happy memories
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2568
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 ตุลาคม 2568
 
All Blogs
 

วันนวมินทรมหาราช...ไม่มีวันไหนไม่คิดถึง



เพลงพระราชนิพนธ์ "อาทิตย์อับแสง







วันนวมินทรมหาราชปีนี้เป็นปีที่ ๙ แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ ยังจำได้ดีถึงความรู้สึกเศร้าลึกในใจจนอดน้ำตาไหลไม่ได้อยู่นาน และความรู้สึกนั้นก็ไม่เคยเลือนหายไปเลย โดยเฉพาะทุกวันที่ ๑๓ ตุลาคมที่คนไทยสูญเสียพ่อของแผ่นดิน ปีนี้อัพบล็อกเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ อัญเชิญพระบรมสาทิสลักษณ์งดงามผลงานของศิลปินหลายท่านมาให้เพื่อน ๆ ได้ชม และรวบรวมคำประพันธ์ถวายอาลัยในปีนี้จากเฟซบุคของหลาย ๆ ท่าน และ บทกลอนชื่อ "ถวายจงรักด้วยอักษรา" ของ คุณชมัยภร แสงกระจ่าง อยู่ในหนังสือชื่อเดียวกัน บทกลอนยาว ๑๑ หน้า โชคดีที่ไม่ต้องเหนื่อยพิมพ์ ในเวบปิ๊งส์ลงไว้เรียบร้อย ขออนุญาตนำมาลงบล็อก ในเล่มมีคำประพันธ์ถวายอาลัยเพราะ ๆ รวม ๓๐ บท ไว้มีเวลาจะอัพให้อ่านค่ะ


เคยแต่งบทกวีคล้าย tanga ไว้ตอนอัพบล็อกถวายอาลัยครั้งแรก อีกสามปีต่อมาก็เขียนไว้อีกบท ขึ้นต้นด้วยวรรคแรกที่เหมือนกัน มาปีนี้แต่งอีกบทค่ะ


Sprinkles of grievous rain
Touch the tears in my heart
Distant clinks of wind chimes
In the approaching twilight
Breathe the soundless sob.


สายฝนแสนเศร้าโปรยปราย
กระเซ็นต้องน้ำตาในหัวใจฉัน
กระดิ่งลมดังแว่วมาแต่ไกล
ในยามอาทิตย์ใกล้อัศดง
กระซิบสะอื้นไห้อันไร้เสียง.


Sprinkles of grievous rain
On that day three years ago
Still, touch the tears in my heart
Again, my heart and soul
Drown in devastation.


สายฝนแสนเศร้าโปรยปราย
ในวันนั้นเมื่อสามปีที่แล้ว
กระเซ็นต้องน้ำตาในหัวใจอยู่ไม่วาย
ความอาดูรท่วมท้น
จิตวิญญาณฉันอีกครา


Sprinkles of grievous rain
Hazy evening sky nine years ago
Deep mourning keeps coming back
And remains here in my heart
From that very day...till forever.


สายฝนแสนเศร้าโปรยปราย
ท้องฟ้าหม่นยามค่ำเมื่อเก้าปีที่แล้ว
ความเศร้าลึกทะยอยกลับมา
ไม่เคยจางไป หากอยู่ในหัวใจฉัน
จากวันนั้น...ตราบนิรันดร

haiku









ไม่มีวันใดไม่คิดถึง

แผ่นดินไม่สิ้นไร้ในแง่งาม
แม้ท่ามความโศกเศร้าสีเถ้าถ่าน
ยังงอกเงยเหมือนเคยเป็นเช่นกาลนาน
แม้ผ่านวารวันอันปวดร้าว

สิบสามตุลาคมก้มลงกราบ
ใบหน้าอาบคราบน้ำตาคราทราบข่าว
เหมือนคืนเดือนมืดแสนยืดยาว
เยือกหนาวคราวสิ้นแสงแห่งตะวัน

แต่ราชามหาราชประกาศพระนาม
แม้ในท่ามความตายสลายขันธ์
มิอาจกลบลบหายจากใจนั้น
ยังมุ่งมั่นตามพระบาทไม่คลาดคลาย

ราวหัวใจขาดวิ่นบางชิ้นส่วน
แต่ยังถ้วนล้วนสนองครรลองหมาย
ชีวิตหนึ่งซึ่งทูลเกล้าไม่เปล่าดาย
มอบถวายใต้พระบาททุกชาติภพ

ยูเนสโกเทิดพระนามความงดงาม
คือนิยามความยิ่งใหญ่ไม่รู้จบ
เปรียบแสงแห่งหวังดั่งเพลิงคบ
ได้ประสบพบเห็นอยู่เช่นนี้

ความจงรักภักดีที่ยิ่งใหญ่
ปรากฎให้ได้เห็นชัดเจนวิถี
เมื่อถึงเดือนตุลาคมทุกช่วงปี
ความเศร้าที่มิรู้จบยังกลบตา

“เจริญขวัญ” ร้อยกรองถวาย
จากคอลัมน์ ในนามประชาชนคนหนึ่ง ๙ ต.ค. ๒๕๖๘
แนวหน้าออนไลน์






ตุลาคมลมหนาวช่างร้าวราน
ทุกหย่อมย่านธารโตรกโลกชื้นอับ
ลูกของพ่อรอแห่ห้อมน้อมคำนับ
อัจกลับดับสนิททุกทิศทาง

เสด็จสู่สรวงสวรรค์ชั้นใดหนอ
ลูกจะรอพ่อเดินไปยามใกล้สาง
ถักคำถ้อยร้อยดอกไม้ถวายวาง
เพื่อเคียงข้างย่างพระบาทให้ยาตรา

"เจริญขวัญ"
จาก เพจเจริญขวัญ แพรกทอง พลาฮาสสกี้





แสนคิดถึง

๐ กี่ปีแล้วน้ำตายังบ่าไหล
หัวใจไทยรวมใจไทยเป็นหนึ่ง
ทุกจดจำร่ำไห้ใจคำนึง
แสนคิดถึงในหลวงของปวงชน

๐ จุดเทียนส่องใจไทยทั่วหล้า
ปฏิบัติบูชามหากุศล
ถวายเบื้องบาทบงสุ์มิ่งมงคล
องค์ภูมิพลมหาราชของชาติไทย

๐ แม้ไม่มีพระวรกายให้ได้เห็น
แต่ทรงเป็นพระมิ่งขวัญนิรันดร์สมัย
แม้รูปขันธ์พระวรกายลับหายไป
แต่ทรงอยู่ในดวงใจไทยทั้งปวง

๐ ไทยจะคิดพูดทำน้อมรำลึก
ด้วยสำนึกคนไทยรักในหลวง
แสงเทียนส่องใจไทยทุกดวง
ยังโชติช่วงหัวใจอยู่มิรู้ร้าง

๐ กราบถวายบังคมบรมนาถ
รอยพระบาทเบิกบุกทุกก้าวย่าง
ยังประทับอยู่กับใจไม่เคยจาง
มีแนวทางแห่งพระองค์เป็นธงนำ

๐ ยิ่งอาลัยยิ่งต้องทำตามคำสอน
ยิ่งอาวรณ์ยิ่งสร้างสุขทุกเช้าค่ำ
ยิ่งร้องไห้ยิ่งมั่นคงลงมือทำ
ยิ่งคิดถึงยิ่งตอกย้ำทำตามรอย...

อภิชาติ ดำดี
๑๓ ต.ค. ๒๕๖๘
จาก เพจดร.อภิชาติ ดำดี





ด้วยเกล้าบูชามหาราช

๐ ๑๓ ตุลาฯ โศกตรึง ถึงฤดี
นับมาได้ ๙ ปี สิ้นศรีสูรย์
นวมินทร์ ปิ่นฉัตร จรัสจรูญ
เสด็จคืน อังกูร แห่งเทวัญ

๐ ทว่าห้วง รู้สึก ระลึกรู้
ธ ยังคง สถิตอยู่ กระหม่อมขวัญ
ศิระกราน สักการ์ จอมราชัน
ยังแม่นมั่น กรานเกล้า อยู่เช้า-เย็น

๐ ธ สถิต เป็นอะเคื้อ อยู่เหนือหัว
สถิตทั่ว ทุกอณู ใจรู้เห็น
ฟ้าจรดดิน ล้วนครรลอง อันผ่องเพ็ญ
พระราชทาน ไว้เป็น พรอำไพ

๐ กี่ห้วงกาล ผ่านลุ ยุรยาตร
ยังสักการ์ มหาราช ผู้ยิ่งใหญ่
กี่สุดห้วง ดลยา-สุราลัย
ความเทิดไท้ แสนสมบูรณ์ พูนทวี

๐ แม้ปฏิทิน วัน-เวลา บนฝาบ้าน
จะเปลี่ยนกาล ผลัดผัน เปลี่ยนวันที่
ขอยืนยัน ในอก พสกนี้
ความภักดี สุดเสถียร ไม่เปลี่ยนเลย

เพลงผ้า ปรพากย์ ร้อยกรองถวาย
๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๘
จาก เพจชโลธร ควรหาเวช





แม้ขุนเขา สูงชัน เป็นอันมาก
ทรงฝ่าฟัน ลำบาก อยากจะช่วย
เกลือทะเล นำไป ใช้อำนวย
ลดการป่วย ผู้คน บนเขาไกล

ทรงมอบเหรียญ คนละบาท ประกาศว่า
นี่คือบัตร ประชาฯ อย่าสงสัย
พกติดตัว ยามลงล่าง อย่างวางใจ
บอกเขาไป ในหลวง พระราชทาน

ทั้งยังทรง ช่วยเหลือ เพื่อชีวิต
แนะแนวคิด กสิกรรม ทำอาหาร
บริโภค มั่นคง ตรงหลักการ
โปรตีนมี ภูมิต่อต้าน ทำงานดี

จิตพิสุทธิ์ ต่ออาณา ประชาราษฎร์
ท่ามกลางโรค ระบาด ในพื้นที่
เชื้อ “ไมโครพลาสมา” เข้าโจมตี
พระหทัย เต้นถี่ ทรงประชวร

เนื่องครบรอบ ลาลับ กลับสวรรค์
นวมินทร์ ราชัน ใจพลันหวน
พระเมตตา ผ่านโครงการ อันสมควร
แม้ใคร่ครวญ นับมิถ้วน จำนวนใด?

ธ สถิต เสวยขวัญ สวรรค์หล้า
น้อมสำนึก พระกรุณา น้ำตาไหล
กราบพระบาท เทิดเกล้า เหล่าชาวไทย
รอยพระบาท ยิ่งใหญ่ ไม่ลืมเลือน…

กวีเหลวไหล ร้อยกรองถวาย
๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๘
จาก เพจกวีเหลวไหลแท้





โคลงสี่สุภาพ~

เวียนวันอันโศกเศร้า ร้าวสลาย
ตะวันดับไร้แสงฉาย ส่องฟ้า
มหาราชวางวาย ละโลก ลอยล่อง
สรวงสวรรค์เจิดจ้า แต่หล้าโศกศัลย์

จาบัลย์จันทร์แจ่มฟ้า ลาลับ
อัสสุชลเนืองนองทับ ท่วมท้น
ความดีมิอาจนับ อเนกเนื่อง นาพ่อ
ความรักภักดีล้น ตราบสิ้นกาลสมัย

ผองไทยตระหนักแท้ แก่ใจ
บุญญาธิการเกริกไกร ก่องหล้า
ผ่านภพสู่เทพไท้ เป็นอัศ จรรย์นอ
ฉัพพรรณรังสีจ้า เจิดฟ้าคราอัญเชิญ

จำเริญใจเหล่าข้า ครารำลึก
กราบพระบาทสำนึก นอบเกล้า
กระบวนคิดตกผลึก หนักแน่น
ไทยต้องมีกษัตริย์เจ้า คู่ฟ้าดินสยาม ๚ะ๛

ข้าพระพุทธเจ้า
นางสาวศุภมาส เสนะเวส
จาก เพจศุภมาส เสนะเวส
























๑. ในหลวงของยาย น้า แม่และฉัน

เมื่อยังเด็กอ่อนเยาว์ราวห้าปี
ยายบอกว่า “มานี่...จงกราบเสีย” 
ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งแดดเลีย 
“ปฏิทินแผ่นเนี้ยได้มานาน

นี่ในหลวงอยู่ไกลชื่อในหลวง”
นัยน์ตายายโชติช่วงเสียงฉาดฉาน 
“เป็นพระเจ้าอยู่หัวฯ คุ้มกบาล
จงกราบเสียนานนานนะหลานรัก”


ตั้งแต่วันนั้นมาฉันจำได้
เจอรูปนี้ที่ไหนแจ้งประจักษ์
พนมมือกราบไหว้เหมือนทายทัก
ยายพยักหน้าหงึกหงักด้วยพอใจ
     
พอเจ็ดขวบอยู่กับน้าซึ่งเป็นครู
เรียนอยู่ชั้นประถมสองเห็นจะได้
มีข่าวว่าในหลวงของปวงไทย
จะเสด็จผ่านไปสู่ในเมือง

โรงเรียนฉันทางกันดารอยู่บ้านนอก
ครูตื่นเต้นเล่าบอกกันต่อเนื่อง
เตรียมประดับประดามลังเมลือง
เตรียมทุกเรื่องเตรียมกันเป็นนานเดือน

เป็นหลานน้าจึงได้ใส่รองเท้า
มันกัดก็ทนเอา-ไม่มีใครเหมือน
ยืนแถวหน้าเด่นกว่าใครไม่แชเชือน
แดดส่องหน้า อยู่หน้าเพื่อน-ไม่ร้อนเลย

เสด็จมาอยู่โน่นไงไกลลิบลิบ
เห็นพระองค์ตาไม่กระพริบ-เจ้าข้าเอ๋ย
พอหลับตาเหมือนลมร่ำมารำเพย
ชูธงชาติพระองค์เอยก็ผ่านวับ

พอสิบเก้าเรียนจุฬาฯมหาวิทยาลัย
ซาบซึ้งสุดหัวใจได้สดับ
เสด็จทรงดนตรี มาประทับ-
หอประชุมราวกับดอกไม้บาน

ราชินีธิดาและโอรส
รายล้อมพร้อมหมดสำเริงสนาน
ทรงตรัสเย้าตรัสล้อทรงสำราญ
หัวใจเราปูนปานจะลอยฟ้า

ยี่สิบสองเข้าเฝ้าด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
วันเตรียมพร้อมก้าวไกลไปข้างหน้า
ถอนสายบัวรับพระราชทานปริญญา
ซึมน้ำตาซึ้งในหัวใจตน

ฉันผ่านวันเวลามานานแล้ว
แต่ดวงแก้วยังสัมฤทธิ์ประสิทธิผล
ยังสว่างกระจ่างใสในกมล
ยังรวมชนยังรวมไทยรวมใจรัก





วันเฉลิมพระชนมพรรษา
ห้าธันวาชนทั้งชาติแจ้งประจักษ์
ชนทั้งชาติคอยจ้องมองพระพักตร์
ด้วยจงรักถวายรักเพราะภักดิ์ล้น

ฉันโทรศัพท์คุยกับแม่ซึ่งแก่เฒ่า
“แม่จ๋า ดูทีวีหรือเปล่า...อย่ามัวบ่น
ฟังในหลวงหรือเปล่า-หรือหลับกรน” 

แม่เสียงใสตอบคนปลายสายฟัง

“แม่ไม่หลับไม่บ่นใครทั้งนั้น
รอทั้งวันดูในหลวงด้วยความหวัง
เห็นพระพักตร์แจ่มใสดีใจจัง
แม่นั่งฟังตามองใจพองฟู

วันนี้ไม่ปวดเมื่อยไม่เหนื่อยล้า
แปดสิบกว่าก็ยังนั่งดูอยู่
ดีใจนะ ดีใจที่ได้ดู
ได้รับรู้ว่าพระองค์สบายดี”


ปกติแม่ฉันนั่นแสนเข็ญ
กลางคืนเป็นโรคโน่นและโรคนี่
ต้องบีบนวดกินยาสารพันมี
แต่วันนี้หายโรคหายโศกภัย

ด้วยอำนาจจงรักและภักดี
อำนาจที่ไม่มีใครสั่งได้
อำนาจที่ปลูกปักจากภายใน
อำนาจที่หัวใจสั่งให้มี

ฉันมองไปรายรอบขอบเขตขัณฑ์ 
เห็นอำนาจของราชันปิ่นเกศี 
ครอบคลุมไปทั่วพื้นปฐพี
เป็นสีเหลืองปิ่นมณีของชาวไทย 

สว่างไสวไปทั่วอาณาจักร 
อิ่มไปด้วยอำนาจรักอันสุกใส
ในโลกนี้ไม่มีกษัตริย์ใด 
จะอิ่มอำนาจใจเท่าพระองค์


๕ ธันวาคม ๒๕๕๙
(วันเฉลิมพระชนมพรรษา เฉลิมพระเกียรติครองราชย์ครบหกสิบปี)










๒. ในหลวงของฉัน
     
เมื่อฉันโตเป็นผู้ใหญ่
ภาพในหลวงในดวงใจยังสูงส่ง
ได้เห็นภาพทรงงานผ่านป่าดง
ยังแปลกใจว่าทรงได้อย่างไร

เป็นถึงเจ้าฟ้ามหากษัตริย์
เป็นขัตติยะผู้เป็นใหญ่
น่าประทับอยู่พิมานอันพิไล
มาเดินดินทำไมให้ทุกข์ตรม
     
เมื่อยิ่งเห็นจึงยิ่งเชื่อเมื่อได้เห็น
ธ ทรงเป็นราชันพิเศษสม
ยิ่งอ่านยิ่งเข้าใจในปรารมภ์
ทุกคำสอนคือคำคมอันจับใจ

ยิ่งศึกษายิ่งเข้าใจยิ่งได้รู้ 
พระองค์คือนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ 
สู้กับความปวดร้าวของชาวไทย 
สู้กับความยากไร้ของแผ่นดิน

ทรงพระราชวินิจฉัยไปถึงเหตุ
ไม่จำกัดขอบเขตไปทุกถิ่น
ทั้งคนเมืองคนใดในปฐพิน
อาณาจักรนี้ยลและยินด้วยองค์เอง

เหมือนกับว่าเวลาในหนึ่งวัน
ทุกนาทีพระองค์นั้นล้วนรีบเร่ง
รวมสี่พันโครงการอันน่าเกรง
แต่พระองค์กลับบรรเลงเป็นเพลงรัก





รักในดินเหลือล้ำเกินกำหนด
สู้จารจดจารึกนึกให้หนัก
พระองค์ดำริให้ถูกใจนัก
ทรง “แกล้งดิน”ด้วยตระหนักว่ารักดิน

บางน้ำเปรี้ยวหินซ้อนและห้วยทราย
เขาชะงุ้มและอีกหลายหลายท้องถิ่น
เคย “แร้นแค้น”กลับอิ่มเอมเปรมชีวิน
จะทำกินก็อิ่มสุขทั่วทุกทิศ

รักในน้ำปรับน้ำให้เป็นน้ำ
เอาน้ำดีไล่นำน้ำเสียสนิท
พระดำรัสว่า “น้ำคือชีวิต”
น้ำสถิต ณ สถานอันมีคน

ทรงเก็บน้ำเป็น “แก้มลิง” ให้ยิ่งรู้
ทรงต่อสู้กับความแล้งเป็นฟ้าฝน
ทั้งบำบัดทั้งเบ็ดเสร็จสำเร็จดล
กลายเป็นผลการพัฒนาฟ้าให้น้ำ

ทั้งป่าสักชลสิทธิ์และท่าด่าน
ห้วยองคตเมืองกาญจน์ล้วนชุ่มฉ่ำ
อีกแม่ปิงแม่อาวไม่ร้าวระกำ
เหล่านี้นำร่องให้ได้รู้ทาง

รักในป่าต้นไม้ไพรพงพฤกษ์
ยิ่งรำลึกยิ่งตระหนักรักทรงสร้าง
ทรงรอบรู้แน่ชัดทรงจัดวาง
แจ่มกระจ่างเรื่องต้นไม้ให้เฝ้าดู

ห้าม “รังแก”หรือ “ตอแย” กับต้นไม้
ปล่อยทิ้งไว้ “ชั่งหัวมัน” มันก็อยู่
ปลูก “หญ้าแฝก” ป้องกันดินทั้งสิ้นรู้
ธ คือครูผู้ปฏิบัติอย่างชัดใจ

ยิ่งศึกษายิ่งซาบซึ้งตรึงในจิต
ทรงใกล้ชิดกับคนยากมากแค่ไหน
เกษตรกรชาวนาพระทรงชัย
เสด็จไปสนทนาพร้อมพาที

จึงได้รู้แก่ใจว่าพระองค์
พระราชหฤทัยมั่นคงอยู่ที่นี่
ที่ที่ผืนแผ่นฟ้าและธาตรี
มีพสกมากมีของพระองค์

ทรงให้สัมภาษณ์ต่างชาติว่า
ประชาชนมากค่าและสูงส่ง
ประเทศไทยคือปิรามิดที่คว่ำลง
พระราชาดำรงอยู่ปลายพื้น

เพราะทรงรักประชาชนของพระองค์
จึงทรงทำทุกอย่างเพื่อคนอื่น
ทรงพร้อมจะเสียสละและหยัดยืน
หนักก็ขืนต้านก็รับซับทุกทุกข์





แต่เพราะว่ามนุษย์คือมนุษย์
อาจบางจุดไม่ทันการณ์พาลขลักขลุก
บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงสมัยในแต่ละยุค
โลกเร้ารุกรักก็ร้าวหนาวฤดี

ยังจำได้วันพฤษภาทมิฬ
หัวใจฉันแหว่งวิ่นไม่เหลือที่
อำนาจกับประชาธิปไตยไม่มีดี
ปะทะกันครั้งนี้ทมิฬใจ

เหมือนสงครามกลางเมืองอยู่ครืนครืน
ประชาชนแตกตื่นกันยกใหญ่
เสียงปืนเปรี้ยง เสียงกรีดร้องดังก้องไกล
กรีดเลือดในอกหยดรดปฐพี 

เรารบกันไม่ใช่เขา เรารบกัน
ถึงสี่วันสี่คืนเชียวหรือนี่
ฉันร่ำไห้ใจเต้นไม่เป็นดี
อยากหลบลี้ไม่อยากเห็นไม่อยากดู

แต่ต้องดูแต่ต้องรู้แต่ต้องรับ
นี่บ้านเมืองเราตกอับแสนหดหู่
วันที่ห้าน้ำตาไหลอยู่พร่างพรู
และจู่จู่ก็เห็นภาพของพระองค์

ทรงเหมือนฟ้ามาโปรดประเทศชาติ 
ทรงเหมือนฝันที่วาดไว้สูงส่ง 
คนนับแสนนับล้านพาลงุนงง 
พระองค์ทรงห้ามทัพได้ฉับพลัน

เพียงให้คนสองคนมาเข้าเฝ้า
และทรงตรัสเบาเบายินไหมนั่น
เหมือนดังพ่อปรามลูกชายให้รักกัน
เหมือนพี่น้องของเรานั้นถูกพ่อปราม 

ภาพค่อยเคลื่อนเลื่อนออกอย่างช้าช้า
ฉันตะลึงภาพตรงหน้า ด้วยเกรงขาม
สองนั้นกราบพระบาทแล้วคลานตาม
ช้าแต่งามและสงบจบเรียบร้อย

จะมีเจ้าแผ่นดินใดทำได้เท่า 
จะมีเจ้าใดเล่าทำได้บ่อย 
หากนับความขัดแย้งมิใช่น้อย 
แต่ในร้อยหนึ่งเท่านั้นคือพระองค์
     




กาลเวลาเคลื่อนผ่านกาลสมัย
กาลเวลาผ่านไปคล้ายเลือนหลง
กาลเวลาพล่าผลาญจนกาลงง
แต่คนหนึ่งยังคงตรงต่องาน

ทรงคิดเศรษฐกิจที่พอเพียง
เพื่อหลีกเลี่ยงความจน คนเรียกขาน
“เกษตรทฤษฎีใหม่”ใจบันดาล
ทรงผสานวิถีกับชีวิต

พึ่งตนเองเข้าไว้เป็นอย่างแรก
ผลิตแทรกเรียบง่ายไม่เร่งผลิต
รวมกลุ่มเข้าด้วยกันร่วมฉันมิตร
และประสานกลุ่มใกล้ชิดรอบรอบตัว

จะแหล่งทุนแหล่งบริหารประสานเถิด
ประสานให้ก่อเกิดช่วยกันทั่ว
จากท้องถิ่นสู่บ้านผ่านสู่ครัว
เริ่มจากผักริมรั้วที่พอดี

สร้างสังคมพอเพียงด้วยเพียงพอ 
สร้างความคิดสานต่อทุกถิ่นที่ 
สร้างหัวใจเรียบง่ายให้ไทยมี 
สร้างความรักไมตรีให้ไทยครอง
     
กาลเวลายิ่งเคลื่อนผ่านวันยิ่งคล้อย
พระองค์ยังคงคอยเฝ้าจับจ้อง
ประชาชนเป็นอย่างไรทรงไตร่ตรอง
ทุกเวลาประคับประคองประเทศไทย





แม้สังขารพระวรกายไม่ดังเก่า
แต่ความรักยังเร่งเร้าให้แจ่มใส
หลายหลายครั้งประชาชาติแทบขาดใจ
เป็นห่วงพระทรงชัยพ้นพรรณนา
   
กาลเวลายิ่งเคลื่อนผ่านวันยิ่งเปลี่ยน
สรรพสิ่งหมุนเวียนมาเปลี่ยนหน้า
กาลเวลาเคลื่อนผ่านกาลเวลา
พระราชายังสถิตในจิตใจ 

ฉันนั่งอยู่ในห้องประชุมหนึ่ง
มีเสียงดังอื้ออึงคนเคลื่อนไหว
มีเสียงดังเบาเบาอยู่ในไลน์
ฉันก้มลง เห็นไวไว เรียงรายมา

ตัวอักษรอะไรหรือคือส่งข่าว
ตันในอกปวดร้าวจนแทบบ้า
มันเป็นเพียงข่าวร้ายเป็นมายา
ฉันหลับตาพลันน้ำตาทะลักทลาย

โลกเคลื่อนไปทีละนิดทีละนิด
 แสงมืดมนหม่นมิดหัวใจสลาย
โลกยังหมุนช้าช้าตาพร่าพราย
ดูคลับคล้ายคลับคลาว่าช้านาน
   
น้ำตารินตกในหัวใจทะโลด
ฟ้าไม่โปรดดินไม่ปรับรับผสาน
อัดในอกตกในจิตฤทธิ์บันดาล
ข้างในพล่านพลุ่งพลิกระริกระรัว
     
ในที่สุดโลกของฉันก็หยุดหมุน
น้ำตาคุณน้ำตาใครไหลไปทั่ว
แสงสีดำสาดมาจนพร่ามัว
สิ่งที่กลัวจะได้ยินก็ได้ยิน 
“สวรรคตแล้ว...”

โอ เสียใจเหมือนไฟโหม
พุ่งถาโถมมาได้ก็ไหม้สิ้น
เหลือเพียงภาพทรงจำน้ำตาริน
เหลือเพียงดินสีดำเดินตามรอย 

“สวรรคตแล้ว...”โอ น้ำตา โอ น้ำตา
มันหยดมาไหลมาร่วงผล็อยผล็อย
จากหนึ่งหยดเป็นล้านหยดน้ำตาน้อย
มันไหลลอยเป็นทะเลน้ำตา น้ำตาประชาชน


๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ (วันสวรรคต)
ชมัยภร แสงกระจ่าง ร้อยกรองถวาย






















ข้อมูลจาก
pings.artculture4health.com
หนังสือ “ถวายจงรักด้วยอักษรา”
กวีนินพธ์น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ
โดย กวี-นักเขียนแห่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช






บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ ไลน์จากคุณญามี่
กรอบจากคุณ ebaemi และคุณ somjaidean100

Free TextEditor





 

Create Date : 13 ตุลาคม 2568
0 comments
Last Update : 16 ตุลาคม 2568 8:27:46 น.
Counter : 602 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร, คุณทนายอ้วน, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณmultiple, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณปรศุราม, คุณปัญญา Dh, คุณสองแผ่นดิน, คุณกะว่าก๋า, คุณThe Kop Civil, คุณทองกาญจนา, คุณtoor36, คุณChow Tu Tu, คุณnewyorknurse, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณ**mp5**, คุณmariabamboo, คุณcyberlifenlearn, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณtuk-tuk@korat, คุณโอพีย์คุณนายกุ๊งกิ๊ง, คุณชีริว, คุณsunmachon, คุณร่มไม้เย็น


BlogGang Popular Award#21


 
haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 168 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.