happy memories
Group Blog
 
<<
เมษายน 2568
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
28 เมษายน 2568
 
All Blogs
 

นิทรรศการศิลปะของ ครูปาน สมนึก คลังนอก




ช่วงหยุดยาวปีใหม่แวะไปเดินห้าง One Bangkok ตรงถนนวิทยุ ตั้งใจจะไปช็อปร้านเครื่องเขียนญี่ปุ่นที่เคยอ่านเจอว่ามาเปิดที่ห้างนี้ แต่เดินหาจนเมื่อยก็ยังไม่เจอ เตร่ไปเตร่มา เห็นนิทรรศการภาพวาดน่ารัก ๆ ที่จัดแสดงอยู่ เป็นผลงานของ ครูปาน สมนึก คลังนอก เดินชมและเก็บภาพเพลินเลยค่ะ คุ้นแต่ชื่อของศิลปิน แต่ไม่ค่อยผ่านตาผลงานของท่านเท่าไหร่ แปะภาพวาดที่จัดแสดงและไปค้นประวัติของครูปานมาลงบล็อกด้วย อัพบล็อกช้าตามเคย นิทรรศการจบไปเรียบร้อย แต่ถ่ายรูปมาเยอะ ดูแล้วก็เหมือนได้ไปชมด้วยตัวเองเลยค่า









วัน แบงค็อก รีเทล (One Bangkok Retail) เปิดบ้านต้อนรับให้ทุกคนได้สัมผัสโลกแห่งศิลปะ ประเดิมด้วยนิทรรศการครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของ “ครูปาน–สมนึก คลังนอก” ศิลปินผู้มีเอกลักษณ์โดดเด่นจากผลงานภาพวาดสไตล์ ‘Modern Portrait’ และผู้สร้างสรรค์คาแรกเตอร์สุดน่ารัก ‘โคคูน’ (Cocoon) ที่ครองใจคนรักงานศิลปะทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งจัดนิทรรศการ “Someone Like You” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการจัดนิทรรศการครั้งแรกของครูปานที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดแสดงผลงานในระดับนานาชาติถึงกว่า ๒๐ ครั้ง ตลอดระยะเวลากว่า ๑๒ ปี สำหรับงานครั้งนี้ ครูปาน ได้นำชื่อ “Some one Like You” กลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อสร้างความรู้จักกับเพื่อนใหม่ในสถานที่ใหม่ใจกลางเมืองแห่งนี้ ที่ วัน แบงค็อก โดยจัดแสดงในโซน Parade ชั้น G ของ วัน แบงค็อก




ภายในงานได้นำผลงานศิลปะหลากหลายรูปแบบที่สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของครูปาน อาทิ ภาพวาดสีอะคริลิก, ประติมากรรม Cocoon Dancing ผลงานชิ้นพิเศษในรูปแบบสามมิติ,ภาพวาดลายเส้นขาว-ดำ พร้อม Quote สร้างแรงบันดาลใจที่สะท้อนมุมมองการใช้ชีวิตเชิงบวกเอาไว้มากมาย และไฮไลต์สุดพิเศษอย่าง Wall of Art ผนังศิลปะที่ทำจากผ้ากลิตเตอร์ทั้งสองด้าน เปิดโอกาสให้ผู้ชมร่วมสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเองเพียงปลายนิ้วสัมผัส รวมถึง Cocoon Wall ผนังที่บอกเล่าเรื่องราวของคาแรกเตอร์สุดน่ารัก ‘โคคูน’ (Cocoon) พร้อมข้อคิดดี ๆ ที่อาจช่วยเติมเต็มความสุขและมุมมองใหม่ ๆในชีวิต และ “ครูปาน” ได้โชว์วาดภาพ Live Painting สุดพิเศษ ที่ชื่อว่า ‘โคคูน วัน’ (Cocoon One) พร้อมจับสลากมอบให้ผู้โชคดีภายในงาน ซึ่งได้แก่ ครอบครัว เจ-ภูษิตา-ภูวรัต เทพหัสดิน ณ อยุธยา




นอกจากนี้ ศิลปินคนดัง “ครูปาน-สมนึก” ได้กล่าวว่าตนหลงใหลการวาดภาพใบหน้า ซึ่งคนแต่ละคนก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การนั่งในร้านกาแฟและเฝ้ามองผู้คนที่เดินผ่านไปมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้อยากเล่าเรื่องราวผ่านภาพวาด ซึ่งรูปภาพที่วาดก็มักจะคล้ายใครบางคนแบบบังเอิญอยู่เสมอ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นั่นคือเหตุผลที่เลือกใช้ชื่อ ‘Someone Like You’ เพราะงานนี้อาจทำให้คุณค้นพบตัวเองหรือข้อคิดบางอย่างที่ซ่อนอยู่ก็ได้ และแน่นอนว่าคาแรกเตอร์ดังอย่างโคคูนก็ถูกนำมาจัดแสดงในงานครั้งนี้เช่นกัน โคคูนเป็นคาแรกเตอร์ครีเอชั่นที่สร้างสรรค์ขึ้นมาในปี ๒๐๑๒ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเด็กนักเรียนตัวน้อยที่มาเรียนวาดรูป คาแรกเตอร์นี้จึงกลายเป็นตัวแทนชีวิตวัยเด็กที่สดใสและเป็นที่รักของผู้คนมากมาย

ชมนิทรรศการศิลปะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของ “ครูปาน-สมนึก คลังนอก” ได้ที่ One Bangkok โซน Parade ชั้น G จัดแสดงถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๘.





ภาพและข้อมูลจาก thairath.co.th






นิทรรศการ “Someone Like You”
PARN ART GALLERY
Solo Exhibition & Pop - UP Store






















































































































































































































































































กำแพงกลิตเตอร์ แต่ละสีที่เห็นเป็นเลื่อม เวลาเอามือปัดขึ้นหรือลง สีก็จะเปลี่ยนไป

























ครูปาน สมนึก คลังนอก ชื่อนี้มักได้ยินว่าทำงานเป็น ‘ศิลปินจิตอาสา’ อยู่เสมอ ผลงานวาดรูปของ 'ครูปาน' มีเอกลักษณ์ ลายเส้นน่ารัก ดูแล้วแอบอมยิ้ม หรือไม่ก็ยิ้มออกมาได้ทันที

หากความสำเร็จของการเป็น ‘อาร์ติสท์’ ศิลปินวาดรูป วัดกันด้วย ‘เงิน’ และ ‘กล่อง’ ครูปานก็มีอยู่ในมือแล้วทั้งสองอย่าง

อาร์ติสท์แต่ละคนมีต้นทุนมากน้อยต่างกัน แต่สำหรับ ‘ครูปาน’ ต้นทุนการเป็นอาร์ติสท์เริ่มต้นด้วยความยากจนของการเป็นลูกชาวนาในจังหวัดบุรีรัมย์ 

ไม่ใช้คำว่า ‘เงิน’ แต่ครูปานบอก ครอบครัวไม่มี ‘สตางค์’ ที่จะส่งลูกคนนี้เรียนหนังสือ แม่ต้องขอให้เขาบวชในบวรพุทธศาสนาเพื่อจะได้มีวุฒิการศึกษาเหมือนลูกคนอื่นที่ได้ไปโรงเรียน

ชีวิตในขณะบวชเรียนเป็นสามเณรนั่นเอง ทำให้ ‘เณรปาน’ มีโอกาสเรียนศิลปะกับ ครูโต ม.ล.จิราธร จิรประวัติ จิตรกรสีน้ำและนักออกแบบผู้มีชื่อเสียง 

แต่กว่าจะเป็น ครูปาน สมนึก คลังนอก ศิลปินวาดรูปซึ่งผลงานเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ก็ต้องใช้ความพยายาม ความอดทน และฝึกฝนตั้งแต่เป็นสามเณรห่มผ้าเหลือง ดังเรื่องราวที่จะเปิดเผยต่อไปนี้





ขออภัยนะครับ คุณพ่อคุณแม่ครูปานเป็นชาวนา ครูปานคิดว่าความสามารถเชิงศิลปะของตนเองมาจากไหน

“มันมาเอง เราเป็นคนชอบมองอะไรไม่เหมือนคนอื่น ตั้งแต่ ๗-๘ ขวบ ครูปานชอบนั่งดูฝนตกไหลลงมาตามหลังคา เป็นเส้น ๆ สวยจัง คนอื่นไปเข้าป่าเก็บเห็ด นี่ก็เก็บเห็ดเหมือนกัน แต่เอาเห็ดมาดู ทำไมสีสวยแบบนี้ ดอกไม้ในป่า บางคนไม่สนใจ แต่เราดันคิด ทำไมมีสีส้ม สีม่วง สีเขียว มีเยื่อใส ๆ คลุมอยู่ แม้กระทั่งน้ำค้างเราก็นั่งมอง

เป็นคนชอบจำรายละเอียดที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึก เรามีความสุขกับการมองเห็นอะไรแบบนี้ ดูพระอาทิตย์ตกพระอาทิตย์ขึ้น เราจะเห็นท้องฟ้าทำไมสีสวยอย่างนี้ เป็นความสุข เราไม่รู้ว่าเด็กคนอื่นเป็นอย่างนี้หรือเปล่า แต่เรารู้สึก พอเห็นพื้นโล่ง ๆ ก็เริ่มอยากเขียน อยากวาด มันเป็นเอง

พ่อแม่ครูปานมีอาชีพทำนา เป็นชาวนาร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พ่อเคยไปรับจ้างที่ซาอุฯ ใช้แรงงานธรรมดา ไม่มีใครในบ้านที่ทำงานเกี่ยวกับการวาดรูปหรือเป็นศิลปิน ทุกวันนี้แม่ก็ยังถามลูกขายงาน(ศิลปะ)ได้จริง ๆ หรือ

คิดว่าความรักในศิลปะได้มาจากแม่ แม่พาเราเข้าป่าแล้วหยิบใบไม้มาเป่าเป็นเพลง สอนทำตุ๊กตาเวลามีงานบุญไหว้เจ้าไหว้ผีของศาลเจ้า แม่เป็นคนตัดก้านกล้วยเป็นตุ๊กตา เราเห็นแล้วก็อยากทำเป็น

ครูปานว่า งานศิลปะเป็นเรื่องไม่จำเป็น...แต่จำเป็น มันไม่จำเป็นกับชีวิตของคนปากกัดตีนถีบ เย็นนี้ฉันจะมีอะไรกินก็ยังไม่รู้ แต่สำหรับคนที่ต้องการสิ่งมาเยียวยาหัวใจ ต่อให้เป็นชาวบ้าน เห็นรูปสวย เขาก็แช่มชื่นใจ แต่ถามว่าจำเป็นกับชีวิตมั้ย ไม่จำเป็น”






ครูปานพัฒนาทักษะนี้ต่อไปอย่างไร


“ตอนเด็ก ๆ ครูปานลากเส้นตามการ์ตูนที่เห็น การ์ตูนขายหัวเราะเป็นครูเรานะ ก็จะเลือกเส้นตามที่เราชอบ คือคนที่ชื่อตาโต หัวเล็ก ๆ ตัวยาว ๆ ขายาว ๆ ชอบคนนี้มาก

วาดเสร็จก็เขียนจดหมายหาพี่สาวคนโตอยู่เพชรบูรณ์ พี่สาวก็เขียนชมกลับมา เราได้รับคำชม เราก็เลยวาดไปเรื่อย ๆ เขียนจดหมายบ่อยตอนนั้น มันสนุกเอง”


ครูปานมีพี่น้อง ๕ คน เสียชีวิตไป ๑ คน ไม่เคยเจอกันเลย เหลือพี่สาว ๓ คน ครูปานเป็นคนสุดท้อง เป็นลูกชายคนเดียวขณะนี้





ครูปานเริ่มจริงจังกับการวาดรูปตอนไหน


“ครูปานเริ่มรู้ตัวว่าชอบศิลปะมาก ๆ ตอนอายุ ๑๔ ขึ้นชั้นมัธยม เราวาดรูปเหมือนคนตอนบวชเณรอยู่ที่วัดชูจิตธรรมาราม วังน้อย อยุธยา ย้ายมาจากบุรีรัมย์ ก็ไม่มีสตางค์เรียนหนังสือ แม่ก็เลยบอกว่า ลูกมาบวชแล้วกัน เพราะเรียนฟรี จะได้เรียนมัธยมได้ ด้วยความที่เราเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แม่ให้ทำอะไรก็ทำ

ตอนบวชก็มีความสุข ไม่รู้สึกอะไร แต่เรียนหนักกว่านักเรียนคนอื่นที่เรียนมัธยมข้างนอก เราตื่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้าท่องหนังสือ สวดมนต์ ทำวัตร ตอนเช้าเรียนบาลี เรียนนักธรรม ตอนบ่ายเรียนทางโลก กลางคืนเรียนบาลีพิเศษอีก ชีวิตมีแต่เรียนกับเรียน

พอขึ้น ม.๒ มีการวาดรูปประกวดในวัด หัวข้อวันแม่ เราวาดได้เหมือนจริงมาก ๆ แรเงาได้เนี้ยบเนียนที่สุด ได้รางวัลที่ ๑ ไม่จำกัดระดับอายุด้วย เราก็ภูมิใจ เป็นแรงให้เราชอบวาดรูป เข้าห้องสมุดของวัดเลย อ่านหนังสือศิลปะทุกเล่ม เขียนรูปเลียนแบบตามหนังสือ anatomy (กายวิภาคศาสตร์) เขียนจมูก ผม ตา อ่านทุกสิ่งอย่าง อ่านศิลปินของโลกมีใครบ้าง

หลังจากนั้นวางจุดมุ่งหมายตัวเอง ฉันอยากเข้าเรียนศิลปากร อยากเรียน Fine Art (วิจิตรศิลป์) ก็เตรียมตัว บังเอิญตอนอายุ ๑๖ มีโยมมาทำบุญ เป็นหม่อมราชวงศ์ชื่อ ม.ร.ว.ทัศนีย์ สุทัศนีย์ คุณหญิงมาช่วยงานที่วัด ทำโรงครัวใหม่ ทำห้องน้ำให้เณร ทำตึกให้เณร ตอนนั้นมีเณรพันกว่ารูป วัดที่ครูปานบวช

อาจารย์ก็บอกเณร วาดรูปให้คุณหญิงสักรูป ครูปานก็วาดรูปให้คุณหญิงหนึ่งรูป คุณหญิงก็นิมนต์มาคุยด้วย คุยไปคุยมา คุณหญิงก็ถามเณรมาจากบุรีรัมย์ รู้จักปิกัสโซ โมเนต์ มาเนต์ แวนโก๊ะ โกแกง ได้อย่างไร เราเล่าได้หมดเพราะอ่านมา คุณหญิงเซอร์ไพรส์ ยินดีสนับสนุน ส่งอุปกรณ์วาดรูปมาให้ ส่งครูมาสอนที่วัด

พออายุ ๑๘ ตั้งใจจะสึกมาสอบเข้ามหาวิทยาลัย ปรากฏว่าพ่อเสีย เราก็เลิกล้มความตั้งใจที่จะออกมานอกวัด เพราะไม่อยากเป็นภาระให้ที่บ้าน 

คุณหญิงก็บอกไม่เป็นไร ขอให้เณรเรียนในวัดให้จบปริญญาตรี ส่วนเรื่องศิลปะคุณหญิงจะหาทางให้มาเรียนที่กรุงเทพฯ"






ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ครูโต ม.ล.จิราธร จิรประวัติ


ม.ร.ว.ทัศนีย์ สุทัศนีย์ เข้าพบเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม ขออนุญาตพาสามเณรปานไปเรียนวาดรูปที่กรุงเทพฯ ก็ได้รับอนุญาต เนื่องจากสถานที่เรียนไม่เป็นที่พลุกพล่าน นั่นก็คือที่ เดอะ พรอเมอนาด ปาร์ค นายเลิศ ที่ตั้งโรงเรียนสอนศิลปะ ครูโต ม.ล.จิราธร จิรประวัติ

“ตอนแรกคุณหญิงพาไปหาอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต ข้าพเจ้าห่มจีวรไปถึงบ้านอาจารย์ อาจารย์บอกว่า ‘ผมไม่สะดวกสอนสามเณรครับ ท่านต้องสึกก่อน ผมถึงจะสอนได้’ แต่ตอนนั้นเราเลิกล้มความตั้งใจที่จะสึก จึงไม่ได้กลับไปกราบอาจารย์อีก

คุณหญิงก็เลยพาไปหา ครูโต (ม.ล.จิราธร จิรประวัติ) เพราะคุณหญิงมีศักดิ์เป็นย่า ครูโตบอกท่านก็มาวันอาทิตย์วันที่คนน้อย ๆ หน่อยก็ได้ ครูปานก็เลยมาเรียนทุกวันอาทิตย์ นั่งรถมาจากอยุธยามาลงหมอชิต ไปฉันเพลบ้านคุณหญิงที่นนทบุรี แล้วนั่งรถมาพรอเมอนาด ปาร์ค นายเลิศ เรียนเสร็จก็นั่งรถกลับอยุธยา ทำแบบนี้อยู่ ๔ ปี”


ครูปานกล่าวว่าการได้เรียนศิลปะกับครูโต เปรียบเสมือน ‘การเปิดโลก’ ได้เรียนรู้เรื่องรสนิยม และทั้งหมดที่ได้มาในวันนี้ ได้เพราะครูโต โดยเฉพาะ ‘สไตล์’

“ได้ฝีมือ ได้วิธีดูสี ผสมสี วาดตามได้หมด แต่ตอนนั้นเราไม่มีสไตล์ เราเป็นช่างฝีมือ เราเขียนได้ วาดตามได้ แต่เราคิดไม่เป็น ด้วยความที่เราเป็นพระ เราบวชมา ๑๑ ปี วัยรุ่นทั้งหมดของเราจนถึงอายุ ๒๔ คืออยู่ในวัด เราไม่เคยออกจากกฎ ไม่เคยใช้ชีวิตนอกวัด อันนี้คือมาวิเคราะห์ตัวเองทีหลัง”

หลังจากห่มจีวรนั่งรถไปกลับอยุธยา-กรุงเทพฯ อยู่ ๔ ปีจนสำเร็จปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ (ภาษาอังกฤษ) มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เณรปานก็ตัดสินใจลาสิกขา เนื่องจากต้องการออกมาดูแลแม่และอยากช่วยให้ทุกคนในบ้านมีชีวิตที่ดีขึ้น

ตอนนั้นคิดแต่ว่า หากบวชต่อไปก็เหมือนตัดช่องน้อยแต่พอตัว ช่วยที่บ้านไม่ได้ ขอสึกออกมาลองสู้เอาดาบหน้า

เมื่อสึกออกมาแล้ว ครูปานได้งานที่บริษัทการบินไทย ทำงานได้สองเดือน ก็โทร.หาครูโตเพื่อขอคำแนะนำเนื่องจากไม่เคยใช้ชีวิตทางโลก

พอครูโตเอ่ยปากชวนให้มาช่วยสอนศิลปะที่โรงเรียน ทิดปานจึงตอบตกลงทันที โดยช่วยครูโตสอนวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันอังคาร พร้อมกับฝึกฝีมือการวาดไปด้วย ซึ่งตอนนั้นครูปานยอมรับว่ายังไม่มีคาแรคเตอร์ลายเส้นเป็นของตัวเอง





กว่าจะค้นพบคาแรคเตอร์งานศิลป์ของตนเอง


“สำหรับครูปานยากมาก อยู่ในกรอบมาเยอะ เราออกจากกรอบไม่ได้ เพราะเราชินกับการทำตาม วันหนึ่งเห็นคนนั้นคนนี้เขียนสไตล์เป็นของตัวเอง แล้วงานฉันล่ะ ครูโตบอกฉันจะคิดให้เธอก็ได้ แต่ฉันไม่คิด เธอต้องหาตัวตนของเธอเอง 

จนวันหนึ่งอยากลองอะไรใหม่ ๆ เพราะเราวาดเหมือนจริง เหมือนเป๊ะเลยนะ แล้วใคร ๆ ก็วาดได้ มารู้ตัวว่าชอบวาดรูปคน ในหนังสือแฟชั่นมีนางแบบคนหนึ่งเราชอบมาก สวย ตาโต คางเล็ก ๆ โหนกแก้มสูง ๆ

เราชอบคนนี้มาก เอามาวาด แต่พอวาดเสร็จแล้วลองเปลี่ยนดูหน่อยดีกว่า เปลี่ยนผมให้เป็นฟอร์ม เปลี่ยนหน้าให้ไม่เป๊ะขนาดนั้น เอาหน้าผากลงมาเยอะ ๆ เขียนตาโต จมูกเล็ก ๆ เพราะเราไม่ชอบเขียนจมูก ปากเล็ก ๆ สีแบน ๆ ไม่เหมือนจริง ไม่มีแสงเงา ลงตาสีเขียวมะกอก ใส่จุดเล็ก ๆ ตรงขอบ ๆ ตา เท่านั้นแหละยูเรก้า พบว่าฉันไปอยู่ไหนมา แค่นี้ก็สนุกมากแล้ว

จากนั้นลองใส่ผมเป็นลูกตุ้ม กลายเป็นการค้นหาสไตล์ของตัวเอง กลายเป็นที่มาของการวาดผู้หญิงตาโต เพราะเราชอบวาดตามาแต่ไหนแต่ไร รายละเอียดตาเอาไว้สุดท้าย เพราะมันสนุกที่สุด วาดตาเสร็จเหมือนรูปเสร็จ ถ้าวาดตาก่อนจะไม่อยากทำอย่างอื่นแล้ว”


ครูปานได้คาแรคเตอร์ลายเส้นนี้ในปี ๒๐๐๘ ตั้งชื่อคาแรคเตอร์นี้ว่า ‘หญิงตุ้ม’ จากนั้นค่อย ๆ คลี่คลายเป็นหญิงตาโต หญิงผมฟู เริ่มขยายขนาดให้คอยาว ปากใหญ่ ตาเล็ก เริ่มสนุกเพราะกลายเป็นสไตล์ของตัวเอง แล้วก็เริ่มเติมสิ่งประดับต่าง ๆ เข้าไปที่ส่วนหัว เสื้อผ้า และต่อไปได้อีกเรื่อย ๆ 





แกลลอรีสิงคโปร์ติดต่อไปแสดงผลงาน


“วันดีคืนดี มีเพื่อนจากสิงคโปร์บอกอยากทำแกลลอรี อยากได้อาร์ติส คุณมีรูปไหม ก็บอกให้มาดูว่าชอบหรือเปล่า พอเขาเปิดแฟ้มรูปที่เราวาดไว้ที่เป็นรูปสีน้ำ เขาบอกนี่ล่ะคือสิ่งที่เขาต้องการ มันไม่เหมือนใครเลย เขาเอาไปโชว์ที่สิงคโปร์ ปี ๒๐๑๒ เป็นครั้งแรกที่ออกไปโชว์นอกประเทศ ฉันอยู่เมืองไทยก็พอมีคนรู้จักบ้างแล้วจากการวาดภาพประกอบให้นิตยสารพลอยแกมเพชร

ที่สิงคโปร์เป็นงาน Affordable Art Fair จัดตามเมืองใหญ่ของโลก ลอนดอน นิวยอร์ก ฮัมบูร์ก (เยอรมนี) ฮ่องกง คนสิงคโปร์เครซี่อาร์ตมาก เราคิดในใจงานฉันจะไหวไหม คนสิงคโปร์ไม่รู้จักฉันเลย เขาจะรับงานแบบฉันได้ไหม

แกลลอรีเลือกงานไปประมาณ ๓๐ รูป ติดบน ๒ ผนังใหญ่ๆ งานมี ๕ วัน คืนแรกรูปเราขายไป ๑๑ รูป หนังสือพิมพ์ที่สิงคโปร์ลงเลยว่าถ้าคุณไปงาน Affordable Art Fair คุณต้องไปที่บูธเลขที่นี้ เพราะศิลปินจากประเทศไทยชื่อ สมนึก คลังนอก ขายรูปวีไอพีไนท์ไปแล้ว ๑๑ รูป เยอะที่สุดเป็นประวัติการณ์

ตื่นเช้ามาแกลลอรีเรานัดเจอกันร้านกาแฟ เอาหนังสือพิมพ์ให้ดู ครูปานอ่านไปน้ำตาไหลพราก ๆ ทำเก้าอี้ร้านเขาล้มไปได้ยังไงไม่รู้ มันตื้นตันนะ

รูปเรา ๓๐ รูป ขายไป ๓ วัน sold out พอมีคนซื้อเขาก็จะยกออกไป เอากลับบ้านได้เลย พอวันที่สี่วันที่ห้าผนังโล่ง คนที่มาดูตั้งแต่คืนแรกยังไม่ซื้อกลับมาอีกทีรูปหายไปหมดแล้ว เขาก็ติดต่อแกลลอรี บินมาซื้อที่เมืองไทย”


ในปีนั้นหลังกลับจากสิงคโปร์ ครูปานก็เริ่มสร้างสรรค์คาแรคเตอร์ใหม่ชื่อ Cocoon (โคคูน)ได้แรงบันดาลใจจากนักเรียนศิลปะตัวน้อยสวมใส่ฮู้ดมาเรียนศิลปะที่โรงเรียนครูโต ดูน่ารักมาก จึงนำโครงร่างมาวาด เพิ่มสัดส่วนให้น่ารัก

ทุกครั้งที่ไปแสดงงานยังต่างประเทศทั้งแสดงเดี่ยวและแสดงร่วม ครูปานก็นำภาพคาแรคเตอร์โคคูนไปแสดงด้วยเสมอ และกลายเป็นภาพแรก ๆ ของงานที่ขายได้

ล่าสุด ครูปาน สมนึก คลังนอก เพิ่งมีนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในประเทศไทย Cocoon: Lost and Found ที่ RCB Galleria 1 ชั้น ๒ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็ นำเสนอผลงานที่เป็นความสุขส่วนหนึ่งในชีวิตที่บางส่วนก็สูญหายและพานพบบางส่วน ทำให้ลูกชาวนากลายเป็น ‘อาร์ติสท์’





ภาพและข้อมูลจาก bangkokbiznews.com






บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่





 

Create Date : 28 เมษายน 2568
0 comments
Last Update : 28 เมษายน 2568 22:22:08 น.
Counter : 81 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณไร้นาม, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณหอมกร, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณดอยสะเก็ด, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณทองกาญจนา, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณSleepless Sea, คุณโอพีย์, คุณtoor36, คุณtanjira


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.