|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
เมื่อคิดถึงเรื่องเที่ยว คุณคิดถึงอะไร |
|
เมื่อคิดถึงเรื่องเที่ยว คุณคิดถึงอะไร
" เมื่อคิดถึงเรื่องเที่ยว คุณคิดถึงอะไร " เป็นโจทย์ตะพาบกิโลเมตร ที่ 288 ผู้คิดโจทย์ คือ น้องอุ้มสี ค่ะ คำอธิบายโจทย์ "โพสต์ภาพ บอกเล่าประสบการณ์ แชร์เรื่องราว โดยไม่จำกัดรูปแบบการเขียน"
จากคำอธิบายโจทย์ตะพาบ ของผู้ตั้งโจทย์ น่าจะมีจุดมุ่งหมาย อยู่ที่การมีรูปภาพ แล้วบอกเล่าเกี่ยวกับรูปภาพ ที่เราไปเที่ยว อาจจะเป็นเรื่องของความชื่นชอบเรื่องราวที่เราประทับใจ ฉันก็จะเขียนตามจุดมุ่งหมายตามที่ฉันเข้าใจดังกล่าว นะคะ ฉันคัดสรรภาพที่ถือว่าเป็นภาพไฮไลท์ของประเทศนั้น ๆ ที่ฉันถ่ายไว้ ตอนไปเที่ยวประเทศต่าง ๆ ดังนี้ ค่ะ ภาพที่ 1-2
สองภาพนี้ คือ ส่วนหนึ่งของ มาชูปิชู ที่ประเทศเปรู ค่ะ มาชูปิชู (Machu Picchu) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "เมืองสาบสูญ แห่งอินคา" เป็นซากอารยธรรมโบราณของอินคา ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอนดิส มีความกว้างใหญ่ไพศาล ถึง 13 กิโลเมตร ของหุบเขา อุรุบัมบ้า มีความสูง 6,750 ฟิต จากระดับน้ำทะเล ถ้าอยู่ที่ตีนเขา จะไม่สามารถมองเห็นเมืองนี้ได้ เมืองนี้มีลักษณะการสร้างเป็นขั้นบันได ไล่ลงมาตามความชันของหุบเขา แต่ละชั้นสูง 3 เมตรมีจำนวนทั้งหมด 40 ชั้น ซึ่งถูกเชื่อมถึงกันด้วยบันไดกว่า 3,000 ขั้น มีสิ่งก่อสร้างด้วยหินมากกว่า 200 หลัง สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นป้อม ปราการแหล่งสุดท้ายของชาวอินคาที่ต่อสู้กับชาวสเปน ที่มาล่าอาณานิคม (แต่ไม่ตรงกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของสเปน) เมืองมาชูปิชู ประกอบด้วยราชวัง ซึ่งมีวิหาร คฤหาสน์ ล้อมอยู่รอบ ๆ ซึ่งรวมไปถึงที่พักของผู้ที่ทำงานในสถานที่นั้น ๆ คาดว่า ถ้าเป็นหน้าฝนหรือช่วงที่ไม่มีเชื้อพระวงศ์มาพัก น่าจะมีผู้คนอาศัยอยู่ไม่เกิน 750 คน เมืองนี้ตั้งอยู่บนสันเขาระหว่าง ภูเขาสองลูก คือ เขา มาชูปิชู และอวย นา ปิดชู เป็นเหมือนปราการธรรมชาติอย่างวิเศษ มองจากหน้าผาชันลงไปเบื้องล่างจะเห็นภาพความงดงามของหุบเขา แคบ ๆ มีแม่น้ำ อูรูบัมบาไหลผ่านและเป็นทางที่ ศัตรูจะต้องเดินทัพผ่านเพื่อมุ่งสู่เมืองกุสโก ที่มาของชื่อ มาชูปิชู ซึ่งแปลว่า "ยอดเขาผู้ชรา" เป็นความเข้าผิดของ คนตอบคำถาม กล่าวคือ ผู้ค้นพบเมืองนี้ (ชื่อ"ไฮแรม บิงแฮม นักโบราณคดี ) ได้ถามว่าเมืองนี้ชื่ออะไร ชาวพื้น เมืองเข้าใจว่า ถามชื่อของภูเขา จึงได้ตอบว่า มาชูปิชู จึงเป็นที่มาของโบราณสถานแห่งนี้ ความงดงามของสถานที่แห่งนี้ คาดว่า สร้างขึ้น ประมาณ ค.ศ. 1450 จักรพรรดิปาซากูตีของชาวอินคาเป็นผู้สร้าง แต่น่าเสียดายที่ต้องถูกปล่อยร้างมาเป็นร้อยปี เพราะชาวสเปนเข้ามา ล่าอาณานิคม ฆ่าชาวเปรูและชาวอินคาตาย เป็นจำนวนมากและเป็นเมืองร้างไป จนในปี ค.ศ 1911 ไฮแรม บิงแฮม นักโบราณคดีมาค้นพบ และมีการเผยแพร่ ออกไป มาชูปิชู จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวมาชื่นชม ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรอินคาแห่งนี้ และกลายเป็นแหล่งศึกษาทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ อีกทั้งเป็นแรง จูงใจให้มาเที่ยวประเทศเปรู
ปี พ.ศ. 2526 องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้ มาชูปิชู เป็นมรดกโลก เป็นแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์ และ เมื่อ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 มาชูปิชู ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุค ปัจจุบัน ด้วยวิธีการลงคะแนนทางอินเทอร์เน็ต ทั่วโลกและทางโทรศัพท์มือถือ
ภาพที่ 3
ภาพที่ 3 เป็นภาพตะบองเพชรที่ต้นโต อวบอ้วน มากมายที่ประเทศโบ ลีเวีย ค่ะ ที่นี่ เรียกว่า Fish Island ซึ่งเป็นเกาะ อยู่กลางทะเลเกลือ ที่นี่จะเหมือนโอเอซีส บริเวณเกาะแห่งนี้ จะมีต้น ตะบองเพชรหลากหลายชนิด ทั้งต้นเล็ก ต้นใหญ่ บางชนิด มีความสูงถึง 8-10 เมตร เนื่องจากเกาะนี้ มีรูปร่างลักษณะ เหมือนปลา จึงได้ตั้งชื่อว่า "Fish Island"
ภาพที่ 4
ภาพที่ 4 เป็นภาพไฮไลท์ของประเทศโบลีเวีย ค่ะ เป็นผืนเกลือกว้าง ใหญ่ไพศาลมาก ค่ะ ทะเลเกลือ ซึ่งเป็นไฮไลท์ สถานที่หนึ่งของประเทศโบลีเวีย เป็นทะเลเกลือที่ใหญ่ที่สุดและอยู่สูง ที่สุดในโลกเชื่อว่า ที่แห่งนี้ เคยเป็นทะเลสาบ มาก่อน แต่เมื่อทะเลสาบแห้งไปจึงกลายเป็นทะเลเกลือ มันช่าง อลังการเหลือจะพรรณนาเลยทีเดียว เป็นผืนแผ่นดินเกลือที่กว้างไกล สุดลูกหูลูกตา ขาวโพลนไปหมด เดินลุยเกลือไป บางคน นำเกลือมาทำเป็นภูเขา เตี้ย ๆ ปีนขึ้นไปถ่ายรูป บริเวณนั้น เขามีรูปปั้น มีชื่อประเทศให้ นักท่องเที่ยวถ่ายรูป ทุกคนถ่ายรูปกันใหญ่ แอ๊กชั่นตามความถนัดของแต่ละคน บางคนปีนป่ายขึ้นไปถ่ายบนรูปปั้น แต่ฉันยืนถ่ายรูปอยู่ด้านล่าง ไม่ได้ปีนป่ายไปถ่าย ถนอมแรง ถนอมขาไว้ ยังอีกหลายสถานที่ที่จะ ไปชมกัน ค่ะ
ภาพที่ 5
ภาพที่ 5 เป็นอีกภาพหนึ่งที่ฉันคัดสรรมาให้ชม คือ ทะเลสีเลือด มีฝูง นกฟามินโก้ อาศัยอยู่ เป็นทะเลที่มีสีแดง ใส สะอาด ทะเลสาบ Launa Colorada หรือ เรด ลากูน
คำว่า ลากูน คือ แหล่งน้ำตื้น ๆ ที่แบ่งแยกจากทะเลด้วยเกาะสันดอน หรือแนวปะการัง โดยอยู่ขนานกับชายฝั่ง ส่วนมาก จะมีทางเปิดสู่ทะเล Launa Colorada ที่เราจะไปเที่ยวนี้ ต้องอยู่ใน ระดับความสูง 14000 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล เป็นทะเลสาบน้ำเค็มและตื้น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ ประเทศโบลีเวีย ภายในอุทยานแห่งชาติ Eduardo Avaroa Fauna ใกล้กับพรมแดนของประเทศชิลี ทะเลสาบ แห่งนี้ประกอบด้วยสันดอน บอแรกซ์ สีขาวสว่าง ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติตัดกับสีแดงของน้ำในทะเลสาบที่เกิดจาก ตะกอนและสีของสาหร่าย อันเป็นแหล่งอาหารของ นกฟรามิงโกหลากหลายพันธุ์ แต่ที่พบมากที่สุด คือ สายพันธุ์เจมส์ พันธุ์ที่รองลงมา คือ แอนเดียนฟลามิงโก และซีลิน ฟลามิงโก
ภาพที่ 6-8
ภาพที่ 6-8 ธารน้ำแข็ง เปริโต โมเรโน (Perito Moreno Glecier) กลาเซีย หรือธารน้ำแข็งนี้ มีขนาดกว้าง 5 กิโลเมตร สูงเฉลี่ยอยู่ที่ 74 เมตร จากระดับผิวน้ำ เป็นธารน้ำแข็งที่มีการเติบโต และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาหลายพันปีก่อน พื้นที่อุทยานแห่งชาติถูกปกคลุมด้วยธารน้ำแข็งทั้งหมด แต่ด้วย อุณหภูมิที่อุ่นขึ้น จึงทำให้ก้อนน้ำแข็งละลาย และเหลืออยู่เท่าที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนที่นี่ ต่างก็ใจจดใจจ่อ เพื่อฟังเสียงแตกและก้อนน้ำแข็งยักษ์ หล่นลงสู่ทะเลสาบ Argentino ซึ่งฉันมีโอกาสได้ยินและได้เห็นการ ถล่มของก้อนน้ำแข็งใหญ่ด้วย เสียงดังมากทีเดียว เหมือนอะไรที่ใหญ่ ๆ แตกและลื่นลงสู่ธารน้ำเสียงดังกึกก้องทีเดียว การมาชมที่นี่ มาได้หลายวิธี ทางรถ ทางเรือสำราญ ระยะทางจาก คาลาฟาเต้ (Calafate) ถึง เปริโต โมเรโน่ ประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เส้นทางเลียบทะเลสาบ อาร์เจนตินา ทะเลสาบสีฟ้า เห็นก้อนน้ำแข็งลอยอยู่ในทะเลสาบเป็น ช่วง ๆ ผ่าน ฟาร์ม ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เป็นหนึ่ง ในหลาย ๆ กลาเซียที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ ลอสกลาเซียเรส (Los Glaciar National Park) องค์กรยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกแห่งโลก เมื่อปี ค.ศ. 1981 โมเรโน่ มีขนาด ใหญ่เป็นอันดับสอง รองจาก กลาเซีย อุปซาลา (Upsala) ซึ่งที่นี่ จะเดินทางไปชมได้ทางเรือเท่านั้น
จุดเด่นของธารน้ำแข็ง โมเรโน่ คือ ความสวยสดงดงามอัน ตระการตา ของก้อนน้ำแข็งขนาดอันมหึมาที่อยู่รวมกัน คล้ายกำแพงสีขาว ความอลังการขนาดใหญ่ เป็นอันดับที่ 3 ของโลก มีความยาว 30 กิโลเมตร ความลึก ประมาณ 100 เมตร เมื่อเราเดินเข้าไปชมใกล้ ๆ โดยการนั่งเรือเข้าไปชม หรือเดินตาม สะพานที่เขาสร้างให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาส เข้าไปชมได้ใกล้ ๆ จะเห็นว่า กำแพงน้ำแข็งอันมหึมานั้น จะแซมด้วย ประกายสีฟ้า จากน้ำทะเลแทรกตัวอยู่ในก้อนน้ำแข็งงดงามมาก
ภาพ 9-12
น้ำตกอีกวาซู ฝั่งประเทศ อาร์เจนติน่า
น้ำตก อีกวาซู ฝั่งประเทศ บราซิล
ภาพที่ 9-14 น้ำตกอีกวาซู ที่เป็นไฮไลท์ ทั้งของประเทศอาร์เจนติน่า และประเทศบราซิล น้ำตก อีกวาซู (Iguazu Falls) เป็น 1 ใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ น้ำตกนี้ ถูกแบ่งออกตาม ระดับความสูงต่ำของแม่น้ำ อีกวาซู ฝั่งขวาอยู่ในเขตของรัฐ ปารานา (Parana) ประเทศบราซิล ฝั่งซ้าย อยู่ที่จังหวัด Misiones ประเทศอาร์เจนตินา จึงเรียกชื่อน้ำตกนี้ว่า น้ำตกสองแผ่นดิน น้ำตก อีกวาซู แปลความได้ว่า "สายน้ำอันยิ่งใหญ่" เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่างประเทศ อาร์เจนตินาและประเทศบราซิล เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ และใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่าน้ำตก ไนแองการาประมาณ 30 เท่า แต่ก็ใหญ่ใกล้เคียงกับน้ำตก วิกตอเรียในทวีปแอฟริกา น้ำตกอีกวาซู เกิดจากแม่น้ำ อีกวาซู ไหลมาจากที่ราบสูง ปารานา ตกจากขอบที่ราบสูงขนาดใหญ่ ลงสู่ พื้นที่ที่ราบที่ต่ำกว่า จึงกลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เป็นแนวยาวกว่า 4 กิโลเมตร สูงกว่า 269ฟุต ประกอบด้วยน้ำตกใหญ่ น้อย อีก 275 แห่ง ในช่วงฤดูฝน ระหว่าง เดือน พ.ย. ถึง มี.ค. จะมีปริมาณน้ำ ถึง 13.6 ล้านลิตรต่อวินาที ในฤดู ร้อน ระหว่างเดือน เม.ย. ถึง ต.ค. ปริมาณน้ำ จะลดเหลือ 2.3 ล้านลิตรต่อวินาที บริเวณน้ำตก จะมีละอองน้ำปลิว กระจายรอบ ๆ ตลอดเวลา ( พวกเราที่ไปชม จะใส่เสื้อกันฝน แต่ก็เอาไม่อยู่ เพราะลมแรงมา กล้องถ่ายรูปก็ต้องระวังมาก ) นอกจาก ละอองน้ำดังกล่าวแล้ว เสียงน้ำตกที่ตกกระทบพื้น ยังมีเสียงดังกึกก้องไปไกลถึงกว่า 24 กิโลเมตร ยิ่งเดินเข้าใกล้ ยิ่ง ได้ยินเสียงดังมาก ความแตกต่างของน้ำตก ฝั่งอาร์เจนตินา และฝั่งราซิล คือ ฝั่งอาร์เจนตินา เราสามารถเข้าชม น้ำตกได้ใกล้กว่า จึงมีการซื้อทริปล่องเรือไป ชมน้ำตกกันเยอะ ส่วนฝั่งบราซิลเราจะมองเห็นน้ำตกในมุมกว้างและ ทั่วถึงกว่าและงดงามกว่า อันนี้เป็นมุมมองของคน ให้ข้อมูล ที่ฉันไปอ่านมานะคะ ส่วนความเห็นฉัน ฉันคิดว่า ทั้งสองฝั่งมี ความงดงามพอกัน งามไปคนละแบบ ฝั่งบราซิล เราสามารถมองเห็นน้ำตกในมุมกว้างได้มากกว่าเท่านั้นนั้นเอง ค่ะ
ภาพที่ 15
ภาพที่ 15 ภาพพระเยซูบนไม้กางเกน ค่ะ เป็นไฮไล์ของประเทศบราซิล ค่ะ รูปปั้นพระเยซู Cristo Redentor (Christ the Redeemer) เป็นรูปปั้นที่สร้างจากหินแกรนนิคขนาดใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ริโอเดอจาเนโร ที่โด่งดังไปทั่วโลก มีผู้คน นักท่องเที่ยวมาชมกันมากมาย ตั้งอยู่บน ยอดเขา กอร์โกวาดู (Corcovado) ถือว่า เป็น 1 ใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกปัจจุบัน เป็นรูปปั้นสีขาวใหญ่โตมาก ต้องแหงน หน้ามอง เวลาถ่ายจะให้สวย คนถ่ายต้องนอนกับพื้น ถ่ายให้คนอื่น ไม่งั้นต้องไปยืนไกล ๆ จึงจะได้ทั้งรูปเราและรูปของ พระเยซูอากาศวันนี้ร้อนมาก ๆ แดดจัด แสบผิวหนัง พวกเรา ต้องไปหาที่ยืนหลบแดดเป็นพัก ๆ นักท่องเที่ยวมากันเยอะมาก
ภาพที่ 16
ภาพที่ 16 เที่ยว ย่านเมืองเก่า Santa Teresa ซึ่งเป็นย่านศิลป วัฒนธรรมกลางกรุง ริโอเดอจาเนโร แต่เราไปชมบันไดกระเบื้องเคลือบหรือที่เรียกว่า Escadaria Selaron ซึ่งประดับประดาไปด้วยกระเบื้องเคลือบ จากทั่วทุกมุมโลก มากกว่า 2,000 ชิ้น ของประเทศไทยเราก็มี ค่ะ เขียนว่า "บ้านมั่งมีศรีสุข" บันไดมีความสูง 125 เมตร มีจำนวน 215 ขั้น ถือเป็นไฮไลท์อีกแห่งของ ประเทศบราซิล
ภาพสุดท้ายที่นำมาฝาก อีกภาพ ค่ะ
สมาชิกที่ไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกันที่อเมริกาใต้เป็นเวลา 1 เดือน ค่ะ
ภาพที่ฉันคัดสรรมาเพื่อประกอบการเล่า ตะพาบ เรื่อง "เมื่อคิดถึงเรื่อง เที่ยว คุณคิดถึงอะไร " ก็คิดถึงสถานที่ ที่เป็นไฮไลท์ของสถานที่เที่ยวนั้น ๆ นั่นเอง ฉันก็หวังว่า ภาพที่ฉัน คัดสรรมาพร้อมคำบรรยายถึงประวัติของ ภาพนั้น ๆ เพื่อไว้เป็นความรู้ประกอบด้วย เพื่อน ๆ ชาวบล็อกก็คงได้ รับความเพลิดเพลิน อิ่มเอมอารมณ์ไปกับภาพสวย ๆ งาม ๆ ที่ฉันคัดสรรมาฝาก นะคะ สวัสดี ค่ะ
Create Date : 15 ตุลาคม 2564 |
Last Update : 21 ตุลาคม 2564 20:28:26 น. |
|
35 comments
|
Counter : 1602 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณ**mp5**, คุณหอมกร, คุณทนายอ้วน, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณกะว่าก๋า, คุณร่มไม้เย็น, คุณThe Kop Civil, คุณmariabamboo, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณtoor36, คุณเริงฤดีนะ, คุณสองแผ่นดิน, คุณKavanich96, คุณkae+aoe, คุณtuk-tuk@korat, คุณSweet_pills, คุณกิ่งฟ้า, คุณnewyorknurse |
โดย: **mp5** วันที่: 21 ตุลาคม 2564 เวลา:8:46:30 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 21 ตุลาคม 2564 เวลา:9:29:27 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 21 ตุลาคม 2564 เวลา:10:47:00 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 ตุลาคม 2564 เวลา:11:42:57 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 21 ตุลาคม 2564 เวลา:21:15:15 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 21 ตุลาคม 2564 เวลา:21:19:06 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 21 ตุลาคม 2564 เวลา:21:20:30 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 21 ตุลาคม 2564 เวลา:22:47:13 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 22 ตุลาคม 2564 เวลา:5:12:18 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 ตุลาคม 2564 เวลา:6:07:58 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 ตุลาคม 2564 เวลา:14:51:46 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 ตุลาคม 2564 เวลา:6:42:09 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 ตุลาคม 2564 เวลา:14:53:34 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 23 ตุลาคม 2564 เวลา:16:33:04 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 23 ตุลาคม 2564 เวลา:17:53:17 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 24 ตุลาคม 2564 เวลา:0:21:38 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 ตุลาคม 2564 เวลา:6:01:33 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 24 ตุลาคม 2564 เวลา:14:50:37 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 ตุลาคม 2564 เวลา:18:33:30 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 ตุลาคม 2564 เวลา:5:35:44 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 ตุลาคม 2564 เวลา:13:54:54 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 25 ตุลาคม 2564 เวลา:20:52:38 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ตุลาคม 2564 เวลา:5:45:11 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ตุลาคม 2564 เวลา:13:06:03 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 26 ตุลาคม 2564 เวลา:20:53:15 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 ตุลาคม 2564 เวลา:5:35:41 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์ |
|
Rss Feed |
| Smember | | ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]
|
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif |
|
|
|