คืนกำไรให้ชีวิต เพื่อพิชิตไปในโลกกว้าง
space
space
space
<<
ธันวาคม 2568
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
space
space
9 ธันวาคม 2568
space
space
space

ชวนเที่ยว เมืองจางเย่ ประเทศจีน ตอนที่ 3


  ชวนเที่ยว  เมืองจางเย่  ประเทศจีน  ตอนที่ 3  

              ทริปเที่ยวประเทศจีน  ตั้งแต่วันที่  11-20     กันยายน  68   ฉันได้เขียนไปแล้ว  2 เมือง  2 ตอน 
บล็อกนี้  เราเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูง
เพื่อไป เมืองจางเย่ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง  ในวันที่ 15  ก.ย.ถึงจางเย่ก็บ่าย  3  กว่าแล้ว
เข้าที่พักแล้ว  ฉันกับจอย ไม่ได้ออกไปเที่ยว
3  สาว เกด  น้อง และแต๋ว   ออกไปเที่ยวกันเอง  วันนี้ฉันกับจอยไม่ได้เที่ยวไหน  ส่วนรูปที่ทั้ง 3 คน
ไปเที่ยวนั้น  ฉันได้ลงไว้ในบล็อกที่แล้ว    
           
วันนี้  16  ก.ค.  วันนี้  เราเช่ารถที่เมื่อวานติดต่อไว้แล้ว   ราคา  600 หยวน  เที่ยว  3 แห่ง ค่ะ 
(เกด เอาเงินกองกลางให้ค่าติ๊บคนขับไป 100 หยวน)  
แห่งแรกที่ไปเที่ยว คือ “วัดถ้ำม่าฮา (Mati Temple Grottoes)” หรือ “马蹄寺石窟群” (Mǎtí Sì Shíkū Qún)
อยู่ที่เมืองจางเย่ (Zhangye) มณฑลกานซู่ (Gansu) ประเทศจีน 🇨🇳
เรามาทราบประวัติความเป็นมาของสถานที่เที่ยวแห่งนี้สักเล็กน้อย
               
ความสำคัญของสถานที่    เป็นหนึ่งในแหล่งถ้ำพุทธศิลป์ที่มีชื่อเสียงของจีนชื่อ “马蹄寺” แปลว่า
“วัดเกือกม้า” เพราะมีตำนานว่าเกือกม้าม้าศักดิ์สิทธิ์ของพระโพธิสัตว์
กวนอิมประทับรอยไว้บนหินที่นี่ มีถ้ำแกะสลักพระพุทธรูปและภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่กว่า 1,500 ปี
    ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “โบราณสถานสำคัญระดับชาติ” ของจีน
อยู่ห่างจากตัวเมืองจางเย่ประมาณ 65 กิโลเมตร    ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา Qilian (ฉีเหลียนซาน)



              ตำนานของ วัดถ้ำม่าฮา (Mati Temple Grottoes – 马蹄寺石窟群) เป็นเรื่องราวที่เก่าแก่
และงดงามมาก ซึ่งเกี่ยวข้องกับพระโพธิสัตว์และม้าศักดิ์สิทธิ์
             เมื่อราว สมัยราชวงศ์เป่ยเหลียง (Northern Liang) ประมาณศตวรรษที่ 4–5 มีตำนานเล่าว่า
… มี พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (กวนอิม) เสด็จมายังหุบเขาแห่งนี้
        เพื่อโปรดสัตว์ โดยประทับมากับ ม้าศักดิ์สิทธิ์สีขาวเมื่อม้าเหาะลงมาบริเวณเชิงเขา Qilian
(ฉีเหลียนซาน)มันได้กระทืบเท้าลงบนหิน ทำให้เกิดเป็น
“รอยเกือกม้า” อยู่บนหน้าผา ซึ่งรอยนี้ยังคงปรากฏให้เห็นจนถึงปัจจุบัน   ชาวบ้านจึงเชื่อว่า
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเริ่มสร้างวัดขึ้น
เพื่อเคารพบูชา เรียกชื่อว่า “马蹄寺” (Mǎtí Sì) แปลตรงตัวว่า “วัดรอยเกือกม้า”
          ต่อมา วัดถ้ำแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางศาสนาในเส้นทางสายไหม
(Silk Road)   พระภิกษุและพ่อค้าจากจีน อินเดีย และเอเชียกลางเดินทางมาที่นี่
มีการแกะสลักถ้ำเพื่อเป็น วิหารพุทธรูป และห้องภาวนา 
 ภายในถ้ำมี จิตรกรรมฝาผนังพุทธศิลป์ อายุเก่าแก่กว่า 1,500 ปี
         
 ลักษณะพิเศษของวัดถ้ำม่าฮา
         วัดนี้ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง บางถ้ำเชื่อมถึงกันด้วยบันไดไม้และทางเดินในถ้ำ เจดีย์สีขาว
และกงล้อมนตราที่เห็นในภาพเป็นลักษณะผสมผสาน
ระหว่างศิลปะพุทธแบบจีนและทิเบตเป็นหนึ่งใน “สี่วัดถ้ำสำคัญของมณฑลกานซู่”
(อีกแห่งที่โด่งดังคือถ้ำหมอกาว – 莫高窟)   
 (ข้อมูล จากอินเทอร์เน็ต  )   เพียงแต่  ฉันไม่ได้ขึ้นไปถึงวัด  เพราะทางขึ้นนั้น  เดินขึ้นเนิน
ไกลมาก   ฉันเลยไม่อยากเดินขึ้นไป  ให้แต๋วเดินขึ้นไป 
ซึ่งเกด กับ น้อง เดินล่วงหน้าไปแล้ว  ส่วนจอยเห็นเดินขึ้นไปเหมือนกัน แต๋วบอกจะให้ฉัน
เดินขึ้นไปคนเดียวได้ไง  เพราะมันเป็นทางลาด  ไม่มีราวให้เกาะด้วย
เขาเลยไม่ขึ้นไป  บอกว่า  เราเดินมาแค่ครึ่งทาง  วิวสองข้างทางก็สวยดี  ถ่ายรูปกันแถว ๆ นี้
สักพัก  ก็เห็นจอยเดินลงมาอีกคน  สงสัยก็คงเดินไม่ไหวเหมือนกัน
เรา 3 คน ก็ผลัดกันถ่ายรูปกัน   มาชมรูปของพวกเรา  ค่ะ 



เจดีย์นี้อยู่บนเขาสูงที่ต้องเดินขึ้นไป  ที่นี่มีรูปน้อย  เพราะฉันไม่ได้ขึ้นไป ส่วนคนที่ขึ้นไป
ก็ไม่ส่งรูปลงในอัลบั้น  เลยมีแค่ 2-3 รูป
 



รูปเกด ที่ขึ้นไปถึงวัดนี้ ค่ะ 



รูปนี้น่าจะถ่ายที่บริเวณวัด ค่ะ เป็นมุมสูง เห็นบ้านเรือนด้านล่าง 



บริเวณนี้ เป็นทางลาดข้างล่างที่จะต้องเดินขึ้นไปอีกหลายกิโล ถ้าเป็นทางเรียบ ก็น่าจะเดินได้



ฉันก็เดินขึ้นไปเหมือนกัน เดินไปพักไป มีแต๋วคอยถ่ายรูปให้  อิอิ 


ฉันถ่ายรูปให้แต๋วบ้าง  เดินไปพักไป 





แล้วก็ได้เจอจอยเดินอยู่แถว ๆ นี้ ไม่ไกลจากฉัน เลยได้สมาชิกไม่ได้ขึ้นไปเป็น 3 คน



มุมหนึ่งของบริเวณที่จะเดินขึ้นเขา ค่ะ 












ทางที่เดินขึ้นไปยังวัด ค่ะ 



ระหว่างทางเดิน  จะมีสิ่งก่อสร้างที่เป็นแท่งหินที่เห็นในภาพนี้ ตลอดแนวเลย ค่ะ




ภาษาที่เขียนไว้ที่แท่งหิน  น่าจะเป็นภาษาชนเผ่าที่นี่  






บริเวณด้านล่าง มีร้านค้า  ไม่มากนัก ค่ะ 













ระหว่างทาง  เจอสะพาน  พวกเราก็เลยลองเดินลงไป ค่ะ 







ด้านล่างที่ลงไป  มีขายโยเกิร์ต  สองคน อยากกิน  ฉันเลยต้องส่งภาษา ถามราคาให้
ราคา กล่องละ 10 หยวน ก็ประมาณ 50 บาท ค่ะ
 






สองคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย  ฉันไม่กล้ากิน ชิมเฉย ๆ เพราะกลัวท้องเสีย





มื้อเที่ยง นี้  เราสั่งอาหารกินกันที่ร้านนี้  ค่ะ ข้าวผัดไข่ ก็อร่อยใช้ได้











ต้นไม้นี้  เป็นต้นไมัปลอม  ค่ะ  แต๋วกัยจอยเดินไปถ่าย ฉันเมื่อยขา รออยู่ริมถนน

 พวกเรารอ เกดกับน้องลงมาจากวัดเกือกม้าบนเขา  นานเป็นชั่วโมง  รถอุทยานผ่านไปคันแล้วคันเล่า 
 ดีที่ จอย แต๋ว มีโทรศัพท์ที่ซื้อซิมมาจากเมืองไทย 
เลยติดต่อกันได้   เรากินข้าวมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารแถวนี้  ค่ะ  ข้าวผัดไข่ ร้อน ๆ แล้วก็มีผัดผัก
กับกับข้าวอีกอย่าง  จำไม่ได้แล้ว  ลืมถ่ายรูปเอาไว้ด้วย
เป็นมื้อที่อร่อย  เพราะไม่มีใส่หมาล่า  นั่นเอง   จากวัดนี้แล้ว  เราก็นั่งรถอุทยานมาขึ้นรถที่เราจ้างมา
ซึ่งรออยู่ ไปเที่ยวสถานที่แห่งที่สอง  คือ “ถ้ำผาหมื่นพุทธ
(马蹄寺石窟 / Mati Si Grottoes)” หรือ “วัดหม่าถีซื่อ”
 ตั้งอยู่ที่เชิงเขาฉีเหลียน (Qilian Mountains)ใกล้เมืองจางเย่ (张掖市) มณฑลกานซู่ ประเทศจีน 🇨🇳
     
 ประวัติความเป็นมา
      วัดหม่าถีซื่อมีประวัติยาวนานกว่า 1,600 ปี สร้างขึ้นในสมัย ราชวงศ์โจวเหนือ (ค.ศ. 420–589)
และได้รับการบูรณะเพิ่มเติมในยุคต่อมา เช่น ราชวงศ์สุย–ถัง
และหมิง–ชิงที่ตั้ง: อำเภอซู่หนาน (肃南县), เมืองจางเย่ (张掖市), มณฑลกานซู่ (Gansu) 
ความสูงจากระดับน้ำทะเล: ประมาณ 2,500 เมตร 
 คำว่า “马蹄” หมายถึง “รอยเท้าม้า” ตามตำนานเล่าว่าพระโพธิสัตว์กวนอิมเคยเสด็จมาที่นี่
โดยทรงม้าศักดิ์สิทธิ์ม้าได้เหยียบลงบนหน้าผาหิน
จนเกิดรอยเท้าม้าไว้ จึงเรียกที่นี่ว่า “ถ้ำรอยเท้าม้า”

ลักษณะของวัดและถ้ำ
            บริเวณนี้มี ถ้ำพุทธกว่า 70 ถ้ำ เจาะอยู่บนหน้าผาหินทราย และมีทางเดินไม้เชื่อมถ้ำ
แต่ละถ้ำแบบซับซ้อน  ภายในมีรูปเคารพทางพุทธศาสนา 
จิตรกรรมฝาผนัง และพระพุทธรูปแกะสลักในถ้ำ

ความสำคัญทางประวัติศาสตร์
        ที่นี่เป็นจุดสำคัญของ เส้นทางสายไหม (Silk Road) ด้านเหนือ เป็นจุดแวะพักและศูนย์กลาง
พุทธศาสนาในแถบนี้    วัดนี้ผสมผสานศิลปะ
จีน–ทิเบต–กลางเอเชียเข้าด้วยกันอย่างโดดเด่น     ปัจจุบันเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
สำคัญของมณฑลกานซู่

จุดเด่นที่นักท่องเที่ยวประทับใจ
        1.วัดและถ้ำแกะสลักบนหน้าผา
      2.วิวภูเขาและธรรมชาติสวยงาม
     3.บรรยากาศเงียบสงบ มีความศักดิ์สิทธิ์
      4.เป็นหนึ่งในวัดถ้ำพุทธที่เก่าแก่ที่สุดของจีน
    5.คำกล่าวสืบต่อกันมาว่า   “เมื่อใดที่ได้เห็นรอยเท้าม้ามหัศจรรย์ เมื่อนั้นจิตใจจะสงบเย็น”
       




   





มีราวให้เกาะเดินขึ้นไปชม ค่ะ ไม่ลำบากมากนัก ค่ะ 









หาเงินหยอดตู้ทำบุญ ค่ะ 










ข้างในเป็นถ้ำค่ะ  มืดและแคบมากด้วย  เลยได้แน่แอ๊คชั่นถ่ยที่หน้าถ้ำ  อิอิ 

















ด้านหน้าก่อนที่จะเดินขึ้นเขาไปชม ด้านบนค่ะ 


































พวกเราชื่นชมอยู่ที่วัดนี้ ประมาณ ชั่วโมงกว่า ๆ  ต้องเดินขึ้นบนเขา  ดีที่มีราวให้เกาะเดินได้สบาย  ค่ะ 
แต่ก็ไม่ได้ชมทุกจุดหรอกนะ  เพราะเวลาไม่อำนวยนัก
ยังเหลือแหล่งสุดท้าย  นั่นก็คือ  ภูเขาสายรุ้งจางเย่   เป็นจุดไฮไลน์ ของจางเย่  ค่ะ  มารู้ความเป็นมา
ของสถานที่แห่งนี้สักเล็กน้อย ค่ะ 
       
  ภูเขาสายรุ้งแห่งจางเย่ (Zhangye Danxia Landform / 张掖丹霞地貌) เป็นหนึ่งในภูมิประเทศ
ที่สวยที่สุดของจีน และมีเรื่องราวทั้งทางธรรมชาติและตำนานที่น่าสนใจมาก
ภูเขาสายรุ้ง หรือ “จางเย่ ตันเซี่ย” (Zhangye Danxia) เป็นภูมิประเทศหินทรายสีแดงและชั้นแร่ธาตุ
ที่มีสีสันหลายเฉด ตั้งอยู่ใน อุทยานธรณีแห่งชาติจางเย่ ตันเซี่ย
มณฑลกานซู่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน    สีสันของภูเขาดูเหมือน “ภาพวาดสีของจิตรกร”
จนได้รับการโหวตเป็น   หนึ่งในภูมิประเทศที่สวยงามที่สุดในโลก
จากนิตยสาร National Geographic
         
 ภูเขาสีรุ้งเกิดขึ้นได้อย่างไร (เรื่องจริงทางวิทยาศาสตร์  ลวดลาย “รุ้ง” เกิดขึ้นจาก:
1. ชั้นหินทรายสีแดงสะสมตัวนานกว่า 24 ล้านปี
ชั้นดินและหินหลายสี (แดง ส้ม เหลือง น้ำตาล ฟ้าอ่อน ฯลฯ) เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนในแม่น้ำ
ทะเลสาบโบราณ และแร่ธาตุ เช่น:
เหล็ก → สีแดง
ทองแดง → สีเขียว
ซัลเฟต → สีเหลือง
2. เปลือกโลกเคลื่อนตัวและยกตัวเป็นเทือกเขา    แรงดันจากแผ่นเปลือกโลก (บริเวณที่ใกล้เทือกเขาฉีเหลียน)
ทำให้ชั้นหินค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาเป็นภูเขาสูง
3. ลม แดด ฝน ทำให้เกิดลวดลายเหมือนภาพวาด  ภูมิอากาศแห้งและลมแรงทำให้ชั้นสีสึกตัวเป็นลายริ้ว ๆ แบบธรรมชาติ   
ภาพที่เราเห็นจึงเหมือนภูเขาที่ลงสีด้วยพู่กันยักษ์ของธรรมชาติค่ะ

ตำนานรักของหญิงสาวกับเทพธิดาสายรุ้ง
             ในอดีตกาล มีหญิงสาวชาวบ้านผู้มีจิตใจอ่อนโยนชื่อว่า ซานเหนียง     วันหนึ่งเกิดภัยแล้งรุนแรงจนหมู่บ้าน
เกือบล่มสลาย    เธอจึงอธิษฐานขอให้สวรรค์ช่วยเหลือ
เสียงของเธอไปถึง เทพธิดาสายรุ้ง ผู้เฝ้าธาตุลมฟ้าเทพธิดาประทับใจในความเมตตาของซานเหนียน
จึงโปรยเส้นไหมเจ็ดสีของสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์
   เมื่อเส้นไหมกระทบพื้นดิน ก็หลอมรวมกับภูเขา กลายเป็น  ภูเขาสายรุ้งเจ็ดสีอันงดงาม    หลังจากนั้น
ก็มีฝนตก ทำให้ชาวบ้านรอดพ้นความแห้งแล้ง
จึงเชื่อกันว่า   ลายสีบนภูเขาคือผ้าคลุมของเทพธิดาสายรุ้งที่ทิ้งไว้เป็นพรแห่งความอุดมสมบูรณ์     
         
บางเผ่าพื้นเมืองในกานซู่เชื่อว่า   ภูเขาสีรุ้งเกิดจาก “เลือดมังกรเจ็ดสี” ที่ปกป้องแผ่นดินจากปีศาจ
เมื่อล้มลงเลือดของมันไหลซึมลงสู่หิน กลายเป็นลายรุ้งบนภูเขา
   
        จุดเด่นของภูเขาสายรุ้ง
           สี “สดมาก” โดยเฉพาะตอนพระอาทิตย์ขึ้น–ตก   เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของเส้นทางสายไหม 
ถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์จีนหลายเรื่อง  ค่ะ 
(ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต)
       พวกเราอยู่ชื่นชมความสวยงามของ ภูเขาสีรุ้งหลายชั่วโมงอยู่  เดินจนขาลากเลย  มุมนี้ก็สวย  มุมโน้นก็งาม 
ฉันกับแต๋ว เดินกันสองคน  แยกย้ายกันเดิน  เพราะฉันเดินช้า  แต๋วเดิน
กับฉัน  เลยถ่ายรูปกันสนุก   พอเจอ  เกด น้อง จอย ก็ถ่ายหมู่บ้าง  คู่บ้าง   คนมาเที่ยวก็มากมาย  มุมไหนสวย 
ก็ต้องรอกันเพื่อถ่ายบ้าง  สนุกดี  มันสวย  ใหญ่โตมาก  อลังการมาก 
ดีที่เขาทำเป็นทางเดิน  มีราวให้จับด้วย  เลยเดินได้สบายหน่อย  ค่ะ  มาชมภาพของพวกเราค่ะ

         



ด้านหน้า  ที่ต้องไปซื้อตั๋วเข้าไปชมภูเขาสายรุ้ง




     ​​​​​​


ป้ายแห่งความเชื่อมั้ง  มีคนซื้อมาห้อยเต็มไปหมดเลย ค่ะ 

















































































































ท่าเหนื่อย ค่ะ เดินเยอะมาก  ห้าห้าห้า 


















เป็นฉากที่เขาทำไว้ให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันค่ะ  เข้าแถวถ่ายรูปกันมาก ค่ะ 






































บล็อกนี้  ได้ลงรูปของภูเขาสายรุ้ง  ทุก ๆ มุมที่ผ่าน  ซึ่งละลานตาไปหมด  ค่ะ  ใครที่จะไปเที่ยว 
โปรดออกกำลังกาย  ให้แข้งขาแข็งแรง ๆ  นะคะ  เพราะเดินมากจริง ๆ
  รูปบางรูป หน้าเมื่อยเลยนะ  เพราะจะหมดแรง  แต่ด้วยธรรมชาติที่แปลก และ หลากหลายสีสัน
ของภูเขา  ทำให้ใจสู้ ค่ะ   ทริป วันนี้  เดินเยอะที่สุด  เที่ยว 3 แห่ง 
เดินทั้งวันเลย ค่ะ ออกจากที่นี่แล้ว  คุ้มค่าบัตรเข้า  ฉันดูเหมือนได้ลดราคา  เพราะสูงอายุมั้ง
 
 



บัตรเข้าชม ภูเขาสายรุ้ง  ราคาเต็ม  น่าจะ 100 หยวน  อายุเกิน 70 ปี  เหลือ 38 หยงน
แต่อายุ   60 ปีไม่เกิน 70 ปี  ดูเหมือนจะเหลือ 65 หยวนมั้ง
จำราคาของเพื่อน แต๋ว จอย และน้องไม่ได้ อิอิ 
รถที่เช่าเขามาส่งพวกเรา พร้อมรับค่าติ๊บไป 100 หยวน  คนขับก็ใช้ได้  อัธยาศัยดี  ใจเย็น 
ออกจากภูเขา  หาซื้อของ  เรียกว่า เก๋ากี้ดำ  จอยบอกว่า  กินดี
  บำรุงสายตา  แพงมากเหมือนกัน ถุงละ คิดเป็นเงินไทยหลายร้อยอยู่  ค่ะ 
          รอติดตามบล็อก ที่ 4 บล็อกสุดท้ายของทริปนี้ ต่อไป  ค่ะ
 



   




 

Create Date : 09 ธันวาคม 2568
14 comments
Last Update : 11 ธันวาคม 2568 20:41:51 น.
Counter : 210 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณกะริโตะคุง, คุณกะว่าก๋า, คุณปัญญา Dh, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณThe Kop Civil, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณร่มไม้เย็น, คุณสมาชิกหมายเลข 3902534, คุณtanjira, คุณอุ้มสี, คุณ**mp5**

 

ทริปนี้ดูเหมือนอากาศจะสบายๆมั้ยครับ? (มองจากเสื้อผ้าที่ใส่นะครับ) วัดที่สร้างจมลงไปในภูเขานี่ รู้สึกเหมือนว่าวัดมันถูกสร้างมาก่อนแล้วมีคนเอาทรายมาถมแล้วเจาะช่องให้เลยครับ เขาเจาะภูเขายังไงนะแบบไม่ให้ถล่มแถมสร้างอาคารอยู่ในนั้นได้อีก คนสมัยโบราณนี่เก่งจริงๆครับ

ภูเขาหินลายแบบนั้น ผมก็เคยเห็นที่ฮ่องกงครับแต่ลักษณะจะต่างกันออกไปหน่อย ภูเขาที่อ.ไปเที่ยวจะแสดงสีของตะกอนแร่ธาตุแต่ที่ฮ่องกงจะแสดงให้เห็นถึงชั้นหินที่โดนน้ำทะเลกัดเซาะครับ

ขอบคุณที่พาเที่ยวนะครับ

 

โดย: กะริโตะคุง 10 ธันวาคม 2568 22:08:47 น.  

 

ไปเที่ยวเมืองจีน
สิ่งที่ต้องเตรียมไปให้พร้อม
คือ สุขภาพร่างกายจริงๆครับ
ดูจากภาพ
น่าจะเดินไกลทุกที่จริงๆครับ 555

อาจารย์แข็งแรงมากๆครับ

ขนม+อาหาร
บางครั้งผมก็ไม่กล้าชิมไปเรื่อย
กลัวท้องเสียเหมือนอาจารย์ระวังเลยครับ

ภูเขาสายรุ้ง
น่าไปถ่ายภาพมากๆครับ


 

โดย: กะว่าก๋า 10 ธันวาคม 2568 22:11:11 น.  

 

สวัสดีครับอาจารย์
ผมเคยไปเที่ยวจีน แต่นานแล้วครับ

 

โดย: ปัญญา Dh 10 ธันวาคม 2568 22:33:28 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 11 ธันวาคม 2568 5:48:28 น.  

 

อาจารย์แข็งแรงมากเลยครับ เดินขึ้นเขาสบาย ๆ เลย ที่เมืองจีนมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ เยอะมากเลยนะครับ รูปสวยทุกรูปเลยครับอาจารย์

 

โดย: The Kop Civil 11 ธันวาคม 2568 11:27:49 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

อาจารย์เป็นคนชอบเขียนบันทึกมากเลยนะครับ

ผมว่าข้อดีอย่างหนึ่งคือเราสามารถกลับไปย้อนอ่าน
ย้อนทบทวนความคิืดของตัวเองได้
หลายเรื่อง ถ้าไม่จด ผมก็ลืมแน่นอนครับ

ความศรัทธากับความงมงาย
เหมือนมันถูกคั่นด้วยอะไรที่บางมากๆเลยครับ
เชื่อถูกก็ดีไป
เชื่อผิดชีวิตพังก็มีให้เห็นเยอะมากจริงๆครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 11 ธันวาคม 2568 14:40:33 น.  

 

เดี๋ยวผมกลับมาเม้นท์นะครับ เพิ่งอ่านจบ แต่จอดรถขวางชาวบ้านเอาไว้ต้องรีบไปขยับก่อนครับ

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 11 ธันวาคม 2568 17:29:07 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 12 ธันวาคม 2568 4:59:10 น.  

 

อุ้มชอบการแกะสลัก
ขึ้นไปแกะสลักได้อย่างงดงาม
สวยงามมากค่ะ
ชมภาพเพลินเลยค่ะครู

 

โดย: อุ้มสี 12 ธันวาคม 2568 9:16:57 น.  

 

สวัสดีครับอาจารย์

เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยมองเรื่องการเที่ยวจีนเลยครับ คิดว่ามีแหละที่เที่ยวเนี้ย แต่คิดว่าไม่น่า Convenience กับตัวเอง
แต่ระยะหลังมาเห็นคนไปเที่วจีน ของกินก็ดี ที่เที่ยวก็มีหลายแนว ทั้งแนวธรรมชาติ ทั้งช้อปปิ้ง เที่ยวเมือง ของกินก็ โอเคขึ้น
เลยมีใจอยากลองไปดูบ้างครับ
ด้วยความที่ประเทศจีนเค้ากว้าง เที่ยวธรรมชาติ ศิลปะวัฒนธรรมดี เค้าว่าเดินเยอะมาก ต้องมีรองเท้าดีๆ ไปคู่ใจซักคู่ ไม่งั้นบันเทิงแน่ๆ
แต่อากาศดี คุ้มค่าใช่ไหมครับอาจารย์
อาจารย์เดินเก่งมากครับ เดินขึ้นทางลาดนี่ ถ้าไม่ฟิตนี่ปวดขาได้เลย

ผมเคยอ่านภาษาจีนง่ายๆ ได้ เพราะอ่านคันจิญี่ปุ่นได้บ้าง แต่ตอนนี้ส่งคืนธรรมชาติไปหมดแล้วครับ 55555
ผมชอบวิวธงสีที่อาจารย์ถ่ายมาครับ เหมือนจะคล้ายๆ กับที่อาจารย์เคยลงเรื่องเที่ยวฏูฏาณ หรือมองโกเลียไหมครับ ไม่แน่ใจ

โยเกิร์ตนี่ใช่นม Yak ไหมครับ

วัดถ้ำสวยมากครับ เหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกนึงเลย นั่งดูภาพเพลินมาก เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยครับ
ขอบคุณอาจารย์ที่แบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ครับ เปิดโลกมาก

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 12 ธันวาคม 2568 15:57:40 น.  

 

จากบล๊อกตะพาบ

ผมเองก็ไม่คิดครับว่าคนอย่างพัทจะกลัวแมลงสาบ เพราะสำหรับผมคือแค่แมลงสาบเองนะ 5555
แต่พอรู้สตอรี่แล้วพอเข้าใจได้ครับ มันคือขยะแขยงหรืออะไรแบบนั้นมาก
สำหรับผม แมลงไม่กลัวครับ จะกลัวก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าระวังไม่ให้โดนก็แค่แมลงมีพิษ
ตัวเงินตัวทองไม่กลัว แต่ถ้าวิ่งมาก็วิ่งหนีเหมือนกันครับ 555555 เดี๋ยวจะหาว่าไม่เกรงใจพี่เค้า

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 12 ธันวาคม 2568 16:09:15 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

อนุโมทนาบุญครับอาจารย์

เวลาอ่านหนังสือ หรือเขียนหนังสือ
หรือตอบเม้นท์เพื่อนในบล็อก
ครูก็เปิดทีวี ฟังข่าวไปด้วย ก็พิมพ์ได้นะ
.
.
ผมว่าเป็นสมาธิแน่นอนครับ

สมัยเป็นวัยรุ่น
ผมสามารถอ่านหนังสือสอบแล้วก็ฟังเพลงร็อกไปด้วยได้ครับ 5555

 

โดย: กะว่าก๋า 12 ธันวาคม 2568 22:33:38 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 13 ธันวาคม 2568 5:28:23 น.  

 

สวัสดีค่ะอาจารย์

วันนี้มานั่งรูปสวยๆที่อาจารย์ไปเที่ยวมาค่ะ
อาจารย์ดูสดชื่นมากเลยนะคะ

อากาศเปลี่ยนๆ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตนะคะอาจารย์

 

โดย: tanjira 13 ธันวาคม 2568 14:26:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

space

BlogGang Popular Award#21


 
อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ

http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif
space
space
space
space
[Add อาจารย์สุวิมล's blog to your web]
space
space
space
space
space