|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
โน้มบุญมาฝากจากการไปร่วม อัญเชิญฉัตรขึ้นสู่ยอดพระมหาเจดีย์ กิตติโสภโณ |
|
โน้มบุญมาฝากจากการไปร่วม อัญเชิญฉัตรขึ้นสู่ยอดพระมหาเจดีย์ กิตติโสภโณ
งานอัญเชิญฉัตรขึ้นสู่ยอดพระมหาเจดีย์ กิตติโสภโณ เป็นงานที่วัดป่า วิเวกภูเขาวง ของหลวงตาประพันธ์ ซึ่งฉันก็เคยไป ร่วมทอดผ้าป่าเมื่อปีที่แล้ว สำหรับงานนี้ จอยเพื่อนที่ไปสังเวชนีย- สถานที่อินเดียด้วยกัน ชวนไปด้วย ฉันกับเอม ตกลงใจไปด้วย งานนี้ จะพ่วงการเที่่ยวไปที่หนองคาย วัดดอนแก้ว สุจิตตาราม ที่พระอาจารย์กิติพันธ์เป็นเจ้าอาวาสอยู่ งานครั้งนี้ ไปตั้งแต่ที่ 17-20 มีนาคม 65 ค่ะ
เช้าวันที่ 17 มีนาคม จอยนัดมารับฉัน ตีสี่ครึ่ง ส่วนรถตู้คันที่ไปงาน ให้ไปรับ จุ๊และคุณสมศักดิ์ (สามีจุ๊) แล้วไปเจอกัน ที่บ้านจอยที่ด่านสำโรง ฉันกับจอยไปรับเอมที่บ้านแถวโรงงานยาสูบ คลองเตย แล้วมุ่งหน้าไปบ้านของจอย เข้าซอยลึกเหมือนกัน น้องวรรณ เปิดประตูรับพวกเรา จอยเอากระเป๋า พวกเราลงจากรถเพื่อรอรถตู้ที่ไปรับ จุ๊กับสามี
บ้านจอย มีรถจอดอยู่หลายคัน มีแมว มีน้องหมา หลายตัว แต่ทุกตัว สะอาด น้องแมว มีทั้งพันธุ์ไทย พันธุ์ เปอร์เซีย พันธุ์ไทย โดยเฉพาะ เจ้าดำ ซนมาก ทั้งดม ทั้งกระโดดนั่งตัก มีชื่อว่า"มีบุญ" อายุน้อยที่สุด ยังเป็นแมวเด็กอยู่ ส่วนแมวเปอร์เซีย สองตัว เรียบร้อย มีหมาที่เลี้ยงในบ้าน เป็นพันธุ์เล็ก น่าจะเป็น พันธุ์ปอม แก่มากแล้ว ดวงตาเริ่มมีสีขุ่น น่าจะอายุสิบปีกว่าแล้ว ส่วนจอย พาไปชมห้องพระของเขา ฉันขึ้นไป กราบพระพุทธรูป ซึ่งมีมากมาย ทั้งไทย จีน และพราหมณ์ เช่น พระอินทร์ พระพิฆเณศ
น้องปอม ฯ และบ้านจอย ค่ะ
น่าจะประมาณ เกือบ 6 โมง รถตู้ที่ไปรับจุ๊และสามี ก็มาถึง โชเฟอร์ ครั้งนี้ ชื่อว่า ทูล ช่วยกันยกกระเป๋าของพวกเราขึ้นรถตู้ไป พร้อมสิ่งของที่จอยจะไปแจกเด็ก ๆ มีมะม่วงที่จะไปใส่บาตรและกิน รถแล่นไปเรื่อย ๆ แวะกินข้าวมื้อเช้าที่บ้านสวน อยุธยา (จำได้ว่า ฉัน เคยมากินที่นี่ตอนไปเที่ยวกับพวกลูกศิษย์ ) ฉันกับเอม กินกระเพาะปลาคนละชาม ชามละ 40 บาท ส่วนกลุ่มจอยเขาเดินไปอีกฝั่ง กินอะไรบ้างไม่รู้ ค่ะ
ถ่ายรูปในรถในขณะเดินทาง ค่ะ
มื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยกันแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไป เราเก็บค่าน้ำมัน คนละ 2,000 บาท 6 คน 12,000 บาท โดยจอยไม่คิด ค่าเช่ารถ ค่ะ รถแล่นไปเรื่อย ๆ ไม่น่าจะถึงสระบุรี ปรากฏว่าทุกคนได้ กลิ่นไหม้ เลยจอดรถออกไปดู ตรวจดูยางก็ไม่ได้ไหม้ เห็นน้ำไหลลงถนน ก็เลยรู้ว่า หม้อน้ำรถรั่ว ยังโชคดี ที่ใกล้ ๆ มีที่ซ่อม รถ พวกเราเติมน้ำลงหม้อน้ำ ร้านที่เป็นโชว์รูมรถ ใจดี หิ้วกระป๋องน้ำมาให้ด้วย เติมได้พักใหญ่ พอให้รถแล่นได้ วิ่งไป ถึงร้านที่ซ่อม ปรากฏว่า เขาซ่อมไม่ได้ แนะนำไป ที่ศูนย์โตโยต้า เราก็ไปตามคำแนะนำ ตอนต้นนี้เขาก็บริการดีนะ บอกว่าไม่ใช่หม้อน้ำรั่ว แต่เป็นสายพานเสีย ทำให้ระบบการทำงานรวนไปหมด เรามาถึงที่ศูนย์โตโยต้า ประมาณ 9 โมงครึ่งน่าจะได้ นั่งรอการซ่อมในห้องรับรองของศูนย์ แอร์เย็นฉ่ำสมกับการรอการซ่อม เขามีโทรทัศน์ให้ดู มีน้ำหวานให้ดื่ม มีข้าวโพดให้ มีมาม่าด้วย ใน ระหว่างการรอซ่อมรถ เสียดายลืมถ่ายรูป
รอมาถึง 11 โมง ก็ยังไม่เสร็จ จอยเดินไปถาม จึงรู้ว่า ที่ศูนย์ไม่มีอะไหล่ กำลังไปซื้อ แต่ข่าวร้าย คือ อะไหล่ที่ไปซื้อ ก็ไม่มีขายในสระบุรี จอยกำลังตัดสินใจว่า จะให้คนงานของเขา ขับรถจากกรุงเทพฯมาเปลี่ยน พร้อมซื้ออะไหล่ จากกรุงเทพฯมาให้เปลี่ยน รอเปลี่ยนเสร็จขับรถที่ซ่อมกลับกรุงเทพฯ แต่สุดท้าย ช่างให้จอยเซ็นรับ ถ้าเขาเอาอะไหล่ตัวอื่นใส่ให้ ถ้าเกิดมีปัญหาจะไม่เอาเรื่องศูนย์เขา จอยเซ็นให้ แถม ให้ทิปพิเศษ ไป 200 บาท เฮ้อ ! กว่าจะเสร็จ บ่ายโมงแล้ว ฉัน จอย วรรณ หาก๋วยเตี๋ยวกินมื้อเที่ยงที่อยู่ในศูนย์ ส่วนจุ๊ กินมาม่า เอมบอกไม่หิว เลยกินกัน 4 คน รวมทูล อีกคน รสชาติก็พอกินได้ไม่แพง ราคาชามละ 50 บาท เท่านั้น มื้อนี้ จอย จ่าย
กินมื้อเที่ยงเสร็จ มานั่งรอรถ อีกเป็นชั่วโมง รถจึงเสร็จ เราก็เดินทาง ต่อ เพื่อไปที่พักซึ่งเพิ่งจองตอนที่รอซ่อมรถ รถแล่นไปเรื่อย ๆ ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็แวะเข้าปั๊ม เติมแก๊สและเข้า ห้องน้ำ เข้าจังหวัด ขอนแก่น เราแวะกินข้าวมื้อเย็น ชื่อร้านเจ๊เล็ก ก๋วยจั้บญวนอุบล แต่มีอาหารหลากหลายให้เลือก ส่วน ใหญ่ จุ๊ จะเป็นคนสั่ง เราสั่งกันหลายอย่าง จะได้กินได้หลากหลาย แล้วใช้วิธีการแชร์กัน (ยกเว้นเบียร์ เหล้า จุ๊ เป็นคนบอกเลย ก็แฟร์ดี อิอิ)
จอย ถ่ายเป็นคนแรก เมื่อเห็นหมวกเวียดนามที่เขาตั้งขาย อิอิ
ขอถ่ายเดี่ยวกับชื่อร้าน เจ๊เล็ก ค่ะ
รูปนี้ น่าจะจอยถ่ายให้เรา 4 คน ค่ะ
อาหารมื้อเย็นวันนี้ค่ะ หลากหลายอย่างค่ะ
พวกเราให้เจ้าของร้านถ่ายรูปหมู่ให้พวกเรา ค่ะ
กินข้าวมื้อเย็นเสร็จแล้ว ราคารวมวันนี้ เฉลี่ยกัน 175 แต่เก็บไปสอง ร้อย ที่เหลือเผื่อมื้ออื่นหรือไปทบกับ บ้านพักคืนนี้ ค่าห้องคืนนี้ 2600 บาท 3 ห้อง เฉลี่ยตกห้องละ 433 บาทเศษ ๆ จอย เก็บแค่คนละ 400 บาท ถัวกับค่าอาหารที่เหลือเศษ จอยจ่ายเอง อิอิ (เสี่ยจอยชะอย่าง )
กว่าจะถึงที่พัก ที่ชื่อว่า ภูผาม่าน (เดิมชื่อ อีเกีย) เรามาถึงประมาณ ทุ่มกว่า มืดแล้ว มองไม่เห็นความสวยงามของรอบ ๆ ที่พักหรอก บ้านที่ฉันพักติดกับห้องจอยและวรรณ ส่วนจุ๊ คุณสมศักดิ์ และ ทูลอยู่ห้องด้านหน้า ห้องของฉันและจอย ต้องเดินไปข้ามสะพานไม้กระดานไป ทูล ช่วยหิ้วกระเป๋าให้ไปส่ง ที่พัก สภาพห้อง ค่อนข้างแคบ มีแอร์ มีโทรทัศน์ ให้ดู ห้องน้ำ มีน้ำอุ่นด้วย มีลักษณะเหมือนโฮมสเตย์ มากกว่ารีสอร์ท รอบ ๆ บ้าน มีต้นไม้มากมาย ได้ยินเสียงตุ๊กแกร้อง ด้วย แต่ไม่เห็นตัวมันหรอก นะ ฉันก็นั่งดูละครโทรทัศน์ของฉันไป เอมอรอาบน้ำก่อน น้ำไหลช้ามาก จึงต้องอาบนานมาก ฉันสระผมเย็นนี้ด้วย จุ๊ เล่าว่า พระอาจารย์กิติพันธ์โทรหาจุ๊ ถามข่าวว่า พวกเราเดินทางเป็น อย่างไร พรุ่งนี้อย่าลืมไปตักบาตรที่วัดป่าวิเวกภูเขาวง ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราจะไปร่วมพิธียกฉัตรกัน แต่ดูท่าทางคงยาก เพราะ อุปสรรคที่เจอวันนี้ ทำให้เราต้องเปลี่ยนแผนเที่ยว คือไม่ได้เที่ยวตามที่วางแผนไว้ แต่ไม่เป็นไร อะไรจะเกิดมันก็ต้อง เกิด ทุกคนปลอดภัยและรถมาเสียตอน ที่ใกล้ ๆ ที่ซ่อมรถ ที่ศูนย์โตโยต้า เราเจอเหตุการณ์อย่างนี้แล้ว ก็ ถือว่าได้พ้นเคราะห์ไปแล้ว ดีกว่าไปเจอเคราะห์ ที่ใหญ่กว่านี้ เราต้องคิดบวกไว้ก่อน จะได้สบายใจดี
เช้าวันที่ 18 ซึ่งเป็นวันที่เราต้องเดินทางจากขอนแก่นไปจังหวัดเลย เป็นร้อยกิโลเหมือนกัน ฉันกับเอมตื่นเช้า แต่งตัวเสร็จ ก็ออกมาชมบรรกาศรอบ ๆ ที่พัก สถานที่กว้างใหญ่มีให้ตั้งแค้มป์ด้วย มีที่ให้ประชุม มีท้องนาที่ว่างเปล่าอีกเยอะ ด้านหน้าของที่พัก มีภูเขาตระหง่าน แต่ไม่สูงนัก บริเวณที่พัก มีสถาน ที่ที่จัดให้คนมาพักได้ถ่ายรูป มีชิงช้า ด้วย เรียกว่า บรรยากาศดีมากทีเดียว ฉันกับเอมเดินชมรอบ ๆ เอม ถ่ายรูป ให้ฉันตามมุมต่าง ๆ ที่เขาเห็นว่าสวย จัดท่าให้ด้วย ส่วนตัวเขาไม่ค่อยชอบถ่ายรูป ให้ฉันถ่ายอยู่ไม่กี่รูปเอง
ที่ภูผาม่าน มีชิงช้าให้นั่งถ่ายรูปด้วย ค่ะ อากาศเช้านี้ เย็นสบาย
ต้นไม้บริเวณที่พัก มีหลายชนิด สวย ๆ ทั้งนั้น ค่ะ
ทางเดินรถที่เข้ามายังที่พัก เป็นลูกรัง ค่ะ
มุมสวยอีกมุมหนึ่งของที่นี่ ค่ะ
สาวจอย กับสาวจุ๊ ค่ะ
ถึงเวลาที่ทางที่พักนัดกินข้าวเช้า คือ 7.30 น.เราก็ไปที่ห้องอาหาร กลุ่มจอย ก็เดินมาเช่นกัน เอมอร ปิ้งขนมปัง ฉันชง โอวัลติน1 ถ้วย มากินกับขนมปังก่อนอาหารเช้าจะมาพักใหญ่ ๆ อาหาร ก็มาส่งในรูปปิ่นโต มี 4 เก๊ะ ต่อ 1 ห้องพัก เป็นไข่กระทะ คนละ เก๊ะ มีข้าวเหนียวคนละกระติ๊บ ปลาทอด 1 เก๊ะ ผักต้มจิ้มน้ำพริก อีก 1 เก๊ะ เผ็ดมาก กินได้นิดเดียว มาชมภาพพวกเรา ค่ะ
อาหารมื้อเช้า วันที่ 18 ค่ะ
วันนี้ จุ๊ แต่งชุดไทย เป็นสาวสวยในกลุ่มคนเดียว ค่ะ
กินอาหารเช้าเสร็จน่าจะประมาณ 8.00 น. ทุกคนไปเข้าห้องน้ำกันให้ เรียบร้อย นัดกัน 8.30 น. ออกจากที่พัก ทูล เป็นคนไป ช่วยหิ้วกระเป๋าของห้องพักฉันและจอย รถมุ่งหน้าไปจังหวัดเลย วัดป่าวิเวกภูเขาวง น่าจะประมาณ 10 โมง ก็ถึงวัด โห ! รถที่มางานเรียงรายเป็นหลาย สิบคัน ไม่น่าต่ำกว่า 50 คัน นะมีตำรวจคอยดูแล โบกรถ เขาถามว่าจะไปไหน มีของลงไหม แล้วก็บอกเราว่ามีที่ว่างให้เราไปจอด บริเวณเจดีย์ ซึ่งขึ้นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ถือเป็นความโชคดี เราได้ที่ จอดรถอย่างง่ายดาย ลงจากรถแล้ว ก็ถ่ายรูปกับ องค์พระมหาเจดีย์ ถ่ายหมู่บ้าง เดี่ยวบ้าง มีเด็กสาวน่ารักคนหนึ่งอาสา ถ่ายหมู่ให้พวกเรา ดูท่าทีในการถ่ายรูป รู้เลยว่า มีเทคนิคในการถ่าย เลยให้เธอถ่ายให้พวกเราอีกหลายรูป จากนั้น ก็ถามเจ้าหน้าที่ว่า หลวงตาประพันธ์ อยู่ที่ไหน เจ้าหน้าที่บอกว่า อยู่ที่กุฏิท่าน พวกเราก็พากันเดินไปที่กุฏิท่าน จอย นำซองมาให้พวกเราเผื่อใส่ซองทำบุญด้วย เอม ส่งแบงค์ 20 บาท ฝากให้ฉันช่วยทำบุญด้วย ฉันเลยขอซอง เขียน ชื่อเขาโดยตรง จะได้เป็นบุญของเขาเอง ส่วนฉัน ก็ใส่ซองทำบุญเผื่อให้ เพื่อนเยาว์จ๋า และดาว ซองละ 100 บาท ของฉันเองใส่ทำบุญ 200 บาท ได้พบหลวงตาด้วย นั่งคุยกับญาติโยม เลยได้ทำบุญทั้ง 5 ซองใส่ขัน ทำบุญ ถวายหมวกไหมพรม 1 ใบ และขอ อนุญาตถ่ายรูปท่านไปฝากเพื่อน ๆ ที่ทำบุญด้วย ท่านอนุญาตและมี การมอบลายเซ็นท่านโดยให้เซ็นบนกระเป๋าสตางค์ เพื่อให้กระเป๋าตังค์มีเงินใช้เสมอ ๆ (ความเชื่อ) ฉันก็เอาด้วย ห้าห้า ทุกคนได้ลายเซ็นจากท่าน เอม ก็นำกระเป๋าให้ท่านเซ็นด้วย ไม่กล้าคุย กับท่านนาน เพราะมีคนจ่อคิวที่จะกราบและคุยกับท่าน กราบลาท่านแล้ว พวกเราก็ออกจากกุฏิท่าน จุ๊ โทรหา พระอาจารย์ กิติพันธ์ แต่ก็ไม่ได้รับ อาจจะไม่มีสัญญาน หรืออย่างไร ไม่ทราบ ค่ะ
ทูล เขาก็น่ารัก เดินไปตามที่ต่าง ๆ ในวัด ซึ่งมีประชาชนมากมายน่าจะ เป็นพัน ๆ คน ผู้ที่บุญหนักศักดิ์ใหญ่ ก็ได้นั่งในเต็นท์ ที่ทางวัดจัดให้มั้ง ส่วนคนธรรมดา ชาวบ้านทั่วไปก็นำเสื่อมาปูตามใต้ ต้นไม้ อายุเยอะก็มีเก้าอี้ นั่งบ้าง มีตำรวจ ทหาร มาคอยดูแลความเรียบร้อย ส่วนทูลเดินหาจนพบพระอาจารย์นั่งอยู่ที่ เต็นท์รับบริจาค ทูลก็รีบมาบอกพวกเรา เลยได้พบพระอาจารย์ ได้คุยและกราบท่าน ฉันถือโอกาสถวายหมวก ตามที่ได้ตั้งใจด้วย พระอาจารย์ให้คนไปเอาเสื่อมา ให้พวกเราปูนั่งด้วย เลยได้คุยและถ่ายรูปกับพระอาจารย์ ที่ที่เรานั่งนั้น เป็นมุมตึก มีลมพัดผ่าน ด้านหน้าเรา มองเห็น องค์พระมหาเจดีย์ที่จะยกฉัตรขึ้นไปบนยอดเจดีย์ด้วย เป็นมุมที่เหมาะ ทีเดียว เพียงแต่ถ้าต้องการเห็นพิธีการต่าง ๆ เรา ก็ต้องลุกจากที่ไปเก็บภาพ ค่ะ งานนี้ได้เจอเพื่อนที่ไปอินเดียหลายคน คือ เจอ บัวลา บุญชู สองพี่น้อง เจอสุนทร และอินทร์แปลงด้วย เลยเก็บรูปเพื่อน ๆ มาลงบล็อกด้วย
ประมาณ 11 โมงกว่า มีการประกาศว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะมา เป็นประธานในพิธียกฉัตร ติดราชการด่วน มาไม่ได้ แต่ส่งรองผู้ว่า ฯ มาแทน จากนั้น พิธีกรได้อ่านราชชื่อ พระสงฆ์ที่จะมาร่วมพิธียกฮัตร ขึ้นนั่งตามสมณศักดิ์ พระสงฆ์ผู้ใหญ่จะมีเก้าอี้พิเศษ ส่วนพระธรรมดา (มั้ง) จะนั่งเรียงเป็น แถวยาว และซ้อนกันเป็นสองแถว (ตามรูปที่ถ่ายไว้) ฉันเดินไปถ่ายรูปพิธีกรรมอยู่บ้างเป็นช่วง ๆ ไม่กล้าเดินไปใกล้นัก เพราะเราไม่ใช่ตากล้อง ได้แต่ใช้วิธีซูมเอา รูปไม่ค่อยสวยและชัดเจนนัก ก่อนจะชมภาพ เรามาอ่านความรู้เกี่ยวกับ พิธีการยกฉัตร สักเล็กน้อย ค่ะ มาชมภาพ ค่ะ
พระมหาเจดีย์ กิตติโสภโณที่กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง และจะทำพิธี อัญเชิญฉัตรขึ้นสู่ยอดเจดีย์ วันนี้ค่ะ
ถ่ายคู่กันบ้าง ค่ะ
ส่วนหนึ่งของรถที่มาร่วมพิธี ค่ะ
หลวงตาประพันธ์ แห่งวัดป่าวิเวกภูเขาวง ที่มีลูกศิษย์มากมาย ค่ะ
เอม ช่วยถ่ายรูปฉันกับหลวงตา 1 รูป ด้วย ค่ะ
ถ่ายรูปหมู่กับพระอาจารย์กิติพันธ์ ด้วยค่ะ
ถวายหมวกไหมพรมแด่ ดร.พระมหากิติพันธ์ สุภัทโท ค้ะ
ซ้ายมือ คือ สุนทร ขวามือ คือ อินทร์แปลง ที่ไปอินเดียวด้วยกัน ค่ะ
ได้เจอ บุญชู และ บัวลา สองศรีพี่น้อง ซึ่งไปอินเดียด้วยกัน ค่ะ
ความหมายของคำว่า "ฉัตร" หมายถึงเครื่องสูงชนิดหนึ่งมีรูปคล้ายร่ม ที่ซ้อนกันขึ้นไปเป็นชั้นๆ ชั้นบนมีขนาดเล็กกว่าชั้นล่าง ลดหั่นกันไปโดยลำดับ สำหรับแขวน ปัก ตั้ง หรือเชิญเข้าขบวนแห่เป็น เกียรติยศ ชาวล้านนานิยมทำฉัตรประดับ ไว้บนหลังคาโบสถ์ วิหารและยอดเจดีย์ตามวัดต่างๆ ทั้งนี้อาจเป็น เพราะชาวล้านนาได้รับเอาอิทธิพลการทำฉัตรมา พร้อมกับพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ผ่านมาทางเมืองมอญและ พม่าเนื่องจากพม่านิยมทำฉัตรประดับไว้ บนหลังคาโบสถ์ วิหารและเจดีย์ เช่นเดียวกับลาวและล้านนา เพราะ เชื่อว่า ฉัตรคือเรื่องกั้นหรือเครื่องบังแสงแดด และลมฝน อีกทั้งเป็นเครื่องประดับพระเกียรติยศ หรือเครื่องราย กกุธภัณฑ์อย่างหนึ่งของพระมหากษัตริย์ และในฐานะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติ ในวรรณะกษัตริย์ ดังนั้น จึงนำเอาฉัตรมาประดับพระเกียรติยศ และถือเป็นการถวายราชสักการบูชาต่อพระพุทธองค์ด้วย นอกจากนี้ยัง เชื่อกันว่าหากผู้ใดสร้างฉัตรถวายทานประดับ บนหลังคาโบสถ์วิหาร หรือยอดเจดีย์แล้ว ผลานิสงส์ที่ได้รับจะทำให้ คนผู้นั้นได้ไปเกิดในสวรรค์เมื่อสิ้นชีวิตไป จาก โลกนี้แล้ว ถ้าหากจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ก็จะได้เกิดใน ตระกูลสูงศักดิ์ มีเกียรติยศและทรัพย์สมบัติ ตลอดทั้งข้าทาสบริวารเป็นอันมาก
ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นสาเหตุ เป็นเหตุผลที่มีการยกฉัตร ค่ะ
( ค้นคว้า มาจาก อินเทอร์เน็ต ค่ะ ) มาชมพิธีอัญเชิญฉัตร ขึ้นอยู่ ยอดพระเจดีย์ กิตติโสภโณ ค่ะ และขอผลบุญที่ ฉันมาร่วมพิธีครั้งนี้ ส่งผลบุญมายังทุกคนที่ได้อ่านบล็อกนี้ด้วย นะคะ สาธุ ค่ะ มาชมภาพที่ฉันเก็บมาฝาก ค่ะ
ภาพนี้ เป็นภาพฉัตรซึ่งอยู่ในฐานดอกบัว ที่จะทำพิธีและอัญเชิญขี้นสู่ ยอดพระมหาเจดีย์ กิตติโสภโณ
จัดเตรียมเก้าอี้ตามสมณศักดิ์ของพระ มีชื่อติดไว้อย่างเรียบร้อย
ส่วนหนึ่งของประชาชนที่มาร่วมงานพิธียกฉัตร ค่ะ
เมื่อถึงเวลาตามกำหนดการ พิธีกรได้ประกาศนิมนต์พระสงฆ์ที่มา ร่วมพิธีเข้านั่งประจำที่ที่ทางวัดจัดให้ค่ะ
ประธานในพิธีจุดธูปบูชาพระรัตนตรัย
พระผู้ใหญ่ที่มีสมณศักดิ์สูงจะนั่งเก้าอี้ (อาจเป็นเพราะสูงวัยด้วย)
หลังจากที่ประธานในพิธีจุดธูปเทียนแล้ว พระผู้ใหญ่ได้ทำพิธีได้ ทำพิธีที่องค์ฉัตร หลังจากมีการสวดมนต์แล้ว
หลังจากพิธีสงฆ์เสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ก็เริ่มนำฉัตรผูกกับสลิงที่เตรียม ไว้ เพื่อชักรอกขึ้นสู่ยอดมหาเจดีย์ กิตติโสภโณ ค่ะ
ขณะที่ สลิงถูกชักรอกขึ้นไปบนยอดอย่างช้า ๆ พิธีกร ประกาศให้ผู้ ร่วมพิธีให้หันหน้าไปยังองค์เจดีย์ ค่ะ ทุกคนก็ถ่ายรูป รวมทั้งฉันด้วย แต่เนื่องจากเป็นเวลาเที่ยงวัน แดดจัด มาก ทำให้ถ่ายรูปยาก เพราะมองหาองค์เจดีย์ ได้ยาก ต้องยกกล้องสูงและเดาจุดที่จะถ่ายรูป กดไปเป็นสิบรูป แล้ว มาเลือกอีกที ค่ะ ดังรูปนี้ ค่ะ
บนยอดเจดีย์ จะมีเจ้าหน้าที่เป็นคนจัดฉัตรที่ชักรอกขึ้นไป เพื่อจัดฉัตร ให้ลงตำแหน่งบนยอดที่เตรียมไว้
พิธียกฉัตรขึ้นสู่ยอดองค์พระมหาเจดีย์ก็เสร็จลงไปอย่างเรียบร้อย พวกเราก็ไปกรวดน้ำที่ใต้ต้นไมัใหญ่ในวัด แล้วตามหาพระอาจารย์กิติพันธ์เพื่ออำลาและนัดหมายว่า วันที่ 20 จะไปเยี่ยมและเลี้ยงเพลพระอาจารย์ที่วัด และแวะเที่ยว ตามทางที่ผ่านและที่ที่พระอาจารย์แนะนำ พวกเราออกจากวัดน่าจะประมาณบ่ายโมงกว่าแล้ว มื้อเที่ยงวันนี้ เสนอ กันที่ร้านส้มตำ ชื่อว่า "ตำครก" ที่พวกจอยเคยมากินกันแล้ว และบอกว่าอร่อยมาก เรามาถึงที่ร้านนี้ น่าจะประมาณเกือบบ่ายสอง คนเยอะมาก ต้องรอโต๊ะว่างโดยเราสั่งอาหารไว้ก่อน มีจอยและจุ๊ เป็นคนสั่งอาหาร ส่วนฉันและเอม ไปหาห้องน้ำเข้าก่อน เพราะฉันไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำวัด เสร็จแล้ว ก็มานั่งรออาหารที่สั่ง มีโต๊ะว่างแล้ว 1 โต๊ะพวกเราหิวกันมาก เจ้าของ ร้าน ก็น่ารัก สั่งข้าวผัดจากร้านใกล้เคียงมาให้ 4 กล่อง ให้กินกันก่อน ข้าวผัดเขาอร่อยมาก ร้อน ๆ กำลังหิว กล่องใหญ่มาก แบ่งจาก วรรณ มา 2-3 ช้อนเอม ก็แบ่งชิมดู ส่วนข้าวผัดกระเพรา แฟนจุ๊และทูล กินคนละกล่อง บอกว่า รสชาติ อร่อยและเผ็ดได้ใจทีเดียว มาชมอาหารที่สั่ง น่าจะรอประมาณ ครึ่งชั่วโมงกว่า ค่ะ มีปีกไก่ทอด ข้าวเหนียว ตำทะเล สองจานใส่ปลาร้าและไม่ใส่ปลาร้าอย่างละจาน แล้วก็มีเส้นหมี่ ผักจิ้ม กินไม่เป็น เลยไม่ได้ชิม แต่ปีกไก่เขาอร่อยกว่า ร้านส้มตำที่ฉันเคยไปกินที่กรุงเทพฯ มีต้มแซ้บ ขาไก่อีก 1 ชาม อร่อยมาก แซ้บมากเหมือนกัน มาชมภาพกันค่ะ
อาหารมื้อเที่ยงของวันนี้ ค่ะ
กินเสร็จน่าจะประมาณ สามโมงกว่าแล้ว มุ่งหน้าไปเชียงคาน แต่ไปพัก แถวแก่งคุดคู้ เดินชมร้านขายของ ฉันกับเอม ซื้อมะพร้าวแก้วกัน ร้านนี้มีจ่ายคนละครึ่งด้วย ซื้อมาฝากเพื่อนบ้าน เราเดินถ่ายรูปแถวนั้น ถ่ายกับป้ายชื่อ แล้วก็ขึ้นรถกัน ก่อนขึ้นรถ จอยโทรบอกให้ซื้อกล้วยฉาบ และแถวนี้ไม่มี มีแต่กล้วย แบกแตก ต่อได้ 5 ถุง 100 บาท มาชมภาพ ค่ะ
ตรงนี้ เพิ่งสร้างใหม่ ฉันเคยมาหลายปีก่อน ยังไม่มี ค่ะ
ขับรถเพื่อดูบ้านพัก ที่จะพักคืนนี้ ตกลงใจกันพักที่ ศิริโชคริมโขง บรรยากาศดีติดริมโขง ห้องละ 800 บาท อยู่ได้สองคน ห้องพักก็โอเค มีแอร์ มีโทรทัศน์ ให้ดู เสียอย่างเดียวคืออยู่ชั้นสอง ต้องขึ้นบันได แต่ก็มีทูล ช่วยยกกระเป๋าให้ ขอบใจทูลมาก บริการดี ประทับใจ ค่ะ เข้าห้องแล้ว ฉันกับเอมไปเดิน ถ่ายรูปกันบริเวณบ้านพัก เป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์ กำลังใกล้ตกดินแล้ว ภาพสวยดี ถ่ายดอกไม้ ต้นไม้บริเวณนั้นพอ สมควร แล้วเดินกลับมานั่งรวมพวกที่โต๊ะอาหาร
ดวงอาทิตย์กำลังใกล้ตกดิน บรรยากาศริมโขงงดงามมาก ค่ะ
ดอกไม้ของ ศิริโชค ริมโขง ที่พักคืนนี้ของพวกเรา ค่ะ
ดวงอาทิตย์ใกลัลับฟ้า ที่นี่มีจักรยานให้ไปขี่เล่นด้วย ค่ะ ฟรี
ที่พักเรา เป็นร้านอาหารด้วย ค่ะ
จุ๊ กับ คุณ สามี
เรานำตำข้าวโพดที่สั่งจากร้านตำครก แต่มาช้า เราอิ่มแล้วเลยให้ใส่ ถุงมากินที่นี่ มีข้าวผัดอีก หนึ่งกล่อง มีมะม่วง น้ำปลาหวานของจอยที่นำมาจากบ้าน สั่งอาหารเพิ่มจากร้านของที่พัก มีปลาลวกจิ้ม ของสมศักดิ์ ซึ่งกินแกล้มเบียร์ เหล้า ได้เป็นอย่างดี กินไปคุยกันไป ให้เจ้าของที่พักช่วยถ่ายรูปหมู่ให้ด้วย เจ้าของที่พัก อัธยาศัยดี เราสั่งข้าวต้มมื้อเช้า เขาด้วย หัวละ 70 บาท แต่ขอชิมสัก 1 ถ้วยก่อน เขาก็ทำให้ พวก เราก็แบ่งกันชิม รสชาติก็โอเค แต่เค็มไปนิด เขาบอกว่า เขาคงเติมเต้าเจี้ยวลงไปด้วย เราเลยบอกว่า ให้เอา เต้าเจี้ยวใส่ถ้วยไว้ ใครสนใจค่อยเติมเอา นั่งกิน นั่งคุยกันจนถึงประมาณทุ่มได้ ฉันกับเอม ก็กลับห้องไป ดู ละคร เหลือจอย วรรณ จุ๊ สมศักดิ์ ทูล นั่งกันต่อไป
สภาพของห้องที่เราพัก มี โทรทัศน์ มีน้ำอุ่น
เช้าวันที่ 20 ซึ่งวันนี้ พวกเรานัดว่าจะไปเยี่ยมพระอาจารย์กิติพันธ์ที่ วัดดอนแก้วสุจิตตาราม ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ จะถวายภัตตาหารแด่ท่านด้วย และไปเที่ยวเมืองหนองคายด้วย แต่แล้วก็มีอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่ได้ไปเยี่ยมท่าน เพราะจอยเกิดไม่สบายกระทันหัน ทุกคนเป็นห่วง ลงความคิดเห็นว่า กินข้าวเช้าแล้ว ตีรถกลับกรุงเทพฯเลยจะดีกว่า จะได้หาหมอต่อไป ค่ะ ระหว่างทาง เราแวะกินข้าวมื้อเที่ยงแถวชัยภูมิ ร้านต้มเล้งแซ้บร้านที่ เคยไปกินเมื่อปีก่อน แต่ปีนี้ รสชาติไม่ค่อยอร่อย เหมือนปีที่แล้ว ส่วนจุ๊และวรรณไปกินร้านฝั่งตรงข้าม บอกว่ารสชาติ อร่อย จุ๊ ซื้อกลับบ้านด้วย ฉันเห็นร้านที่เรากิน มีขายกล้วยแบกแตกและรับคนละครึ่งด้วย เลยซื้อมา 4 ถุง ไว้ใส่บาตร และฝากเพื่อนบ้านด้วย รถแล่นไปเรื่อย ๆ ชั่วโมงเศษ ๆ ก็แวะปั๊ม เพื่อเข้าห้องน้ำกัน กลาง ทางแวะซื้อไก่ย่างเจ้าอร่อย ฉันจำได้ว่า ฉันก็เคยมากินด้วยครั้งหนึ่ง ราคาตัวละ 199 มั้ง จุ๊ วรรณ และเอม ซื้อ กลับบ้านกันด้วย ส่วนฉัน วันพฤหัสฯ แม่จ๊อกี่ ที่บ้านจะต้องไหว้แม่ กับข้าวเดิมยังเหลืออยู่ เช่น หมูกรอบ เป็ดพะโล้ ฯรถ ไปส่งเอมก่อน แล้วจึงมาส่งฉันที่บ้าน ทั้งจุ๊ ทั้งวรรณ และสมศักดิ์ ปวดฉี่ เลยเข้าห้องน้ำบ้านฉัน เผื่อรถติด จะได้ไม่ลำบากอั้นปัสสาวะ จอย จุ๊ สั่งโจ๊ก ร้านเอ๋ไปหลายถุงอยู่ ทุกคนช่วยหิ้วกระเป๋าเข้าบ้านฉัน เรียบร้อย เมื่อได้โจ๊กเรียบร้อยแล้ว ก็อำลากันไป ทริปนี้ มีอุปสรรคตั้งแต่ต้น เลยไม่ได้เที่ยวที่ไหนเลย แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ถือว่า โชคดีที่ได้ร่วมพิธีอัญเชิญยกฉัตร ขึ้นสู่ยอดพระมหาเจดีย์ กิตติโสภโณ ซึ่งฉันก็ยังไม่เคยเห็นพิธีการนี้ ถือว่า เป็นบุญตาที่ได้เห็น เป็นบุญที่ได้มาทำบุญในครั้งนี้ ค่ะ ขออนุโมทนาบุญให้กับเพื่อน ๆ ชาวบล็อกและผู้ที่ได้เข้ามาอ่านบล็อกนี้ของฉันค่ะ สวัสดี
Create Date : 23 มีนาคม 2565 |
Last Update : 24 มีนาคม 2565 22:37:27 น. |
|
30 comments
|
Counter : 1069 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสองแผ่นดิน, คุณกะว่าก๋า, คุณKavanich96, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณกิ่งฟ้า, คุณร่มไม้เย็น, คุณmultiple, คุณSweet_pills, คุณtoor36, คุณหอมกร, คุณเริงฤดีนะ, คุณnewyorknurse, คุณkae+aoe, คุณ**mp5**, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtuk-tuk@korat, คุณmariabamboo, คุณชีริว |
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 24 มีนาคม 2565 เวลา:23:28:20 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มีนาคม 2565 เวลา:6:59:53 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 25 มีนาคม 2565 เวลา:8:12:12 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 25 มีนาคม 2565 เวลา:17:15:52 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 25 มีนาคม 2565 เวลา:20:31:39 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 25 มีนาคม 2565 เวลา:22:03:21 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มีนาคม 2565 เวลา:22:58:07 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 26 มีนาคม 2565 เวลา:3:13:48 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 มีนาคม 2565 เวลา:6:07:03 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 26 มีนาคม 2565 เวลา:21:21:54 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 มีนาคม 2565 เวลา:23:52:36 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 27 มีนาคม 2565 เวลา:13:13:19 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 27 มีนาคม 2565 เวลา:19:08:11 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 มีนาคม 2565 เวลา:20:19:19 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 28 มีนาคม 2565 เวลา:0:39:57 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 28 มีนาคม 2565 เวลา:5:32:44 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 มีนาคม 2565 เวลา:7:04:42 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 28 มีนาคม 2565 เวลา:8:38:15 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 28 มีนาคม 2565 เวลา:10:08:35 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 มีนาคม 2565 เวลา:21:02:03 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 มีนาคม 2565 เวลา:6:53:48 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 29 มีนาคม 2565 เวลา:10:09:20 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 1 เมษายน 2565 เวลา:19:07:32 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 2 เมษายน 2565 เวลา:10:14:09 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 2 เมษายน 2565 เวลา:10:14:42 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์ |
|
Rss Feed |
| Smember | | ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]
|
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif |
|
|
|