1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30 31
วันที่ใจ เหน็บหนาว "วันที่ใจเหน็บหนาว" เป็นโจทย์ตะพาบ กิโลเมตรที่ 213 ผู้ตั้งโจทย์ นี้ คือ น้อง กะว่าก๋า เห็นหัวข้อเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องคิดถึงเรื่องของความเศร้า ความเสียใจ ความสลดหดหู่ของจิตใจ อันเกิดจาก ความไม่สมหวัง ความพลัดพรากจากกัน ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนเราทุกคน ต้องมีการพานพบในชีวิตอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า เราจะพบกับเรื่องที่ทำให้ "หัวใจเกิดเหน็บหนาว" มากน้อย เพียงใด โชคดี ก็คงพบกับเรื่องเสียใจ น้อยเรื่อง โชคร้าย ก็พบมากมายหลายเรื่อง เนาะ สำหรับชีวิตฉัน ฉันคิดว่า ฉันค่อนข้างโชคดี ชีวิตฉันพบเจอเรื่องร้าย ๆ ที่ทำให้ฉันเจ็บปวด จนหัวใจเหน็บหนาว มีเพียง 4 เรื่อง ถึงจะน้อยเรื่อง แต่ว่า แต่ละเรื่องนั้น มันก็ทำร้าย ความรู้สึกของฉันจนแทบจะย่ำแย่ ด้านชา เหน็บหนาว เจ็บปวด รวดร้าว ต้องใช้เวลาในการเยียวยาให้หัวใจที่ เหน็บหนาวนั้นบรรเทา และกลับคืนสู่ปรกติ ก็เป็นเวลาอันยาวนานมากพอสมควร มาติดตาม เรื่องราวอันทำให้หัวใจฉันเหน็บหนาวกัน ค่ะ เรื่องที่ 1 ที่ทำให้ฉันเจ็บปวดใจอย่างมาก ตอนนั้น ฉันเพิ่งเข้าเรียน มหาวิทยาลัย ปี 1 พ่ออันเป็นที่รักยิ่งของฉัน และเป็นคนที่เข้าใจฉันมากที่สุด ส่งเสริมให้ฉันได้เรียนสูง ๆ ตามที่ฉัน ต้องการ พ่อที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ไม่เคยกีดกันลูกสาวไม่ให้เรียนสูง ๆ เหมือนอย่างความคิดของครอบครัว คนจีนโดยทั่ว ๆ ไป แต่แล้ว เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางศีรษะ วันนั้น ฉันจำได้ เป็น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2514 ฉันได้รับโทรเลขจากทางบ้าน ว่า พ่อของฉันได้จากไปแล้วด้วยวัย เพียง 66 ปีเท่านั้น ฉันแทบช็อคเมื่อได้รับโทรเลขฉบับนั้น เพ็ญ รูมเมทของฉันและเล็กเพื่อนฉัน ได้พาฉันกลับบ้านที่กรุงเทพฯ เขาสองคนมากราบศพพ่อฉันแล้วจึงกลับ วิทยาลัยไปเรียนหนังสือต่อ ฉันกราบหน้าโลงศพพ่อ ซึ่งตอนนั้น เราทำพิธีที่บ้าน ไม่ได้ไปทำที่วัด เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันรู้จักการสูญเสีย และเป็นการสูญเสียที่ฉันรู้สึกว่า มันเจ็บปวด รวดร้าว เป็นวันที่หัวใจ ฉันเจ็บ ภาพที่พ่อฉันรอฉันกลับจากวิทยาลัยฯ เดือนละครั้ง (พ่อป่วยนอนติดเตียง) เวลากลับมาบ้าน พ่อจะดีใจและ ยอมทานข้าวที่ฉันป้อนให้ ทานข้าวได้มากเป็นพิเศษ ตอนที่ฉันมาบ้านครั้งสุดท้าย พ่อก็ยังดูแข็งแรงอยู่ ฉันจึงไม่นึกว่า พ่อจะ จากฉันไปเร็วขนาดนี้ ไม่ได้ทำใจอะไรไว้เลย ตลอดชีวิต พ่อทำแต่งาน ไม่ได้พักหรือไปเที่ยวที่ไหน ฉันก็หวังว่า ถ้า ฉันเรียนจบ มีการมีงานทำ จะได้ทำงานหาเงิน เลี้ยงพ่อ ให้พ่อได้อยู่อย่างสบายยามชราบ้าง แต่พ่อก็ด่วนจากฉันไป อย่างไม่มีวันกลับมาให้ฉันได้ตอบแทนบุญคุณเลย ได้แต่อธิษฐาน หากชาติหน้ามีจริง ก็ขอเกิดมาเป็นลูกของพ่อและขอมี โอกาสได้ตอบแทนบุญคุณของพ่อ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันคิดว่า การจากไปของพ่อ เป็น วันที่ใจของฉัน รู้สึกเหน็บหนาว มาก ๆ วันหนึ่งของชีวิตฉัน เรื่องที่ทำให้ฉัน รู้สึกเป็น "วันที่ใจฉันเหน็บหนาว" มากที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง ในชีวิต ก็คือ เรื่องของ ความรัก ในวัยหนุ่มสาว ซึ่ง เรื่องพวกนี้ ถือเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตในวัยเป็นหนุ่ม เป็นสาว ฉัน ก็เป็นมนุษย์ธรรดาคนหนึ่ง มีความรัก โลภ โกรธ หลง เช่นกัน ความรักของฉัน ก่อเกิดจากความเป็นเพื่อน การพูดคุยที่ถูกคอ กัน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ จนกลายเป็นความสนิทสนม ความผูกพัน และก่อให้เกิดเป็นความรัก เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้สึกตัว ก็ว่าได้ ความรัก ก็เป็นเช่นนี้แหละนะ สุข ๆ ทุกข์ ๆ ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เพราะ เขาเป็นคนไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง ทุกอย่างอยู่ภายใต้การชี้นำของผู้ใหญ่ และนำไปสู่การไม่รักษาคำพูด ในที่สุด และฉันก็จำเป็นต้องตัดสินใจ เป็นฝ่ายขอตัดสายสัมพันธ์ให้จบลงไปด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด เหมือน เราถูกหนามแหลม ๆ ทิ่มแทงจนเลือดออกซิบ ๆ ความเจ็บปวด จนหัวใจด้านชา เหน็บหนาว เหมือน โจทย์ตะพาบ ใน หัวข้อนี้จริง ๆ ใจคอคนช่างยากแท้หยั่งถึงจริง ๆ แต่อย่างไรก็ตาม จะเจ็บ จะปวดอย่างไร ชีวิตของเราก็ต้องดำเนิน ต่อไป ฉันยังมีแม่ที่ต้องเลี้ยงดู ดูแล ฉันจะเป็นอะไรไปไม่ได้ บทเรียน ครั้งนี้ของชีวิต ทำให้ชีวิตฉันแข็งแกร่งขึ้น ทุ่มเทให้กับงานสอนของฉันได้เต็มที่ การทุ่มเทให้กับงานที่ทำ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ฉันคลายความทุกข์ อย่างแสนสาหัสครั้งนี้ผ่านไปได้ดีพอสมควร และจากผลที่ฉันได้ทุ่มเท ให้กับการสอนนักเรียน ก็ทำให้ฉันได้รับ กรรมดีครั้งนี้อย่างดีเช่นกัน นั่นคือ ลูกศิษย์ที่สอนไปแต่ละรุ่น เมื่อจบ ไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็ยังคงระลึกถึงฉัน และมาเยี่ยมเยือนฉันเป็นประจำ รุ่นนี้ รุ่นนั้น ทำให้ชีวิตหลังเกษ๊ยณของ ฉันไม่มีความเงียบเหงาอะไรเลย ความสุขของฉันและของแม่ ที่เห็นลูกสาวจบการศึกษาและได้รับ ปริญญาบัตรสมกับที่ได้ตั้งใจไว้ รวมทั้งครอบครัวของ คนในอดีต ก็ได้มาแสดงความยินดีกับฉันด้วย ค่ะ ความทุกข์ในปี 2520 ค่อย ๆ เลือนหายไป หลังมรสุมร้ายในชีวิตค่อย ๆ หายไป คืนเข้าสู่ภาวะปรกติ ฉันสนุกกับงานสอน สนุกกับการได้สอน ได้เย้าแหย่กับลูกศิษย์ ทั้งภาคกลางวันและภาคค่ำ ชีวิต ผ่านไปน่า จะประมาณ 2 ปี ภาวะจิตใจฉันก็เข้าสู่ปรกติดี เหลือแต่แผลเป็นที่เมื่อไร ถูกสะกิดเข้า ก็มี อาการเจ็บปวดบ้างเป็น ธรรมดาแหละนะ เพราะฉันก็ยังไม่ได้บรรลุธรรมอะไร นี่นา ฉันมีความสุขอยู่กับแม่ แม่คอยให้กำลังใจหลังจากเมฆหมอกอันเลวร้าย ของชีวิตผ่านพ้นไป เราแม่ลูกก็มีความสุข ตามอัตภาพกับเงินเดือนข้าราชการชั้นตรี บรรจุครั้งแรก 1550 บาท มั้ง บ้านพ่อก็ซื้อทิ้งไว้ให้ ไม่ต้องเช่า เงินเก่าพ่อก็เหลือไว้ ถึงจะไม่มาก ก็สามารถทำให้ฉันเรียนจนจบได้ แม่จะรอทานข้าวหลัง จากที่ฉันกลับจากโรงเรียน คืนไหนที่ ฉันต้องสอนภาคค่ำ แม่ก็ต้องทานข้าวคนเดียว มีเพื่อนบ้านมานั่งคุย (คนวัยเดียวกัน) แม่จึงไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่ ความสุขของแม่หลังจากที่ฉันได้ย้ายมาอยู่ในโรงเรียนใกล้บ้าน แม่กับ ฉันมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ช่วงเวลา แห่งความสุขของฉันทีได้อยู่กับแม่ มีโอกาสพาแม่ไปทานข้าวบ้าง ดูหนังบ้าง แม่เป็นคนประหยัด ไม่ยอมไปเที่ยวไหน เพราะสงสารลูก เงินเดือนข้าราชการครู เดือนละ พันกว่าบาท ในปีหนึ่ง เงินเดือนขึ้นมาก็เพียงเล็กน้อย จำได้ว่า ปีแรกที่เงินเดือนเพิ่มขึ้น คือ ประมาณ 150 บาท ไต่เต้าจากเงินเดือน น้อย นิด อาศัยมีค่าสอนนักศึกษาภาคค่ำด้วย พวกเราก็มีความสุขพอประมาณ ช่วงเวลาดังกล่าว เราแม่ลูกจึงผูกพัน กันมากยิ่งขึ้น เวลาผ่านไปได้ ประมาณ 15 ปี คือ หลังจากพ่อเสียไปปี 2514 จนฉันเรียนจบในปี 2516 และเริ่มรับ ราชการปี 2517 เป็นเวลา 15 ปี ที่เราแม่ลูกได้อยู่ด้วยกัน มีความสุข ความทุกข์ร่วมกันมา เราจึงมีความ ผูกพันมาก ๆ แม่เป็นที่พึ่ง ที่ปรึกษาของฉัน ให้กำลังใจยามประสบปัญหาต่าง ๆ เสมอ แม่เป็นคนสุขภาพดี ไม่ค่อย เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย ป่วยหนักครั้งหนึ่ง คือ ประมาณอายุ 6ุ6 ด้วยโรคมดลูกถ่วงและผ่าตัดนำมดลูกทิ้งไป ป่วย อีกครั้งน่าจะประมาณ 68 ด้วยโรคกระเพาะ และโลหิตจาง ฉันก็พาไปหาหมอและหายเป็นปรกติ แข็งแรงดี แต่แล้ว ความเจ็บปวดรวดร้าว เศร้าโศก การพลัดพราก "วันที่ใจเหน็บหนาว" ก็มาเยือนฉันอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ ดูเหมือนจะเจ็บ หนักกว่าสองครั้งที่ผ่านมา วันนั้น คือ วันที่ 31 มีนาคม 2529 เป็นวันที่ฉันกับแม่ต้องพลัดพรากจาก กันอย่างไม่มีวันได้พบกันอีกเลย ฉันไม่ได้คาดคิดว่า แม่จะจากฉันไปด้วยวัย 76 ปี สุขภาพแม่ก่อนไม่ สบาย แม่ยังแข็งแรงดี แม่ป่วยแค่เป็นโรคกระเพาะ ปัสสาวะอักเสพเท่านั้น ไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอะไรมากมาย ป่วยเพียง ไม่กี่วัน แม่ก็จากฉันไป หมอลงความเห็น ในใบมรณบัตรว่า แม่ถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจวาย ทั้ง ๆ ที่แม่ไม่เป็น โรคหัวใจมาก่อนเลย เฮ้อ ! ฉันร้องไห้ ไม่ได้อายหมอ แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ฉันเป็นเสาหลักของบ้าน ตั้งสติได้ โทรหา เพื่อนที่โรงเรียน คือ ผช.ปลื้มจิต ในยุคนั้น เพื่อนที่แสนดี ปลอบใจ เตือนสติ และมาที่บ้าน พาไปแจ้งอำเภอ เรื่อง ทำใบมรณบัตรและร่วมกับเพื่อน ๆจัดการ เรื่องวัด พี่มน ช่วยจัดการเรื่องโลงจำปาใส่ศพของแม่ จิตใจฉันตอนนั้น เลื่อนลอย ไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่จะต้อง จัดงานศพ ตอนพ่อเสีย แม่ก็เป็นเสาหลักในการจัดงาน แต่ฉันก็ยัง โชคดี มีเพื่อนดี ๆ ที่ช่วยจัดการและ คอยปลอบใจ เตือนสติ เพราะเพื่อนคงเห็นฉันในสภาพ เหมือนคนสติแตก เหตุการณ์ ในครั้งนั้น ฉันซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนมาก หลังพิธีศพแม่ผ่านไปแล้ว ความซึมเศร้าของฉัน เป็นความกังวลของ ผช.ปลื้มจิต เพื่อนที่แสนดี ได้พยายามชวนฉัน ไปเที่ยว ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อคลายความเครียดให้ลดน้อยลง ยามกินข้าว น้ำตาก็หลั่งไหล เคยกินข้าวกันสองแม่ลูก แต่ตอนนี้ ฉันต้องกินข้าวคนเดียว ความเจ็บปวดจากการสูญเสียแม่ ครั้งนี้ แสนสาหัสนัก ฉันต้องทำให้ "วันที่ใจเหน็บหนาว" ครั้งนี้ เบาบาง และหมดไป ต้องใช้เวลานานมากถึง 3-4 เดือน น้ำหนัก ตัวของฉันลดไปประมาณ 2-3 กิโลกรัมได้ กว่าชีวิตจะคืนเข้าสู่ภาวะปรกติอีกครั้ง ก็แทบแย่เอามาก ๆ ทีเดียว ค่ะ บรรดาญาติที่มาส่งศพแม่ที่สุสาน ค่ะ ฉันนำแม่มาอยู่กับพ่อ ให้ท่านทั้งสองได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งหนึ่งค่ะ หลังจากความโศกเศร้าเสียใจในชีวิตที่ต้องสูญเสียแม่ไปในครั้งนั้นแล้ว ชีวิตฉันค่อนข้างเงียบเหงา ชีวิตประจำวัน คือ ไปโรงเรียน สอนเสร็จก็กลับบ้าน มีโอกาสเพื่อน ๆ ก็ชวนไปเที่ยว บ้าง ชีวิตดำเนินไปนานหลายเดือน กว่าจะเคยชินกับชีวิตเช่นนี้ ปลงได้มากขึ้น ก็นานโขอยู่ ชีวิตที่เหลือ อยู่ของฉัน ก็ต้องดำเนินต่อไปจนกว่า ฉันจะต้องอำลาจากโลกนี้ไปตามวิถีของวัฏจักรของชีวิต ฉันใช้ชีวิตอยู่ กับการทำงานอย่างมีความสุข เพลิดเพลิน แวดล้อม ด้วยลูกศิษย์ลูกหามาเยี่ยมเยือนบ้าง ไปเที่ยวกับพวกเขาบ้าง ชีวิต ก็พอจะลืมความทุกข์จากการสูญเสียแม่ ไปได้บ้างแล้ว ในปี 40 น้องชายนำน้องหมา พันธุ์กระเป๋ามาให้ช่วยเลี้ยง ตัวหนึ่ง ตั้งชื่อให้ว่า "ค้อกกี้" ตอนมาอยู่ด้วยอายุน่าจะ ประมาณ เดือนกว่าสองเดือน หน้าตาน่ารัก ฉลาด น้องชายเป็นเซล ไม่มีเวลาดูแลมัน ภาระก็ตกอยู่ที่ฉัน แต่ฉันก็เต็มใจ เพราะเป็นคนรักน้องหมามากอยู่ มีมันมาอยู่เป็นเพื่อน ก็ดี ชีวิตไม่เงียบเหงา แต่ก็สงสารมันมาก เพราะว่า ตอนกลางวันมันต้องอยู่ตัวเดียวที่บ้าน ฉันไม่เคยให้มันนอนกรง ปล่อยอิสระอยู่ในบ้าน วางอาหารให้บ้าง หลังจากอาหารมื้อเช้าแล้ว เผื่อมันหิวช่วงกลางวัน เวลากลับจาก โรงเรียน มันจำเสียงเปิดประตูของฉันได้ จะมารอที่ประตู กระดิกหางสั้น ๆ นิดเดียวของมันอย่างดีใจ กระโดดให้ อุ้ม เห็นแล้วก็สงสารมันมากโข แต่จะทำไงได้ ฉันก็ต้องไปทำมาหากินนี่นา มีเวลาให้มันก็ช่วงเช้า ช่วงเย็น และตอน กลางคืน ก็นอนในห้องนอนด้วยกันแหละ แต่ให้มันนอนเบาะข้าง ๆ เตียงฉัน ชีวิตช่วงนี้ ฉันรู้สึกมีความสุข ความ สบายใจ เหมือนมีเพื่อน มีลูกชาย ชีวิตดู ไม่เงียบเหงา เรานอนด้วยกัน กินด้วยกัน พาไปเดินเที่ยว ทุกเช้า ทุกเย็น เหมือนมีเพื่อนแก้เหงา เป็นลูกชายที่น่ารัก ฉลาด ไม่ทำบ้านเลอะเทอะ หลังจากอธิบายให้มันฟัง เล็ก ๆ ก็ซนมาก กัดข้าวของเสียหาย แต่หลังจากโดนทำโทษ และสอนแล้ว ประกอบกับโตขึ้น มันก็มีพฤติกรรมที่ดี ฉันก็ไม่เหนือย กับมันนัก เราอยู่ด้วยกันมา น่าจะประมาณ 13 ปี หลังเกษียณ ฉันหวังว่า ฉันจะมีเวลาได้อยู่กับมันได้มากขึ้น ชดเชย ให้มันที่มันต้องอยู่ตัวเดียวตอนที่ฉันต้องไป ทำงานในช่วงกลางวัน แต่ความหวังของคนเราใช่ว่าจะสมหวังไปเสีย ทุกอย่าง หลังเกษียณได้ไม่กี่เดือน มันฉี่เป็นน้ำเลือดออกมา หมอตรวจแล้ว มันเป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ที่จริง มันเคยผ่านิ่วมาครั้งหนึ่งเมื่อปี 48 ไม่นึกเลยว่า มันจะกลับมาเป็นนิ่วอีกครั้ง ในปลายปี 51 คือหลังจากที่ ฉันเกษียณมาไม่กี่เดือน ครั้งนี้มันโชคร้าย เจอหมอ น่าจะเพิ่งจบใหม่ หลังผ่าตัด ก็รักษากัน ประคบประหงมกันมา ก็ดีขึ้น แต่ก็มาเป็นไข้ กลับไปหาหมอ ก็เจอหมอที่ใส่ใจ น้อยเหลือเกิน บอกให้เจาะเลือดดู เขาก็ไม่เจาะให้ ให้แต่ยาแก้ไข้ น่าจะให้ยาแรงไปด้วย ตกกลางคืน มันมีอาการ กระวนกระวาย เหมือนหายใจไม่สะดวก เที่ยงคืนแล้ว ต้องขอความ ช่วยเหลือจากลูกศิษย์ให้ช่วยพาไป ที่โรงพยาบาลสัตว์เล็กของจุฬา หมอเวรเห็นอาการแล้ว รีบเจาะเลือก บอกว่า เลือดเป็นกรด ทำให้ขาดออกซิเจน จึงหายใจติดขัด โอกาส ห้าสิบห้าสิบ ฉันใจหายแป้ว ก่อนผ่าตัดมัน ยังแข็งแรงดีอยู่เลย ทำไมเหตุการณ์จึงกลายเป็น เช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะอายุมันมากด้วย ผลจึงเลวร้ายมากเกินกว่าที่ ฉันจะคาดหวัง หมอใส่เครื่องช่วยหายใจ ฉันนั่งเฝ้ามันทั้งคืน แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรมันได้เลย ลมหายใจ มันแผ่วเบาลง ตาของมันมองฉัน เหมือนจะอำลาจากฉันไปแล้ว ฉันน้ำตาคลอ ได้แต่บอกมันว่า ถ้าไม่ไหว แล้ว ก็ไปเถิด อย่าห่วงอะไรเลย แม่อยู่ได้ แล้วเราค่อยมาอยู่ด้วยกันในชาติหน้าก็แล้วกัน ในที่สุด การพลัดพราก ก็เกิดขึ้นกับฉันอีกครั้งหนึ่ง เป็นครั้งที่ เป็นวันที่ใจฉันเหน็บหนาว มากอีกเรื่องหนึ่งในชีวิตของฉัน ทั้ง ๆ ที่ฉัน ก็ผ่านเหตุการณ์เจ็บปวดมาหลายครั้งแล้ว แต่การพลัดพรากอีกครั้ง คือ ครั้งนี้ ก็หนักหนาสาหัสอีกครั้งเหมือนกัน หลังจากที่ค้อกกี้ จากไปแล้ว ฉันก็ตกอยู่ในความเศร้า อีกครั้งหนึ่ง ความรัก ความผูกพันระหว่างฉันกับมัน มาเป็นเวลาถึง 13ปี กิน นอน อยู่ด้วยกันตลอด เวลาจากกันไป ความทุกข์จึงมีมากเป็นเรื่องธรรมดา ค่ะ ทั้ง ๆ ที่ฉันก็ผ่านเรื่องเลวร้าย มามากหลายเรื่องก็ตาม พอมาเจอ เรื่อง ค้อกกี้ที่อยู่ด้วยกันมานาน ก็ทำให้ฉัน ทุกข์ใจเป็นเดือน ๆ เหมือนกัน และฉันไม่เคยคิดที่จะเลี้ยงน้องหมา ตัวใหม่อีกเลย ที่นอนประจำของผม นะครับ ความรัก ความพลัดพรากจากกัน ความไม่สมหวัง ทุกคนต้องเจอใน ชีวิต มากบ้าง น้อยบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา ความเจ็บปวดรวดร้าว ย่อมเกิดขึ้น ทำให้เป็น "วันที่ใจเหน็บหนาว" ได้เสมอ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นธรรมดาของชีวิต ล้วนแต่เป็นเรื่อง อนิจจัง ไม่เที่ยงแท้ ของชีวิต เมื่อเกิดมาได้ ก็จากไปได้ เมื่อเจอเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ เราจึงต้อง ตั้งสติให้ดี ค่อย ๆ คิด หาทางแก้ไข และปลงให้ได้กับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา เพื่อดำรงชีวิตของเราให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ จึงจะแคล้วคลาดปลอดภัยจากความทุกข์ได้ค่ะ
Create Date : 08 ตุลาคม 2561
Last Update : 10 ตุลาคม 2561 23:00:19 น.
52 comments
Counter : 1394 Pageviews.
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณกะว่าก๋า , คุณmambymam , คุณสันตะวาใบข้าว , คุณสายหมอกและก้อนเมฆ , คุณสองแผ่นดิน , คุณเกศสุริยง , คุณnewyorknurse , คุณruennara , คุณRananrin , คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน , คุณNior Heavens Five , คุณkae+aoe , คุณเริงฤดีนะ , คุณซองขาวเบอร์ 9 , คุณtuk-tuk@korat
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 ตุลาคม 2561 เวลา:6:38:22 น.
โดย: mambymam วันที่: 11 ตุลาคม 2561 เวลา:8:56:48 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 ตุลาคม 2561 เวลา:13:16:31 น.
โดย: mambymam วันที่: 11 ตุลาคม 2561 เวลา:14:08:26 น.
โดย: อุ้มสี วันที่: 12 ตุลาคม 2561 เวลา:3:09:18 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 ตุลาคม 2561 เวลา:6:30:12 น.
โดย: อุ้มสี วันที่: 12 ตุลาคม 2561 เวลา:17:20:11 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 ตุลาคม 2561 เวลา:20:05:41 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 ตุลาคม 2561 เวลา:6:50:47 น.
โดย: mambymam วันที่: 13 ตุลาคม 2561 เวลา:7:23:05 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 13 ตุลาคม 2561 เวลา:13:44:52 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 ตุลาคม 2561 เวลา:14:18:56 น.
โดย: mambymam วันที่: 13 ตุลาคม 2561 เวลา:18:31:25 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 ตุลาคม 2561 เวลา:6:25:08 น.
โดย: ruennara วันที่: 14 ตุลาคม 2561 เวลา:9:48:25 น.
โดย: Rananrin วันที่: 14 ตุลาคม 2561 เวลา:15:51:07 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 ตุลาคม 2561 เวลา:22:57:10 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 ตุลาคม 2561 เวลา:6:35:51 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 ตุลาคม 2561 เวลา:20:11:30 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 ตุลาคม 2561 เวลา:6:26:56 น.
โดย: ruennara วันที่: 16 ตุลาคม 2561 เวลา:7:54:27 น.
โดย: mambymam วันที่: 16 ตุลาคม 2561 เวลา:9:04:31 น.
โดย: kae+aoe วันที่: 16 ตุลาคม 2561 เวลา:9:22:18 น.
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 16 ตุลาคม 2561 เวลา:15:58:27 น.
โดย: mambymam วันที่: 16 ตุลาคม 2561 เวลา:19:04:17 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 ตุลาคม 2561 เวลา:23:21:20 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 ตุลาคม 2561 เวลา:6:21:33 น.
โดย: ruennara วันที่: 17 ตุลาคม 2561 เวลา:6:38:24 น.
โดย: kae+aoe วันที่: 17 ตุลาคม 2561 เวลา:13:21:29 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 ตุลาคม 2561 เวลา:20:44:35 น.
โดย: ruennara วันที่: 17 ตุลาคม 2561 เวลา:21:00:22 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 ตุลาคม 2561 เวลา:6:26:28 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 ตุลาคม 2561 เวลา:10:43:04 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 ตุลาคม 2561 เวลา:6:12:11 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 ตุลาคม 2561 เวลา:12:00:17 น.
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 20 ตุลาคม 2561 เวลา:0:06:36 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 ตุลาคม 2561 เวลา:6:29:42 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 ตุลาคม 2561 เวลา:23:14:19 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 ตุลาคม 2561 เวลา:6:35:05 น.
โดย: sawkitty วันที่: 21 ตุลาคม 2561 เวลา:11:55:34 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 ตุลาคม 2561 เวลา:19:33:01 น.
โดย: นิคกี้แคนเบอร่า IP: 163.172.136.205 วันที่: 3 มกราคม 2562 เวลา:21:43:13 น.
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [? ]
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif
สวัสดียามเช้าครับอาจารย์
นั่งอ่านจนจบ
ทั้ง 4 เรื่อง
เป็นความสูญเสียทางใจที่ยากจะทำใจได้จริงๆครับ
และผมเชิื่อว่าทุกคนที่อ่านก็ต้องย้อนมองกลับมาที่ชีวิตของตนเองเช่นกัน
ว่าถึงวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว
เราก็ต้องพลัดพรากจากคนที่เรารัก จากสิ่งที่เรารัก
จากสัตว์เลี้ยงที่เรารักด้วยกเช่นกัน
ไม่มีใครหนีพ้นจากความจริงนี้ได้เลย
ไม่ว่าจะรักกันสักเพียงใด
โหวตครับอาจารย์