|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
วรรคทองในวรรณคดี
คำว่า วรรคทอง หมายถึง ข้อความที่เป็นจุดเด่น หรือ ไพเราะ หรือ อ่านแล้ว ทำให้คนอ่านเกิดความรู้สึกคล้อยตาม มีอารมณ์ร่วมกับผู้เขียน ซึ่งวรรณคดีไทยและวรรณกรรมไม่ว่าจะเป็น ร้อยแก้วหรือร้อยกรองก็ตาม ก็จะต้องมีข้อความ ที่เป็นลักษณะดังกล่าวไม่มากก็น้อยแน่นอน ค่ะ
บล็อกวันนี้ ฉันขอเสนอ วรรณคดีไทยที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง ที่ฉันคิด ว่า มีวรรคทอง ที่น่าสนใจอยู่มากมายค่ะ เรื่องที่จะนำเสนอ บล็อกนี้ ก็คือ "เพลงยาวถวายโอวาท" ลักษณะของเพลงยาวจะคล้ายกับกลอนแปดมาก แต่มีลักษณะเด่น อยู่ 2 ประการคือ การขึ้นต้นบทด้วยวรรครับ และในบทสุดท้ายจะลงด้วยคำว่าเอย และนิยมใช้คำเป็นลงท้ายวรรคเพื่อให้เกิดความไพเราะ ส่วนฉันทลักษณ์ของกลอนเพลงยาวก็ใช้รูปแบบเดียวกันกับกลอน แปด ลักษณะเด่นเช่นนี้ เหมือนกับ ลักษณะของวรรณกรรมประภท "นิราศ" เพียงแต่ การแต่งนิราศ ต้องมี การเดินทาง มีการจากนางอันเป็นที่รักไป พบเจอสิ่งใดระหว่างเดินทาง ก็จะนำมาพรรณนาให้เข้ากับเข้ากับตัว เองและนางอันเป็นที่รักที่ได้จากมา เช่น วรรณคดีเรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย พระมหาอุปราชได้พรรณนาเมื่อเจอ ดอกสายหยุด ในระหว่างเดินทัพมารบกับไทย
สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง ยามสาย. สายบ่หยุดสุดเสน่ห์หาย ห่างเศร้า. กี่คืนกี่วันวาย วางเทวษ ราแม่. ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ฉันใด
เมื่อเจอต้นสายหยุด ก็นำมาพรรณนาเข้ากับอารมณ์ของตน ว่า ดอก สายหยุดนั้น จะหอมช่วงเช้า พอสาย ความหอมนั้นก็จะหายไป แต่ความรักของตนที่มีต่อนางอันเป็นที่รัก ไม่มีวันสิ้นสุดไปไม่ว่าจะเป็น ช่วงเวลาใดก็ตาม เมื่ออ่านแล้ว คนที่ได้รับการกล่าวถึง ย่อมเกิดความรู้สึกชื่นใจ สุดปลื้ม แน่นอน จึงถือว่า ร้อยกรองบทนี้ เป็น "วรรคทอง" ข้อความหนึ่ง ในเรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย ค่ะ
ต่อไป ขอแนะนำวรรณคดีไทย เรื่อง เพลงยาวถวายโอวาท ค่ะ
ผู้แต่ง คือ ท่านสุนทรภู่ ครูกวีสี่แผ่นดิน ไม่ต้องเล่าประวัตินะคะ ทุก คนคงรู้จักท่านดีแล้วว่า ท่านเป็นกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ผู้มีชีวิตพลิกผัน ชีวิตเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในสมัย ร. 2 ตกอับมากที่สุด ในสมัย ร. 3 และสุดท้ายของชีวิตดีขึ้นอีกครั้งใน สมัย ร. 4 ค่ะ
ลักษณะคำประพันธ์ คือ เป็นเพลงยาว กลอนแปด ดังที่ได้อธิบายไป ข้างต้นแล้ว
ความเป็นของวรรณคดีเรื่องนี้ ขณะเมื่อเป็นพระอาจารย์ถวายอักษร แด่เจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว พระโอรสในเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี เชื่อว่าประพันธ์ขึ้นราวปี พ.ศ. 2371-72 (ซึ่งเป็นช่วงปลายรัชกาลที่ 3 เป็นช่วงที่ชีวิตเริ่มดีขึ้น ค่ะ )
ลักษณะเนื้อหาโดยย่อ เนื้อหาเป็นคำสอนที่น่าสนใจ รวมถึงประเพณี เก่าแก่ของไทยหลายอย่าง เช่น การแต่งกาย การล้างหน้า การตัดผม เป็นต้น มีวรรคทองมากมายปรากฏอยู่ใน เนื้อหาสาระ ค่ะ
วรรคทองในเรื่อง เพลงยาวถวายโอวาท ที่ฉันคัดลอกมาฝาก ค่ะ
"อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้ เจ็บใจ"
วรรคทอง กลอนแปดบทนี้ ฉันคิดว่า น้อยคนนักที่จะไม่เคยได้ยิน เป็นบทที่มีความไพเราะในการเลือกสรรคำ มาใช้ มาเปรียบเทียบ ใช้คำง่าย ๆ ไม่ต้องแปลความ ตรงประเด็น อ้อยนั้น เมื่อเคี้ยวและได้น้ำหวานจากอ้อยไปแล้ว กากที่เหลือ ก็ต้องคลายทิ้งเพราะหมดความหวานแล้ว แต่สำหรับคำ พูดที่ไพเราะ อ่อนหวาน ฉอเลาะ มันไม่ได้ หายไปเลย ส่วนคำพูดที่เหน็บแนม เสียดสี ดูถูก ที่ได้รับนั้น มันเจ็บ ปวด เจ็บใจยากที่จะลืมได้ ก็เป็นข้อคิดอย่างหนึ่งว่า การสู้รบ หรือการต่อสู้กัน ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเสมอไป แค่คำพูด ก็ อาจจะใช้เป็นอาวุธทำให้ศัตรูเจ็บปวดกระอักเลือดตายได้
ตัวอย่าง วรรคทอง ต่อไป "อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย วรรคทอง บทนี้ ถือเป็นบทที่มึความหมายลึกซึ้ง สอนใจ ให้เห็น ความสำคัญของวิชาความรู้ แต่ถึงจะมีความรู้มากมาย ก็ไม่ต้องคุยโตโอ้อวดให้คนเขาหมั่นไส้ เปรียบประดุจดาบที่คมกริบก็ ให้มันอยู่ในฝักดาบ ยามจำเป็นจึงนำออกมาใช้ เหมือน คนที่มีความรู้มากมาย เมื่อถึงตอนจำเป็น จึงนำความรู้ออกมาใช้ต่อสู้ กับศัตรูให้พ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ
ตัวอย่าง วรรคทอง ต่อไป
"อนึ่งบรรดาข้าไทที่ใจซื่อ จงนับถือถ่อมศักดิ์สมัครสมาน อนึ่งคนมนต์ขลังช่างชำนาญ แม้นพบพานผูกไว้เป็นไมตรี เขาทำชอบปลอบให้น้ำใจชื่น จึงเริงรื่นรักแรงไม่แหนงหนี ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไม่ตรีแลกได้ดังใจจง"
กลอนสองบทนี้ ถือเป็นวรรคทองของวรรณคดีเรื่อง เพลงยาว ถวายโอวาทที่ดี เหมาะที่ยกมาเป็นวรรคทองของเรื่อง ค่ะ เพราะ เป็นคำสอนให้คนที่ศักดิ์สูง ต้องรู้จักถ่อมตนกับข้าที่ซื่อสัตย์ ภักดีต่อเรา หรือถ้าได้พบคนเก่ง ก็ต้องรู้จัก คบหาผูกไมตรีไว้ใครที่ทำดีกับเราก็ต้องมีน้ำใจให้เขาเป็นการตอบแทน จึงจะคบกันได้ยั่งยืน สอนเรื่องที่เราต้องการสิ่งใด เราต้องมีต้องใช้การผูกมิตรกับคนที่เราต้องการความช่วยเหลือ จึงจะสำเร็จสมดังประสงค์
วรรณคดีเรื่องนี้ ยังมีคำสอนที่เป็นคติเตือนใจอีกมากมาย ยังมีเรื่อง ประเพณีเก่าแก่ของไทยหลายอย่าง เช่น การแต่งกาย การล้างหน้า การตัดผม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องของความ เชื่อ เช่น ไม่ควรตัดผมในวันไหน การแต่งกาย แต่ละวัน ควรเป็นสีอะไร เป็นต้น ตื่นเช้าขึ้นมาต้องล้าง หน้า เพราะราศีอยู่ที่หน้า ก็เป็นการสอนทางอ้อม เพราะถ้าไม่ล้างหน้าล้างตา ให้สะอาดสะอ้าน จึงจะมีคนมอง (มีราศี) เป็นต้น มีวรรคทองมากมายปรากฏอยู่ ในเนื้อหาสาระ ค่ะ แต่สำหรับบล็อกครั้งนี้ ฉันขอยกตัวอย่างมาเพียงเท่านี้ ค่ะ สวัสดี ค่ะ
Create Date : 17 มิถุนายน 2564 |
Last Update : 17 มิถุนายน 2564 22:22:39 น. |
|
36 comments
|
Counter : 17824 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกะว่าก๋า, คุณ**mp5**, คุณtuk-tuk@korat, คุณนีโอ Positive, คุณnewyorknurse, คุณเริงฤดีนะ, คุณtoor36, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณหอมกร, คุณThe Kop Civil, คุณทนายอ้วน, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณkae+aoe, คุณkatoy, คุณmariabamboo |
โดย: นกสีเทา วันที่: 17 มิถุนายน 2564 เวลา:23:52:17 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:0:31:43 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:6:21:41 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:9:47:48 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:19:04:17 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มิถุนายน 2564 เวลา:7:06:27 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มิถุนายน 2564 เวลา:15:05:54 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 19 มิถุนายน 2564 เวลา:18:57:24 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 มิถุนายน 2564 เวลา:22:16:45 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 19 มิถุนายน 2564 เวลา:23:06:47 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มิถุนายน 2564 เวลา:6:42:05 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 20 มิถุนายน 2564 เวลา:7:25:42 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 20 มิถุนายน 2564 เวลา:12:12:48 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มิถุนายน 2564 เวลา:13:12:23 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 20 มิถุนายน 2564 เวลา:15:08:38 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 20 มิถุนายน 2564 เวลา:20:58:33 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มิถุนายน 2564 เวลา:5:43:52 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มิถุนายน 2564 เวลา:19:51:54 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มิถุนายน 2564 เวลา:6:21:14 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 22 มิถุนายน 2564 เวลา:8:31:14 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 22 มิถุนายน 2564 เวลา:11:09:35 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มิถุนายน 2564 เวลา:13:44:12 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มิถุนายน 2564 เวลา:5:45:13 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 23 มิถุนายน 2564 เวลา:15:50:42 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 23 มิถุนายน 2564 เวลา:15:51:49 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มิถุนายน 2564 เวลา:21:19:53 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:6:18:27 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:12:47:54 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์ |
|
Rss Feed |
| Smember | | ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]
|
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif |
|
|
|