|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ทริปกระบี่อีกสี่วัน
ทริปปลายปีครับ ปีนี้ไปเที่ยวจังหวัดแสนสวยฝั่งอันดามันอย่าง กระบี่-พังงา หนก่อนพาเที่ยวเกาะลันตาไปแล้ว หนนี้เที่ยวบนแผ่นดินกระบี่กันครับ
กระบี่คือเพชรเม็ดงามของฝั่งอันดามันที่มีการตั้งรกรากตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และกลายเป็นชุมชนการค้าที่สำคัญรับวัฒนธรรมจากต่างแดนเข้ามาเป็นที่แรกๆ ของดินแดนแถบนี้ และยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติทั้งบนบกและในทะเล อาหารการกินหลากหลาย ขึ้นชื่อทั้งอาหารใต้ ติ่มซำ อาหารอิสลาม และอาหารทะเล เรียกได้ว่าอยู่เที่ยวเป็นสัปดาห์ยังได้ ผมเคยเที่ยวกระบี่เต็มๆ ไปหนนึง (4 วัน) ดูเอ็นทรี่เก่าได้ที่ --> ทริปกระบี่สี่วัน ส่วนรอบนี้ก็อีกสี่วัน (26-30 ธ.ค. 67 --> หักเที่ยวพังงาไปวันนึง) มีทั้งเที่ยวที่ๆ เคยมา และเที่ยวเพิ่มเติมที่ใหม่ๆ เดี๋ยวจะพาไปตามลิสต์นี้ครับ
- สระมรกต
- พิพิธภัณฑสถานคลองท่อม
- น้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม (NEW)
- ถ้ำผีหัวโต (NEW)
- ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมอันดามัน (NEW)
- สุสานหอย 75 ล้านปี
- หาดไร่เลย์ (NEW)
- คลองหรูด (NEW)
- เขาขนาบน้ำ (NEW)
- วัดถ้ำเสือ
สถานที่อื่นๆ ที่เคยไปแล้วรอบนี้ไม่ได้ไป - ธารโบกขรณี, เกาะสี่, เกาะปอดะ, ทะเลแหวก, น้ำตกร้อนคลองท่อม, หาดทับแขก, ถนนคนเดิน
หนนี้นั่งเครื่องไป-กลับ ประหยัดเวลาเดินทางไปได้สองวันเลยครับ ผมชอบไปรอบเช้าตรู่ จะได้เที่ยวได้ทั้งวัน เครื่องบินลงที่สนามบินกระบี่ 7.30 น. วันที่ 26 ธ.ค. 67 ไปเอารถเช่าเสร็จก็ออกเดินทางไปหาข้าวเช้ากิน ถ้าเข้าเมืองต้องขับจากสนามบินไปทางตะวันตก แต่วันนี้จะไปคลองท่อมเพื่อไปเกาะลันตาต่อ ก็ขับไปทางตะวันออก ภาพข้างๆ นี่คือศาลเจ้าเฉ้งจุ้ยจ้อซู้ก๋ง ใช้เป็นที่จอดรถแล้วเดินข้ามถนนมาร้านขนมจีนได้ครับ ทำบุญเป็นค่าจอดด้วยก็ดีนะ |  |
ใกล้สนามบินมีร้านโกจ้อย ร้านขนมจีนเจ้าดังจนขยายไปเปิดสาขาในเมืองและอ่าวนาง มีน้ำยากะทิ น้ำพริก แกงป่า น้ำยาปู แกงเขียวหวานไก่ และแกงไตปลา สั่งเป็นชุดรวมน้ำยา 220 ก็ได้ แต่วันนี้มากับแม่แค่สองคนไม่น่ากินหมด เลยสั่งแยกน้ำยากะทิและน้ำพริกครับ น้ำยากะทิของกระบี่ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มข้นและคุณภาพปลาทะเลที่ใช้ตำน้ำพริก และร้านปักษ์ใต้จะบริการผักไม่อั้น สะใจคนชอบผัก ไก่ทอดร้านนี้ก็อร่อยครับ กินกับขนมจีนเข้ากันดี ขับมาถึงคลองท่อม เป็นอำเภอที่สถานที่ท่องเที่ยวดีๆ เยอะมาก ทั้งน้ำตกร้อน น้ำพุร้อนเค็ม พิพิธภัณฑ์ลูกปัด และที๋โด่งดังที่สุดก็คือที่นี่ครับ สระมรกตที่แสนสวยงามกลางป่าทุ่งเตียว คราวก่อนมา 7 โมงเช้า ยังไม่มีผู้คน รอบนี้มา 10 โมง ผู้คนแน่นขนัดและอากาศร้อนแบบไม่บันยะบันยัง ค่าเข้า 30 บาท ทางเดินไปสระมรกตไกล 1 กม. ยังดีนะครับที่มีร่มไม้ตลอดทาง  | สระมรกต (Emarald Pool) | ที่นี่มีสระใหญ่สามแห่ง คือ สระแก้ว (Crystal Pool) สระมรกต (Emerald Pool) และสระน้ำผุด (Blue Pool) ยิ่งเข้าไปลึกยิ่งสวยงาม ภาพนี้คือสระแก้วครับ รับน้ำที่ไหลมาจากสระมรกต กว้าง 35 เมตร x 45 เมตร เป็นสระที่ใหญ่ที่สุดใน 3 สระ แต่เป็นโคลนตมแบบบึงทั่วไป ไม่ได้ใสสวยเหมือนอีกสองสระ |  |
และนี่คือสระมรกต กว้าง 20 เมตร ลึก 1.2-1.8 เมตร ตรงนี้เป็นเทือกเขาหินปูน น้ำเลยตกตะกอนจนใสนิ้ง เล่นน้ำได้ปลอดภัย มีปลาด้วยนะ จากสระมรกตเดินเข้าไปอีก 600 เมตรจะมาถึงสระน้ำผุด กว้าง 10 เมตร เป็นตาน้ำก่อนไหลไปสระด้านล่าง นอกจากหินปูนแล้วสระนี้ยังมีแร่ธาตุอื่นๆ ละลายอยู่เป็นจำนวนมาก จนเกิดเป็นสีฟ้าสวยดังบ่อน้ำในนิยายแฟนตาซี อุณหภูมิ 30-50 องศา สมัยก่อนไม่ค่อยมีใครเข้ามา แต่พอได้เห็นภาพตามโซเชี่ยลแล้วคนก็ทยอยมาชมความสวยงามของที่นี่กันมากขึ้น ตอนนี้เขาทำสะพานไม้ให้เดินข้างๆ บ่อแล้ว แต่ลงไปเล่นน้ำไม่ได้นะครับ ขาไปเดินผ่านเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ส่วนขากลับขอกลับทางลูกรังนี่ละครับ ลดระยะทางจาก 1,000 เมตร เหลือ 800 เมตร ป่าทุ่งเตียวอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประบางคราม สถานที่เดียวที่พบนกแต้วแล้วท้องดำ ไม่ได้โผล่มาให้เห็นกันง่ายๆ นะครับ จะสูญพันธุ์แล้ว ส่วนผมไม่เจอตัวอะไรนอกจากแมงมุมยักษ์  | พิพิธภัณฑสถานคลองท่อม (Khlongthom Museum) | แวะเที่ยวพิพิธภัณสถานคลองท่อม เป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นของวัดคลองท่อมที่รวบรวมวัตถุโบราณที่ขุดพบบริเวณนี้เป็นจำนวนมากไว้ ตรงนี้คือบ้านควนลูกปัด เป็นชุมชนเมืองท่าที่สำคัญในอดีตระหว่างอินเดียใต้กับเอเชียอาคเนย์ และเป็นแหล่งลูกปัดขนาดใหญ่ ทางวัดได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้นในปี พ.ศ.2525 ที่นี่ควรมาชมจริงๆ ไม่เหมือนพิพิธภัณฑ์วัดทั่วไปนะครับ มันรวมโบราณวัตถุโดยเฉพาะลูกปัดที่มีมูลค่ามหาศาลไว้หลากหลายแบบเลย วันที่ไปไม่เปิดเพราะเจ้าหน้าที่เขากินเลี้ยงปีใหม่กันพอดี แต่โทรไปเค้าก็รีบขี่มอเตอร์ไซค์มาเปิดพิพิธภัณฑ์ให้ครับ เปิดเหอะ มาตั้งไกล ลูกปัดมีทั้งทำจากหินสี แก้ว และโลหะมีค่า และที่มีมูลค่าสูงสุดคือสองภาพล่างเลยครับ ลูกปัดสุริยเทพ (Bead of Sun God) ค้นพบที่นี่แห่งเดียวในโลก ทำด้วยวิธีโมเสกคือเอาแก้วสีขาวดำมาเรียงสลับกันเป็นรูป อายุราว 2,000 ปี
จากนั้นขึ้นเรือไปเกาะลันตา ดังที่ลงไปในเอ็นทรี่ก่อนหน้าครับ เที่ยวหนึ่งวันแล้วขึ้นฝั่งกลับถึงคลองท่อม 11.30 น. วันที่ 27 ธ.ค. มาเที่ยวต่อกันที่น้ำพุร้อนเค็มคลองท่อมครับ...
น้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม (Saline Hot Spring Khlongthom) เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่อยู่ใกล้ทะเล น้ำร้อนจึงผสมกับชั้นน้ำเกลือ กลายเป็นน้ำพุร้อนเค็ม อยู่กลางป่าชายเลนบ้านห้วยน้ำขาว อุณหภูมิ 40-47 องศา เหมาะแช่ตัวพอดี ไม่ต้องผสมน้ำเย็นเลยครับ ในอดีตก่อนทำการแสดงอย่างมโนราห์ หนังตะลุง ฉายหนังกลางแปลง ฯลฯ ผู้จัดงานต้องขอเปิดการแสดงต่อโต๊ะน้ำร้อน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสถานที่นี้  ทั้งบริเวณจะมีบ่อกระจายอยู่มากมาย แยกกันไปแช่ตัวแช่เท้าได้เลย ส่วนนี่คือบ่อต้นน้ำ ห้ามลงแช่นะ |  ด้านข้างเป็นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน เนื้อที่ 894 ไร่ ไม่มีไฮไลต์อะไรให้ดูนะครับ |
คลองท่อมที่เที่ยวเยอะขนาดนี้ ก็ควรมีร้านอาหารอร่อยๆ นะครับ ตอนนี้เที่ยงเป๊ะ ได้เวลาอาหารเที่ยง ไม่ต้องรอถึงเมืองกระบี่ละ กินมันแถวนี้แหละ มากินร้าน Yak Space เป็นร้านกาแฟและมีอาหารขาย ที่จอดรถเยอะ มีที่นั่งทั้งด้านในด้านนอก ได้กินน้ำเย็นๆ ในห้องแอร์หลังเที่ยวร้อนๆ มาทั้งวันอย่างฟิน~ อาหารเป็นเมนูง่ายๆ อย่างข้าวไข่ข้น แกงเขียวหวาน ผัดไทย กะเพรา ฯลฯ ผัดไทยเป็นสไตล์เส้นฉ่ำ ถ้าชอบทิพย์สมัยก็ชอบร้านนี้ครับ ส่วนแกงเขียวหวานเผ็ดแต่อร่อย  | ถ้ำผีหัวโต (Phi Hua To Cave) | ขับข้ามตัวเมืองและเวิ้งอ่าวนางไป เดี๋ยวค่อยกลับมาเที่ยวมะรืนครับ ไปที่ อ.อ่าวลึก ก่อนถึงทางไปพังงา มาจอดรถแถวดงร้านอาหารบังแอนซีฟู้ด อารีย์ซีฟู้ด ฯลฯ จะมีบริการเรือหางยาวเข้าไปถ้ำผีหัวโต ค่าเรือเลือกเจ้าไหนก็ 700 บาทครับ ราคาอย่างแรง คนไม่ค่อยมาเที่ยวทางนี้ เลยมีกันอยู่ไม่กี่เจ้า ไม่เกิดการแข่งขันทางการค้า มีคายัคให้เช่าด้วย แต่แพงยิ่งกว่า และขี้เกียจพายครับ
คลองท่าปริงเป็นคลองออกไปสู่ทะเล ทัศนียภาพข้างทางเป็นเขาหินปูนสายงามมากมาย ก่อนถึงถ้ำผีหัวโต มีถ้ำลอด ให้เรือเข้าไปวนเล่น 1 รอบ ยาว 150 เมตร มีหินงอกหินย้อย โพรงถ้ำสูง ไม่ต้องกลัวเฉี่ยวหัวแบบถ้ำเลเขากอบครับ เรือจอดเทียบท่าที่จุดเข้าถ้ำผีหัวโต ค่าเข้าผู้ใหญ่ 60 เด็ก 30 บาท หน้าทางเข้ามีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้เลียบริมคลองท่าปริงชมป่าชายเลน ยาว 440 เมตร จากปากถ้ำผีหัวโต ไปถึงปากถ้ำมืด ผมเดินไปไม่ถึงนะครับ ถ้ำมืดทางการยังสำรวจเข้าไปได้ไม่เท่าไหร่ ไว้ทำทาง ติดไฟเรียบร้อย ตั้งชื่อเพราะๆ แล้วค่อยเที่ยวครับ
ถ้ำผีหัวโต เป็นถ้ำหินปูน ค้นพบในปี พ.ศ.2497 พบหัวกะโหลกมนุษย์ยุคหินใหม่ จึงเป็นที่มาของชื่อถ้ำผีหัวโต ตอนนี้ไม่มีกะโหลกให้ดูแล้ว แต่จุดขายหลักคือภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์อายุราว 2,000-3,000 ปี ทั้งรูปคน สัตว์ และรูปร่างต่างๆ  รูปที่โด่งดังที่สุดอยู่ใกล้ปากทางเข้าเลย เป็นรูปคนใส่หัวสัตว์มีเขา ใส่เสื้อลายขวาง แสดงแฟชั่นยุคนั้นครับ คนนี้น่าจะเป็นหมอผีหรือคนใหญ่โตยุคนั้น |  ตามผนังและเพดานถ้ำยังมีรูปอื่นๆ มากถึง 163 ภาพ น้องที่นำทางเข้าไปชี้ให้ดูไม่กี่รูปเอง |
จากนั้นดิ่งเข้าพังงาครับ เดี๋ยวไว้อัพบล็อกถัดไป บล็อกนี้ขอกระบี่ล้วนๆ ไทม์สคิปมาวันที่ 28 ธ.ค. 67 กลับจากพังงาเข้าตัวเมืองกระบี่ประมาณบ่ายสาม พิพิธภัณฑ์ลูกปัดในตัวเมืองปิดสี่โมง ว่าแล้วก็สปีดรันครับ!  | ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมอันดามัน (Andaman Cultural Center) | เทศบาลเมืองกระบี่สร้างขึ้นเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรมของจังหวัดกระบี่และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย 5 อาคาร หลักๆ คืออาคารแสดงเรื่องลูกปัด และอาคารแสดงงานศิลปะครับ พิพิธภัณฑ์ลูกปัดอันดามัน (Andaman Beads Museum) บอกเล่าความเป็นมาของลูกปัดและความเชื่อ ไปจนถึงแฟชั่นลูกปัด ห้องมรดกทางปัญญา จัดแสดงสร้อยลูกปัดโบราณ ประติมากรรมกลางห้องไม่เกี่ยวอะไรกับรายการแฟนพันธุ์แท้นะ หอศิลป์อันดามัน (Andaman Art Museum) เป็นตึก 3 ชั้น แสดงผลงานศิลปะต่างๆ ทั้งงานศิลปินแห่งชาติ ศิลปินนานาชาติ จนถึงศิลปินรุ่นเยาว์ ส่วนอาคารฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารแสดงศิลปะหมุนเวียนครับ |  | วิ่งเที่ยวจนดูครบ 5 ตึกภายในเวลา 1 ชม. ตอนเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้วก็ขอเที่ยวสัก 1 ที่ครับ...  สุสานหอย 75 ล้านปี (Gastropod Fossil) |  | สุสานหอย 75 ล้านปี สถานที่เที่ยวแห่งแรกของกระบี่ที่รู้จัก เพราะอยู่ในหนังสือการ์ตูนความรู้ที่่อ่านสมัยเด็ก เคยมาหลายรอบแล้ว แต่เห็นไม่ไกล เลยมาอีกสักรอบครับ ในกูเกิ้ลบอกปิด 5 โมง แต่ไปถึง 4 ครึ่งปิดไปเรียบร้อยละ เจ้าหน้าที่เขาบอกปิดสี่ครึ่ง แก้ในกูเกิ้ลไปแล้วมันยังไม่แก้ให้ ใครไปถึงหลัง 4 ครึ่งก็ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ แต่คนแถวนั้นบอกไปเข้าด้านหลังร้านค้าก็ได้ เออ แบบนี้ก็ดีนะ มาหลังปิดแล้วไม่มีคนด้วย
ชื่อสุสานหอย 75 ล้านปี แต่ผลตรวจสอบอายุล่าสุดจริงๆ แค่ 40 ล้านปีนะครับ ครั้นจะไปเปลี่ยนชื่อสถานที่ท่องเที่ยวคนก็จดจำไปแล้ว สุสานนี้เป็นซากหอยขมน้ำจืดดึกดำบรรพ์ทับถมกันเป็นชั้นหินปูนเหมือนแท่งคอนกรีต เรียงตัวกระจายอยู่สามจุดในบ้านแหลมโพธิ์เป็นระยะทาง 2 กม. ผมยังไม่เคยไปจุดอื่นนอกจากตรงทางเข้านี้เลย  ที่นี่เป็นสุสานหอยเพียงแห่งเดียวในโลกที่อยู่ริมทะเลนะครับ ที่อื่นธรณีวิทยาเปลี่ยน กลายเป็นซากหอยบนบกกันหมด ส่วนที่นี่เคยเป็นหนองน้ำจืดขนาดใหญ่ที่มีพืชสัตว์ตายทับถมกันเป็นเวลานาน ผ่านไปหลายล้านปีก็กลายเป็นชั้นหินตามกระบวนการทางธรณีวิทยา จากนั้นเปลือกโลกเคลื่อนจนชั้นหินยกตัวขึ้นมา กลายเป็นสุสานหอยให้มนุษย์โลกปัจจุบันได้เที่ยวชม และสิ่งที่ดีที่สุดของการเที่ยวสุสานหอยรอบนี้ก็คือร้านค้าเปลือกหอยที่ไม่เคยแวะจริงจังเลยครับ มีหลายร้าน เปลือกหอยราคาถูกกว่าที่อื่นมาก มีกระทั่งฟอสซิลและอัญมณีขาย ได้ฟอสซิลปูมาตัวนึงครับ ที่บ้านยังไม่มีปู อันที่จริงอ่าวนาง-หาดไร่เลย์อยู่เลยจากตรงนี้ไปหน่อยเดียว ที่เที่ยวเยอะมากนะครับ แต่ไว้มาอีกรอบพรุ่งนี้ ทัวร์นี้คือขับรถไปๆ มาๆ ตามแต่เวลาจะอำนวย ใครจะเที่ยวตามลองจัดเวลาแล้วเรียงสถานที่ใหม่ดีๆ เด้อ 
มื้อเย็นกินร้านอิสลามครับ ตั้งแต่ทริปนี้ยังกินไม่ซ้ำแนวกันสักร้านเลย - ขนมจีน, ปิ้งย่างข้างทาง, พิซซ่า, อเมริกันเบรคฟาสต์, คาเฟ่, ...และอาหารอิสลามมื้อนี้ ฟารีดาข้าวหมกแพะ อยู่ในเทศบาลเมืองกระบี่ ซอยศรีบารมี 1 ถนนในซอยค่อนข้างกว้าง จอดรถแปะข้างร้านได้เลย ปกติไม่กินแพะ แต่เมนูดังของร้านนี้คือข้าวหมกแพะ และทุกรีวิวเชียร์ม้าก! ก็จัดไปครับ น้องพนักงานรู้ว่าเราไม่คุ้นเคยกับอาหารอิสลามแทร่ๆ ก็ช่วยแนะนำเมนูเป็นอย่างดี ข้าวหมกแพะเนื้อนุ่มมมมมม อร่อย! ไม่เหม็นสาบเลย หอมกลิ่นข้าวหมกชัดเจน ซุปเนื้อก็อร่อยครับ หอมกลิ่นพริกขี้หนู เนื้อไม่เหนียว สั่งโรตีตบที่นึง จิ้มนมข้นหวานกินก็อร่อยแล้ว ร้านปิด 5 โมง ผมไปถึง 6 โมง ไม่รู้ว่าปิดแล้ว เขาก็ยังมาทำให้นะครับ ต้องเปิดครัวใหม่ แต่รอกับข้าวไม่นานเลย ยกให้เป็นอีกร้านเด็ดของทริปนี้ พักที่นี่สองคืนครับ J.Holiday Inn Krabi คืนละ 900 ถือว่าราคาย่อมเยา เทียบกับทำเลทองในตัวเมืองกระบี่ที่แสนแพง ห้องระดับพอซุกหัวนอนได้ มีที่จอดรถ มีแอร์ มีน้ำอุ่น มี wifi พอละครับ งงก๊อกน้ำอุ่นนิดนึง ก๊อกน้ำอุุ่นจะอยู่ข้างที่ติดผนัง ห้ามดูตามสีก๊อกนะ
เข้าสู่วันที่ 29 ธ.ค. 67 วันนี้เที่ยววันสุดท้ายก่อนบินกลับกรุงเทพพรุ่งนี้เช้า หาติ่มซำกินครับเช้านี้ ที่กระบี่เคยกินราชรสติ่มซำแล้วอร่อยมาก วันนี้ลองร้านอื่นมั่ง เอาติ่มซำซอย 14 นี่ละครับ อยู่ไม่ไกลจากที่พัก ร้านเปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้า เป็นแบบเลือกติ่มซำในตู้เย็นมาให้เขานึ่งให้ หลากหลายพอควรครับ มีประมาณ 20 อย่าง แต่มื้อนี้ดันเน้นโจ๊กและข้าวต้มปลาเป็นจานหลัก ติ่มซำเป็นของว่าง โจ๊กและข้าวต้มค่อนข้างจืด และยังไม่คุ้นติ่มซำกินกับซอสพริกเท่าไหร่ ชอบจิ๊กโฉ่วมากกว่า ร้านมีไข่กระทะและบะกุ๊ดเต๋ด้วยนะ ครบถ้วนตามสไตล์ร้านมื้อเช้าภาคใต้ ขับรถไปที่อ่าวนาง ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้าและจุดบริการนักท่องเที่ยว จอดรถริมถนนได้เลย ตั้งใจจะมาขึ้นเรือไปอ่าวไร่เลย์ครับ แต่แม้จะตื่นเช้าอย่างไรก็ต้องรอเรือรอบแรก 8 โมงเช้าอยู่ดี ตรงนี้ไปได้หลายเกาะ ราคาก็แตกต่างกันไป ไปอ่าวไร่เลย์คนละ 100 บาท แต่ต้องรอเต็มลำ 8 คนถึงจะออกนะครับ  | อ่าวไร่เลย์ (Railay Bay) | เรือหางยาวใช้เวลา 10 นาทีก็มาถึงอ่าวไร่เลย์ เป็นแหล่งรวมทั้งชายหาดที่สวยงาม มีถ้ำ มีเพิงให้ปีนผา มีโรงแรมร้านค้ามากมาย แต่ไม่สามารถขับรถเข้ามาได้นะครับ เพราะล้อมด้วยภูเขาหินทุกด้าน ต้องนั่งเรือมาจากอ่าวนาง เลยเป็นที่ๆ ผมยังไม่เคยมา เรือจะมาส่งที่หาดไร่เลย์ตะวันตก แต่สามารถเดินผ่าเมืองไปที่หาดไร่เลย์ตะวันออกและอ่าวพระนางได้ หาดไร่เลย์ตะวันตกมีจุดขายคือชายหาดที่สวยงามมีเรือหางยาวจอดเรียงราย พร้อมด้วยแบ็คกราวด์เขาหลักเป็นภูเขาหินลูกงาม และนี่คือภาพที่อยู่ในความทรงจำ เพราะมันเป็นรูปปกหนังสือแผนที่ทางหลวงของ ESRI (Thailand) ปี 58 เป็นเล่มสุดท้ายที่ทำแผนที่มาตราส่วน 1:500,000 หลังจากนั้นทำเล็กลงดูยากขึ้นเยอะครับ และตอนนี้ไม่พิมพ์อัพเดทออกมาแล้ว ผมเลยยังใช้เล่มนี้เป็นคัมภีร์ไล่ดูที่เที่ยวมาจนถึงทุกวันนี้ มันเพลินกว่าลากดูกูเกิ้ลแมปนะ |  |  | จากชายหาด เดินเข้าไปในเมือง ตกใจมากครับ ที่มันมีร้านรวงมากมาย ในพื้นที่ที่ดูจะเข้าถึงยากแสนยากแบบนี้ การท่องเที่ยวสร้างเมืองได้ย่อมๆ จริงๆ ตอนนี้ 8 โมงเช้า ร้านส่วนใหญ่ยังไม่เปิด ถ้ามาช่วงกลางคืนบรรยากาศน่าจะอีกแบบนึงเลยครับ |
เดินชมเมืองมา 600 เมตร จะถึงปากถ้ำพระนางใน หรือถ้ำเพชร ไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีหินงอกหินย้อยสวยงาม โดยเฉพาะม่านหินย้อยด้านใน เส้นทางเดินชมถ้ำแค่ 130 เมตร แวะเที่ยวระหว่างทางได้ครับ ค่าเข้าผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท  จากทางเข้าถ้ำ เดินกลับมาที่สามแยกไปยังหาดไร่เลย์ตะวันออก ไม่ไกลละครับ  หาดนี้แคบ แต่ก็มีท่าเรือมาส่งตรงนี้โดยตรง จุดขายของหาดนี้คือกิจกรรมปีนผา |  ไปกันต่อครับ หาดไร่เลย์ตะวันออกยังไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่เป็นหาดพระนางที่อยู่ทางใต้สุดของแหลมนี้ ทางเดินเลาะภูเขาหินไปยังหาดพระนางมีหินงอกหินย้อยให้เพลิดเพลินตลอดทาง บางก้อนก็ศักดิ์สิทธิ์ อย่าไปเตะนะครับ |
และแล้วก็มาถึงหาดพระนาง เป็นหาดสั้นๆ แต่ทรายขาวน้ำใส และเต็มไปด้วยชาวต่างชาติ สุดหาดมีถ้ำพระนาง เป็นมุมมหาชนให้ถ่ายรูปออกไปเห็นชายหาด เกาะที่เห็นคือเกาะรังนกครับ ด้านในถ้ำพระนางมีศาลเจ้าพระนางที่นับถือกันมานานตามนิทานพื้นบ้าน คนนิยมถวายปลัดขิกไม้ (ไม่รับ sex toy) เพื่อความเจริญงอกงาม คุ้มครองตอนออกเรือ ส่งเสริมการค้า และขอบุตร หาดนี้ก็มีกิจกรรมปีนผา มีอุปกรณ์ มีครูฝึกสอนให้ มีเส้นทางปีนและระดับความยากง่ายให้เลือก เห็นที่เล่นกันคือคนต่างชาติทั้งนั้นเลยครับ เดินย้อนกลับทางเดิมแบบไม่มีทางลัดอะไรทั้งสิ้น (1.5 กม.) กลับมาถึงหาดไร่เลย์ตะวันออก ซื้อตั๋วเรือขากลับแล้วนั่งรอไปครับ ถ้าไม่ครบ 8 คนเรือไม่ออก เรือหางยาวความจุผู้โดยสารเต็มที่ 8 คน ให้มีสัก 5-6 คนก็ควรออกแล้ว รอไปครึ่ง ชม. เที่ยวหาดสูดอากาศดีๆ รับพลังบวกจากธรรมชาติมาเต็มที่แล้วต้องมานั่งรอเรือให้คนขับรุมพ่นบุหรี่ใส่รัวๆ สรุปว่าทริปนี้ carbon neutral คลองหรูด (Klong Root) |  | ตอนนี้ 11 โมงกว่า เที่ยวได้อีกสักที่นึง ไปที่คลองหรูดครับ เป็นคลองที่เกิดจากน้ำจืดเข้าท่วมป่าเมื่อสิบกว่าปีก่อน จนกลายเป็นป่าจมน้ำภูมิทัศน์แปลกตาสวยงาม และน้ำใสเห็นถึงก้นคลอง มีต้นไม้น้่ำและปลาเข้ามาอยู่อาศัย และเป็นสถานที่ถ่ายทำ Jurassic World: Rebirth ด้วย (รอชม 2 ก.ค. นี้ที่โรงภาพยนตร์ชั้นนำ) ค่าจอดรถ 20 บาท ค่าเรือคายัคคนละ 150 ไม่จำกัดเวลา เริ่มมีคนให้บริการหลายเจ้า ราคาเลยถูกกว่าที่คิดมาก เพราะจ้างเรือจุดอื่นๆ ของจังหวัดนี้โดนฟันหัวแบะรอบละ 500-700 บาท ถ้าจ้างคนพายเพิ่มอีก 150 ซึ่งคุ้มนะครับ เขาจะแนะนำจุดน่าสนใจต่างๆ และรู้ตำแหน่งตอไม้ใต้น้ำทำให้หลบหลีกได้เป็นอย่างดี หลายคนพายไปติดตอถ้าลงน้ำไปยกเรือออกเองไม่ได้ก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ของเรือเจ้าเดียวกันมาช่วย ขอไม่เซ็นเซอร์นักท่องเที่ยวนะครับ ทุกภาพที่ถ่ายบนเรือคายัคล้วนดูมีชีวิตชีวามาก คลองหรูดจะต่อกับคลองน้ำใสที่เป็นต้นน้ำ จากจุดลงเรือไปต้นน้ำระยะทาง 1 กม. ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง คลองตรงนี้แคบ ล้อมด้วยป่าบรรยากาศแบบจูราสสิคจริงๆ  | เป็นน้ำจืดนะครับ มีปลาแหวกว่าย  ระหว่างทางมีจุดเล่นน้ำด้วยนะ | ใต้น้ำสวยใสแท้จริง ขนาดว่าฝนเพิ่งตกนะครับ ไม่งั้นจะใสกว่านี้อีก สวยจนต้องเอามือถือจุ่มน้ำถ่ายวิดีโอไป 8 รอบ กลับมาที่จุดเริ่มต้น รวมแล้วใช้ไป 1 ชม. เที่ยวนานกว่านี้ก็ได้นะครับ มันดีมาก แม่ผมชอบที่นี่ที่สุดในทริปละ แต่หิวข้าวแล้วจ้า...
ว่าแล้วก็ขับรถเข้าตัวเมืองแวะร้านเสน่ห์ย่า เป็นร้านอาหารพื้นถิ่นตำรับไทย-มลายู มีเมนูที่หาทานในไทยยากอย่างละแซ (ขนมจีนมลายู) นาซิดาแฆ (ข้าวมันแกงมัสมั่นเป็ด) ปูโละบลาว (ข้าวเหนียวมูนแกงไก่) มีโกเร็ง (หมี่ผัดกะทิกุ้ง) ข้าวและข้าวมันมีสูตรเฉพาะตัว หอมอร่อยทุกเมนู แกงทานง่าย นัวกะทิ เครื่องดื่มซิกเนเจอร์คือหอมหวล (กุหลาบ น้ำผึ้ง มะลิ) และอบอวล (อบเชย มะลิ) ร้านตกแต่งสวยงามให้บรรยากาศย้อนยุค เจ้าของร้านอัธยาศัยดี คอยให้คำแนะนำทุกเมนู มีที่จอดรถข้างร้านเลย สะดวกดีครับ เป็นอีกร้านที่ติดใจ ทริปนี้ร้านอาหารดี๊ดีเยอะจัง   ระหว่างกินข้าวก็ชาร์จมือถือไปด้วย แต่ไฟไม่เข้าจ้า เล่นจุ่มน้ำไปแปดรอบ ไม่เจ๊งก็บุญละ ว่าแล้วก็ได้ใช้กูเกิ้ลหาข้อมูลอีกครั้ง --> ร้านไหนซ่อมมือถือดีสุดในเมืองกระบี่ แล้วก็ได้รับคำแนะนำไปที่ร้านโก้โมบาย อยู่ริมถนนมหาราชเลย ใช้เวลาซ่อมประมาณ 2 ชม. 800 บาทครับ คราวนี้ต้องออกเที่ยวโดยไม่มีมือถือ มีแค่กล้องถ่ายรูปกับกระเป๋าตังค์ รู้สึกไม่ค่อยอุ่นใจ
ในตัวเมืองกระบี่ยังมีรูปปั้นตามแยกสำคัญๆ ทั้งสัตว์โบราณที่ขุดพบฟอสซิล และสัตว์สัญลักษณ์ของจังหวัดนี้ เลยมีอะไรให้ดูเรื่อยยันกลางถนนเลยครับ  ที่นี่เคยพบฟอสซิลมนุษย์โบราณ อายุ 35 ล้านปี ที่เหมืองถ่านหินลิกไนท์ อ.เหนือคลอง (แต่ชุดซานต้านี่โคตรไม่ได้เลยเพ่) |  นกอินทรี เป็นนกประจำถิ่นบริเวณเขาขนาบน้ำ |  ที่นี่เคยพบฟอสซิลเสือเขี้ยวดาบ อายุ 40-35 ล้านปี ในปี พ.ศ.2533 ที่เหมืองถ่านหินลิกไนท์ อ.เหนือคลอง |  ช้างชูกระบี่ สัญลักษณ์ของตราเทศบาลเมืองกระบี่ อ้างอิงถึงพระเศวตอดุลเดชพาหล ช้างเผือกประจำรัชกาลที่ 9 ตัวแรกจากทั้งหมดสิบตัว ซึ่งจับได้ที่จังหวัดนี้ | เขาขนาบน้ำ (Khao Khanab Nam) |  | อีกสถานที่ที่เห็นอยู่ตำตาทุกครั้งที่มากระบี่แต่ไม่เคยไปสักทีคือเขาขนาบน้ำครับ ทั้งที่อยู่ปากน้ำกระบี่ ตรงตัวเมืองเลย แต่ก็เพราะมันต้องนั่งเรือเข้าไปอีกนั่นแหละ ขับรถมาจอดที่ลานปูดำ แล้วเหมาเรือหางยาวเข้าไปครับ ค่าเรือเหมา 400 บาท ...ก็ยังถูกกว่าถ้ำผีหัวโตฟะ อ่านรีวิวแล้วโดนไม่เท่ากันสักราย บางคนคนละ 100 บางคนเหมา 500 บางคนเหมา 800 น่าจะแล้วแต่เจ้าและจำนวนคนด้วยมั้งครับ ลำที่ผมขึ้นบริการดีนะ อยากให้แวะอยากถ่ายรูปตรงไหนเขาจัดให้หมด แล่นทวนน้ำจากปากน้ำเข้าไป สองข้างทางเป็นป่าโกงกาง นับว่าตัวเมืองกระบี่มีทั้งความเจริญและธรรมชาติอุดมสมบูรณ์อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว เขาขนาบน้ำเป็นเขาหินปูนสองลูกสูงประมาณ 100 เมตร ตั้งขนานกัน เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองกระบี่ด้วย ในอดีตคนเรียกเขาคู่นี้ว่าหน้าเมือง เพราะสัญจรทางเรือเป็นหลักและต้องผ่านเขาคู่นี้เพื่อเข้าไปที่เมืองกระบี่เก่าที่บ้านหินขวาง ใช้เวลา 10 นาทีเรือก็มาจอดที่ท่า หน้าถ้ำเขาขนาบน้ำ เป็นถ้ำที่อยู่ในภูเขาหิน มีหินงอกหินย้อย และเคยพบโครงกระดูกมนุษย์ยุคหินใหม่จำนวนมากที่นี่ ตอนนี้เหลือแต่ของจำลองนะครับ ที่นี่พบทั้งโครงกระดูกมนุษย์ เครื่องมือหิน พระพิมพ์ดินเผา มีการจำลองสภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์โบราณ มีกระดูกยักษ์โดนพญานาครัดด้วย (กลัวไม่รู้ว่าของจำลองรึไง) ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นเคยใช้ที่นี่เป็นแหล่งพักพิงด้วยนะ ขึ้นเรือแล่นวนกลับมาเลยปูดำไปทางปากอ่าว เขาพาไปชมหมู่บ้านชาวประมงในเกาะกลางแม่น้ำครับ จะแวะซื้ออาหารทะเลก็ได้ แต่ไม่สนใจเท่าไหร่อะ เลยขอเขาวนดูแบบไวๆ แล้วกลับ |  |
มือถือซ่อมเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้เพิ่งบ่ายสามหน่อยๆ ไม่รู้จะเที่ยวไหนแล้ว จะย้อนกลับไปทางพังงาก็ไกลเกิน สุสานหอยก็เที่ยวไปแล้ว เลยไปวัดถ้ำเสือละกันครับ
วัดถ้ำเสือ ก่อตั้งโดยหลวงพ่อจำเนียรในปี พ.ศ.2518 ผู้คนแห่กันมาทำบุญเนืองแน่นด้วยความศรัทธาในตัวหลวงพ่อ (แต่ท่านก็ไม่ได้กลับวัดหลายปีมากแล้วนะ) ในวัดมีเขาแก้วขึ้นไปชมวิวเมืองกระบี่ได้ ส่วนถ้ำต่างๆ บนเขาแก้วรวมทั้งถ้ำเสือเป็นถ้ำเล็กๆ ไม่ได้สวยงามอะไร ในถ้ำนี้แต่ก่อนมีเสืออยู่นะครับ แต่พอคนเข้ามาใช้พื้นที่เสือก็ต้องออกไปอยู่ที่อื่น รอบก่อนผมมาที่นี่แล้วรู้สึกไม่ค่อยมีอะไร รอบนี้ก็ยังรู้สึกไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย แต่คนแน่นจริงๆ นะ รถทะลักที่จอดเลย ก่อนหมดวันขอแวะเที่ยวงานท้องถิ่นครับ อันนี้เห็นโฆษณาริมถนน - งานปีใหม่และงานกาชาดกระบี่ จัดช่วงวันที่ 29 ธ.ค. 67 - 7 ม.ค. 68 ที่ถนนหน้าศาลากลางจังหวัด งานวัดเดี๋ยวนี้มีร้านดังจาก tiktok มาลงเยอะ วางใจได้ระดับนึงนะครับ ไม่ใช่ร้านแบบขายหนเดียวเผ่น ร้านดังประจำถิ่นของแต่ละจังหวัดก็มากันเยอะ แต่ไม่เจอร้านดังของกระบี่เลย มารอบนี้ยังไม่ได้กินหอยชักตีนสักตัว
กลับเข้าที่พักครับ วันนี้นอน J.Holiday Inn อีกคืนนึง ซื้อของกระจุกกระจิกหลายๆ ร้านไปนั่งกินที่ห้องเป็นมื้อเย็น แล้ววันถัดมาก็ตื่นตีห้าตามประสาวันเดินทางกลับ หาข้าวเช้ากินระหว่างทางไปสนามบิน ร้านโกตินอาหารเช้า ขายอาหารตามสั่งด้วยนะครับ มื้อเช้าขอเบาๆ เป็นโจ๊กกับข้าวต้มปลากะพงแล้วก็กาแฟโอวัลติน น้ำซุปรสชาติอ่อน แต่ปลาชิ้นใหญ่สดดีครับ ไปถึงสนามบินคืนรถ แล้วกลับถึงกรุงเทพ 10 โมงครึ่งครับ เที่ยวห้างได้อีกเต็มๆ วัน ทริปนี้ได้เที่ยวหลายที่ ได้กินหลากหลาย แต่ได้กินอาหารปักษ์ใต้จริงๆ ที่พังงามือเดียวเอง ว่าแล้วก็กลับมากินร้านขมิ้นใน CTW ต่อ...
เดี๋ยวเอ็นทรี่หน้าไปต่อกันที่พังงาที่เที่ยวระหว่างวันที่ 27-28 ธ.ค. 67 ครับ

Create Date : 03 มิถุนายน 2568 |
|
16 comments |
Last Update : 3 มิถุนายน 2568 15:35:20 น. |
Counter : 555 Pageviews. |
|
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณmultiple, คุณปัญญา Dh, คุณกะว่าก๋า, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณAnanya Amy_1994, คุณสองแผ่นดิน, คุณkae+aoe, คุณtuk-tuk@korat, คุณtoor36, คุณThe Kop Civil, คุณ**mp5** |
| |
โดย: อุ้มสี 3 มิถุนายน 2568 16:44:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 3 มิถุนายน 2568 19:13:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปัญญา Dh 3 มิถุนายน 2568 19:17:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: multiple 3 มิถุนายน 2568 19:34:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 3 มิถุนายน 2568 20:13:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 3 มิถุนายน 2568 20:58:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 4 มิถุนายน 2568 5:09:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 4 มิถุนายน 2568 8:48:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: multiple 4 มิถุนายน 2568 8:56:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 4 มิถุนายน 2568 23:32:01 น. |
|
|
|
|
|
|
|
สถานที่ดีที่ยวดังๆ
ทั้งนั้นเลยจ๊ะ
เริ่ด
เหมือนไปเที่ยวเองเลย