วันวารฯ - บทที่ 13

และแล้วแผนการต่างๆของลลิตาก็บรรลุผล แฮรี่พอใจนิรมลหลังจากได้สัมภาษณ์เรื่องงานและคุณสมบัติต่างๆอย่างถี่ถ้วน เขาเห็นด้วยกับลลิตาว่าหญิงสาวผู้นี้มีศักยภาพที่จะพัฒนาไปได้ แฮรี่นัดหมายให้นิรมลไปพบเขาที่เงินทุนหลักทรัพย์เลย์ตันในวันรุ่งขึ้น พร้อมหลักฐานเอกสารต่างๆที่ต้องใช้ในการสมัครงาน หลังจากนั้นนิรมลก็พร้อมที่จะเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรผู้บริหารรุ่นใหม่ ร่วมกับพนักงานใหม่อีกสี่คนและพนักงานเก่าที่มีอายุงานเพียงหนึ่งปีอีกหนึ่งคน หนึ่งในจำนวนนี้คือสาวน้อยหน้าตาน่ารักปากนิดจมูกหน่อย เพิ่งจบปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจจากสหรัฐอเมริกามาใหม่ๆหมาดๆ ที่ชื่อบุษบา ดำเนินกิจ

ลลิตาประสบความสำเร็จ ชนะใจนางประนอมและบุตรีทั้งสองคนของนาง รวมทั้งชนะชัยด้วย นิรมลนั้นรู้สึกถึงบุญคุณอันล้นเหลือของลลิตาที่ช่วยเปิดโลกใหม่ที่มีอนาคตให้เธอ ให้ได้มีโอกาสทำงานและฝึกงานในตำแหน่งที่มีชื่อเป็นทางการว่า “Junior Management Trainee” ได้เรียนรู้งานทุกอย่างในบริษัทอย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งอาจจะใช้เวลาหลายปี

นิรมลรู้จากการปฐมนิเทศน์ว่าจะมีการทดสอบประเมินผลงานของพนักงานใหม่ทั้งหกคนนี้ทุกๆสามเดือน เก็บคะแนนสะสมไปเรื่อยๆ ทุกคนจะมีโอกาสได้เข้าร่วมฟังการประชุมของฝ่ายบริหารที่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับ อย่างน้อยเดือนละครั้งในฐานะผู้สังเกตการณ์ เพื่อให้ได้เรียนรู้วิธีทำงานของผู้บริหารของบริษัท แถมอัตราเงินเดือนที่ได้รับยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจอีกด้วย

ในจำนวนพนักงานใหม่ห้าคนนี้มีผู้ที่เพิ่งจบปริญญาโทเพียงสองคน คือบุษบาและชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปีที่ชื่อภะรต อีกสี่คนที่เหลือจบระดับปริญญาตรีในประเทศ

“นิต้องขยันให้มากๆนะ” นลินีเตือนน้องสาว “คุณลิตาอุตส่าห์ช่วยขนาดนี้อย่าทำให้เธอผิดหวังเป็นอันขาด แล้วก็ต้องไม่ลืมบุญคุณของเธอด้วย เธอสั่งหรือแนะนำอะไรก็ควรจะทำตาม พี่เชื่อว่าเธอหวังดีต่อครอบครัวของเรามาก”

“นิไม่มีวันลืมบุญคุณของพี่ลิตาหรอกพี่แอ๋ว” ตอนนี้ลลิตาสั่งเธอไม่ให้ใช้คำว่า ‘คุณพี่ ‘ แล้วโดยให้เหตุผลว่าเชย “นิน่ะซาบซึ้งมากจริงๆ ไม่เคยคิดว่าเธอจะดีกับพวกเราขนาดนี้เลย ตอนแรกๆนิไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่ เพราะเห็นเธอทำท่าหยิ่งๆถือตัว ไม่รู้ว่าจะรังเกียจเราหรือเปล่า แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเธอเป็นคนดีและน่ารักมาก” นิรมลพูดถึงลลิตาอย่างรักใคร่ชื่นชม

นอกจากนี้แล้วยังมีเรื่องเด็กชายนล ที่ทำให้ทุกคนในบ้านหลังนี้ดีอกดีใจไปตามๆกัน เพราะหลังจากวันนั้นไม่นาน คุณลักษณาลงทุนโทรศัพท์ไปหาลลิตา เพื่อสอบถามถึงเด็กชายคนนั้นที่เธอติดอกติดใจ กำชับว่าให้พาเขามาหาเธอบ่อยๆ ชนะชัยนั้นดีใจมากกว่าเพื่อน เอ่ยปากชมแผนการของน้องสาวไม่ขาดปาก

แต่ก็อดถามไม่ได้ว่า“แล้วนี่เมื่อไหร่เธอจะบอกความจริงให้คุณแม่รู้เสียทีล่ะ”

ลลิตาถือโอกาสปรามพี่ชายและนลินีว่า “อย่าเพิ่งใจร้อน อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามให้แม่จับได้เสียก่อนล่ะ มีหวังพังไปตามๆกัน เรื่องแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป ลิตากะว่าจะพานลไปหาแม่บ่อยๆ แม่จะได้รู้สึกผูกพันกับเขาไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องเลือกวันให้เหมาะ ถ้าเกิดนลไปจ๊ะเอ๋กับพี่ชัยที่บ้านเข้าจะว่าอย่างไร เดี๋ยวแกเกิดเรียกพ่อขึ้นมาจะยุ่งกันใหญ่ คุณแอ๋วไม่ต้องห่วงหรอกนะ ลิตารับปากว่าจะช่วยแล้วยังไงๆก็ต้องช่วยจนสำเร็จ”

วันหนึ่งหลังจากทำงานที่เงินทุนหลักทรัพย์เลย์ตันได้เกือบสองเดือน นิรมลก็ถูกลลิตาเรียกไปพบที่ห้องอาหารแห่งหนึ่งหลังเลิกงาน โดยอ้างว่าต้องการจะเลี้ยงอาหารเย็น ฉลองการทำงานครบสองเดือนของนิรมล หลังจากไต่ถามเรื่องการทำงานของนิรมลอยู่พักใหญ่ลลิตาก็เริ่มอารัมภบท

“พี่ดีใจที่นิชอบงานที่เลย์ตัน เมื่อสองวันก่อนพี่โทรไปคุยกับแฮรี่ เขายังชมให้ฟังเลยว่าเธอทำงานดี มีแววที่จะไปได้ไกล พยายามให้มากก็แล้วกันนะ แต่เพื่อนร่วมทีมอีกห้าคนน่ะเธอก็ต้องระวัง อย่าสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ เพราะในอนาคตพวกเธอทั้งหกคนก็ต้องมาแข่งกันเองอยู่ดี เพราะจะมีการทดสอบเก็บคะแนนความสามารถเป็นระยะๆอยู่แล้ว

อย่าลืมว่าใครก็ตามที่มีคะแนนสะสมดีที่สุด จะได้รับการพิจารณาก่อนเสมอเวลาที่มีตำแหน่งว่าง แล้วยังอาจจะได้ไปฝึกงานที่บริษัทแม่อีกด้วย เธอเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้ แต่อย่าไว้ใจใครมากเกินไป พยายาม ‘รู้เขา’ ให้มากกว่าให้เขา ‘รู้เรา’ เราจึงจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ”

นิรมลนิ่งฟังคำสอนของลลิตาเงียบๆ เธอเป็นคนที่ไม่ชอบมองใครในแง่ร้าย ไม่ชอบที่จะทำงานโดยต้องคอยหวาดระแวงไม่ไว้ใจเพื่อนร่วมงาน และตอนนี้เธอกับบุษบาและสุชาดาก็เริ่มสนิทสนมกันบ้างแล้ว เนื่องจากเป็นผู้หญิงด้วยกัน

เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆในทีมรวมทั้งพนักงานในบริษัทส่วนใหญ่ชอบบุษบา เพราะเธอเป็นคนน่ารัก ร่าเริงสดใสและไม่ถือตัวเลย นิรมลไม่แน่ใจว่าจะปฏิบัติตามที่ลลิตาแนะนำได้หรือไม่แต่ก็ไม่กล้าค้าน

“เออ..นิ ผู้บริหารของที่นี่เป็นยังไงบ้าง พวกเขาชอบนิไหม? พี่น่ะเห็นว่านิยังเด็กแล้วก็เพิ่งเข้าไปทำงานได้ไม่นาน พี่ก็เลยเป็นห่วง ท่าทางนิเป็นคนเฉยๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร พี่อยากจะบอกนิจากประสพการณ์ของตัวเองว่า พวกผู้บริหารน่ะเราต้องพยายามใกล้ชิดเขาเอาไว้ ทำตัวให้เขาชอบ การทำงานต้องมีเส้นมีสายเอาไว้บ้างถึงจะประสบความสำเร็จ”

“ผู้บริหารที่นี่ดีทุกคนค่ะ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มาวุ่นวายอะไรกับเรา”

ถึงจะคิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งสั่งสอนด้วยความหวังดี แต่นิรมลก็ยังไม่ค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของลลิตาเท่าไหร่นัก เธอจึงพยายามตอบอย่างระมัดระวัง

“ไม่เห็นนิค่อยทานอะไร ทานแล้วก็คุยกันไปเรื่อยๆดีกว่า ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกนะ”

นิรมลก้มลงรับประทานอาหารในจานตรงหน้า ในขณะที่ลลิตาหยิบแก้วน้ำส้มคั้นขึ้นดื่ม ตาก็สำรวจสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายไปด้วย

“ผู้บริหารที่นี่มีกี่คนล่ะนิ ก็คงจะคล้ายๆกับที่พรีมาของพี่ละมัง เพราะเป็นธุรกิจเดียวกัน มีผู้บริหารต่างชาติที่ส่งมาจากบริษัทแม่บ้างไหม ที่ถามนี่เพราะนิก็คงรู้จากพี่ชัยแล้ว ว่าพี่เคยทำงานที่เงินทุนหลักทรัพย์เลย์ตันที่นิวยอร์คมาก่อนตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ สนิทสนมคุ้นเคยกับผู้บริหารที่โน่นทุกคน เลยอยากรู้ว่านอกจากแฮรี่แล้วมีผู้บริหารคนอื่น ถูกส่งมาทำงานที่นี่บ้างหรือเปล่า เผื่อมีคนที่พี่รู้จักจะได้หาโอกาสพบเจอกันบ้าง”

นิรมลตอบซื่อๆตามที่รู้ว่า “ไม่มีนี่คะ มีแต่คนไทยทั้งนั้น แต่อาจจะเรียนจบจากอเมริกาก็ได้ เรื่องนี้นิก็ไม่ค่อยทราบมากนัก”

ลลิตาทำเป็นยกแก้วน้ำส้มที่ตอนนี้น้ำแข็งเริ่มละลายแล้วขึ้นดื่มช้าๆ ปล่อยเวลาให้ผ่านไปครู่หนึ่งจึงตะล่อมต่อ

“ที่บริษัทนิคงมีผู้จัดการฝ่ายการเงิน ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ฝ่ายบุคคลและฝ่ายอื่นๆคล้ายๆกับที่บริษัทพี่ แต่เลย์ตันตั้งขึ้นทีหลังพรีมาหลายปี อย่างน้อยก็สองปีถ้าจำไม่ผิด ถ้าไม่เอาผู้บริหารจากบริษัทแม่มาช่วยงาน หรือจะฝึกขึ้นมาเองก็คงไม่ทันการ ก็คงต้องใช้วิธีเดียวกับพรีมาตอนที่ตั้งใหม่ๆ คือซื้อตัวคนมีฝีมือจากที่อื่น เพื่อจะได้คนที่มีประสบการณ์มาช่วยบริหารบริษัท ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับบริษัทตั้งใหม่ทุกแห่งที่มีเงินทุนหนา”

ตอนนี้นิรมลฟังอย่างสนใจ รู้สึกเลื่อมใสความรอบรู้ของอีกฝ่ายหนึ่งมากยิ่งขึ้น ในใจก็คิดอย่างชื่นชมว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอนี้ นอกจากจะฉลาดเฉลียวมองเรื่องต่างๆได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ยังโอบอ้อมอารีและสวยงามหาคนเปรียบได้ยากอีกด้วย

“ที่พี่พูดมาเนี่ยนิเห็นด้วยไหม? “ แล้วเธอก็หย่อนเบ็ดลงไปอย่างกว้างๆเพราะยังไม่แน่ใจ “เท่าที่พี่รู้จากที่คนในวงการเดียวกันเขาพูดกัน ที่เลย์ตันนี่มีผู้บริหารที่เก่งจนถูกซื้อตัวมาอยู่สองคน”

แล้วหญิงสาวก็ทำเป็นนิ่งเพื่อดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย นิรมลติดกับโดยไม่รู้ตัว ถามอย่างกระตือรือร้นว่า “จริงหรือคะพี่ลิตา แล้วพี่ทราบไหมคะว่าผู้บริหารคนไหน?”

ลลิตาทำเป็นนิ่งคิดแล้วตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ว่า “พี่ก็ไม่แน่ใจนะ แต่น่าจะเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงินกับฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ แต่พี่ไม่ยืนยันนะ ข้อมูลที่ได้มาอาจจะผิดก็ได้”

จุดประสงค์ที่แท้จริงของเธออยู่ที่ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ที่เธอต้องการจะประเมินคุณสมบัติของเขา เพื่อหาทางให้ตัวเองต่อไป

นิรมลนิ่งคิดทบทวนสักครู่ก็พึมพำว่า “ก็อาจจะเป็นไปได้นะคะพี่ลิตา เท่าที่นิเห็น รู้สึกว่าคุณแฮรี่จะเกรงใจคุณประกอบกับคุณไชยามากกว่าผู้จัดการคนอื่น”

“คุณประกอบนี่เป็นผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์หรือจ๊ะ”
 “ไม่ใช่ค่ะ คุณไชยาต่างหากคะที่เป็นผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ คุณประกอบเป็นฝ่ายการเงิน ทำงานเก่งด้วยกันทั้งคู่”

“แล้วนิรู้ไหมว่าสองคนเนี่ยก่อนมาอยู่ที่นี่ เขาเคยทำงานที่ไหน?”
“ไม่ทราบหรอกค่ะ” แต่แล้วนิรมลก็นึกขึ้นมาได้

“เคยได้ยินว่าคุณไชยานี่เคยทำงานที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์มาก่อน แต่นิไม่ทราบชื่อบริษัท อาจจะเป็นบริษัทที่อยู่ต่างประเทศก็ได้นะคะ ส่วนคุณประกอบนั่นรู้สึกว่าจะเคยทำงานธนาคาร”

ลลิตานึกในใจว่าใกล้จะถึงเป้าหมายที่ต้องการแล้ว แต่ทำเป็นท้วงยิ้มๆว่า “ทำไมนิรู้อะไรมากจัง ทั้งๆที่เพิ่งเข้าทำงานไม่ถึงสองเดือนเลย”

นิรมลยิ้มแห้งๆ “ก็ฟังๆจากที่เขาพูดกันน่ะค่ะ”

แล้วเธอก็อึ้งไปนิดหนึ่งเพราะไม่แน่ใจว่าควรจะเล่าต่อดีหรือไม่ จะเป็นการเอาข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัทมาเปิดเผยให้คนนอกรู้หรือเปล่า แต่เมื่อคิดต่อไปด้วยความไว้วางใจลลิตา ซึ่งเป็นคนที่ช่วยให้เธอได้มีโอกาสทำงานในบริษัทนี้ หญิงสาวก็พูดต่อว่า

“ความจริงตอนนี้นิกำลังฝึกงานอยู่ในฝ่ายบุคคล ก็เลยมีโอกาสได้เห็นข้อมูลเกี่ยวกับพนักงานอยู่บ้าง ทำให้ได้รู้อะไรหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน”

“หรือจ๊ะ? งั้นก็ดีน่ะสิ ตอนนี้เป็นโอกาสของนิแล้วนะ ที่จะได้รู้จักพนักงานและผู้บริหารแต่ละคนมากขึ้น ข้อมูลพวกนี้จะมีประโยชน์สำหรับนิในโอกาสต่อไป อย่างที่พี่บอกตั้งแต่แรกนั่นแหละว่าเราจำเป็นต้อง ‘รู้เขา’ ให้มากๆ

ข้อมูลพวกนี้อาจจะไม่มีประโยชน์สำหรับนิมากเท่าไหร่นักในตอนนี้ แต่เชื่อพี่เถอะ ต่อไปใครจะรู้ว่านิจะได้ใช้ประโยชน์อะไรจากมันบ้าง ตอนทำงานอยู่ที่อเมริกา พี่ก็พยายามเก็บสะสมข้อมูลเกี่ยวกับคนในบริษัทเอาไว้ ก็ไม่ใช่เพื่อตัวเองหรอก เพื่อประโยชน์ของบริษัทนั่นแหละ

ยิ่งผู้บริหารรู้จักพนักงานของตัวเองมากเท่าไหร่ การบริหารจัดการทั้งคนและงานก็จะไปได้สวยมากเท่านั้น ถ้างานไปได้ดีผู้บริหารก็จะได้รับคำชม แล้วก็จะเจริญก้าวหน้าในบริษัท เผลอๆอาจจะมีบริษัทอื่นมาซื้อตัวด้วยเงินเดือนสูงลิบอีกด้วย”

คราวนี้นิรมลซึ่งถึงจะเป็นคนฉลาด แต่ขณะเดียวกันก็เป็นคนซื่อที่มองโลกในแง่ดีและอายุยังน้อย มีความทะเยอทะยานในทางที่ดีที่จะมุมานะทำงานถีบตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเองและมารดาในวันข้างหน้าโดยไม่ต้องพึ่งพาชนะชัยมากนัก เกิดความสนใจจนต้องถามลลิตาอย่างกระตือรือร้น แต่ด้วยคำถามซื่อๆตรงไปตรงมาตามลักษณะนิสัยของเธอว่า

“พี่ลิตาหมายความว่า ให้นิหาข้อมูลของฝ่ายบริหารแต่ละคนมาเก็บเอาไว้ใช่ไหมคะ”

ลลิตาทำหน้าตกใจ “พี่ไม่ได้หมายความว่าให้นิไปเที่ยวแอบดูข้อมูลส่วนตัวของใครหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด พี่หมายความว่าการรู้จักเบื้องหน้าเบื้องหลังของคนบางคนจะทำให้เรารู้จักเขาดีขึ้น เมื่อรู้แล้วเราก็จะสามารถเข้าถึงหรือติดต่อประสานงานกับเขาได้สะดวกขึ้นเท่านั้นเอง

การได้ข้อมูลพวกนี้มีตั้งหลายวิธี เช่นถามคนที่รู้ คุยกับเจ้าตัวเขาเองแบบอ้อมๆ หรือจากข้อมูลเอกสาร สำหรับพี่น่ะมักจะอ่านจากแฟ้มประวัติพนักงานเป็นหลัก เพราะมันจะมีรายละเอียดทั้งหมดอยู่ในนั้น เช่นว่าเรียนจบอะไรจากไหน อายุเท่าไหร่ แต่งงานหรือโสด

ถ้าอยากรู้ประวัติการทำงานตั้งแต่เรียนจบมาจนถึงปัจจุบันก็หาได้จากแฟ้มบุคคลนี่แหละ นิรู้ไหมว่าการศึกษาประวัติการทำงานของคนที่ประสบความสำเร็จแล้วจะมีประโยชน์มากที่สุด เพราะจะทำให้เรารู้ว่าเส้นทางกว่าที่เขาจะประสบความสำเร็จเป็นมาอย่างไร ซึ่งเราอาจจะนำมาใช้เป็นแบบอย่างให้ไปสู่จุดหมายที่ต้องการได้ นิเข้าใจหรือยังจ๊ะ”

เมื่อนิรมลพยักหน้ารับและเห็นว่าได้กระตุ้นความทะเยอทะยานของอีกฝ่ายหนึ่ง และป้อนวิธีการต่างๆให้เพียงพอแล้ว ลลิตาก็สรุปว่า

“เอาละ เลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว เดี๋ยวเธอจะปวดหัว ยิ่งต้องทำงานหนักอยู่ด้วย”

ก่อนจะลุกออกจากห้องอาหารแห่งนั้นไป ลลิตาหยิบกล่องใบหนึ่งที่วางแอบอยู่บนเก้าอี้ใกล้ตัวส่งให้นิรมล พร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า

“นิยังไม่มีโทรศัพท์มือถือใช่ไหม? สมัยนี้มือถือกลายเป็นสิ่งจำเป็นไปแล้วละ โดยเฉพาะคนทำงานอย่างพวกเรา นี่จ้ะ..พี่ให้เป็นของขวัญ เราจะได้ติดต่อกันสะดวกขึ้น พี่เห็นว่าพนักงานไม่ควรเอาเปรียบบริษัท ใช้โทรศัพท์ที่ทำงานพูดคุยเรื่องส่วนตัว ยิ่งเป็นคนใหม่ยิ่งต้องระวังให้มาก อย่าให้ใครมาเพ่งเล็งได้”

นิรมลมองกล่องโทรศัพท์มือถือตรงหน้าอย่างดีใจแกมตกใจ

“พี่ลิตาให้นิหรือคะ? ขอบพระคุณมากเลยค่ะ แต่นิคงไม่กล้ารับไว้หรอก เท่าที่พี่ช่วยฝากงานให้ นิก็ไม่ทราบว่าจะตอบแทนบุญคุณพี่ได้อย่างไรแล้ว...”

หญิงสาวพูดไม่ทันจบ ลลิตาก็ขัดขึ้นก่อนว่า “รับเอาไว้เถอะ ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก แล้วก็ไม่ได้แพงอะไรนักหนา อย่างน้อยพี่จะได้โทรหาเธอได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องผ่านโอเปอเรเตอร์ให้เสียเวลา อย่าคิดมากเลย ผู้ใหญ่ให้ก็รับไว้เถอะ”

ในที่สุดเมื่ออีกฝ่ายยืนกรานเป็นมั่นเป็นเหมาะ คนซื่อไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอย่างนิรมลก็ต้องพนมมือขึ้นไหว้ขอบคุณ แล้วรับมือถือเครื่องนั้นไว้ด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจของผู้ให้

หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ นิรมลก็เป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปหาลลิตาด้วยสุ้มเสียงที่ตื่นเต้น “พี่ลิตาเคยรู้จักกับคุณไชยามาก่อนหรือเปล่าคะ”

“คุณไชยา?” ลลิตางง “นิหมายถึงคุณไชยาที่เลย์ตันที่เราคุยกันวันนั้นน่ะหรือ?”

“ค่ะ พี่คงรู้จักใช่ไหมคะ?”
“ไม่รู้จักหรอก ทำไมนิถึงคิดว่าพี่รู้จักเขาล่ะ?”

นิรมลอึ้งไปหน่อยหนึ่ง “นิคิดว่าพี่กับเขาเคยรู้จักกัน นิเห็นจากแฟ้มประวัติของคุณไชยา ก่อนจะมาอยู่ที่เลย์ตันแกเคยทำงานที่พรีมานี่คะ”

ทันทีที่ได้ยินข้อมูลดังกล่าว ใจของลลิตาก็โลดขึ้นด้วยความตื่นเต้นสมหวัง แต่ก็ยังต้องถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“นิแน่ใจหรือ? นิมีเอกสารประวัติการทำงานที่ว่านั่นอยู่กับมือหรือเปล่า ถ้าเขาเคยทำงานที่พรีมาจริง พี่ก็อยากรู้ว่าเขาเคยอยู่ที่พรีมาช่วงไหน เริ่มไปอยู่กับเลย์ตันตั้งแต่เมื่อไหร่”

นิรมลอึกอักแล้วตอบด้วยเสียงที่เบาลง ทำให้ลลิตารู้ทันทีว่าคงมีคนอื่นเข้ามาในระยะใกล้

“นิถ่ายซีรอกซ์เอาไว้แล้วค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยสะดวกที่จะคุย”

ลลิตาสนใจข้อมูลที่ได้ยินจากนิรมลมาก ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง หญิงสาวนิ่งคิดหาวิธีที่จะได้เอกสารที่ดังกล่าวโดยเร็วที่สุด ก่อนที่อีกฝ่ายหนึ่งจะมีเวลาคิดแล้วเปลี่ยนใจ

"สกรีนเข้าเครื่องแล้วฟอร์เวิร์ดเมล์มาให้พี่ตอนนี้เลยได้ไหม?"
นิรมลอึกอัก "เอ้อ “คงไม่สะดวกละมังคะพี่ มันมีหลายแผ่นด้วยกัน นิกลัวว่าฝ่ายโปรแกรมเมอร์อาจจะตรวจพบทีหลัง”
“งั้นเอาไงดี” ลลิตาคิดอย่างรวดเร็วแล้วบอกว่า “งั้นเย็นนี้เลิกงานแล้วนิไปเจอพี่ที่ร้านอาหารใกล้ที่ทำงานนิ ที่เราไปด้วยกันครั้งหนึ่งน่ะ จำได้ไหม?”

แล้วในที่สุดลลิตาก็ได้สำเนาประวัติส่วนตัวของไชยาและประกอบจากนิรมล ผู้คิดแต่จะตอบแทนบุญคุณ โดยไม่ได้รู้ถึงเจตนาที่แท้จริงของหญิงสาวคนนั้นเลย เมื่อได้เอกสารมาแล้วลลิตาก็อ่านเฉพาะเรื่องของไชยาโดยละเอียดและได้พบข้อมูลบางอย่างที่น่าสนใจ ที่อาจจะนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้ในวันหนึ่งข้างหน้า





 



Create Date : 28 กันยายน 2568
Last Update : 30 กันยายน 2568 20:55:22 น.
Counter : 277 Pageviews.

4 comments
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณปรศุราม, คุณtoor36, คุณสองแผ่นดิน, คุณThe Kop Civil, คุณ**mp5**, คุณปัญญา Dh, คุณmariabamboo, คุณร่มไม้เย็น, คุณหอมกร, คุณChow Tu Tu, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณทองกาญจนา, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร

  
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด

อ่านบล็อกนี้แล้ว อยากรู้ว่า ลลิตาจะรู้ประวัติไชยไปทำไมหนอ
รออ่านต่อ จ้ะ

โหวดหมวด งานเขียน ฯ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 5 ตุลาคม 2568 เวลา:18:42:43 น.
  
โหวตเรียบร้อยค่ะ
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 6 ตุลาคม 2568 เวลา:13:59:28 น.
  
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 7 ตุลาคม 2568 เวลา:7:43:36 น.
  
แวะมาเยี่ยมครับ
โดย: **mp5** วันที่: 8 ตุลาคม 2568 เวลา:9:33:40 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlogGang Popular Award#21



ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 59 คน [?]



New Comments
Group Blog
กันยายน 2568

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
 
 
28 กันยายน 2568
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com