happy memories
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2557
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
7 ตุลาคม 2557
 
All Blogs
 

เสพงานศิลป์ ๑๔๙





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










การประกวด "ศิลปกรรมช้างเผือก" ครั้งที่ ๔


การประกวดศิลปกรรมช้างเผือก เกิดจากความตั้งใจอันดีของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฟ้นหาศิลปินไทยรุ่นใหม่ที่มีความสามารถทางศิลปะอันโดดเด่น และส่งเสริมการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าพร้อมนำเสนอต่อสาธารณชน ซึ่งถือเป็นแนวทางที่สำคัญในการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจด้านศิลปะร่วมสมัยให้ขยายไปสู่การรับรู้ของสังคมในวงกว้าง อีกทั้งยังเป็นเวทีให้เหล่าศิลปินได้แสดงถึงศักยภาพในการสร้างสรรค์ศิลปะแบบเหมือนจริง (Realistic) และศิลปะรูปลักษณ์ (Figurative Art) ซึ่งยึดถือความเหมือนจริงเป็นแก่นสำคัญ


การดำเนินการประกวดศิลปกรรมช้างเผือก เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และดำเนินงานต่อเนื่องเรื่อยมาเป็นประจำทุกปี โดยในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งนับเป็นการจัดประกวดครั้งที่ ๔ นี้ จะใช้หัวข้อ “สมเด็จพระเทพฯ ของชาวไทย” เพื่อให้ศิลปินและผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดี ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ชื่นชมในพระอัจฉริยภาพและพระจริยาวัตรอันงดงาม เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖o พรรษา ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘


ผลงาน
การประกวดศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ ๔ เปิดรับผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และสื่อผสม ในแนวทางเหมือนจริง โดยไม่จำกัดเทคนิคและวัสดุ ภายใต้หัวข้อ “Our Beloved Princess: สมเด็จพระเทพฯ ของชาวไทย”


ประเภทของผลงาน
จิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ไม่จำกัดเทคนิคและวัสดุ


เงื่อนไขการส่งผลงานเข้าประกวด

๑. ดาวน์โหลดใบสมัครได้จาก thaibev.com และ bacc.or.th

๒. ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดจะต้องเป็นศิลปินหรือผู้สร้างสรรค์งานศิลปะที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ไม่จำกัดสัญชาติหรือภูมิลำเนา

๓. ผู้เข้าร่วมประกวดต้องกรอกรายละเอียด ชื่อ-นามสกุล ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ที่อยู่ และรายละเอียดอื่น ๆ ในใบสมัครอย่างชัดเจน ครบถ้วน และแนบมาพร้อมกับผลงานในวันส่งผลงาน

๔. ผู้สมัครสามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้ไม่เกินคนละ ๒ ชิ้น ผลงานแต่ละชิ้นรวมกรอบและแท่นฐานแล้ว ต้องมีขนาดไม่เกิน ๒.๕ x ๒.๕ เมตร (งานสองมิติ) และ ๒ x ๒ x ๒ เมตร (งานสามมิติ) หากเป็นผลงานภาพพิมพ์หรือประติมากรรม ต้องระบุจำนวนพิมพ์ (Edition) โดยผลงานนั้นจะต้องอยู่ในสภาพเรียบร้อย พร้อมติดตั้ง

๕. ผู้สมัครต้องส่งผลงานจริง โดยระบุชื่อผลงาน ขนาด เทคนิค ปีที่สร้าง จำนวนพิมพ์ (ถ้ามี) และแนวความคิดในการสร้างสรรค์ผลงาน ส่งผลงานระหว่างวันที่ ๒o-๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑o.oo-๑๘.oo น. กรณีส่งผลงานทางไปรษณีย์ ต้องประทับตราวันที่ส่ง ภายในวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ และส่งถึง โครงการศิลปกรรมช้างเผือก ชั้น ๑ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ๙๓๙ ถ.พระรามที่ ๑ แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. ๑o๓๓o

ทางคณะผู้จัดงานจะไม่มีเจ้าหน้าที่ไปรับที่ไปรษณีย์หรือบริษัทขนส่ง และหากมีความเสียหายใด ๆเกิดขึ้นเนื่องจากการขนส่ง ทางคณะผู้จัดงานอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบในความเสียหายนั้น

๖. ผลงานที่ส่งเข้าประกวดจะต้องไม่มีเรื่องราวหรือเนื้อหาที่ละเมิดต่อศีลธรรม จริยธรรม

๗. ห้ามนำผลงานที่เคยส่งแล้วมาส่งซ้ำ และผลงานนั้นต้องไม่เคยได้รับรางวัลหรือจัดแสดง ณ ที่ใดมาก่อน

๘. ผลงานที่ได้รับรางวัลทั้งหมด ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) หากเป็นผลงานประติมากรรมและภาพพิมพ์ จะถือเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ เฉพาะผลงานชิ้นที่ส่งเข้าประกวด ในกรณีที่ผลงานชิ้นที่ส่งเข้าประกวดเป็นเพียงงานต้นแบบ ผู้ส่งประกวดที่ได้รับรางวัลต้องดำเนินการหล่อผลงานจริงและเซ็นชื่อพร้อมระบุเอดิชั่นให้กับทางบริษัทฯ หลังจากการประกาศผลรางวัลสิ้นสุด

๙. ผลงานทุกชิ้นที่ส่งเข้าร่วมในครั้งนี้ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) มีสิทธิ์ในการจัดพิมพ์เผยแพร่ผลงานในสูจิบัตรและเอกสารสิ่งพิมพ์ รวมทั้งสารสนเทศสมัยใหม่ทุกชนิด

๑o. ภายหลังจากการประกาศผลรางวัล ผู้สมัครที่ไม่ได้รับรางวัลใด ๆ ให้นำบัตรประชาชนมาขอรับผลงานคืนจากหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ภายในวันที่ ๖-๒o มีนาคม ๒๕๕๘ ระหว่าง ๑o.oo-๑๗.oo น. ส่วนผู้ได้รับคัดเลือกร่วมแสดงงาน ติดต่อรับผลงานคืนระหว่างวันที่ ๒๗ พฤษภาคม – ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ เวลา ๑o.oo-๑๗.oo น. เท่านั้น มิฉะนั้น คณะผู้จัดงานจะถือเป็นสิทธิ์ขาดในการดำเนินการกับผลงานที่ไม่ได้รับการติดต่อขอรับคืน

๑๑. คณะผู้จัดงานจะใช้ความระมัดระวังในขณะขนย้ายหรือจัดเก็บผลงานศิลปะทุกชิ้นอย่างเต็มที่ แต่หากเกิดความเสียหายกับผลงานไม่ว่ากรณีใด ๆ ทางคณะผู้จัดงานอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบนั้น ๆ

รางวัล
รางวัลช้างเผือก ๑ รางวัล รางวัลละ ๑,ooo,ooo บาท
รางวัลชนะเลิศ ๑ รางวัล รางวัลละ ๕oo,ooo บาท
รางวัลรองชนะเลิศ ๕ รางวัล รางวัลละ ๑๕o,ooo บาท
รางวัลชมเชย ๑๒ รางวัล รางวัลละ ๘o,ooo บาท
***รวมเงินรางวัลทั้งสิ้น ๓,๒๑o,ooo บาท***


การตัดสินรางวัล
- การตัดสินผลงานใช้เกณฑ์การตัดสินจากคุณภาพของงานแต่ละชิ้นโดยไม่แยกประเภท แต่จะประเมินและยึดถือคุณค่าของตัวงานนั้น ๆ เป็นสำคัญ
- การตัดสินรางวัลจะมีขึ้นในวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
- ประกาศผลรางวัลทางเว็บไซต์ haibev.com และ bacc.or.th วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘
- หากไม่มีผลงานใดผ่านเกณฑ์การพิจารณาสำหรับรางวัลใดรางวัลหนึ่ง คณะกรรมการขอสงวนสิทธิ์การให้รางวัลนั้น
- การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด จะอุทธรณ์มิได้
- ผลงานทั้งหมดที่ได้รับรางวัลจะได้รับการจัดแสดงนิทรรศการ ณ ชั้น ๘ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ระหว่างวันที่ ๒๖ มีนาคม-๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘


คณะกรรมการคัดเลือกและตัดสิน ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการศิลปะจำนวน ๙ ท่าน ได้แก่

ศาสตรเมธีนนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน
คุณพาสินี ลิ่มอติบูลย์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ถาวร โกอุดมวิทย์
คุณสมภพ บุตราช
อาจารย์เกริกบุระ ยมนาค
คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูล
อาจารย์เริงศักดิ์ บุณยวาณิชยกุล
อาจารย์นิติกร กรัยวิเชียร
คุณศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี


สอบถามรายระเอียดเพิ่มเติม
กรุณาติดต่อหอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล (ผู้ดำเนินงาน)
หมายเลข : o-๒๔๒๒-๒o๙๒ แฟกซ์ : o-๒๔๒๒-๒o๙๑ อังคาร-เสาร์ ๑o.๓o-๑๙.oo น.
อาทิตย์ ๑o.๓o-๑๗.๓o น. Email : ardelgallery@gmail.com
Facebook : ศิลปกรรมช้างเผือก



ภาพและข้อมูลจากเวบ
bacc.or.th














๖๗ ปี แห่งการทรงงาน


อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ และพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณไปกับในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ชุด "๖๗ ปี แห่งการทรงงาน" ตั้งแต่ ๑o.oo-๑๙.oo น.


พร้อมโอกาสพิเศษเข้าชมนิทรรศน์รัตนโกสินทร์...ฟรี !! ทุกวันที่ ๕ ของเดือน ตลอดปี ๒๕๕๗ เริ่ม ๕ มิถุนายนนี้ เป็นต้นไป



ภาพและข้อมูลจากเวบ
travel.truelife.com
nitasrattanakosin.com












Mars and Venus by Tizian 1550


Kunarhalle เมือง Krems


Kunsthalle เมือง Krems ที่เป็นผลจากการออกแบบปรับปรุงโรงงานยาสูบเก่าบนพื้นที่ ๒,ooo ตารางเมตรโดย Adolf Krischanitz ในปี ๑๙๙๒ นี้เน้นการจัดแสดงผลงาน Modern และ Contemporary Art เป็นหลักโดยเน้นในแง่บริบทของการพัฒนาประวัติศาสตร์ในด้านพฤติกรรม แนวคิด และการตีความโลกตามความเป็นจริง ที่นี่ไม่มีการจัดแสดงผลงานแบบถาวร แต่จะจัดแสดงผลงานศิลปะแบบนิทรรศการเป็นหลัก เช่น งานนิทรรศการ Big Feeling ที่จัดขึ้นเพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกและการเคลื่อนไหวทางด้านจิตใจของประชาชนในบริบทของศิลปะ





Solario Salome with the Head of John the Baptist by Andrea Solario 1520





Still life by Pieter Claesz Vanitas 1656



งาน Big Feeling เป็นการนำผลงานศิลปะแนว Contemporary Art จำนวน ๕o ชิ้นจาก The Fondazione Sandretto RE Rebaudengo ในตูรินมาจัดแสดงร่วมกับผลงานศิลปะบางส่วนของ Kunsthistorisches Museum ในเวียนนา เช่น จากส่วนของห้องภาพ อาวุธ ของโบราณ หมวดอียิปต์ และเสื้อผ้าโดยจัดหมวดหมู่ตามอารมณ์ เช่น ความรัก ความปิติยินดี ความกลัว ความโกรธ ความเศร้าเสียใจ และความผิดหวัง แม้ลักษณะของผลงานจะมาจากวันเวลาที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างการแสดงออกกลับเชื่อมโยงกันในแง่ของอารมณ์​ เป้าหมายของนิทรรศการก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงอำนาจของศิลปะที่ไม่เพียงจะเก็บงำอารมณ์จากอดีตเพื่อถ่ายทอดมายังปัจจุบันเท่านั้น ยังสามารถที่จะเป็นตัวกำหนดอารมณ์ได้ด้วย





Penitent Mary Magdalene by FrancescoFurini 1630





Pain Paar Order by Hans von Aachen 1596



Hans-Peter Wipplingerstrasse และ Brigitte Borchhardt-Birbaumer ภัณฑรักษ์ผู้ออกแบบงานนิทรรศการนี้มีความสนใจในเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของการแสดงออกของท่าทาง และสีหน้าของผู้คนที่มักผิดเพี้ยนไปตามอารมณ์ พวกเขาจึงออกแบบนิทรรศการที่นำเอาผลงานยุคโบราณและผลงานร่วมสมัยที่มีการแสดงออกถึงสีหน้าท่าทางหลากหลายอารมณ์มาเผชิญหน้ากันโดยนำต้นแบบแนวคิดมาจาก Aby Warburg นักประวัติศาสตร์ศิลป์ที่นำเอาภาพระหว่างสมัยมาต่อกันเป็นภาพใหญ่ที่มีลักษณะเฉพาะโดดเด่น





Hippy Dialectics Ourhouse by Nathaniel Mellors 2010





Love Me by Sarah Lucas 1998



เมื่อผู้ชมเดินผ่านห้องจัดแสดงแต่ละห้องอย่างต่อเนื่องก็จะพบการเปลี่ยนแปลงของการแสดงออกของอารมณ์ที่ผันแปรไป เช่น ความรู้สึกหดหู่และรักใคร่อันเป็นอารมณ์เด่นในการแสดงออกซึ่งความผาสุกของมนุษย์ในระยะสั้นจะถูกแสดงออกในรูปของความโศกเศร้าและโหยหาในระยะยาวซึ่งจะกลายเป็นบุคลิกของมนุษย์และสังคมในเวลาต่อมา นั่นหมายความว่า การแสดงออกของอารมณ์จะไม่เพียงมีอิทธิพลต่อบทบาทของมนุษย์ในยุคสมัยนั้น ๆ แต่จะมีผลต่อการแสดงออกและกำหนดสังคม วัฒนธรรม รวมทั้งการเมืองอย่างเป็นระบบด้วย


หลังจากตื่นตาตื่นใจกับนิทรรศการใน Kunsthalle นี้แล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่คงคิดขึ้นได้ว่า แท้ที่จริงแล้วการเป็นศิลปินยุคปัจจุบันนี่เป็นเรื่องของ Concept อย่างแท้จริง





Bidibidobidiboo by Maurizio Cattelan 1996





Cyber Iconic Man by Jake und Dinos Chapman



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com














ศิลปะบนนาข้าวเมืองเสิ่นหยาง


๔๕๓,ooo ตารางเมตรของสนามจะเป็นตัวเป็นตนและมีรูปแบบที่ง่ายและนามธรรมตัวอักษรร่างมนุษย์สัตว์และพืช Nezha เอาชนะราชามังกรเป็นหนึ่งในภาพที่น่าสนใจที่สุดที่เป็นจุดเด่น; Nezha เป็นเทพจากตำนานจีนโบราณและวรรณกรรม


เสิ่นหยางเริ่มการสร้างงานศิลปะนาข้าวในปี ๒o๑๒ และเป็นเจ้าภาพมันเป็นประจำทุกปี "Qixinglongteng", "เซเว่นดาวและเป็นหนึ่งในมังกร" ที่สร้างขึ้นในปี ๒o๑๒ สร้างขึ้นใน Shenbei พื้นที่ใหม่ถือเป็นหนึ่งในงานศิลปะนาข้าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก. เมืองเพราะ ๑oo,ooo ตารางเมตรของศิลปะนาข้าวได้รับ การรับรองของการวาดภาพนาข้าวที่ใหญ่ที่สุดในโลกจาก WRA


สมาคมโลกบันทึก (ย่อว่า WRA) การลงทะเบียนอย่างเป็นทางการในปี ๒o๑o ก่อตั้งขึ้นโดยผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาลฮ่องกงและเป็นองค์กรที่บันทึกเชิงพาณิชย์ในรายการที่ไม่ใช่กีฬาบันทึกโลกพลเรือน ตอนนี้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเมืองเสิ่นหยางได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจด้วยนาข้าวที่


ศิลปะนาข้าวเป็นรูปแบบศิลปะที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ๑๙๙๓ ผู้คนใน Inakadate, อาโอโมริกำลังมองหาวิธีการที่จะฟื้นฟูหมู่บ้านของพวกเขา เพื่อเป็นเกียรติแก่ ๒,ooo ปีของพื้นที่ปลูกข้าวที่พวกเขาตัดสินใจที่จะใช้ข้าวเป็นผ้าใบและปลูกฝังสี่ประเภทที่แตกต่างกันและสีของข้าวที่จะสร้างภาพยักษ์ ช่วยให้ดูภาพของภาพทั้งที่พวกเขาสร้างหอคอยปราสาทสูง



























ภาพและข้อมูลจากเวบ
7590n.blogspot.com














สิ้น'สุนทรียา'ศิลปินแห่งชาติ


๑ ต.ค. ๒๕๕๗ นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งว่า นายเกียรติพงศ์ กาญจนภี หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนาม 'สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์' ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ผู้ประพันธ์) ปี ๒๕๔๙ เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๓o กันยายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๖.๕๖ น. เนื่องจากโรคลิ่มเลือดอุดตันที่เส้นหัวใจ หลังจากเข้ารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กว่า ๒ เดือน สิริรวมอายุ ๘๘ ปี


โดยจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ ศาลา ๖ (ชวลิตธำรง) เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ในวันพุธที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๗.oo น. และตั้งศพบำเพ็ญกุศล สวดพระอภิธรรมศพ ๗ คืน ระหว่างวันที่ ๑-๗ ตุลาคม นี้ เวลา ๑๙.oo น. และทายาทจะเก็บศพไว้บำเพ็ญกุศล ๑oo วัน เพื่อรอพระราชทานเพลิงศพต่อไป


นายชาย นครชัย กล่าวว่า สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ ได้ประกอบคุณงามความดีสร้างสรรค์ผลงานให้แก่ประเทศชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวงการเพลงไทยสากล จนได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ผู้ประพันธ์) พุทธศักราช ๒๕๔๙ และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้น จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕o


ในการนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม มีเงินสวัสดิการสำหรับศิลปินแห่งชาติที่เสียชีวิต เพื่อร่วมบำเพ็ญกุศลศพ จำนวน ๒o,ooo บาท นอกจากนี้ยังมีเงินในการสนับสนุนการจัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน ๑๕o,ooo บาท


สำหรับประวัติ นายเกียรติพงศ์ กาญจนภี หรือชื่อในวงการเพลง สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ เกิดเมื่อวันพุธที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๙ เป็นคนกรุงเทพมหานครโดยกำเนิด บิดาชื่อ หลวงหลวงพินิจดุลอัฎ (พุฒ กาญจนภี) มารดาชื่อ นางเกษม พินิจดุลอัฎ ภรรยาชื่อ นางชวนชื่น ไกรจิตติ มีบุตรธิดา ๓ คน สำเร็จการศึกษาสาขาเศรษฐศาสตร์บัณฑิต ณ ประเทศอังกฤษ เป็นทั้งนักบริหารธุรกิจและศิลปินนักแต่งเพลง


สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ ได้ประพันธ์บทเพลงไทยสากลมาแล้วประมาณ ๑,ooo กว่าเพลง ส่วนใหญ่แต่งร่วมกับ สง่า อารัมภีร ซึ่งเป็นเพลงในละครเวที และมีผลงานประพันธ์เพลงที่แต่งร่วมกับสมาน กาญจนะผลิน ซึ่งมีเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เช่น รักปักใจ, แน่หรือคุณขา, เพลงทักษิณราชนิเวศน์, วิหคเหินลม, ที่รัก, นางสาวไทย, รักคุณเข้าแล้ว, เพียงคำเดียว, ความรักเจ้าขา, สัญญารัก, นกเขาคูรัก, ออเซาะรัก ฯลฯ


ท่านเป็นผู้ริเริ่มใช้สรรพนาม "คุณ" แทนคำว่า "เธอ" และใช้ "ผม" แทนคำว่า "ฉัน" และ "เรียม" ในเพลงรักคุณเข้าแล้ว อันเป็นคำที่ประชาชนทุกคนในยุคนั้นใช้กันติดปากในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีผลงานประพันธ์เพลงให้กับสถาบันและหน่วยงานอื่น ๆ อีก ได้รับพระราชทนแผ่นเสียงทองคำ ในฐานะประพันธ์คำร้อง จากเพลงใจพี่และเพลงวิหคเหินลม , รางวัลเสาอากาศทองคำ ในเพลงเพียงคำเดียว จากสถานีวิทยุเสียงสามยอด และรางวัลนราธิป ในฐานะนักเขียนและบรรณาธิการอาวุโสที่ทำคุณประโยชน์ด้านวรรณกรรมของสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย


ที่มาของนามปากกา "สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์" สืบเนื่องมาจากในช่วงที่ท่านแต่งเพลงนั้น ท่านยังทำงานประจำอยู่ จึงคิดว่าคงไม่เหมาะนักถ้าจะใช้ชื่อจริงในการแต่งเพลง ฉะนั้นจึงได้ไปขอให้ น.อ.สวัสดิ์ ฑิฆัมพร ตั้งชื่อนามปากกาให้และได้ชื่อว่า "สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์" โดย "สุนทรียะ" มาจากคำว่า "aesthetic" หมายถึง ความรู้สึกอันรู้จักค่าของความงาม ทำให้ไพเราะ อ่อนโยน น่ารัก ซึ่งตั้งให้ตามอุปนิสัย แต่สุนทรียะ ฟังดูห้วนและแข็งเกินไป จึงเติมให้เป็น "สุนทรียา" ส่วน "ณ เวียงกาญจน์" หมายถึงที่แดนทอง หรือ เมืองทอง ตั้งให้ตามที่มาของตระกูล



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














อินานธิ วงศ์สาม ศิลปะนามธรรมจิตวิญญาณอิสระ


อินสนธิ์ วงศ์สาม ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ หลายคนเรียกติดปากว่า "คุณลุง" คือศิลปินนามธรรมคนสำคัญของเมืองไทย ที่ทุ่มเทสร้างสรรค์งานนามธรรมตามศิลปะแบบตะวันตกมายาวนานกว่า ๕o ปี แม้ในวันนี้คุณลุงจะอยู่ในวัย ๘o ปี แต่ก็ยังคงเดินหน้าสร้างงานศิลป์ที่ตัวเองรักอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รวบรวมผลงานตั้งแต่ปี ๒๕๑๗-ปัจจุบัน ตลอดจนงานดรออิ้งชุดเก่า ในยุคแรกเริ่มก้าวสู่วงการศิลปะนามธรรม รวมแล้วนับร้อยชิ้น มาจัดแสดงในงานนิทรรศการศิลปะ “อินสนธิ์ วงศ์สาม : จิตวิญญาณอิสระ” ที่มีขึ้นตั้งแต่วันนี้ถึง ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ห้องนิทรรศการ ชั้น ๙ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร


ภายในนิทรรศการ รศ.ทักษิณา พิพิธกุล ภัณฑารักษ์เป็นผู้บรรยายถึงผลงานครั้งนี้และที่ผ่านมาของ "คุณลุง" ว่า เป็นศิลปินที่ฝีมือด้านจิตรกรรมและประติมากรรมไทยชั้นเยี่ยม โดยได้แรงบันดาลใจมาจากพ่อ จึงเข้ามาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นลูกศิษย์รุ่นท้าย ๆ ของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี และเมื่อจบการศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕o๔ ก็ได้มุ่งมั่นสร้างสรรค์งานศิลปะไทยแบบประเพณีนิยม ทว่าในความรู้สึกยังมองว่า "งานศิลปะแบบรูปธรรมที่ทำอยู่นั้นไม่สามารถทำให้คนทุกกลุ่มเข้าใจได้หมด" ในวัย ๒๘ ปี ที่กำลังรักความอิสระเป็นอย่างมาก คุณลุงได้ตัดสินใจออกเดินทางด้วยรถสกูตเตอร์คู่ใจจากประเทศไทยสู่ทวีปยุโรป เพื่อแสวงหาประสบการณ์ทางด้านศิลปะ ทั้งประเทศกรีซ อิตาลี ฝรั่งเศส ใช้เวลายาวนานกว่า ๑๒ ปีเต็ม


ช่วงแสวงหาประสบการณ์ "คุณลุง" ก็ได้จัดแสดงผลงานและพบปะพูดคุยกับนักวิจารณ์ต่างวัฒนธรรม จนค้นพบลู่ทางการสร้างงานศิลปะของตัวเอง นั่นก็คือ "งานนามธรรม" ที่สากลเข้าถึงและให้การยอมรับ


"๑๒ ปี คุณลุง เก็บเกี่ยวทั้งประสบการณ์ไปพร้อมกับสร้างผลงานหลายชิ้น อาทิ ประติมากรรรม โลหะขนาดเล็ก เริ่มจากการฝึกดรออิ้งรูปทรงต่าง ๆ มากมาย ต่อยอดเป็นผลงานศิลปะนามธรรมชุดแรก ชื่อ "ใต้ทะเลลึก" (ปี ๒๕๑๑-๒๕๑๗) และงานดรออิ้งชุดนั้นได้จัดแสดงเป็นครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา กระทั่งอายุ ๔o ปี ตัดสินใจกลับมายังแผ่นดินเกิด ได้นำเอาความรู้ที่ได้มาปรับใช้กับการดำเนินชีวิต รวมไปถึงสร้างงานศิลปะนามธรรมที่ผสานภูมิปัญญาพื้นถิ่นของไทยที่มีความยึดโยงอยู่กับธรรมชาติ อาทิ ประติมากรรมไม้ (ปี ๒๕๑๗-๒๕๒o) และประติกรรมถอดได้ (ปี ๒๕๔o) เป็นต้น"


ภัณฑารักษ์เผยถึงชุดงานที่จัดแสดงในวันนี้ เป็นผลงานตั้งแต่ปี ๒๕๑๗ จนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ผลงานลายเส้นที่เริ่มต้นเพื่อฝึกกายและจิตให้วาดไปตามธรรมชาติ ประติมากรรม ภาพพิมพ์ แกะไม้ และงานจิตรกรรม


ชุดไฮไลต์ของนิทรรศการคือ ประติมากรรมไม้ ชุดห้วยไฟ (ปี ๒๕๑๗-๒๕๒o) ที่สร้างขึ้นจากเศษซากไม้สักธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ถูกตัดและเผาทำลายเพื่อสร้างพื้นที่เกษตรกรรม ประเทศไทยสมัยนั้น คนไทยมองเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่คุณลุงกลับมองว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของความสูญเสีย ผลงานชุดนี้จึงแสดงถึงการโหยหาความบริสุทธิ์ในสภาวะธรรมชาติ รูปแบบของงานประติมากรรมชุมนี้จึงมีรูปร่างอิสระตามความเสียหายของท่อนไม้ ที่คุณลุงเจาะและแกะออกไปจนเหลือเพียงส่วนที่สมบูรณ์ กลายเป็นงานศิลปะที่สวยงาม สะท้อนความบริสุทธิ์ ความร่มเย็น ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์เราผูกพันกันมากับธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันไม่มีไม้สักใหญ่ขนาดนี้เหลืออยู่อีกแล้ว


"ประติมากรรมไม้ ชุดห้วยไฟ ผสมผสานคติตะวันออกในทุกผลงาน ไม่ว่าจะเป็น เต๋า ในเรื่องพื้นที่ว่าง ความหนา ทึบ ตันของวัตถุ แนวคิดซาโตริ ตามวิถีของเซน ความสมดุลที่นิยามถึงทางสายกลาง และกระทั่งฮินดู ที่ให้ความสำคัญเรื่องของเพศ การกำเนิด และพลังธรรมชาติ โดยคุณลุงมักเลือกวัสดุธรรมชาติมาสร้างสรรค์งานศิลปะ อย่างไม้สัก ทองเหลือง และเหล็ก โดยมองไปถึงความสมดุล อุณหภูมิ และคุณค่า" ผู้บรรยายอธิบาย


อีกทั้งผลงานที่สะท้อนความเป็นนามธรรมที่ชัดเจนที่สุดคือ ชุด ‘ติ่ง’ หรือช่องลมในภาษาเหนือ เป็นศิลปะที่เป็นนามธรรมในตัว เพราะช่องลมมีช่องว่างให้แสงส่องผ่าน เป็นความขาวสว่าง ในขณะที่ลวดลายแกะสลักเป็นเงาทึบ ความหนักและสีดำ กล่าวได้ว่าศิลปะไทยเป็นตัวทำให้ผลงานศิลปะของคุณลุงก้าวสู่ความเป็นนามธรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ


นอกจากนี้มีประติมากรรมถอดได้ เป็นไม้ชิ้นเล็กที่ทำขึ้นจากเศษไม้ที่เหลือจากงานชิ้นใหญ่ นำมาประกอบด้วยวิธีเข้าไม้สลักเดือย สร้างเป็นงานชิ้นใหม่ที่สามารถปรับรูปทรงได้อย่างลงตัว และผลงานประติมากรรมโลหะจำลองขนาดเล็กชุดใต้ทะเล ที่แสดงถึงความตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อมและวิกฤติทางธรรมชาติ ซึ่งผลงานบางส่วนได้รับการถ่ายทอดให้เป็นจินตภาพที่สมบูรณ์ในรูปแบบวิดีโออาร์ต โดยศิลปินร่วมสมัย จิรศักดิ์ แสงพลสิทธิ์


นิทรรศการ อินสนธิ์ วงศ์สาม : จิตวิญญาณอิสระ ครั้งนี้ ไม่ได้สะท้อนให้เห็นแนวคิดการดีไซน์งานศิลปะเพื่อให้กลมกลืนกับธรรมชาติและจิตวิญญาณ แต่ยังสะท้อนถึงความเด็ดเดี่ยวที่จะตามหาฝัน รวมไปถึงการยืนหยัดในแนวทางของตัวเอง.





ภาพบรรยากาศกิจกรรมวันเสาร์ที่ ๒o กันยายน ๒๕๕๗
คุณลุงอินสนธิ์ กับ ครูหู้




ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
เฟซบุคหอศิลป์กรุงเทพฯ














สีศิลปากร...สีของคนไทยเพื่อคนไทย


ด้วยพระปรีชาสามารถในเชิงศิลปะหลากหลายสาขาของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยเฉพาะงานด้านจิตรกรรม ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อการพัฒนาวงการศิลปะของไทยเมื่อมีพระราชดำริให้ผลิตสีคุณภาพ ราคาประหยัด และปลอดสารพิษสำหรับคนไทยและนักเรียนไทย โดย มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับ บริษัท นานมี จำกัด ได้วิจัยและพัฒนาผลิต “สีศิลปากรประดิษฐ์” เพื่อใช้สร้างสรรค์งานศิลปะให้มีคุณภาพในราคาย่อมเยา นำมาใช้ในการเรียนการสอนศิลปะระดับนักเรียน อุดมศึกษา และประชาชนทั่วไป ตลอดจนศิลปินมืออาชีพ ซึ่งเป็นการช่วยลดมูลค่าการนำเข้าจากต่างประเทศ


นอกจาก มหาวิทยาลัยศิลปากร จะจัดพิธีลงนาม MOU ร่วมกับ บริษัท นานมี จำกัด ในการผลิตสีคุณภาพดีราคาประหยัดเพื่อคนไทยตามกรอบแนวคิดดังกล่าวในงาน “สีศิลปากร...สีของคนไทยเพื่อคนไทย” วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เวลา ๑๕.oo - ๑๘.oo น. ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น ๑ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร


ภายในงานยังจัดให้มีนิทรรศการแสดงพระอัจริยภาพด้านศิลปะของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมประวัติความเป็นมาของสีศิลปากรประดิษฐ์ และสีวิจิตรรงค์ ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีพระราชทานนามและทรงเป็นองค์อุปถัมภ์


พร้อมเสวนาหัวข้อ “สีสัน สร้างสุข” โดย ชลิต นาคพะวัน .สุรพร เลิศวงศ์ไพฑูรย์ และ สุธี คุณาวิชญานนท์ เวลา ๑๖.๑o น. เป็นต้นไป และการจัดแสดงผลงานภาพวาดของ ๑๒ ศิลปิน อาทิ ไพโรจน์ วังบอน ,ศักชัย อุทธิโท , บรรลุ วิริยาภรณ์ประภาส และ สิโรจน์ พวงบุบผา โดยรายได้จากการจำหน่ายภาพนำขื้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี







ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














นิทรรศการภาพวาดของชิฮิโระ อิวาซากิ "Chihiro Iwasakiand picture Books of Japan
From the Chihiro Art Museum Collection"



วันที่ : ๕ ตุลาคม - ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗


สถานที่: ผนังโค้ง ชั้น ๓ - ๕ หอศิลป์กรุงเทพฯ


จัดโดย เจแปนฟาวน์เดชั่น กรุงเทพฯ ร่วมกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะชิฮิโระแห่งเมืองอะซูมิโนะ


(Chihiro Art Museum Azumino) และ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร


พิธีเปิดในวันอาทิตย์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๖.oo น. ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น ๕



ภาพและข้อมูลจากเวบ
bacc.or.t














รูปแห่งความทุกข์


วันที่ : ๓ ตุลาคม - ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๗
สถานที่: People's Gallery P3 ชั้น ๒
โดย วราวัจน์ พิมพิสัย


ปริมณฑลแห่งความทุกข์กินอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล ครอบคลุมทุกสรรพสิ่งล้วนสิ้น ทั้งที่มีได้และได้มีตลอดกระทั่งความไม่มีที่เป็นคู่กับความมีนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ใครก็ตามกล่าวถึง คิดถึง หรือรู้ถึง ทั้งเรื่องทางวัตถุและทางจิตใจทั้งที่เป็นสามัญวิสัยและเหนือสามัญวิสัยล้วนแล้วแต่อยู่ในอาณาเขตแห่งความทุกข์ ทุกข์ คือสภาวะที่ไม่อาจทนอยู่ในสภาพเดิมได้ โดยอาการที่ถูกบีบคั้นด้วยการก่อรูปและสลายตัว อาการที่กดดัน อาการฝืนและขัดแย้งอยู่ในตัว เพราะเหตุปัจจัยที่ถูกปรุงแต่งมีสภาพเปลี่ยนแปลงไป อาการที่ไม่สมบูรณ์มีความพร่องอยู่ในตัว อาการที่เสื่อมและสลายตัวไปในที่สุด แท้จริงแล้วสิ่งทั้งหลายมีอยู่ในรูปของการรวมตัวเข้าด้วยกันของส่วนประกอบต่าง ๆ ส่วนประกอบแต่ละอย่างล้วนประกอบขึ้นจากส่วนประกอบอื่น ๆ ย่อยลงไปอีก แต่ละอย่างไม่มีตัวตนของมันอิสระล้วนเกิดดับต่อเนื่องกันไป ไม่เที่ยง ไม่คงที่ ไม่มีที่สิ้นสุด


เมื่อชีวิตคือชั่วขณะอันแสนสั้นของความรับรู้ดุจห้วงแห่งความฝันหรือพยับแดด เป็นเพียงชั่วกระแสสืบต่อของธรรมชาติที่ทรงอยู่ที่ละขณะซึ่งเกิดดับสืบเนื่องกันไป เป็นหน่วยรวมแห่งองค์ประกอบอันแปรเปลี่ยนไปเสมอ ทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งรูปธรรมและนามธรรม ข้าพเจ้าเฝ้ามองย้อนลึกเข้าไปภายในตัวตนของตนเอง เพื่อสอบทาน เพ่งพินิจ สำรวจ ถึงการมีอยู่ของตัวตนภายในจิตใต้สำนึกที่มีความกลัวต่อสภาวะความเป็นจริง กลัวการสูญเสีย ความเสื่อมสลายหายไปของตัวตน กลัวความไม่มีอยู่จริงของตัวตนของเรา ตัวตนที่เป็นที่ตั้งของความทะยานอยาก ความปรารถนา และยึดถือจนก่อให้เกิดเป็นรูปแห่งความทุกข์



ภาพและข้อมูลจากเวบ
bacc.or.th














“สีประกายแดด” (Reflection of Color)


ศิลปิน : รุ่งพันธุ์ บุรุษชาติ (Rungphan Burootchati)
ลักษณะงาน : จิตรกรรมสีอะคลิลิค
ระยะเวลาที่จัดแสดง : ๒๒ ตุลาคม – ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
พิธีเปิดนิทรรศการ : วันพุธที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๙.oo น.
สถานที่ : หอศิลป์จามจุรี ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง๑
ติดต่อศิลปิน : o๘๑-๒๕o-๘๖๒๗


แนวความคิด

ธรรมชาติ คือ ผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ ความหลากหลายของสรรพสิ่งที่รายล้อมรอบตัวเราบนโลกใบนี้ ถูกสร้างให้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างสมดุล จนเกิดเป็นความสวยงาม ความสุข ความอิ่มเอมในแก่มวลมนุษยชาติ


พืชพรรณดอกไม้หลายหลายสายพันธ์ สีสันที่สดใสไม่ว่าจะเป็น เหลือง, แดง, แสด, ชมพู, ม่วง, ฟ้า ทรวดทรงกลีบดอกหรือความหอมหวานที่ยังยั่วยวน เมื่อต้องแสงอาทิตย์กระทบสีสันของดอกไม้ จะทำหน้าที่เปล่งประกายให้ความรู้สึกแก่ผู้พบเห็นในแต่ละช่วงโมงยามความรู้สึกบริสุทธิ์ อ่อนโยนในยามพระอาทิตย์ทอแสง ความรู้สึกสดใสเริงร่า ในยามที่แสงแดดเจิดจ้า การตกอยู่ในห้วงพะวงหวนคิดคำนึงยามเมื่อแสงแดดรำไร หรือยามที่สายลมโบยโบกหยอกล้อกับดอกใบทำให้รู้สึกสนุกสนาน เป็นสัญญาลักษณ์แทนความรู้สึกของผู้พบเห็นสุดแล้วแต่ใครจะจินตนาการ


เราเป็นเพียงผู้เสพความงามที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ขึ้น บันทึก และถ่ายทอดด้วยอารมณ์ ความรู้สึก ในแต่ละช่วงเวลา ด้วยสีอะคลิลิค ผ่านฝีแปรงประทับไว้บนเฟรมผ้าใบอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยความสุข สงบ และอิ่มเอิบใจ หวังให้จินตนาการที่สัมผัสได้ด้วยตา และหัวใจของผู้เสพงานศิลปะ เป็นความสุขใจ กำลังใจ หรือปลอบประโลมใจของใครบางคน



ภาพและข้อมูลจากเวบ
chamchuriartgallery.blogspot.com














ดอกไม้แทนใจ


นิทรรศการ : นิทรรศการแสดงผลงานเดี่ยวจิตรกรรมสีน้ำครั้งที่ ๓ “ดอกไม้แทนใจ” (Solo watercolor exhibition 3rd Power of Love)
ศิลปิน : สาโรจน์ อนันตอวยพร (Saroj Ananta-auoyporn )
ลักษณะงาน : จิตรกรรมสีน้ำ
ระยะเวลาที่จัดแสดง : ๒๔ ตุลาคม – ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
พิธีเปิดนิทรรศการ : ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๓o น.
สถานที่ : หอศิลป์จามจุรี ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๒
ติดต่อศิลปิน : o๘๑-๙๘๘-๖o๓๙


แนวความคิด

ธรรมชาติได้รังสรรค์ดอกไม้ขึ้นมาให้มีความสวยงามตามแต่ละสายพันธุ์ นอกจากความสวยงามแล้ว ยังมีคุณค่าทางใจ ทั้งความรัก ความสุข ความเคารพ ศรัทธา และแทนใจได้ในหลายความรู้สึก จากความประทับใจในคุณค่าและความงามของดอกไม้ จึงนำมาแสดงออกผ่านสีน้ำที่บางเบา โปรงใส เพื่อแทนความรัก ความสุข สดชื่น อิ่มเอิบ เบิกบานใจ แทนใจที่มีต่อพ่อแม่ คนที่เรารัก เคารพ ศรัทธา โดยเน้นความนุ่มนวล อ่อนหวานตามลักษณะเฉพาะตัวของตนเอง


หมายเหตุ มีกิจกรรมสาธิตสีน้ำทุกเสาร์-อาทิตย์ เวลา ๑๓.oo น.(และในวันที่กำหนด)



ภาพและข้อมูลจากเวบ
chamchuriartgallery.blogspot.com














“สรรสีในสีสัน”


“สรรสีในสีสัน” เป็นผลงานนามธรรมผสมผสาน โดยไม่ยึดกฎเกณฑ์รูปแบบที่แน่นอน ใช้สีเป็นหลักในการสื่อสะท้อนอารมณ์และความรู้สึก ความงดงามของสีคือความไม่คงที่แน่นอน เลื่อนไหล เคลื่อนไหวตามเวลา ฤดูกาล จึงสามารถจินตนาการได้อย่างอิสระ กว้างไกล ไม่มีขีดจำกัด


“หากเราเข้าใจความเป็นจริงเราก็จะเห็นความงดงามของสีสัน”


ผมเป็นอีกผู้หนึ่ง ที่เพียรพยายามสรรหาสีสันมาเติมแต่งโลกนี้ ให้สดใสสวยงาม และน่าอยู่ร่วมกับศิลปินอื่น ๆ


นิทรรศการจัดวันพฤหัสที่ ๑๗ กันยายน - ๑o ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ ห้องนิทรรศการหมุนเวียน ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร















ภาพและข้อมูลจากเวบ
fineart-magazine.com














ธารทิพย์- แดนมังกร
Magic River -Heaven Dragon


ขัวศิลปะเชียงราย ขอเชิญทุกท่านร่วมชมนิทรรศการ ธารทิพย์-แดนมังกร MAGIC RIVER - HEAVEN DRAGON โดย เสงี่ยม ยารังษี ศิลปินเชียงรายคนแรกที่ได้จัดแสดงนิทรรศการเดี่ยว ณ ขัวศิลปะ เชียงราย


เสงี่ยม ยารังษี จบการศึกษาจากคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สร้างสรรค์งานจิตรกรรมในแนวอิมเพรสชั่นนิสต์ ซึ่งก่อนหน้านี้ผลงานของเขาเคยตรึงใจผู้คน ด้วยการถ่ายทอดความความงามของธรรมชาติจากดอยสูง ท้องฟ้า ทะเล ทุ่งนา และวัฒนธรรมวิถีจากต่างแดนและนิทรรศการในครั้งนี้ เสงี่ยมจะได้ถ่ายทอดความประทับใจ ความงามของ จิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou) เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน “โอกาสนี้ได้มาอย่างไม่คาดคิด เมื่อถูกชักชวนจากศิลปินรุ่นพี่ ๒ ท่าน คือพี่สมพงษ์ สารทรัพย์ กับพี่สมลักษณ์ ปัณติบุญ ให้นําผลงานไปจัดแสดงร่วมกันในแกลเลอรี่ที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน


และเพื่อร่วมช่วยงานของหน่วยงาน ททท. เพื่อโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกหนึ่งงานด้วย ผมหาข้อมูลดูว่าเมืองนี้มีสถานที่สําคัญอะไรบ้าง ก็ได้รู้ว่าสวรรค์บันดาลให้ผมแล้ว ที่นี่ “จิ่วจ้ายโกว” เป็นภาพติดตาจากภาพยนตร์จีนเรื่อง ฮีโร่ ด้วยความรู้สึกอยากจะมายืนเขียนรูปบนภูเขาแห่งนี้สักครั้งหนึ่ง และสิ่งนั้นก็จะเป็นจริงแล้วเฉิงตู เมืองศิวิลัย แฟชั่นความล้ําสมัย สีสันแสงไฟระยิบระยับในยามค่ําคืน อาหารรสเผ็ดร้อน อบอวลด้วยกลิ่นเครื่องเทศชนิดหนึ่งที่บ้านผมเรียกว่า มะข่วง ผมซื้อเฟรมผ้าใบชุดใหญ่ที่นี่ เพื่อเตรียมความพร้อมไปเขียนรูปดินแดนในฝันให้อิ่มเอม พอรถออกจากเมือง ลัดเลาะขึ้นตามไหล่เขา ความสวยงามของธรรมชาติ ก็เริ่มเปิดม่านให้ชมเป็นลําดับดุจดังไต่บันไดขึ้นสรวงสวรรค์ ถึงจุดหมาย “จิ่วจ้ายโกว”ในยามพลบค่ํา หิมะตก อุณหภูมิติดลบ หนาวจนตัวสั่น แต่พวกเราได้นอนในผ้าห่มที่ติดฮีทเตอร์ ตื่นเช้าเปิดม่านหน้าต่างออกด้วยความตกตะลึง! ในความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ


ผมเริ่มเขียนงานชิ้นแรกตั้งแต่เช้า ตอนสายพวกเราเข้าเดินชมในจุดนําเที่ยวอันตระการตา สุดยอดสมคําร่ําลือ สีสันเม็ดสีทุกเม็ดมารวมตัวกันอยู่บนภูเขาแห่งนี้ สายน้ําเขียวขจีดุจสีของกําไลหยก ใสสะท้อนดั่งกระจกเงา จนช่างปั้นอย่างพี่สมลักษณ์ ยังอดใจไม่ไหวต้องจับพู่กันปาดป้ายสีอย่างสนุกสนาน พวกเรา ๓ คนได้รับแรงบันดาลใจจากที่นี่ ต่างทํางานศิลปะกันอย่างเมามันในสไตล์ของตัวเอง ตกเย็นก็เอารูปมาอวดกัน ตัวผมนั้นต้องยอมซื้อตั๋วราคา ๑,๖oo บาททุกวัน เพื่อผ่านเข้าไปข้างใน “จิ่วจ้ายโกว” เขียนงานจนเฟรมที่เตรียมมาหมดเกลี้ยง แต่ความรู้สึกยังตราตรึงอยู่จนต้องกลับมาขยายเป็นผลงานชิ้นใหญ่ในสตูดิโออีกชุดหนึ่งให้ผมอิ่มเอมในหัวใจ”


พิธีเปิดงานในวันเสาร์ที่ ๒o กันยายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น. ณ ขัวศิลปะ เชียงราย โดยกหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล ให้เกียรติเป็นประธาน นิทรรศการจะเปิดให้เข้าชม ตั้งแต่วันที่ ๖ กันยายน - ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ ห้องแสดงงานเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา ๑o.oo- ๑๙.oo น. โดยไม่มีค่าเข้าชม สอบถามรายละเอียด โทร o๘๘-๔๑๘-๕๔๓๑ เฟซบุคขัวศิลปะ


นิทรรศการ "ธารทิพย์- แดนมังกร Magic River -Heaven Dragon "

โดย เสงี่ยม ยารังษี

พิธีเปิด : วันเสาร์ที่ ๒o กันยายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น.

ประธานในพิธี: หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล

ณ ขัวศิลปะ เชียงราย - ArtBridge ChiangRai

นิทรรศการจัดแสดงระหว่างวันที่ ๖ กันยายน - ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๗

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา ๑o.oo-๑๙.oo น.(ไม่มีค่าใช้จ่าย)

สอบถาม o๘๘-๔๑๘-๕๔๓๑ E-mail: artbridge.cr@gmail.com



ภาพและข้อมูลจากเวบ
chiangraifocus.com














มาโนช พุฒตาล ในทัศนะของข้าพเจ้าและคนอื่น ๆ


Bangkok Music Forum ครั้งที่ ๘ "มาโนช พุฒตาล ในทัศนะของข้าพเจ้าและคนอื่น ๆ"
วันที่ : ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๗
สถานที่: ห้องออดิทอเรียม ชั้น ๕
โดยฝ่ายกิจกรรม หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
เวลา ๑๕.๓o - ๑๘.๓o น.


เตรียมพบกับการเสวนาทางดนตรีในกิจกรรม Bangkok Music Forum ครั้งที่ ๘ พบกับเรื่องราวชีวิตและประสบการณ์ในเส้นทางสายดนตรีของมาโนช พุฒตาล ร่วมเสวนาโดย พจนาถ พจนาพิทักษ์ และหนุ่มเมืองจันท์ พร้อมรับชมการแสดงดนตรีสดจากวง The Lamb และการเล่าเรื่องประกอบเสียงกีตาร์โดย มาโนช พุฒตาล


กิจกรรมริเริ่มและดำเนินการโดย ฝ่ายกิจกรรม หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ดำเนินรายการโดย วิภว์ บูรพาเดชะ ในวันเสาร์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๕.๓o - ๑๘.๓o น.
ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น ๕ หอศิลปกรุงเทพฯ


*ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมเสวนาและไม่ต้องสำรองที่นั่ง


สอบถามเพิ่มเติม
ฝ่ายกิจกรรม หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
โทรศัพท์ o๒-๒๑๔-๖๖๓o-๘ ต่อ ๕๓o
Website: //www.bacc.or.th, bacc.or.th



ภาพและข้อมูลจากเวบ
bacc.or.th




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2557
0 comments
Last Update : 7 ตุลาคม 2557 10:49:32 น.
Counter : 10096 Pageviews.


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.