|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
 |
|
บันทึกทวาทศมาส ประจำปี 2565 เดือน ต.ค.-ธ.ค. |
|
บันทึกทวาทศมาส ประจำปี 2565 เดือน ต.ค.-ธ.ค.
บล็อก นี้เป็นบล็อกสุดท้ายของ ทวาทศมาส ประจำปี 65 แล้วค่ะ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น 3 เดือนสุดท้ายของ ปี 65 มีอะไร เรามาเริ่มต้นที่เดือน ต.ค. เลยนะคะ
1 ตุลา รัฐบาลประกาศว่า โรคโควิด 19 ถือว่า เป็นโรคประจำถิ่นแล้ว สามารถที่จะไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยแล้ว (แต่เดิมบังคับทุกคนต้องใส่) แต่เพื่อความปลอดภัย ฉันก็เห็นคนยังใส่ กันเป็นส่วนใหญ่ ฉันเองก็ใส่ก็เหมือนกัน เวลาออกไปนอกบ้าน ฉันก็ยังคงใส่หน้ากากอนามัย ค่ะ วันที่ 4 ต.ค. ทิพย์มาเยี่ยมฉันที่บ้าน ทีแรก เมี่ยงจะซ้อนมอเตอร์ไซด์ ทิพย์มาด้วยกัน แต่ว่า ฝนตก จึงฝากแต่ของกิน มาให้ฉัน ทิพย์เลยขี่มอเตอร์ไซด์มาหาฉันคนเดียว ไม่ได้คุยกันนาน เพราะว่ามาเอาตอนเย็นมากแล้วนั่นเอง

ของฝากของเมี่ยง มีขนม และข้าวคลุกกะปิ 1 กล่อง ด้วยค่ะ
5 ต.ค. เป็นวันสิ้นสุดการถือศีลกินเจแล้ว ฉันคิดถึงส้มตำเจ้าอร่อยที่ เทอร์มินอล 21 เลยนัดกับเอม ไปกินส้มตำ ลาบหมู ตับหวาน ตามด้วยน้ำกะทิทุเรียน ส่วนเอม กินทับทิมกรอบ กินไปคุยไป เป็นชั่วโมง แวะซื้อของที่ซุปเปอร์ ได้น้ำเต้าหู้ ทั้งน้ำ และทั้งเป็นซอง ได้โกโก้ผงมาอีก 1 ถุง ตุนไว้ ค่ะ
6 ต.ค. วันนี้เกิด เหตุโศกนาฎกรรมใหญ่ในโรงเรียอนุบาลแห่งหนึ่ง ที่ จังหวัด หนองบัวลำพู ที่มีคนบุกเข้าไปยิงเด็ก ยิงครูตายมากมาย เป็นที่ตื่นตระหนกของคนทั้งประเทศ โทรทัศน์ เสนอข่าวทั้งวัน เหตุการณ์ครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตถึง 37 คน รวมทั้งผู้ก่อเหตุ คือ หลังจากสังหารเด็กและครูที่นี่แล้ว กลับที่พักไป ฆ่าภรรยาและลูกตายอีกด้วย มีผู้บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 10 คน เป็นข่าวสะเทือนขวัญอย่างมาก เหตุอุกฉกรรจ์ครั้งนี้เกิดขึ้น ภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์การบริหาร ส่วนตำบล (อบต.) อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ช่วงเวลา ประมาณ 13.00 น. ผู้ก่อเหตุ คือ ส.ต.อ. ปัญญา คำราบ เคยรับราชการอยู่ที่ สภ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู ก่อนถูกไล่ออกจาก ราชการจากพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ช่วงเช้าตรู่วันก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุทะเลาะกับภรรยา ภรรยาจึงขอให้ มารดามารับ จึงสันนิษฐานได้ว่า ผู้ก่อเหตุ อาจคิดว่าภรรยาจะไม่อยู่ด้วยแล้ว จึงเกิดเป็นความเครียดสะสม ประกอบกับขาดรายได้จากการตกงาน แต่ไม่พบหลักฐานว่ามีอาการทางจิต เพราะเมื่อครั้งไปที่ศาลก็ไม่มีอะไร ผิดปกติการจ่ายเงินตอบแทนแก่ผู้เสียชีวิตรายละ 1.1 แสนบาท ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริง และค่าขาดรายได้วันละสามร้อยบาทเศษ โดยจ่ายให้ไม่เกินหนึ่งปี และมีค่าตอบแทนกรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส สูงสุดไม่เกินห้าหมื่นบาท เหตุการณ์สะเทือนขวัญเช่นนี้ ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้น มันเคยเกิดมาแล้ว ถึงจะเยียวยาอย่างไร ก็ไม่ได้คุ้มค่ากับชีวิตเด็ก ๆ ซึ่งนอนหลับไม่รู้เรื่องอะไรต้องมาสังเวยความเครียดของฆาตกร คนนี้ เลย แต่เหตุการณ์เช่นนี้ ก็ป้องกันยาก ไม่มีใครคาดคิดว่า มันจะเกิดขึ้นเมื่อไร อย่างไร เฮ้อ! ขอให้ทุกคนที่ ต้องจากไปครั้งนี้ ไปสู่ภพภูมิที่ดี ค่ะ วันที่ 11 ต.ค. วงการบันเทิง วงการตลก ก็ได้สูญเสีย ดารา และ ดาวตลกไปอีก 1 คน ค่ะ คือ เด่น ดอกประดู่ ด้วยวัย 80 ปี ค่ะ มาทราบประวัติ คุณเด่น ค่ะ ประวัติ คุณเด่น ดอกประดู่ เด่น ดอกประดู่ มี ชื่อจริงว่า บรรพต วีระรัฐ เกิด เมื่อ 24 มิถุนายน 2485ที่ อำเภอ ควนกาหลง จ.สตูล ได้เข้าศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เคยเป็น นักเรียนโรงเรียนดุริยางค์กองทัพเรือ และเป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของกองดุริยางค์ทหารเรือ จึงได้ใช้ชื่อ ฉายาว่า ดอกประดู่ ที่เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพเรือ สมรสกับสุวพันธ์ อุบลชาติ หรือ เจ๊ตือ นักแสดงสาวที่พบรักกันระหว่าง ร่วมงานแสดง ผลงานของ เด่น ดอกประดู่ มีมากมาย เด่น ดอกประดู่ ตำนานตลก เมืองไทย ผู้ฝากผลงานทั้งจอแก้ว-จอเงิน นับร้อยเรื่อง เป็น พิธีกร เป็นนักแสดงตลก ร่วมสมัยกับเด๋อ ดอกสะเดา ดู๋ ดอก กระโดนและดี๋ ดอกมะดัน เคยแสดงร่วมคณะกับเด๋อ ดอกสะเดา และเทพ โพธิ์งามโดยใช้ชื่อคณะว่า เด่นเด๋อเทพ ตั้งแต่ ประมาณพ.ศ. 2520 ได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงตลก ที่เล่นมุกสุภาพ ไม่เล่นมุกหยาบโลน หรือลามก
ในปี พ.ศ. 2533 เด่น ดอกประดู่ เป็นผู้ผลิตและเป็นพิธีกรรายการ ไม่ลองไม่รู้ นานถึง 14 ปี มีโรงงานผลิตอยู่ ที่บ้านพักในหมู่บ้านย่านซอยวัชรพล ถนนรามอินทรา รวมถึงเคยเปิด ร้านเบเกอรี่ย่านสี่แยกพรานนกชื่อ มิสเบเกอรี่ ซึ่งปัจจุบันได้ปิดกิจการไปแล้ว
เด่น ดอกประดู่ ได้ฝากผลงานไว้มากมาย ทั้งจอเงิน จอแก้วด้านผล งานผลภาพยนตร์ โลดเล่นการแสดงตั้งแต่ ปี 2516-2553 ฝากผลงานนับกว่า 50 เรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องเด่นดวง เดือน 5 ผู้ยิ่งใหญ่, เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง, 2 ผู้ยุ่งเหยิง , แตก 4 รัก โลภ โกรธ เลว, ดึก ดำ ดึ๋ย, บุปผาราตรี เฟส2, ไทยถีบ ก่อนบ่ายเดอะมูฟวี ตอนรักนะ...พ่อต๊ะติ๊งโหน่ง, เทวดาตกมันส์ และมือปืน ดาวพระเสาร์
ส่วนละครโทรทัศน์ ด้วยความสามารถ มากฝีมือ ทำให้เด่น ดอกประดู่ ได้รับบทบาทในอีกหลายเรื่อง ทั้งขบวนการคนใช้ ศรีธนญชัย, ลอดลายมังกร,อีเปรี้ยวตลาดแตก แววมยุรา,เมียน้อย, ภูต พิศวาส,ชาติมังกร, ทายาทอสูร, ผู้การเรือเร่, เสน่ห์นางงิ้ว และสุสานคนเป็น เด่น ดอกประดู่ ถือเป็นนักแสดงตลกรุ่นใหญ่ เป็นที่รู้จักและครองใจคน จำนวนมาก
บั้นปลายชีวิต ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์มาเกือบ 4 ปี ซึ่งหมอที่รักษาเคย บอกแล้วว่าผู้ป่วยโรคนี้ พอถึงระยะหนึ่งจะเริ่ม ไม่อยากอาหาร ซึ่งระยะหลังเด่นเองก็เป็น เริ่มทานข้าวน้อยลง ๆทำให้ ไม่มีแรง เมื่อก่อนยังเดิน หลัง ๆ ต้องพยุง ก่อนเสียไม่กี่วันต้องใช้รถเข็น เริ่มเดินไม่ไหว ทานข้าวน้อย ก็หมดแรง บอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้หมอให้ยากระตุ้นให้ อยากอาหาร แต่ก็ช่วยได้แค่ส่วนหนึ่ง ทางครอบครัวก็พยายามหาทาง บำรุงให้ดีที่สุดในที่สุด เด่น เสียชีวิตด้วยป่วย เป็นโรคชรา ในวัย 80 ปี โดยการหลับไปและหยุดหายใจเมื่อช่วงเวลา ประมาณ 01.30 น. ของในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ตั้งศพที่วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ซอยวัชรพล เพื่อเตรียมทำพิธีทางศาสนา โดยจะเริ่มพิธีรดน้ำศพ ช่วงเวลา 16.00 น. และจะทำการสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 5 คืน ตั้งแต่วันที่ 11 - 15 ตุลาคม พ.ศ. 2565 และมีพิธีฌาปนกิจในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ขอแสดงความอาลัยต่อการจากไปของ คุณเด่น ดอกประดู่
วันที่ 12 ต.ค. รุ่งกลับจากทำงานต่างจังหวัด แวะมาเยี่ยมฉันที่บ้าน และซื้อลูกชิ้นปลากรายเจ้าอร่อยที่เราไปกิน ที่นครสวรรค์ ตอนไปเยี่ยมพี่โต ยังมีผัก พริก ตามรูปอีกด้วย จากนั้นก็ ชวนฉันไปกินอาหารร้านบ้านส้มตำเจ้าเก่า นั่นเอง กินไป คุยไป เป็นลูกศิษย์ที่มีความน่ารัก สม่ำเสมออีกคนหนึ่งของฉัน ขอบใจเขามาก มาชมอาหารของเรา ค่ะ

น้ำที่ต้องสั่งทุกครั้ง คือ น้ำลำไย ค่ะ แก้วละ 70 บาท ค่ะ

รายการอาหารเต็มโต๊ะ ตามที่รุ่งสั่ง ค่ะ เกลี้ยงทุกอย่าง ค่ะ อิอิ

ของฝากจากรุ่ง ค่ะ
วันที่ 13 ต.ค. วันนี้ถือว่า เป็นวันประวัติศาสตร์สำคัญอีกวันหนึ่งของพวก เราชาวไทย เพราะเป็นวันที่คนไทยทั้งประเทศ ต้องพบกับความเศร้าโศกหลั่งน้ำตากันทั่วแผ่นดินเพราะได้ยินประกาศ จากสำนักพระราชวังและ รัฐบาลว่า พ่อหลวง ร.9 ได้เสด็จสวรรคตแล้ว เป็นข่าวที่พวกเราชาวไทยเสียขวัญเป็นอย่างยิ่ง ทั้ง ๆ ที่ก็ได้เตรียมใจไว้บ้างแล้วก็ตาม ถึงเวลาจะผ่านไปหลายปี (ตั้งแต่ ปี 59 ) เมื่อมาถึงวันนี้ทุกปี พวกเราก็ ยังคงคิดถึงพ่อหลวงที่อยู่บนฟ้าตลอดเวลา ค่ะ และวันนี้ เป็นวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
13 ตุลาคม 2565 มีพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 9 ใน วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2565 เวลา 17.00 น. บริเวณอุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขตดุสิต มีการเชิญชวนประชาชนร่วมพิธี ครั้งนี้ด้วย โดย ในวันที่ 13 ตุลาคม 2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรง เปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติอุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สวนสาธารณะแห่งใหม่ใจกลางเมือง ที่จะทำให้ปวงชนชาวไทยได้อยู่ใกล้ชิดในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกครั้ง และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ตราบชั่วนิรันดร์ ที่สำคัญอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ถ่ายทอดองค์ ความรู้ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของมนุษย์กับธรรมชาติและยังเป็นปอด แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานคร เสริมสร้าง คุณภาพชีวิตทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงเป็นสถานที่ศึกษาเรื่องสิ่ง แวดล้อมเพื่อเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป สอดคล้องกับพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอดและ ครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” (พระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวในพระราชพิธีบรมราชาภิเศก เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562)
ความเป็นมาของการสร้าง อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เชิญชมได้จาก วิดิโอ นี้ ค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=d26lBAGbpXg&t=34s

วันที่ 23 ต.ค. วันนี้ ฉัน โก และ หญิง เรานัดกินข้าวพบปะคุยกัน ประสาเพื่อนร่วมเที่ยวกันมาหลายทริป โดย มีโกขับรถมารับ หญิง มารอที่บ้านฉัน โก บอกขอร้านที่ใกล้ ๆ เพราะ เขาไม่อยากขับรถไกล ฉันเลยบอกว่า งั้นก็ไปร้าน ค้อปฟี่บีน ซึ่งอยู่ในซอยเอกมัย ไม่ไกลจากบ้านฉัน โก และหญิง ยังไม่เคยมากินที่ร้านนี้จึงพามากินที่นี่ เราแต่ละคนสั่งอาหารคนละอย่าง ฉันสั่งข้าวตังหมู เคยกินกับก๊อง จำ ได้ว่าอร่อย โก และ หญิง สั่ง อะไรจำไม่ได้ เดี๋ยวดูจากรูป นะ อิอิ เรากินไป คุยกันไปตามประสา นาน ๆ เจอกันที นอกจากสารทุกข์สุกดิบแล้ว ก็คุยกันเรื่องสับเพเหระ ทั่ว ๆ ไป อาหารหมดเกลี้ยง น่าจะประมาณ 1 ชั่วโมง มื้อนี้ พันกว่า บาท แต่พอดีฉันมีบัตรเครดิตของ ttb มีส่วนลด น่าจะ 10 % เลยใช้บัตรของฉันจ่าย มื้อนี้ โก ไม่ยอมหาร ขอเลี้ยงเรา สองคนเหมือนเดิม เมื่อได้ส่วนลดเหลือเงินที่ต้องจ่ายแล้ว เขาก็โอนเงินเข้าบัญชีฉันเลย ขอบใจโกมาก นะ ที่เลี้ยวข้าวฉัน ค่ะ


อาหารที่พวกเราสั่งมากินกัน ค่ะ
28-31 ต.ค. จอยมาชวนไปทอดจุลกฐินที่แม่แจ่ม จังหวัด เชียงใหม่ ฉันคิดว่า ยังไม่เคยไปเห็นการทอดจุลกฐินเลย อยากไปเห็นการทอดกฐินประเภทนี้ว่า มีความแตกต่างกันกับการ ทอดกฐินที่เคยทอดกัน เรื่องนี้ ฉันได้เขียนลง ในบล็อกแก๊งแล้วถ้าสนใจ เชิญอ่านได้จากลิ้งค์ นี้ ค่ะ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=30-01-2023&group=11&gblog=2






ทำบุญด้วย เที่ยวด้วย ค่ะ
เดือน พ.ย. มาดูว่า เดือน 11 นี้ จะมีเหตุการณ์ที่น่าบันทึกเก็บไว้บ้าง วันที่ 5 พ.ย. เดือนนี้ ก็มีศิลปินที่มีชื่อเสียง ได้ถึงแก่กรรมด้วย มะเร็งปอด คือ ครูมืด หรือ ป๋ามืด
ประวัติ ครูมืด
ครูมืด มีชื่อจริงว่า ประสาท ทองอร่าม เป็นเด็กสลัม ลำบากจนต้อง ขอข้าววัดกิน บ้านที่อยู่หลังคาติดกันหมด ครูเกิดในสลัมพ่อของครูมีอาชีพถีบสามล้อ แม่ขายข้าวแกง ปู่มีอาชีพ เป่าปี่งานศพ ตัวครูเองเองก็จะไปคลุกคลีอยู่กับท่าน ที่วัดพระพิเรนทร์ ถนนวรจักร ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งแหล่งรวมศิลปะทุก แขนงเพราะจะมีถนนหลายสายของแหล่งศิลปะ เชื่อมโยงถึงกันอยู่ พอได้อยู่กับพวกโขน ละคร ลิเก ปี่พาทย์ก็เลยได้ ความรู้ด้านดนตรีมา และก็ศึกษามาเรื่อยๆ ซึ่งคุณปู่ คุณพ่อ คุณอาเป็นนักดนตรีไทย อยู่ที่บ้านคุณครูหลวง ประดิษฐ์ ไพเราะเชื้อสายครอบครัวมาทางด้านนั้น คุณปู่ได้รู้จักกับครูดนตรีของกรมศิลปากร คือ คุณครูประสิทธ์ ถาวร ก็ เลยได้ฝากฝังให้ครูมืด เข้ามาเป็นนักเรียน โรงเรียนนาฏศิลป์ ในสาขาดุริยางค์ไทย และได้รับการคัดเลือกเป็น นักเรียนในพระอุปถัมภ์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร ซึ่งทำให้ได้รับการถ่ายทอดศาสตร์ นาฏศิลป์ไทยจาก อาจารย์เสรี หวังในธรรม บรมครูด้านนาฏศิลป์ไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 นั่นจึงเป็นครั้งแรกของการ จุดประกายทางด้านศิลปวัฒธรรม"
ต่อมา ครูมืด เข้ารับราชการในสำนักการสังคีต กรมศิลปากร ตำแหน่ง ศิลปินสำรอง ก่อนสั่งสมความรู้และประสบการณ์ ก้าวสู่ตำแหน่ง หัวหน้างานกลุ่มวิจัยพัฒนางานและการแสดง จนกระทั่ง เกษียณอายุราชการท่านให้โอกาสคน ช่วยเหลือคน ท่านใจดี มีอะไรช่วย เลี้ยงดูกันเป็นแบบครอบครัว อยู่กันมาตั้งแต่ อ. เสรี หวังในธรรม คุณปู่เสรีและคุณย่า ทุกคนที่อยู่ด้วย สัมผัสได้ตลอดเวลา ท่านเดินทางตามปู่เสหมด ไม่ว่า จะเป็นการกำกับ การแสดงโขน พากย์ ตลก ทุกอย่าง ครูมืด มีภรรยาอยู่ด้วยกันจนมีน้อง หมอบอกว่ามีน้อง ตนก็ดีใจมาก เลย เพราะตนไม่มีทายาท แต่อยู่ได้สักเดือน สองเดือนได้ข่าวว่าเสียน้องไป มันสะเทือนใจมาก ท่านเชื่อว่ามันเป็น วิบากกรรมของตนแน่ ๆ ตนระลึกถึงเสมอว่า เป็นกรรม เคยทำกรรม เคยทำเวรอะไรไว้จึงทำให้ไม่มีลูก ก็เสียใจมาก พอเสียน้องไปแล้ว มันก็โยงไปทำให้เสียภรรยาไปด้วย จนถึงวันที่ท่านสิ้น ครูมืดก็ยังครองตัวเป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้ สิ่งที่ ท่านมี ก็คือลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่ในทุกๆวงการ รวมทั้ง โขน ที่ท่านรักสุดชีวิตนั่นเอง
ครูมืดมีผลงานการแสดงมากมายหลาย เรื่อง อาทิ เรื่องลูกโขน, อำแดง เหมือนกับนายริด, พล นิกร กิมหงวน และนาคี ทำให้เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี และหลายคนทราบว่าครูมืดเป็นศิษย์เอก คนสำคัญของอาจารย์เสรี หวังในธรรม บรมครู ด้านนาฏศิลป์ไทยซึ่งเป็นผู้ดูแลและถ่ายทอดศาสตร์นาฏศิลป์ไทยทั้ง โขน ลิเก สวด แหล่ เห่ กล่อม การพากษ์โขน ละคร รวมทั้งการแสดงจำอวดให้ ปัจจุบีนได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติด้าน ดนตรี และศิลปิน ประจำปี 2563 สาขาบุคคลต้นแบบผู้ทรงคุณวุฒิ ทางด้านดนตรีและศิลปะการแสดง โดยหออัครศิลปิน Hall Of Jazz ผลงานชิ้นสำคัญที่ผ่านมา คือ การควบคุมการซักซ้อมการแสดงโขน รามเกียรติ์ พร้อมจัดแสดงหน้าพระเมรุมาศ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ครูมืด เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด หลังตรวจพบเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 4 เมื่อเดือน ก.ย. 64 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ กระทั่งอาการดีขึ้นมาก หมอให้กลับบ้านได้ และมาป่วยซ้ำ อีกครั้งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อ วันที่ 12 ต.ค. 2565 แล้วอาการเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ และถึงแก่กรรม เมื่อ วันที่ 5 พ.ย. 65 กำหนดการสวดพระอภิธรรม เริ่มวันที่ 7 พ.ย. เป็นวันแรก และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 13 พ.ย. 65 เวลา 17.00 น.

ขอแสดงความอาลัยต่อการจากไปของครูมืด ค่ะ
ครูมืด เป็นวิทยากร
วันที่ 12 พ.ย. ปีนี้ กรรมการสมาคมนักเรียนเก่า มัธยมวัดธาตุทอง ชุดใหม่ นกยกคนใหม่ คือ นายสรรค์เศรษฐ์ สุจวิพันธ์ พวกเราปรึกษากันว่า จะจัดงาน ธาตุทองคืนถิ่นเพราะเราไม่ได้จัดมา หลายปีแล้ว เนื่องจากการระบาดของโรค โควิด 19 ไม่มีรายได้เข้าสมาคมฯ เพื่อดำเนินงาน และกิจกรรม ต่าง ๆ ของสมาคมฯ รายรับส่วนใหญ่ของ สมาคมฯ นั้นมาจากการจัดงาน คืนสู่เหย้าและผ้าป่าการศึกษา เพียง สองงานเท่านั้น การประชุมเพื่อวางแผน เช่น กิจกรรมที่จะจัดในงานธาตุทองคืนสู่เหย้า มาชมรูป ค่ะ

กรรมการที่มาร่วมประชุมจัดงานธาตุทองคืนถิ่น ค่ะ


หลังจากประชุมเสร็จแล้ว รุ่งชวนนกยกหรั่งไปทานข้าวกันที่ร้านสัมตำ มีเจี๊ยบตามมาแจมด้วย ค่ะ
วันที่ 18 พ.ย. นายก ฉัน เรืองและรุ่ง ไปรับบัตรงานธาตุทองคืนสู่ เหย้า ซึ่งทุกครั้งที่จัดงาน คุณมนตรี เธอเป็นศิษย์เก่า จัดทำให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ค่ะ ถือเป็นผู้มีอุปการคุณต่อสมาคม นักเรียนเก่า ฯ ทุกครั้งที่จัดงาน สมาคมฯจะจัดโต๊ะจีน ให้คุณมนตรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเช่นกันค่ะ มาชมรูป ค่ะ

รุ่งเลี้ยงน้ำ ร้านที่อยู่เกทเวย์ เพื่อรอ นายกมาที่ ธนาคาร ค่ะ

ก่อนไปบ้านคุณมนตรี เพื่อรับบัตร แวะทำเรื่องเปลี่ยนผู้ลงนาม เบิกเงินของสมาคมฯ เป็น นายก เหฯ และอุปนายก ชุดใหม่ ที่ธนาคารทหารไทยธนชาติ ค่ะ


ก่อนเข้าไปที่บ้านของคุุณมนตรี เราแวะกินข้าวกลางวันที่ร้าน ขายแหนมเนือง ค่ะ



นายกหรั่ง แสดงความสวยงามของบัตรธาตุทอง คืนถิ่น ค่ะ มีคุณมนตรีนั่งข้าง ๆ ค่ะ
วันที่ 19 พ.ย. สมาคมฯ มีการจัดประชุมเรื่องการจัดงานธาตุทองคืน ถิ่น ต่อจากครั้งที่แล้ว มีการนำเอกสาร ป้าย ที่มีอยู่มาตรวจสอบว่า ใช้งานได้อีกไหม เพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย ต่าง ๆ ให้มากที่วุด เหลือเงินเข้า สมาคมฯมากที่สุด ค่ะ มาชมรูป ค่ะ

ประชุมจัดงานธาตุทองคืนถิ่นต่อจากคราวที่แล้ว

หลังประชุม นำสิ่งของ เช่น ป้ายชื่อ ป้ายโต๊ะ มาสำรวจตรวจสอบ เพื่อนำมาใช้ใหม่ในงานนี้ เป็นการประหยัด ค่ะ
วันที่ 22-23 พ.ย. นิทรา เพื่อนรักและน้องนาถ ชวนไปเที่ยวหัวหิน โดยมีน้องนาถขับรถไป แชร์ค่าใช้จ่ายกัน ไปพักโรงแรมแพง ๆ คืนละ 4000 บาท เพื่อไปเอาบรรยากาศ มี ทิวทัศน์สวยงาม ติดทะเล มีน้องบงกชรัตน์ ซึ่งนิทรา รักเหมือนลูก เพราะเคยเลี้ยงดูมาแต่เด็ก บ้านใกล้กัน เรื่องนี้ ฉันได้ เขียนไว้ในบล็อกแก๊ง ใครสนใจอ่านตามลิ้งค์ นี้ได้ ค่ะ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=28-11-2022&group=2&gblog=95









https://youtu.be/uyDlUwT9fsg
วันที่ 27 พ.ย. ในวงการบันเทิง ได้สูญเสียดารารุ่นใหญ่ไปอีก 1 คน คือ คุณลินดา ค้าธัญเจริญ ค่ะ ฉันเคยชมผลงาน ของเธอหลายเรื่องอยู่ เรามาทราบประวัติของเธอ ค่ะ
ประวัติ ลินดา ค้าธัญเจริญ “ลินดา ค้าธัญเจริญ” ชื่อเล่น ดา เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2499 เสียชีวิต เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2565 ผลงานของ ลินดา มีมากมาย ทั้งการละคร ภาพยนตร์ และการเป็น นางแบบ ผลงานที่สร้างชื่อจาก ภาพยนตร์ เรื่อง “แก้ว” ของ เปี๊ยก โปสเตอร์ แสดงร่วมกับทูน หิรัญทรัพย์ เมื่อปี พ.ศ. 2523 และ ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด จากบทประพันธ์ของ โบตั๋น กำกับโดย วิจิตร คุณาวุฒิ ผลงานส่วนใหญ่เป็นงานด้านละคร ได้รางวัลเมขลา ในฐานะนักแสดง นำหญิงยอดเยี่ยม จากละคร ชลาลัย พ.ศ. 2524 ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองทีวีมหาชน นักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดนิยม ปี พ.ศ. 2525 จากละคร สงครามพิศวาสทางช่อง 3 ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์บ้านเมืองโดยได้รับรางวัลคู่กันกับรัชนู บุญชูดวง จากละคร พรหมไม่ได้ลิขิต ทางช่อง 9 จากการโหวต ให้คะแนนโดยผู้อ่านหนังสือพิมพ์บ้านเมือง ทั่วประเทศ
มีผลงานภาพยนตร์ มากกว่า 30 เรื่อง เช่น แก้ว ปี 2523 ละอองดาว ปี 2523 ภูชิชย์-นริศรา ปี 2524 – มาลินี เกียรติศักดิ์ทหารเสือ ปี 2525 ลูกสาวย่าโม ปี 2526 เหยี่ยวดง ปี 2526 เพชรตัดเพชร ปี 2527ลูกสาวย่าโม ปี 2526 เหยี่ยวดง ปี 2526 เพชรตัดเพชร ปี 2527สองคนสองคม ปี 2529 สะแกกรัง ปี 2529 วงศาคณาญาติ ปี 2530 สายน้ำไม่ไหลกลับ ปี 2530
ผลงานด้านละครโทรทัศน์ มีมากมายเช่นกัน ตัวอย่าง ดังนี้ ค่ะ ความรัก ตอน ใครผิด ปี 2521 ช่อง 3 หลานสาวคุณหญิง ปี 2522 ช่อง 9 สามอนงค์ ปี 2523 ช่อง 9 รักนั้น นิรันดร ปี 2523 ช่อง 7ปีกทอง ปี 2524 ช่อง 3 ไฟหนาว ปี 2525 ช่อง 5 อีสา ปี 2525 ช่อง 9 เลื่อมสลับลาย ปี 2526 ช่อง 7 ขมิ้นกับปูน ปี 2527 ช่อง 9 บันไดเมฆ ปี 2528 ช่อง 3 มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ปี 2529 สลักจิต ปี 2530 ช่อง 5...กุหลาบไร้หนาม ปี 2529 ช่อง 3 สลักจิต ปี 2530 ช่อง 5...
ชีวิตครอบครัว เธอได้พบรักและสมรสกับนักธุรกิจด้านเพชรพลอย จากนั้นจึงหันไปร่วมหุ้นกับสามีทำธุรกิจส่วนตัว เกี่ยวกับจิวเวลรี่ และด้านซาลอน ทำให้หายไปจากวงการบันเทิง แต่สุดท้ายชีวิตคู่ก็ล้มเหลว ต้องแยกทางกัน
ปี 2547ลินดา เกิดประสบอุบัติเหตุหกล้มในห้องน้ำ เนื่องจากเส้นเลือด ในสมองแตก เป็นอัมพฤกษ์มานานหลายปี พออาการจะเริ่มดีขึ้นบ้าง ก็เกิดมาเป็นมะเร็ง ที่บริเวณโคนลิ้นอีก และ ในที่สุดก็พบว่ามะเร็งลุกลามจนรักษายาก หลังเข้ารับการรักษาตัวอยู่นานจนเงินที่เก็บสะสมไว้เริ่มร่อยหรอ ก็ย้าย มารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ และโชคดีอย่างหาที่สุดมิได้ จากการได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระพระบรมราชานุ เคราะห์ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2551 โดยเธอกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงนานถึง 18 ปี ลินดาเสียชีวิตอย่างสงบจากอาการปอดติดเชื้อในวัย 66 ปี ที่โรง พยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เมื่อช่วงเวลาประมาณ 07.40 น. ได้เริ่มจัดพิธีรดน้ำศพ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เวลา 16.00 น. ณ ฌาปนสถานกองทัพอากาศ ศาลา 3 วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขนกำหนดการสวดพระอภิธรรม ตั้งแต่ วันที่ 28 - 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เวลา 17.30 หรือ 18.00 น. และส่วนกำหนดการพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.00 น.

ขอแสดงความอาลัยต่อการจากไปของ คุณลินดา ค้าธัญเจริญค่ะ
28 พ.ย. ฉันไปตรวจโควิด ตามที่ นิทร์ เพื่อนรัก โทรมาบอกว่า เขา เป็นโควิด หลังจากกลับจากเที่ยว หัวหิน นาถ ก็เป็นอีกคน ให้ฉันไปตรวจด้วย เพราะไปเที่ยวด้วยกัน นอนห้อง เดียวกันฉันไม่มีอาการเหมือนนิทร์ คือ ไม่มีไข้ ไม่ไอ เลย แต่ก็ไปที่ศูนย์ธาตุทอง กว่าจะพบหมอ นั่งรอด้านหลังของ ศูนย์ ซึ่งแยกไว้สำหรับคนที่มีแนวโน้มว่า จะเป็นโรคนี้ นั่งรอด้วยความเบื่อ จนได้พบหมอ หมอให้ไป ซื้อเครื่องตรวจมาเอง ตรวจเองด้วย เออ! ไม่บริการเลย ฉันบอกว่า ตรวจเองไม่เป็นหมอก็บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวมีคนสอนให้ เฮ้อ ! ฉันต้องเดินออกไปที่เซเว่น ซื้อมาให้ ก็มีคน น่าจะเป็นบุรุษ พยาบาล ก็มาสอนวิธีการตรวจ ในที่สุด การตรวจผ่านไปปรากฏว่า ขี้นสีแดงเข้ม 1 ขีด อีกขีด สีแดงอ่อน ๆ เขาสรุปว่า ฉันติดโควิด หมอเตรียมจ่ายยา พยาบาลบอกว่า ยาแพงเกือบพัน ต้องจ่ายก่อนแล้วไปเบิกคืนได้ เอ้า! โชคร้ายอีก เพราะเงินไม่พอ ต้องเดินออกไปกด เอทีเอ็มอีก วันนี้เป็นวันโชคไม่ดีเลย ได้ยามามากมาย ให้กักตัวอยู่ บ้าน 5 วัน กินยาให้ครบตามหมอสั่ง หนีไม่พ้น กับโรคนี้ นี่ขนาดฉีดวัคซีนไปแล้ว 3 เข็ม นะเนี่ย
30 พ.ย. เยาว์ เพื่อนรัก ส่งทุเรียนกวน และข้าวเกรียบปลามา ให้ ขอบใจเพื่อนรักมาก นะจ๊ะ

พะเยาว์ ฝากทุเรียนกวนและข้าวเกรียบปลามาให้ ค่ะ
มาถึงเดือนสุดท้ายของปี 65 แล้ว มาดูว่า เดือนนี้ มีเรื่องราวอะไรที่ น่าบันทึกไว้บ้าง ค่ะ วันที่ 5 ธ.ค. ได้ข่าวเศร้า เพชร โทรมาแจ้งว่า พ่อของลักษณ์ ลูก ศิษย์ถึงแก่กรรม เพราะติดโควิดและชราภาพ มากแล้ว ฉันก็เพิ่งหายจากโควิด ไม่ได้ไปงานหรอกได้แต่ฝากเงิน ไปทำบุญโดยให้เพชรนำเงินไปช่วยงาน เท่านั้น
วันที่ 6 ธ.ค.วันนี้ รุ่ง คุณลูกนุ้งนิ้ง ขับรถมาชวนฉันไปกินข้าวกลางวัน ก็ร้านบ้านส้มตำเจ้าประจำของเรา นั่นแหละ อาหารส่วนใหญ่ก็สั่งเดิม ๆ เพราะรู้แล้วว่า อร่อย ก็สั่งของเดิม ค่ะ ขอบใจคุณลูกนิ้งนิ้ง ที่มาชวนไปกินข้าวด้วย จ้ะ มาชมภาพพวกเรา ค่ะ


ของกินที่ รุ่งนำมาให้ฉันทำกับข้าว ค่ะ
วันที่ 8 พ.ย. วันนี้ วลี ไก่ จู ลูกศิษย์ ที่ไม่เคยพบหน้ากันหลายสิบปี มีโอกาสได้พบเจอกัน เพราะว่า พวกเขาซื้อบัตร ธาตุทองคืนสู่เหย้า จะมารับบัตรด้วย ก็เลยนัดกันมาหาฉันที่บ้าน วลี ฉันจำเขาได้แม่น เพราะว่า เขาเป็นคน วาดรูปเก่ง วาดรูปนางวรรณคดี ติดห้องภาษาไทยไว้ให้ฉันหลายรูป อยู่ ฉันจึงจำเขาได้แม่น ส่วนไก่ก็จำได้ คลับคล้ายคลับคา ส่วนจูจำไม่ได้เลย แต่ละคนเปลี่ยนแปลงไป ดู เป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ก็ยังคุยเก่ง เหมือนเดิม ดีใจที่ได้เจอพวกเขา ทุกคนมีการมีงานทำเป็นหลักเป็นฐาน ก็ดีใจ กับเขาด้วย ที่จริง วลีนัดฉันไปกินข้าวมื้อเที่ยง ให้ไปเจอกันที่โลตัส แต่ฉันไม่อยากไป บอกให้ซื้ออาหารมากินที่บ้าน จะได้คุยกันได้สบาย ๆ และนานแต่ก็ไม่ได้เป็นไป ตามที่คุยกัน เพราะงานเขา คือ ชิปปิ้ง งานเยอะ เขาเลยให้ไก่ซึ่งขับ รถเป็นมาหาฉันและคุยกันที่บ้านตอนเย็นแล้ว วลี ซื้อผลไม้มาฝากหลายอย่างพวกเราก็คุยกัน ส่วนใหญ่ก็คุยกันถึง สมัยเรียน ถามถึง ครูที่เคยสอนเขา หลาย ๆ คน ฉันก็เล่าให้เขารู้ตามที่มีข่าวคราวของครูแต่ละคนที่เขาถามถึง มา ชมรูปพวกเราค่ะ

จู คนถือ ส้ม ค่ะ

วลี และไก่ (คนถือบัตร) ค่ะ
วันที่ 9 ธ.ค. ได้รับกล้วยหอมจาก ฟิตตรีย์ ส่งมาจากนครศรีธรรมราช ฝากฉัน 2 หวี นิทรา อีกสองหวี ค่ะ ขอบใจมาก

กล้วยหอมเขียวจากสวนของ ฟิตตรีย์ ค่ะ
วันที่ 10 ธ.ค. เป็นวันอิสลามคืนสู่เหย้า นิทร์ เพื่อนรัก ประสานงานกับ ทางโรงเรียน เชิญฉันกับพี่เสริมไปร่วมงาน พี่เสริมก็ยังไม่แข็งแรง เลยบอกไม่ไป เหลือฉันคนเดียวใจก็ไม่ค่อย อยากไปเพราะไม่มีเพื่อน ก็พอดี ลูกศิษย์ คือ ฟิตตรีย์ จะไปด้วย โดยมาคอยที่บ้านฉัน แล้วรถโรงเรียนมารับ จะ ได้ไปด้วยกัน แต่พอใกล้วัน เกิดปัญหา ผอ.เขา บอกว่า รถโรงเรียนไม่ว่าง ฉันเลยบอกว่า ถ้าไม่ว่างฉันก็ไม่ไปนะ เพราะไกลและไม่มีเพื่อน นิทร์เสนอแนะว่า ให้ฉันกับฟิตตรีย์ว่าจ้างแท็กซี่ไป ฉันก็บอกไม่ไหวหรอก น่ากลัวโดย เฉพาะขากลับ มืดก็มืด ผู้หญิงสองคน ในที่สุด ฟิตตรีย์ ก็เลยแก้ปัญหา ด้วยการให้ลูกชาย อาดัม ช่วยขับรถ พาเธอและฉันไปร่วมงาน อาดัม และ ฟิตตรีย์ มารับฉันประมาณ 4โมงเย็น โดยอาดัม ตั้งจีพีเอส ไปที่โรงเรียน นิทร์ ก็โทรถามว่าถึงไหนแล้ว ในที่สุดพวกเราก็มาถึง โรงเรียนได้ บริเวณจัดงานจัดที่กลางสนามเหมือนอย่างเคย ก็จัดเป็น ปีแรกหลังจากเกิดโควิด เหมือนธาตุทอง ก็จัดเป็นปีแรกในสัปดาห์ถัดไป ค่ะ เจอกัน น้อง ๆ ซึ่งฉันก็ไม่รู้จัก หรอกพวกเธอก็มาให้การต้อนรับอย่างดี น่ารัก ติดดอกไม้ให้ฉันด้วย ค่ะ มาชมภาพพวกเรา ค่ะ

กำลังเดินทางไปงาน อิสลามคืนถิ่น ค่ะ

กรรมการจัดงานมาติดดอกไม้ให้ค่ะ

ฟิตตรีย์มามอบดอกกุหลาบให้ ตามประเพณีของอิสลาม ค่ะ

ถ่ายรูปกลางสนามที่จัดงาน โต๊ะจีน ค่ะ

ถ่ายกับลูกศิษย์ และเพื่อน ค่ะ

ถ่ายหมู่กับคุณครูอิสลามฯ ด้วยกันค่ะ เป็นมุมถ่ายรูปที่จัดให้ ค่ะ

ถ่ายรูปกับลูกศิษย์ที่เคยสอน ตอนนี้เป็นผู้พิพากษา ค่ะ ที่ดีใจมากคือ เขาจำชื่อและวิชาที่ฉันสอนได้ด้วย ค่ะ

โต๊ะของเรา เขาจัดให้ติดหน้าเวที เลย ค่ะ
วันที่ 11 ธ.ค. ทิพย์ ทิพย์ ลูกศิษย์ เขาอุดหนุนชนมที่เพื่อนเขาทำและ ให้แก๊ปมาส่งให้ฉันที่โรงเรียน เป็นขนมที่เลียนแบบ ขนมญี่ปุ่น เป็นแป้งนิ่ม ๆ ข้างในห่อลูกสตรอเบอรรี่ 1 ผล แพงนะ ขนมชิ้นเล็ก ๆ ตกชิ้นละ 20 ชิ้น 300 บาท จืด ๆ ไม่ได้อร่อยเลย แต่ทิพย์ เขาอยากช่วยเพื่อน เลยช่วยซื้อ ขนมจากเพื่อน นั่นเอง

ขนมที่ทิพย์ ทิพย์ ช่วยอุดหนุนเพื่อนเขา มาให้ฉัน ค่ะ
วันที่ 12 ธ.ค. ภัชลีย์ ลูกศิษย์ แวะมาเยี่ยมฉันและรับบัตรงานธาตุทอง คืนสู่เหย้า มีขนมมาฝากด้วย เรานั่งคุยกัน หลาย ๆ เรื่อง ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องราวในอดีต พวกเพื่อน ๆ เขา ครูอาจารย์ที่เคยสอนเขาบ้าง มาชมรูป จ้ะ

ของฝากจากภัชลีย์ ค่ะ วันที่ 13 ธ.ค. วันนี้ คณะกรรมการสมาคมฯนัดกันมาช่วยห่อของขวัญ จับฉลากหางบัตร แต่ก็มากันไม่กี่คน คุยไป ห่อไป ตามภาพที่รุ่งถ่ายรูปมาฝาก ค่ะ



ถ่ายหมู่กันไว้ ค่ะ
วันที่ 15 ธ.ค. ข่าวใหญ่ของวันนี้ เป็นข่าวที่ทำให้ประชาชนชาวไทย ตกใจ นั่นคือ ข่าวของพระองค์ภา ทรงวูบในระหว่างที่ ทรงทำการฝึกสุนัขทรงเลี้ยง ณ สนามฝึกกองพันสุนัขทหาร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาทรงมีพระอาการ ประชวรหมดพระสติ ด้วยพระอาการทางพระหทัย คณะแพทย์ประจำพระองค์จึงได้เชิญเสด็จ พระราชดำเนินไปปฐมพยาบาล ณ โรงพยาบาล ปากช่องนานา พระอาการประชวรคงที่ในระดับหนึ่ง จากนั้น ได้เชิญ เสด็จประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เข้ารับการรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อถวายการตรวจพระวรกายอย่างละเอียด และประทับรักษาพระองค์ต่อไป" นับแต่วันที่ 16 ธ.ค. ข้าราชการและ พสกนิกร ทยอยเดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพร ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง เช้าสมเด็จพระสังฆราชได้เชิญชวนพระสงฆ์ทุกวัด ประชาชนทุกคน ร่วมกันสวดมนต์ถวายพระองค์ภา ให้ทรงแคล้วคลาด ปลอดภัยจากการทรงพระประชวรครั้งนี้โดยเร็วไว ค่ะ

ขอให้พระองค์ภา ทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็วไว ค่ะ

ลงนามถวายพระพรพระองค์ภาที่ ร.พ.จุฬาลงกรณ์ ค่ะ
วันที่ 17 ธ.ค. วันนี้ สมาคมฯจัดงานธาตทองคืนสู่เหย้า ปีที่ 71 หลัง จากที่ไม่ได้จัดมา 2-3 ปี เนื่องจากโควิด 19 ปีนี้ ฉันเสนอให้ขายโต๊ะจีนเป็น 4000 บาท โต๊ะวีไอพี เป็น 5500 บาท เนื่องข้าวของแพงมากขึ้น อีกอย่าง เราขายโต๊ะละ 3000 มานานมาก จนสมาคมฯโรงเรียนอื่น ๆ เขาขายโต๊ะละ 5000 บาทมา เป็นเวลานานแล้ว ปีนี้ เราก็สั่งโต๊ะจีนมา 75 โต๊ะ เป็นโต๊ะฟรีไป 10 โต๊ะ เหลือ 65 โต๊ะที่เป็นเงินที่เก็บได้ สรุป แล้ว ปีนี้ เราก็ได้กำไร ประมาณแสนบาท เพื่อใช้เป็นทุนการศึกษาให้นักเรียนและใช้ดำเนินงานกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคมฯ ด้วย ฉันได้เขียนการจัดการครั้งนี้ ลงในบล็อกแก๊ง ถ้าสนใจ สามารถอ่านได้จากลิ้งค์ นี้ ค่ะ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=04-01-2023&group=9&gblog=16
การแสดงมุทิตาจิต ครู อาจารย์ที่มาร่วมงานธาตุทองคืนถิ่น ค่ะ





ภาพบางส่วนจากงาน ธาตุทอง คืนถิ่น ค่ะ
วันที่ 18 ธ.ค. วันนี้ ก็มีข่าวใหญ่อีกข่าวหนึ่งที่น่าบันทึก เพื่อเป็น อุทาหรณ์ ให้มีการตรวจสอบก่อนนำเรือออกไปใช้ ข่าวนี้ คือ เรือรบสุโขทัย ซึ่งมีอายุใช้งานถึง 36 ปี ได้ล่มกลางดึกของ วันนี้ ค่ะมีทหารเรือหายไปในสายน้ำหลายคนเป็น การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่อีกเรื่องหนึ่งของปีนี้ มาดูรายละเอียดเล็กน้อยค่ะ เรือหลวงจักรี ปล่อยเรือ 26 มีนาคม พ.ศ. 2527 เดินเรือแรก 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 เข้าประจำการ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 เรือหลวงจักรี เป็นเรือที่ได้รับการติดตั้ง ระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ และระบบอำนวยการรบที่ทันสมัยมีขีดความ สามารถและประสิทธิภาพสูง พร้อมปฏิบัติการรบ ได้ทั้ง 3 มิติในเวลาเดียวกัน คือ ป้องกันภัยทางอากาศ สงครามผิวน้ำ และสงครามปราบเรือดำน้ำภารกิจหลักของ ร.ล.สุโขทัย คือ การปราบเรือดำน้ำ ลาดตระเวนตรวจการณ์ คุ้มกัน กระบวนเรือ สนับสนุนการยิงฝั่ง รวมถึงสนับสนุน ภารกิจอื่นๆ ของกองทัพเรือมีขนาดกว้าง 9.6 เมตร ยาว 76.7 เมตร สูง 26.82 เมตร น้ำลึกหัว 3.81 เมตร ท้าย 3.07 เมตร โดมโซนาร์ 4.5 เมตร ภายในเรือ ติดตั้ง ปืน 76/62 มม. 1 กระบอก ปืน 40L70 มม.แท่นคู่ 1 กระบอก ปืน 20 มม. 2 กระบอก นอกจากนั้นยังติดตั้ง ท่อตอร์ปิโด 2 แท่น MK32 MOD5 (6 ท่อยิง) เป็นอาวุธปราบเรือดำน้ำ ขณะเดียวกันยังติดตั้ง ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น-สู่-พื้น แบบ HARPOON BLOCK 1C 2 แท่น (8 ท่อยิง) ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น-สู่-อากาศ แบบ ALBATROS 1 แท่น (8 ท่อยิง ASPIDE 2000)ระบบตรวจการณ์ ยังประกอบด้วย เรดาร์พื้นน้ำ SPERRY VISION MASTER FT เรดาร์ พื้นน้ำ FURUNO เรดาร์พื้นน้ำ SCOUT เรดาร์อากาศ DA05 ฯลฯสำหรับ “เรือหลวงสุโขทัย” หรือ ร.ล.สุโขทัย เข้าประจำการ เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2530 และอับปางจมสู่ท้องทะเล เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2565 รวมระยะเวลาประจำการ 35 ปี
“เรือหลวงสุโขทัย” กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ กำลังเดินทางไปร่วม งานเทิดพระเกียรติ 100 ปี พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่ จ.ชลบุรีแต่ถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดจนน้ำเข้าเรือ ทำให้เครื่องจักรขัดข้อง เรือพยายามเข้าหลบคลื่นลม ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อค่ำวันที่ 18 ธันวาคม 2565 แต่ไม่ถึงจุดหมาย ล่มลงกลางทะเลอ่าวไทย ในกลางดึกวันเดียวกัน ทำให้ลูกเรือ 106 คน ต้องสละเรือ ลอยคออยู่กลางทะเล ท่ามกลางการช่วยเหลือของเรือจำนวนมาก โดยเรืออับปางลง บริเวณแบริ่ง 090 ระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรือ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากที่เรือหลวง สุโขทัยอับปางจมคือ เรือสุโขทัยจมทั้งลำ ที่ระดับความลึกราว 40 เมตรเขตพื้นที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากฝั่งไปประมาณ 19 ไมล์ทะเล (พิกัด 11°00′N 99°53′Eพิกัด ภูมิศาสตร์: 11°00′N 99°53′E) ลูกเรือทั้งหมดสละเรือ ทหารเรือต้องสละเรือ ลอยคออยู่กลางทะเล ท่ามกลางสายน้ำที่เชี่ยว กราด ทางการได้ออกค้นหา ช่วยเหลือทหารเรือตลอด เวลาทั้งกลางวัน กลางคืน จำนวนทหารเรือ 106 นาย สรุปหลังจาก ค้นหาถึงวันที่ 29 ธ.ค. จำนวน 24 นาย สูญหายเพราะหาไม่เจอ จำนวน 5 นาย
มูลค่าความเสียหายของเรือคิดเป็น 5,000 ล้านบาท ซึ่งกองทัพเรือ เปิดเผยแผนกู้เรือในเดือนธันวาคม 2566 ว่าอาจใช้วงเงินจำนวน 100 ล้านบาทโดยในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2566กองทัพได้มีการกำหนดกรอบงบประมาณ ในการเก็บกู้เรือไปยังกระทรวงกลาโหมเป็นวงเงินจำนวน 200 ล้าน บาทเพื่อว่าจ้างบริษัทเอกชนในการดำเนินการ ให้ได้สภาพเรือที่สมบูรณ์ที่สุด ไม่มีการแยกหรือตัดชิ้นส่วนเรือในการ เก็บกู้เพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริง และพยายานหลักฐานถึงสาเหตุในการอัปปางต่อไป

วันที่ 23 ธ.ค. วันนี้ทิพย์และเมี่ยง โทรนัดฉัน เพื่อไปกินข้าว ตอนเย็น เนื่องจากไม่มีรถ เพราะ อ๊อดไม่ได้มาด้วย อ๊อด มีรถแต่เลิกงานไม่ตรงกัน ทิพย์เลยต้องขี่มอเตอร์ไซด์ ซ้อนกัน ไป 3 คนไปกินที่ร้าน บ้านส้มตำ ซึ่งอยู่ใกล้บ้านฉัน เรากินไป คุยกันไป อาหารก็สั่งกันเดิม ๆ นั่นแหละ เพราะรู้ว่า อร่อย ถูกปากมาแล้ว มาชมบรรยากาศในการกินอาหาร ครั้งนี้ ค่ะ

ของฝาก คือ กับข้าว มีต้มยำ ปลาสลิด ของเมี่ยงด้วย ค่ะ

รายการอาหารที่พวกเรา สั่งมากิน ค่ะ อร่อยทุกอย่าง ค่ะ
วันที่ 26 ธ.ค. เมี่ยง ทิพย์ มาชวนไปกินข้าว ก่อนปีใหม่ เพราะ เดี๋ยวนี้ เมี่ยง อ๊อด ปีใหม่ไม่ได้มารับฉันไปกินข้าว เหมือนที่ผ่าน ๆ มาแล้ว อ๊อดเลยไม่ได้มากินด้วยเหลือเรา 3 คน ครั้งนี้ เราไปกินข้าวกันที่ร้านสบายใจไก้ย่าง แถวเอกมัย โดยนั่งแท็กซี่กันไป ค่ะ



หมี่ผัด ฝีมือของเมี่ยง ค่ะ
วันที่ 26 รัสสุกี แวะมารับหนังที่ฉันทำแจก เพื่อนำไปให้เพื่อน ๆ เขา ด้วย ที่ได้ร่วมทำบุญให้แก่โรงเรียนและตอนที่ ฉันเป็นประธานทอดผ้าป่าและกฐิน ฉันทำแจกตอนอายุ ครบ 72 ปี ค่ะ

รัสสุกรีมารับหนังสือและบัตรเข้างานธาตุทองคืนถิ่น ค่ะ
วันที่ 29 ฉันนัดก๊องมาพาฉันไปเปลี่ยนซิมมาราธอนของ เอไอเอส ปีหนึ่งก็ต้องเปลี่ยนซิมครั้งหนึ่ง พันกว่าบาท ก็ดี เพราะไม่ต้องเสียเงินเป็นรายเดือน ก๊อง มารับฉันประมาณใกล้ เที่ยง ก่อนไปเปลี่ยนซิม ก็พาฉันไปกินข้าวมื้อเที่ยง ก่อน ร้านในอิมพอเทีย เป็นร้านฝรั่งเศส อาหารส่วนใหญ่ก็จะเลี่ยน ไม่มีรสเผ็อ สั่งปลาแซลมอน มีเครื่องเคียง คนสูงอายุให้กินปลาจะดีต่อสุขภาพ อิอิ ยังมีขนมปัง มาชมอาหาร ค่ะ


รายการอาหารที่สั่ง ค่ะ
วันนี้ ยังได้รับของฝากปีใหม่จากเยาว์เพื่อนรัก ด้วย ค่ะ

ของฝากปีใหม่จาก เยาว์ เพื่อนรัก ค่ะ มีข้าวยำ และลูกหยี ค่ะ
วันที่ 30 วันนี้ ฉันมีบัตรกินอาหารที่ร้านเคียงดองในบ้านดุสิต มูลค่า 1000 บาท เลยโทรไปชวนจอยมากินด้วย จอยก็น่ารัก มาด้วย ไชวนจุ๊มาอีกคน ไม่งั้นก็เสียบัตร 1000 ฟรี เรา ไปถึงบ้านดุสิต ร้านนี้ยังไม่เปิด เลยเดินถ่ายรูปกัน ในบ้านดุสิต มีร้านอาหารตั้งขายหลายร้าน แล้วแต่เราจะเลือกกิน อาหารประเภทใด ร้านเคียงดอง เป็นอาหารเวียดนาม ค่ะ มาชมภาพพวกเราค่ะ
บริเวณสวนอาหาร บ้านดุสิต ค่ะ


อาหารที่สั่งมากินกัน ค่ะ เกินงบหนึ่่งพันของฉันไปหน่อย ค่ะ
วันที่ 31 ธ.ค. วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี 65 แล้ว ฮง เหลนของฉัน ได้มาสวัสดีปีใหม่ก่อน วันขึ้นปีใหม่ 66 นั่งคุยกัน ปีนี้เขามาคนเดียว ไม่ได้พาเหลนสะใภ้มาด้วย เพราะที่ร้าน ทำผมของเหลนสะใภ้มีคนมาทำผมกันมาก นั่นเอง

ของฝากปีใหม่ของเหลน ล้วนแต่เป็นของกินเพื่อสุขภาพทั้งนั้นเลยค่ะ
ทวาทศมาสก็เดินทางมาครบ 12 เดือนแล้ว ค่ะ ฉันก็พยายามรวมรวม เรื่องราวของฉันเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องลูกศิษย์ ของฉัน เรื่องเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น ที่ฉันค่าน่าบันทึกไว้ ตลอดจน การทำบุญ การท่องเที่ยวของฉัน ค่ะ ฉันก็หวังว่า เรื่องราวที่ฉันได้เขียน ได้บันทึกไว้ แล้วนำมาเขียนเล่า ให้เพื่อน ๆ ชาวบล็อกและผู้อ่านที่บังเอิญ แวะเข้ามาอ่าน คงจะได้รับความรู้ ความเลิดเพลินบันเทิงใจบ้า ค่ะ หากยังมีลมหายใจอยู่ ปี 66 คงจะมีเรื่องราว มาเล่าให้อ่านอีก นะคะ สวัสดี ค่ะ
Create Date : 11 พฤษภาคม 2566 |
|
19 comments |
Last Update : 13 พฤษภาคม 2566 22:09:24 น. |
Counter : 291 Pageviews. |
|
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณtoor36, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณกะว่าก๋า, คุณSweet_pills, คุณเริงฤดีนะ, คุณkae+aoe, คุณร่มไม้เย็น, คุณหอมกร, คุณอุ้มสี, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณจันทราน็อคเทิร์น |
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 13 พฤษภาคม 2566 22:44:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 14 พฤษภาคม 2566 20:19:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 15 พฤษภาคม 2566 5:43:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 15 พฤษภาคม 2566 10:54:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 15 พฤษภาคม 2566 15:16:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 16 พฤษภาคม 2566 5:19:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 16 พฤษภาคม 2566 7:08:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 16 พฤษภาคม 2566 8:21:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 16 พฤษภาคม 2566 10:34:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 17 พฤษภาคม 2566 5:26:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 17 พฤษภาคม 2566 11:15:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 18 พฤษภาคม 2566 5:31:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 18 พฤษภาคม 2566 10:11:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 19 พฤษภาคม 2566 5:30:03 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
|
|
 |
ฝากข้อความหลังไมค์ |
 |
Rss Feed |
 | Smember |  | ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]

|
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif |
|
 |
|
อาจารย์มีคนแวะไปมาหาสู่ตลอดเลยนะครับ^^ ได้เที่ยวได้ทำบุญ เจอคนหลากหลาย
อาจารย์บันทึกเรื่องราวไว้ตลอดเลย บางเรื่องผมไม่ได้บันทึกไว้ผมก็ลืมๆ ไปเหมือนกัน