|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
อำลา...อาลัย Mel Torme

ภาพจากเวบ musicbloodline.info
  Music Playlist at MixPod.com
วันหยุดสบาย ๆ ให้ฟังเพลงเก่าเพราะ ๆ จากนักร้องเสียงนุ่มนวลชวนฝันกันค่ะ หลายวันก่อนอ่านเจอข่าวไว้อาลัย เมล ทอร์เม่ ในนสพ.กรุงเทพธุรกิจ เลยคว้ามาอัพบล็อก เราว่าคนไทยคงไม่ค่อยรู้จักนักร้องท่านนี้เท่าไหร่ น้องชายแนะนำให้ฟังเพลงของเมลเพราะเห็นว่าเราชอบเพลงแฟรก์ ซิเนตรา ฟังแล้วชอบมาก ๆ สไตล์การร้องและเสียงออกแนวคล้าย ๆ กันเลย ถือได้ว่าสองท่านนี้เป็นนักร้องรุ่นเดียวกัน ลุงเมลอายุอ่อนกว่าลุงแฟรก์สิบปี เราชอบเพลงเก่า ๆ ไม่ว่าจะไทยหรือเทศก็ตรงที่เนื้อร้องเพราะราวกับบทกวี ทำนองก็แสนจะเสนาะหู ที่จริงสองท่านนี้ร้องเพลงสไตล์แจ๊สที่มีทำนองคึกคักด้วย แต่เราชอบเพลงแนวหวาน เลยเลือกแต่เพลงช้ามาให้ฟังกัน
ป่านนี้สวรรค์คงอบอวลไปด้วยเสียงอันเสนาะโสตของนักร้องเสียงสวรรค์ เพราะลุงเมลไปร้องเพลงประสานเสียงกับลุงแฟรก์บนฟ้าแล้ว ขอร่วมไว้อาลัยต่อลุงเมล ขอดวงวิญญาณท่านไปสู่สุคติในสัมปรายภพ และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวทอร์เม่ด้วยค่ะ  
    

อัพบล็อกบอกข่าวนิทรรศการศิลปะอันใหม่แล้ว อยากรู้ว่ามีที่ไหนบ้างก็คลิกเลยค่า เสพงานศิลป์ ๓

ภาพจากเวบ quotestemple.com
ถ้าเอ่ยถึงนักร้องแจ๊สชาย ชื่อของ เมล ทอร์เม่ (Mel Torme) อาจจะไม่เป็นที่รู้จักกันกว้างขว้างนักในบ้านเรา แต่ เมล ทอร์เม่ เป็นศิลปินมากความสามารถที่ทำงานอยู่ในแวดวงบันเทิงหลากหลายด้าน ต่อเนื่องและยาวนานมากว่า ๖o ปี ทั้งงานด้านการร้องเพลง เล่นดนตรี แต่งเพลง เป็นผู้เรียบเรียงดนตรี ผู้ผลิตรายการทีวี รวมไปถึงการใช้เวลาที่เหลือจากงานที่กล่าวไปข้างต้น ถ่ายทอดประสบการณ์เหล่านั้นออกมาเป็นตัวหนังสือ ให้ผู้คนได้ติดตามค้นหาความเป็นไปของตัวละครชีวิตจริงในโลกมายาที่น้อยคนนักจะได้เข้าไปสัมผัส

ภาพจากเวบ everythingaction.com
เมล ทอร์เม่ เกิดเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ค.ศ. ๑๙๒๕ ที่นครชิคาโก ครอบครัวเป็นชาวยิวที่รักเสียงเพลงเป็นชีวิตจิตใจ เขาเติบโตมาในบ้านที่เต็มไปด้วยเสียงเพลง แผ่นเสียง และมีตัวโน้ตเพลงวิ่งวนเวียนอยู่รอบตัว ทอร์เม่ ซึมซับเสียงดนตรี และหลงรักบทเพลงเหล่านั้น ในวัยเด็กเขาให้ความสนใจเรียนกลองและเปียโน

ภาพจากเวบ bangkokjazzlife.com
เมื่ออายุ ๖ ขวบได้เข้าร่วมกับคณะละครเด็ก ออกแสดงละครไปทั่วเมืองชิคาโก และอีกสองปีต่อมา ทอร์เม่ ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดร้องเพลงในประเภทเด็กจากงาน The Century of Progress World’s Fair ผลจากการประกวดครั้งนี้ทำให้เขาได้เข้าร่วมแสดงละครชวนหัวเรื่อง Song of The City ของสถานีวิทยุ NBC ในบทของ จิมมี เด็กส่งหนังสือพิมพ์ จากนั้นมา ทอร์เม่ กลายเป็นดาราเด็กเนื้อหอมที่มีงานแสดงเข้ามามากมายต่อเนื่องจนเข้าสู่วัยรุ่น

ภาพจากเวบ bangkokjazzlife.com
เมื่อ ทอร์เม่ อายุ ๑๕ ปี ความสามารถอีกด้านหนึ่งของเขาได้ฉายออกมา นั่นก็คือการประพันธ์เพลง ทอร์เม่ได้นำบทเพลง Lament to Love ที่เขาแต่งไปทดสอบกับวงของ แฮรี่ เจมส์ (Harry James) นักทรัมเป็ตและนายวงบิ๊กแบนด์ชื่อดัง ซึ่งในขณะนั้นกำลังเปิดรับสมัครนักร้องประจำวง แม้จะพลาดโอกาสการเป็นนักร้องในวงแฮรี่ เจมส์ แต่เพลงที่เขานำไปร้องในการทดสอบนั้นกลับเป็นที่ชื่นชอบของ เจมส์ จนกระทั่ง เจมส์ ขออนุญาตนำบทเพลงดังกล่าวไปบันทึกเสียง และเพลง Lament to Love ก็กลายเป็นเพลงฮิต ติดอันดับท๊อปเท็นใน Hit Parade ที่จัดอันดับความนิยมเพลงในยุคนั้น

ภาพจากเวบ quotestemple.com
เมื่อเพลง Lament to Love ดังกระหึ่มไปทั่ว ชื่อเสียงของ ทอร์เม่ เองเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้ เบน โพลแลค (Ben Pollack) มือกลองและนายวงชื่อดัง มองเห็นพรสวรรค์และความสามารถอันหลากหลายของ ทอร์เม่ เขาได้เซ็นต์สัญญาว่าจ้างให้ ทอร์เม่ เป็นนักร้องและเป็นผู้เรียบเรียงดนตรี สำหรับวงดนตรีที่เขาทำร่วมกับ ชิคโก มาร์กซ์ (Chico Marx) ศิลปินตลก ซึ่งในช่วงหลัง ทอร์เม่ได้ทำหน้าที่มือกลองประจำวงอีกตำแหน่งหนึ่ง

ภาพจากเวบ soundtrackcollector.com
หลังจากแยกวงกับ พอลแลค และ มาร์กซ์ ทอร์เม่มีโอกาสร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง Higher and Higher ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา และยังเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของ แฟรงค์ ซิเนตร้า (Frank Sinatra) ซึ่งในขณะนั้นทั้งคู่ได้รับบทบาทเป็นเพียงดาราประกอบ หลังจากนั้น ทอร์เม่ มีผลงานภาพยนตร์ตามมาอีกสองเรื่องคือ Pardon My Rhythm และ Let’s Go Steady

แฟรงค์ ซิเนตร้า ภาพจากเวบ screenhead.com
ในปี ๑๙๔๔ ทอร์เม่ ได้จัดตั้งวงคณะนักร้องมีชื่อว่า เมล-โทนส์ (Mel-Tones) ขึ้น สมาชิกวงประกอบไปด้วย เบอร์นี พาร์ค (Bernie Parke), เบ็ตตี บีเวริดจ์ (Betty Beveridge), เลส แบกซ์เตอร์ (Les Baxter) และ จินนี โอ คอนเนอร์ (Ginny O’Conner)

วงดนตรี เมล-โทนส์ ภาพจากเวบ singers.com
คณะ เมล-โทนส์ สร้างชื่อเสียง มีเพลงฮิตอยู่พอสมควร โดยเฉพาะเมื่อได้มีโอกาสร่วมงานกับวงดนตรีชื่อดังของ อาร์ตี ชอว์ (Artie Shaw’s Band) คณะเมล-โทนส์ ถือเป็นวงต้นแบบให้กับคณะนักร้องในยุคหลัง เช่นวง เดอะแมนแฮตตัน ทรานซ์เฟอร์ (The Manhattan Transfer) คณะนักร้องแจ๊สประสานเสียงที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน

วงเดอะแมนแฮตตัน ทรานซ์เฟอร์ ภาพจากเวบ uulyrics.com
จนกระทั่งปี ๑๙๔๗ ทอร์เม่ ตัดสินใจยุบวงเพื่อแยกตัวออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว ช่วงแรก ทอร์เม่ ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จนกระทั่งปี ๑๙๔๙ ผลงานเพลง The Careless Love ได้รับความนิยมจนขึ้นถึงอันดับ ๑ ของชาร์ทเพลงฮิต หลังจากนั้นก็มีเพลงฮิตอื่น ๆ ตามมาอีกเป็นระยะ ๆ

ภาพจากเวบ timelesstrack.com
และในช่วงนี้เอง เพลง The Christmas Song (Chestnut Roasting on the Open Fire…) ที่ ทอร์เม่ แต่งขึ้นร่วมกับ บ๊อบ เวลล์ส (Bob Wells) ถูกนำไปบันทึกเสียงในอัลบั้มเพลงคริสมาสต์ ของ แน็ท คิง โคล (Nat King Cole) นักร้องผิวสีผู้โด่งดัง เสียงร้องอันนุ่มนวลของ แน็ท คิง โคล ปัดฝุ่นงานประพัน์ของทอร์เม่ และ เวลล์ส ที่ทิ้งร้างนานหลายปีให้กลายมาเป็นเพลงฮิต ถูกนำมาบันทึกเสียงครั้งแล้วครั้งเล่า กลายเป็นบทเพลงประจำเทศกาลคริสมาสต์ที่คนทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี

แน็ท คิง โคล ภาพจากเวบ maniadb.com
นอกเหนือจากงานร้องเพลง การประพันธ์เพลงและงานด้านการแสดง ทอร์เม่ ยังสนใจงานด้านการผลิตรายการโทรทัศน์ด้วย ในปี ๑๙๖๓ ทอร์เม่ ได้ร่วมเขียนบทให้กับสถานีโทรทัศน์ CBS รายการ Judy Garland Show มี จูดี้ การ์แลนด์ ดาราสาวมากความสามารถเป็นผู้ดำเนินรายการโดย ทอร์เม่ ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ทำงานในครั้งนี้ออกมาเป็นหนังสือชื่อ The Other Side of the Rainbow

จูดี้ การ์แลนด์ ภาพจากเวบ stevehollier.wordpress.com
ผลงานทางด้านการเขียนหนังสือของ ทอร์เม่ ยังรวมไปถึง อัตชีวประวัติของ Buddy Rich มือกลองคนสำคัญของวงการแจ๊ส และ อัตชีวประวัติของเขาเองที่ใช้ชื่อว่า It Wasn’t All Velvet

ภาพจากเวบ ebay.com
ปี ๑๙๘o ทอร์เม่ มีผลงานบันทึกเสียงร่วมกับ จอร์จ เชียริง (George Shearing) นักเปียโนแจ๊สตาพิการ อัลบั้ม An Evening with George Shearing and Mel Torme ได้รับรางวัลแกรมมีปี ๑๙๘๒ และอัลบั้ม Top Drawer ได้รับรางวัลแกรมมีปี ๑๙๘๓ ติดต่อกันสองปีซ้อน หลังจากนั้นยังมีผลงานร่วมกันต่อเนื่องอีกหลายชุด

ภาพจากเวบ tradebit.com

ภาพจากเวบ ebay.com
ทอร์เม่ ใช้เวลาในชีวิตของเขาไปกับการสร้างสรรค์ผลงานมากมาย แม้เขาจะไม่มีเวลาว่างมากนัก แต่ดูเหมือนว่า ทอร์เม่ มีความสุขในสิ่งที่เขาทำ ทอร์เม่ ยังคงร้องเพลงต่อไป จนเวลาช่วงสุดท้ายของชีวิต อาการเส้นเลือดในสมองตีบตันทำให้เป็นอัมพาตต้องนั่งรถเข็น ทอร์เม่ จึงจำเป็นต้องหยุดทำงานที่เขารักและพักผ่อนอยู่บ้าน จนกระทั่งวันที่ ๕ มิถุนายน ๑๙๙๙ ทอร์เม่ จากไปอย่างสงบ ทิ้งไว้เพียงผลงานที่ข้ามผ่านกาลเวลามานานแสนนาน

ภาพจากเวบ clarkknowless.wordpress.com

Rest in Peace...Mel Torme ภาพจากเวบ quotestemple.com
    

ข้อมูลจากเวบ bangkokjazzlife.com นสพ.กรุงเทพธุรกิจ จุดประกายวันที่ ๒๖ มิ.ย. ๒๕๕๕
บล็อกนี้อยู่ในหมวดแฟนขวับจ๊ะ 
บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่
Free TextEditor
Create Date : 01 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2555 19:18:09 น. |
|
48 comments
|
Counter : 7976 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 1 กรกฎาคม 2555 เวลา:9:11:20 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 1 กรกฎาคม 2555 เวลา:13:10:15 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 1 กรกฎาคม 2555 เวลา:17:43:25 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กรกฎาคม 2555 เวลา:19:15:05 น. |
|
|
|
โดย: find me pr วันที่: 1 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:22:39 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 2 กรกฎาคม 2555 เวลา:1:35:45 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 กรกฎาคม 2555 เวลา:5:45:13 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 2 กรกฎาคม 2555 เวลา:6:10:50 น. |
|
|
|
โดย: Lika ka วันที่: 2 กรกฎาคม 2555 เวลา:8:29:17 น. |
|
|
|
โดย: nathanon วันที่: 2 กรกฎาคม 2555 เวลา:12:04:55 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 2 กรกฎาคม 2555 เวลา:12:46:15 น. |
|
|
|
โดย: Dingtech วันที่: 2 กรกฎาคม 2555 เวลา:13:02:18 น. |
|
|
|
|
| |
-----------------------------------
***87***84***32***
มีความสุขมากมายนะคะคุณไฮกุ