|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
Vincent

"Starry Night" โดย Vincent Van Gogh ภาพจาก wikipedia.org
 | |  | |
Vincent คำร้อง-ทำนอง Don McLean
Starry, starry night, Paint your pallet blue and gray. Look out on a summer's day With eyes that know the darkness in my soul.
Shadows on the hills Sketch the trees and the daffodils. Catch the breeze and the winter chills in colors on the snowy linen land.
Now I understand what you tried to say to me. How you suffered for your sanity... and how you tried to set them free. They would not listen they did not know how. Perhaps they'll listen now.
Starry, starry night, Flaming flowers that brightly blaze. Swirling clouds in violet haze ... Reflect in Vincent's* eyes of China blue.
Colors changing hue, Morning fields of amber grain. Weathered faces lined in pain Are soothed beneath the artist's loving hand.
Now I understand...what you tried to say to me. And how you suffered for your sanity... and how you tried to set them free. They would not listen they did not know how. Perhaps they'll listen now.
For they could not love you, But still your love was true. And when no hope was left inside on that ... Starry, starry night You took your life as lovers-often do.
But I could have told you, Vincent This world was never meant for one as beautiful as you.
Starry, starry night ... portraits hung in empty halls. Frameless heads on nameless walls with eyes that watch the world and can't forget.
Like the strangers that you've met, the ragged men in ragged clothes. The silver thorn of bloody rose lie crushed and broken on the virgin snow.
Now I think I know what you tried to say to me. And how you suffered for your sanity. And how you tried to set them free. They would not listen they're not listening still.
Perhaps they never will
คืนดวงดาวพร่างพราวฟ้า แต่งแต้มจานสีเธอด้วยสีฟ้าสีเทา เฝ้ามองทิวาวารแห่งคิมหันต์ฤดู ด้วยดวงตาที่หยั่งรู้ความหม่นมัวในใจฉัน
เงื้อมเงาทาบทาทิวเขา ขีดเขียนภาพร่างทิวไม้และหมู่ต้นแดฟโฟดีล สัมผัสสายลมรวยริน และความเยือกเย็นแห่งฤดูกาลเหน็บหนาว จากมวลสีสันแต่งแต้ม...บนพื้นลินินขาวราวหิมะ...
และแล้วฉันพลันเข้าใจ... สิ่งใดที่เธอพร่ำบอกฉัน ยากเย็นเพียงไหนที่เธอสู้ฝ่าฟัน และเหนื่อยยากเพียงใด เพื่อปลดปล่อยเหล่าผู้คน ไม่มีใครรับรู้ ไม่เคยมีใครรับฟัง อาจบางที...พวกเขาจะรับฟังบ้างแล้ว...
คืนดวงดาวพร่างพราวฟ้า ดั่งดอกไม้เพลิงโชติช่วงสุกใส หมู่เมฆหมุนคว้างกลางเงาหมอกม่วงหม่น... สะท้อนในดวงตาสีครามของวินเซนต์
สีสันแปรเปลี่ยนความเข้มจาง ท้องทุ่งยามอรุณดั่งโรยเม็ดอำพัน ใบหน้าอันทุกข์ทน กร้านกรำทรมาน... พลันได้รับการบรรเทา...ใต้มือเปี่ยมรักแห่งศิลปิน
บัดนี้ฉันจึงเข้าใจ... สิ่งใดที่เธอเพียรบอกฉัน ยากเย็นเพียงไหนที่เธอสู้ฝ่าฟัน และเหนื่อยยากเพียงใด เพื่อการปลดปล่อยเหล่าผู้คน ไม่มีใครรับรู้ ไม่เคยมีใครเข้าใจ บางทีตอนนี้...จะมีใครรับฟังบ้างแล้ว...
แม้ไม่อาจมีใครรักเธอ แต่รักเธอยังคงเที่ยงแท้เพียงนั้น และเมื่อยามสิ้นไร้ความหวัง โอ้ คืนแห่งดาราพร่าพราย... เธอได้พลีใจกาย เช่นเหล่าผู้มีรักได้เคยกระทำ
แต่วินเซนต์เอ๋ย... ฉันอาจบอกเธอได้เพียงว่า โลกนี้ไม่เคยคู่ควร... กับผู้งดงามเช่นเธอ
คืนดวงดาวพร่างพราวฟ้า.... รูปเหมือนแขวนไว้ในห้องโถงเวิ้งว้างว่างเปล่า ใบหน้าในภาพไร้กรอบ... ติดผนังไว้โดยไร้นาม กับดวงตาที่ยังเฝ้ามองสรรพสิ่งและไม่เคยลืมเลือน
เหมือนเหล่าคนจรพลัดถิ่นที่เธอเคยพบพาน คนยากไร้ในอาภรณ์คร่ำคร่า ดั่งหนามสีเทาเงิน กุหลาบแดงสดใส ถูกขยี้แหลกลาญ กลางผืนหิมะขาวสะอาด
บัดนี้ฉันจึงคิดเข้าใจ...สิ่งใดที่เธอเพียรบอกฉัน ยากเย็นเพียงไหนที่เธอสู้ฝ่าพัน เหน็ดเหนื่อยเพียงใด กับการปลดปล่อยเหล่าผู้คน พวกเขาไม่เคยรับรู้... ยังไม่มีใครยอมรับฟัง
อาจบางที...พวกเขาไม่มีวันเข้าใจ...
เนื้อเพลงและแปลโดย คุณจีระศักดิ์ กุลวิบูลย์ จากกระทู้ แปลพลง Vincentฯ
| |  | |  |

Vincent Van Gogh ภาพจาก wikipedia.org
ค่ำคืนที่ดวงดาวพร่างพรายเต็มท้องฟ้าคืนหนึ่งในเดือนมิถุนายนปี ๑๘๘๙ เคยเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินโพสต์-อิมเพรสชั่นนิสต์ชื่อ วินเซนต์ แวน โก๊ะ (Vincent Van Gogh ภาษาดัตช์ออกเสียงว่า ฟินเซนต์ ฟัน โคค) ถ่ายทอดภาพดวงดาวพราวพร่างในสายตาของตัวเอง จนกลายเป็นภาพเขียน The Starry Night อันโด่งดัง พอ ๆ กับภาพดอกทานตะวันหรือภาพพอร์เทรตของตัวเขาเองที่เป็นงานชิ้นสำคัญไม่แพ้กัน วินเซนต์เขียนภาพนี้จากวิวนอกหน้าต่างของโรงพยาบาลบ้า เราไม่รู้แน่ชัดว่าเขา บ้า แค่ไหน ที่แน่ ๆ ก็คือวินเซนต์เคยคลุ้มคลั่งถึงขนาดที่ตัดหูข้างซ้ายของตัวเองทิ้ง และเขาต้องไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้าเป็นเวลากว่าหนึ่งปี

ท่านแวนโก๊ะเมื่ออายุ ๑๓ (ค.ศ. ๑๘๖๖) ภาพจาก wikipedia.org
แต่การตัดสินว่าใครบ้าหรือไม่บ้าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก หากย้อนไปศึกษาประวัติของศิลปินชื่อก้องโลกคนนี้ เราจะพบว่าวินเซนต์อาจจะเป็นเพียงชายหนุ่มผู้อ่อนไหวคนหนึ่ง เขาเพียงแค่สนใจเรื่องศาสนาอย่างจริงจัง เขาเพียงแค่อยากจะมีชีวิตตามครรลองของสังคมในยุคนั้น เขาเพียงแค่มีความรักให้กับหญิงสาว แต่ทุกสิ่งที่เขาต้องการกลับตอบปฏิเสธอย่างไรเยื่อใย ในที่สุดเขาก็พบว่าตัวเองเหลือเพียงแค่งานศิลปะ และน้องชายของเขาที่ชื่อธีโอเท่านั้น ที่ยังพอใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจได้บ้าง

ท่านแวนโก๊ะเมื่ออายุ ๑๙ (ค.ศ. ๑๘๗๒) ภาพจาก wikipedia.org หลังกลับคืนสู่สังคมปกติ วินเซนต์ยังคงใช้ชีวิตอย่างลำบากแร้นแค้น แต่เขายังวาดรูปเป็นจำนวนมากและเขียนจดหมายถึงธีโออย่างสม่ำเสมอ ผลงานในช่วง ๒ ปีหลังจากออกจากโรงพยาบาลถือว่าเป็นห้วงเวลาที่ความสามารถทางศิลปะของเขาเข้าสู่จุดสูงสุด เส้นสายสั่นสะเทือน สีสันรุนแรง แสดงถึงอารมณ์พลุ่งพล่านและเป็นภาพแทนมุมมองจากสายตาเฉพาะตัวของศิลปินได้อย่างน่าตื่นใจ

ภาพ self-portrait ที่ท่านแวนโก๊ะวาดหลังจากตัดหูตัวเอง ภาพจาก wikipedia.org แต่ทุกอย่างยังคงไม่มีอะไรดีขึ้น งานศิลปะของเขายังคงไม่มีใครสนใจ ในที่สุดวินเซนต์ก็พานพบกับความมืดมนในจิตใจอีกครั้ง เขาตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการยิงสีข้างตัวเองเมื่ออายุ ๓๗ ปี ตลอดชีวิตของวินเซนต์ เขาวาดรูปไปกว่า ๒,ooo ชิ้น และเขียนจดหมายถึงธีโอกว่า ๖oo ฉบับ จดหมายเหล่านี้ก็กลายเป็นหลักฐานบ่งบอกความคิดและชีวิตของวินเซนต์ที่หลงเหลือไว้ให้คนรุ่นหลัง

ธีโอ น้องชายของท่านแวนโก๊ะ ภาพจาก public.fotki.com แล้วคนรุ่นหลังนี่เองที่ค่อย ๆ ยกย่องให้ วินเซนต์ แวน โก๊ะ เป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลก เมื่อเวลาผ่านไปผลงานของเขาก็กลายเป็นของล้ำค่า และชีวประวัติแสนขื่นขมของเขาก็กลายเป็นตำนาน
เวลาผ่านไปราว ๘o ปีหลังความตายของวินเซนต์ ในเช้าวันหนึ่งของฤดูใบไม้ร่วงปี ๑๙๗o ชายหนุ่มชาวอเมริกันชื่อ ดอน แม็กลีน (Don Mclean) กำลังอยู่กับวันเวลาที่ย่ำแย่ เขามีชีวิตแต่งงานที่ขมขื่น ความฝันที่อยากจะเป็นนักร้องชื่อดังก็ยังไปไม่ถึงไหน ตอนนั้นการร้องเพลงของเขาก็มีแค่งานร้องเพลงให้เด็กๆ ในชั้นเรียนฟังเท่านั้น เช้านั้นดอนนั่งอ่านชีวประวัติของ วินเซนต์ แวน โก๊ะ อยู่ตรงเฉลียงหน้าบ้าน เรื่องราวชีวิตของวินเซนต์กระทบใจของดอนอย่างรุนแรง เขาเข้าใจทันทีว่าวินเซนต์ไม่ใช่คนบ้า เขาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของศิลปินคนนี้ แล้วเขาก็เกิดแรงบันดาลใจที่จะแต่งเพลงเกี่ยวกับชีวิตของศิลปินผู้อาภัพคนนี้ ดอนหาภาพ The Starry Night มานั่งดู แล้วเขาก็เริ่มแต่งเพลง Starry, starry night...

ภาพจาก wikipedia.org
เพลง Vincent ไม่มีอินโทรใด ๆ ทั้งสิ้น นักแต่งเพลงหนุ่มเพียงเริ่มต้นคำแรกและโน้ตแรกของเพลงจากชื่อภาพของ วินเซนต์ แวน โก๊ะ ที่เขาถืออยู่ในมือ แล้วหลังจากนั้น เนื้อเพลงที่งดงามที่สุดเพลงหนึ่งในประวัติศาสตร์ดนตรีอเมริกันก็ค่อย ๆ ถูกวาดขึ้นมา

ภาพจาก slicethelife.com ดอนใช้ถ้อยคำเกี่ยวกับสีสันที่เปี่ยมอารมณ์ในหลายๆ ท่อนเพลงอย่าง Swirling clouds in violet haze, The eyes of China blue หรือ Snowy linen land ซึ่งดูจะเป็นการใช้ถ้อยคำมาระบายสีในวิถีเดียวกับที่วินเซนต์ใช้พู่กันบรรเลงความรู้สึก มีการพูดถึงดอกทานตะวันจากภาพวาดเลื่องชื่อภาพหนึ่งของวินเซนต์ว่า Flaming flowers that brightly blaze นอกจากนี้ ดอนยังใส่ถ้อยคำปลอบประโลมราวกับว่าเขาแต่งเพลงนี้โดยมีวินเซนต์มานั่งอยู่ตรงหน้า ช่วงหนึ่งดอนเขียนว่า เขาเข้าใจความเจ็บปวดจากการพยายามทำให้ตัวเองให้ดูเป็นคนปกติของวินเซนต์!

ภาพดอกทานตะวันที่แพงที่สุดในโลก ภาพจาก overstockart.com
นักแต่งเพลงหนุ่มแบ่งท่อนเวิร์สของเพลงออกเป็น ๓ ท่อน สองท่อนแรกลงท้ายด้วยความหวังที่ค่อย ๆ ริบหรี่ลง ก่อนจะปิดท้ายเพลงด้วยความหวังที่มอดดับไป ในช่วงกลางเพลงเขายังแทรกเรื่องอัตวินิบาตกรรมของวินเซนต์ไว้อย่างงดงามราวบทกวี

ภาพจาก slicethelife.com
เพลง Vincent ของ ดอน แม็กลีน กลายเป็นดังขนาดที่ติดอันดับ ๑ ที่ประเทศอังกฤษ แล้วมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อัลบั้ม American Pie (1971) ของเขากลายเป็นงานอมตะของคนดนตรีโฟล์กมาจนทุกวันนี้ เพลงนี้ยังเข้าไปอยู่ในใจของศิลปินจำนวนนับไม่ถ้วน นักร้องหลากหลายแนวเพลงคัฟเวอร์เพลงนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า มีตั้งแต่วงร็อกหนัก ๆ ศิลปินป๊อปจ๋า ยันคนดนตรีแจ๊ส

ภาพจาก 45cat.com แต่เวลาและสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดที่เพลง Vincent ถูกนำไปบรรเลง ก็คือที่พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะที่อัมสเตอร์ดัม เพลงหวานเศร้าเพลงนี้ถูกเปิดเป็นบรรยากาศในพิพิธภัณฑ์ทุกวัน ในห้องที่จัดแสดงพู่กันที่ครั้งหนึ่งวินเซนต์ แวน โก๊ะ เคยใช้ระบายอารมณ์และความรู้สึก

พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ ภาพจาก mnque.com
ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันเข้าใจสิ่งที่เธอพยายามบอกฉันแล้ว รวมทั้งความเจ็บปวดจากความปกตินั่นด้วย เธอพยายามที่จะปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ แต่พวกเขาไม่เคยฟัง ...ตอนนี้ก็ยังไม่ยอมฟัง บางที พวกเขาอาจไม่มีวันรับฟัง ชีวิตและผลงานของวินเซนต์ถูกนำมาตีความ วิเคราะห์ และเล่าซ้ำในปริมาณนับไม่ถ้วน วันนี้เขากลายเป็นศิลปินที่คนทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี แต่ภายใต้คำที่กว้างใหญ่อย่าง ศิลปะ หรือ ศิลปิน นั้น จะมีสักกี่คนกันที่เข้าใจชีวิตของเขาอย่างแท้จริง

"Self-Portrait with Straw Hat" ภาพจาก vangoghgallery.com
แต่อย่างน้อยที่สุด วันนี้ใครบางคนก็อาจเคยตั้งใจรับฟัง และแว่วได้ยินสุ้มเสียงแผ่วเบาที่แอบกระซิบอยู่ในภาพวาดของ วินเซนต์ แวน โก๊ะ บ้างแล้ว ผ่านทางบทเพลงที่ชื่อ Vincent ของ ดอน แม็กลีน

"Starry Night over The Rhone" (คืนที่ดาวพราวฟ้าเหนือแม่น้ำโรน) ภาพจาก mnque.com

สุสานที่ Auvers-sur-Oise ชานกรุงปารีสที่ท่านแวนโก๊ะและธีโอถูกฝังร่างไว้เคียงกัน ภาพจาก wikipedia.org
ข้อมูลจาก komchadluek.net คอลัมน์ "มองผ่านเลนส์คม" โดย วิภว์ บูรพาเดชะ

ในกระทู้ แปลพลง Vincentฯ คุณจังงังร้อยกรอง "อุปัฏฐิตาฉันท์" รำลึกถึงท่านแวโก๊ะไว้เพราะได้ใจมาก ขออนุญาตนำมาลงไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่บล็อกนี้ค่ะ
 | |  | |
แด่จิตรกรเอกผู้ลำเค็ญ วินเซ็นต์ วิลเลี่ยม แวนโก๊ะ ด้วยดวงใจ...
(๑)
๏ ราตรีศศิงาม....................และอร่ามนภาพราว คราเขียนอุระราว.................ผิว์ทะท้าวละเลงสี - ฟ้าเทาขณะป้าย..................สิระบายระทมมี มองด้วยศมนีย์*..................อรดี ณ คิมหันต์ ๚
(๒)
๏ แสงเงารุจิรา....................กระจะตา ณ ไพรวัลย์ ทอดผ่านคิริอัน....................ฐิติยั้งตระหง่านคง ร่างเส้นผิว์พินิจ.....................และลิขิตวนาพงษ์ มาลาจะประจง.....................จิตคงละเลงไป ๚
(๓)
๏ งานศิลปะนี้......................มิจะมีวิธีใด อ้างอิงนิติใคร......................ดุจให้ประหลาดฤๅ เขียนลมขณะพัด..................และนิทัศน์ขยับมือ ป้ายสีมติคือ.........................มุติสื่อสนองตน ๚
(๔)
๏ เขียนรูปฤตุหนาว...............อุระร้าวและอับจน แต่งแต้มมหิดล....................และสกลสะอ้านงาม คลุมด้วยหิมะมวล.................ขณะง่วนระบายความ เป็นภาพปริณาม...................และนิยามนิรันดร ๚
(๕)
๏ มองภาพ มน เพ่ง...............สิเชลงนิพนธ์กลอน- กาพย์ฉันท์ขณะตอน..............อุระร้อนหทัยครวญ เข้าใจนยะนี้.........................และวิธีสิสื่อมวล- เรื่องราวนิติถ้วน.....................สิคระหวนคะนึงนาน ๚
(๖)
๏ คุณคล้ายดุจทุกข์................มิสนุกเกษมศานต์ ว้าวุ่นทรมาน..........................จิระกาลสะท้านทรวง จึ่งคิดวิธิคลาย........................สิสลายระทมปวง- อ่อนล้าสละยวง......................และระลวงสยบลง ๚
(๗)
๏ เพียงอิสระนั้น....................บ่มิหวั่นฤทัยคง- หมั่นขีดและผจง....................ดุจบ่งประสงค์จริง หากมีทุรชน..........................สิวิจลวิจารณ์ชิง- ชังว่า นรศฤงค์*.....................มิวิจิตรตระการตา ๚
(๘)
๏ พวกเขาบ่มิฟัง...................จรคั่ง*ทุวาจา ไร้ซึ่งสติมา-........................จะวิเคราะห์และไตร่ตรอง ตราบสิ้นบริคนห์ ...................อนุชนประสงค์มอง เป็นแบบนิติต้อง-...................สิสนองและบูชา ๚
(๙)
๏ ราตรีศศิงาม.........................ชุติวามสบายตา ไม้ดอกผลิ ฤ ว่า.......................สิประภาประดุจไฟ มวลเมฆ ณ นภา.......................ผิว์ถลาละลิ่วไกล แปลกตาคละประไพ..................สิสลับละไมคง ๚
(๑๐)
๏ มวลภาพบ่มิเลือน.................ดุจเหมือนสถิตตรง- ปรากฏมุติบง..........................คติตรง ณ ดวงตา- วินเซนต์ ฯ ขณะเขียน...............และมุเพียรละเลงครา- รุ่งโรจน์รวิจ้า...........................สิสว่างกระจ่างครัน ๚
(๑๑)
๏ ทุ่งข้าวกระจะนัก.................ดุจลักษณ์ ณ อำพัน โศกเศร้า ตม นั้น....................สรพัน ณ หทัย เคยทุกข์และระทม..................บ่มิสมระเริงใด กลับชื่นรติใคร่........................ณ ทิวากระไรมี ฯ
(๑๒)
๏ โอ้ว่าจิตรกร.......................ฤ ฉะอ้อนและโศกี แม้ไร้รติที่-............................นรชนสิให้มา หากแม้นมตินั้น......................ดุจมั่นนิรันดร์นา ปราศสุข ณ อุรา.....................มิมล้างและเปลี่ยนไป ๚
(๑๓)
๏ ราตรีศศิงาม.........................ระดะวามนภาไกล ฆ่าตนเพราะอะไร......................ฤ หทัยมิไตร่ตรอง เปรียบผัวภริยา........................รติมาสลายกอง ฤาคุณสิคะนอง.........................วิเคราะห์ผอง มิ ตรองดี ๚
(๑๔)
๏ ฉันควรอธิบาย.....................และขยายระบานี* บอกว่าปฐพี............................มิเหมาะที่สิควรคุณ- ผู้ซึ่งมนงาม............................มุจะข้ามนิยามดุลย์ เขียนรูปและพิธุร*...................ผิว์สลดและวุ่นใจ ๚
(๑๕)
๏ ราตรีศศิงาม.........................และอร่ามนภาไกล ภาพเขียนระดะไป....................ณ นิวาสและปราศชน ภาพเขียนสิริลักษณ์.................และวิจักขณ์คละรูปตน ไร้ชื่อสิฉงน.................................ดุจคนปะปนกัน ๚
(๑๖)
๏ สายตามิผละหนี....................ผิว์ฤดีมิลืมวัน โลกหล้าสรพัน..........................มิสลายมลายเลือน คล้ายมวลนรชน.......................และวิกลจริตเบือน เสื้อผ้าดุจเหมือน......................สติเฟือนคละเกลื่อนตา ๚
(๑๗)
๏ แปลกหน้าขณะพบ.................ฤ ประสบอนาถา โปรดจงกรุณา..........................มุทุตาและเกื้อกูล ดุจไม้ศุจิแย้ม...........................ผิว์กุหลาบและแหลมบูรณ์ ถูกบีบสิกระลูน*........................มิเสถียรจรูญใด- ๚
(๑๘)
๏ ยังเกลื่อนหิมะขาว................อุระร้าวและร่ำไร ยามนี้ระบิใด...........................ดุจะได้กระจ่างจริง รู้ว่าขณะนี้..............................มุติที่สิอ้างอิง คุณบอกมติสิ่ง.........................ผิว์พะพริ้ง*ณ ผลงาน ๚
(๑๙)
๏ คุณคล้ายดุจทุกข์..................มิสนุกเกษมศานต์ ว้าวุ่นทรมาน............................จิระกาลสะท้านทรวง จึ่งคิดวิธิคลาย..........................สิสลายระทมปวง- อ่อนล้าสละยวง.........................และระลวงสยบลง ๚
(๒๐)
๏ เพียงอิสระนั้น.......................บ่มิหวั่นฤทัยคง- หมั่นขีดและผจง.......................ดุจบ่งประสงค์จริง หากมีนรชน..............................สิวิกลวิจารณ์ชิง- ชังว่า นรศฤงค์*........................มิวิจิตรตระการตา ๚
(๒๑)
๏ โอ้ว่าจิตรกร.........................ฤ ฉะอ้อนและโศกา แม้ไร้รติครา-...........................ทุรชนประณามใด หากไร้มุทิตา-..........................มติพาระทมใจ บางทีรติใฝ่..............................ดุจไร้นิรันดร ๚ะ๛
๏๏๏ อุปัฏฐิตาฉันท์ ๏๏๏ ( ๑๑ )
| |  | |  |
บล็อกคุณปอนล่าสุด
ดอกไม้ในแจกัน เสียงหัวใจ
บล็อกเสพงานศิลป์ล่าสุด
เสพงานศิลป์ ๒๒๙
บล็อกนี้อยู่ในหมวดแฟนคลับ
บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ ebaemi และคุณ somjaidean100
ภาพในกล่องเม้นท์เป็นผลงานของท่านแวนโก๊ะชื่อ Fishing Boats on the Beach (เรือหาปลาบนหาดทราย) ชนาด ๗o ซม. X ๘o ซม. เทคนิคสีน้ำมันบนผ้าใบ ภาพจาก artkustiks.wordpress.com
Free TextEditor
Create Date : 12 กันยายน 2558 |
Last Update : 14 กันยายน 2558 19:46:31 น. |
|
16 comments
|
Counter : 6822 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 13 กันยายน 2558 เวลา:13:06:24 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 13 กันยายน 2558 เวลา:16:36:44 น. |
|
|
|
โดย: moresaw วันที่: 14 กันยายน 2558 เวลา:6:31:34 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 14 กันยายน 2558 เวลา:9:25:05 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 กันยายน 2558 เวลา:10:18:01 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 14 กันยายน 2558 เวลา:22:57:55 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 15 กันยายน 2558 เวลา:0:02:26 น. |
|
|
|
โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 15 กันยายน 2558 เวลา:9:39:36 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 15 กันยายน 2558 เวลา:17:43:15 น. |
|
|
|
โดย: VELEZ วันที่: 19 กันยายน 2558 เวลา:19:48:34 น. |
|
|
|
โดย: srithong jivatakulwong IP: 49.49.5.131 วันที่: 2 ตุลาคม 2558 เวลา:0:18:40 น. |
|
|
|
|
|
|
BlogGang Popular Award#19 |

|
|
|
|
|
|
|
แบบว่า สะกดห้วงหัวใจได้มากจริงๆค่า
เหมือนกล่อมไปในตัวเลย ^^
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
haiku Fanclub Blog ดู Blog