมฯ กันสักคน หลังจากคันแรกหยุดจอดที่ข้างทางเท้า ก็มีคนตะโกนบอกเดี๋ยวนั้น "งานซ้อมยกเลิกแล้ว!" เหล่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างคันอื่นที่เพิ่งวิ่งมาสมทบเพิ่ม พอเมื่อได้ยิน ต่างก็ผิดหวังไปตาม ๆ กัน ฝน หนอ ฝน ------------------------------
พิรุณป่วนรวนฟ้า ปานโกรธ นาวาพายแล่นโลด บ่ท้อ ผองชนหยัดยืนอด ทนสู้ แม้นชุ่มเปียกยังรอ เฝ้าส่งขบวนเรือ
++ เรื่องการฝึกซ้อมจากเอนทรี่เก่า กาพย์เห่เรือ ฝีพาย และการฝึกซ้อม : https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=wachii&month=10-2024&date=31&group=26&gblog=1
Create Date : 05 พฤศจิกายน 2567 |
|
5 comments |
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2567 13:15:46 น. |
Counter : 477 Pageviews. |
|
|
|
หมายมั่นว่า ยังไงต้องไปวันจริงให้ได้ แต่ก็เกือบแห้วจ้ะ เต็มทุกที่ ไม่รู้เค้าจองอะไรกันทางไหน