lliliil Work it harder, Make it better, Do it faster, Make us Stronger liilill
space
space
space
<<
เมษายน 2568
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
space
space
28 เมษายน 2568
space
space
space

ถนนสายนี้มีตะพาบ กม. ที่ 375 "การเดินทางใกล้แต่ไกลเหลือเกิน"



ถนนสายนี้มีตะพาบหลักกิโลเมตรที่ 375




"การเดินทางใกล้แต่ไกลเหลือเกิน" 








โจทย์โดย พี่ก๋า  - กะว่าก๋า
 





 
 




อือหือ....พออ่านหัวข้อปั๊บผมนี่คิดคอนเท้นท์ได้ทันที 5555
แต่เอาไว้ก่อน!!!




ผมเชื่อว่าปัญหารถติด เป็นปัญหาของทุกเมืองใหญ่
ไม่ใช่แค่กรุงเทพนะครับ...ที่ผมเคยเจอรถติดเนี้ย คือ
เชียงใหม่ เขาใหญ่  พัทยา
ข้ามกรุงเทพไปเลยครับ...อันนั้นกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว


เชื่อไหมครับ การที่ผมจะจับรถไปแค่ทองหล่อ จากสุขุมวิทซอย 4
อาจจะต้องใช้เวลาถึง 30 นาที
การที่ผมจะขับรถจากนานากลับบ้าน เวลาเกือบเท่าขับรถบ้านไปชลบุรี
ดังนั้นถามว่า การเดินทางครั้งไหนที่ใกล้ๆ แต่ไกลชิบหาย
บอกได้เลยครับว่า.....
"เมื่อไปกลับ ราชประสงค์ สุขุมวิท พระราม 4"
อย่างที่เคยเล่าครับว่า ผมเคยติดระยะทางแค่ไม่ถึง 3กิโล อยู่ถึง 1 ชั่วโมง
ไม่มีอุบัติเหตุอะไรด้วยนะครับ
แค่เป็นวันศุกร์นรก



ดังนั้น ข้ามเรื่องรถติดไปได้เลยครับ 55555










แต่การเดินทางใกล้ๆ แต่นานชิบหายของผม......ก็คือ.....




มีอยู่วันนึงครับ ผมเข้าไซต์งานตามแผนงานปกติ
ซึ่งก็ไม่ได้ไกลมากนัก พร้อมไนท์และซีเกมส์
ก็ทำงานตามปกติ ไม่ได้มีอะไรผิดแผน
จนกระทั่ง เวลาประมาณ 11 โมง


โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น แต่ด้วยทำงานติดพันอยู่ผมก็ไม่ได้รับสาย
เพราะสายนั้นมาจากลูกค้าที่วันนี้เจมส์ ลงพื้นที่ทำงานให้พร้อมทีมช่างอยู่แล้ว
ก็ไม่น่าจะมีอะไรด่วน มีอะไรหน้างาน เจมส์กับช่างก็จัดการได้
เพราะในเนื้องาน มันไม่มีอะไรเลย จนผมก็ไม่ได้คิดว่าจะเข้าไปดู
แต่สายเข้ากรรมนั่นไม่หยุดโทรเลยครับ
โทรธรรมดานี่น่าจะ 3 รอบ แถมโทรไลน์มาอีก ส่ง Text มาอีก
จนผมคิดว่า
ต้องมีใครตายแน่นอน....



ก่อนที่ผมจะตั้งหลักโทรกลับ  วิศวะที่ไซต์นั้นก็โทรมาอีกสาย
"สวัสดีครับ" 
ตอนนั้นรีบรับแล้วครับ เพราะคิดว่า ไม่อะไรหล่นใส่หัวไอ่เจมส์ก็ต้องช่างแน่ๆ 
"อ่า....คุณตรีภพครับ...สะดวกไหมครับ" ปลายทางพูดอย่างลังเล
"คุยได้ครับคุณธนัท" 
"พอดีเมื่อทาบาตะ ซัง เค้าโทรไปหาคุณตรีภพน่ะครับ  
เค้าอยากคุยด้วยนิดนึง พอได้ไหมครับ"

"อ้อ ผมกำลังจะโทรกลับเลยครับ ได้ครับจะให้ผมโทรกลับหรือคุยสายเลยครับ"


ทางนั้นบอกว่านายจะขอคุยเลย ผมเลยคุยสายต่อทันที
พูดได้ นายทาบาตะก็จัดเลยครับ
บอกว่าถ้าเปลี่ยนเป็นแบบนี้ได้ไหม 
ขอทำแบบนั้น ขอทำแบบนี้  จะลองแบบนี้อีกรอบ จะนั่นจะนี่

พร้อมบอกว่า แจ้งเจมส์แล้ว แต่เจมส์ไม่ทำให้ ถ้าอยากได้ให้คุยกับผม.....


"แผนเราวันนั้นจะทดสอบ 4 รายการครับ ตอนนี้ติดปัญหาอะไรไหมครับ"
ผมถามอย่างสุภาพตามปกติ
"ผมว่ามันยังทำ Condition นี้ได้นะ ผมจึงอยาก Vary .....(บลาๆๆๆ)"
"คือผมเข้าใจนะครับ ที่คุณคิดว่ามันเป็นไปได้...อาจจะได้ครับ
แต่ถ้าต้องการผลแบบนี้ ... 4 options นี้ ครอบคุมแน่นอนครับ"

ไอ่ผมก็พยายามอธิบาย 
แต่ดูเหมือนญาติจะไม่ได้อยากเข้าใจสิ่งที่ผมบอก 
แต่ยืนยันจะ vary condition จากการ
นั่งเทียนไปเรื่อยๆ

คือไม่เห็นผลเอง กูไม่เชื่อ

"ผมอยากให้คุณมาอยู่ที่ไหน แล้วดูไปพร้อมกัน"
"เอ่อ....วันนี้ผมไม่สะดวกจริงๆ ครับ ผมติดงานอยู่อีกที VDO call ได้ไหมครับ"
อ่า...ผมเสมอใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์
"ไม่ครับ ผมต้องการให้คุณมาที่นี่ เราต้อง Discuss กัน Face to face
คุณมาเลยได้ไหม?"




ประโยคคำถามรึป่าววะ.....
ไม่น่าใช่ครับ น่าจะเป็นประโยคคำสั่งที่อยู่ในรูปประโยคคำถาม
แล้วงานผมอ่ะครับ....
แม่งต้องService 


"โอเคครับ....เดี๋ยวผมไป"











วางสายได้ ผมนี่ต้องหลับตาเรียกสติ
แล้วหน้าผมคงออกว่าหงุดหงิดเต็มขั้น ไนท์เลยพยายามทำให้ใจเย็นด้วยของกิน
"สั่งข้าวก่อนไหมพี่ กินก่อนแล้วค่อยไป จะเที่ยงแล้ว"
"เดี๋ยวไปเลย....ป่านนี้เจมส์คงเซ็งแล้ว"
ผมตอบแบบเซ็งยิ่งกว่า เพราะแผนที่วางไว้พังหมด
งานที่กะจะทำ ก็ไม่ได้ทำ ข้าวก็ยังไม่ได้กิน แต่ไม่รีบไปก็จะยืดเยื้ออีก
ผมเลยลาที่ไซต์นั้น แล้วขับรถไปหาเจมส์




อย่างที่เกริ่นไว้ครับ ว่าระหว่าง 2 ที่มันก็ไม่ไกลหรอก
และไม่ได้ไกลจากบ้านมากจาก ปกติแล้วถ้าไปก็ค่อนข้างชิล กลับบ้านไว
ระหว่างขับรถ ผมก็โทรฟังบรีฟจากเจมส์ไปด้วย
ไปถึงก็จัดการข้าวของเข้าไปหา
ทาบาตะซัง กับทีมงานทันที
ผมยกมือไหว้ทาบาตะซัง และทีมวิศวกร ก่อนจะสวัสดี 3 ภาษา




ไอ่เจมส์เขียนกระดานไว้ซะเต็ม พร้อมร่องรอยการเขียนเพิ่มและลบจากฝั่งหน้างาน

ช่างก็หน้างอ เพราะลูกค้ามหาภัย
ว่าแล้วผมก็บรรเลงอธิบายให้ทุกคนฟังทีละข้อว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้
บางเรื่องก็ Compromise เจอกันครึ่งทาง บางเรื่องผมปฏิเสธเต็มเบอร์ว่าไม่ทำ
ก่อนจะเริ่มจำกัด Timeline ว่าเราจะใช้เวลาเท่าไหร่
บางเรื่องที่งี่เง่ามากๆ ผมก็บอกไปตรงๆ 




"่Just my idea ถ้าทำแบบนี้มันได้ไหม"  ทาบาตะถาม
"ไม่แนะนำครับ"  ผมตอบ
"เอาแค่ ได้ หรือไม่ได้"  ญี่ปุ่นย้ำตามสไตล์
แล้วผมที่มีอารมณ์อยู่เป็นทุนอยู่แล้ว แต่พยายามนิ่ง ๆ เคลียร์กันทีเหตุผล
ก็เหมือนจะขึ้นนิดนึง คือแสดงออกอ่ะนิดนึง แต่ในใจก็อีกเรื่อง


ซึ่งผมที่ถือปากกาอยู่หน้ากระดานก็กำปากกาก้มหน้าหลับตาเซ็ตอารมณ์

"ได้ครับ..... ถ้าคุณแค่อยากรู้ความสามารถของเครื่อง ได้ครับ
ถ้าเราวางแผน ถ้าเรามีเวลา ได้ครับ
แต่ด้วยข้อจำกัดของวันนี้ ผมทำให้ได้แค่บนกระดาน
และด้วยต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นตามที่แจ้งไว้ก่อนหน้าแล้ว 
ผมไม่แนะนำสิ่งที่คุณพูดในทาง Commercial
ตอนนี้คุณเลือกเลยครับ 1-4 บนกระดาน"



พูดเสร็จก็เอื้อมมือไปหยิบ M150 บนโต๊ะมาแล้วบิดเปิดขวด
แต่พอบิด
แกร๊ก เจมส์ก็คว้ามือเอาไว้ทันที

"พี่กินข้าวรึยังครับ" เจมส์ถาม
"ยัง" 
"อย่าเพิ่งกินไหม เดี๋ยวใจสั่น"
"อ้าว...เปิดแล้วอ่ะ"
"ผมกินเอง เดี๋ยวผมไปแช่ให้ใหม่"
ผมพยักหน้าตามนั้นแล้ว ส่งขวด M150 ให้เจมส์ ยกแทน
ส่วนผมหันไปเปิดขวดน้ำดื่ม ดื่มแทนแก้คอแห้ง











หลังจาก ทาบาตะตกลงว่าจะไม่เรื่องมาก 
ผมก็แบ่งคนลงหน้างานทันที
เพราะทาบาตะบอกว่า ทำเลย Skip ข้าวเที่ยงไปเลย

อ้าว ชิบหาย....มึงไม่หิว แล้วคนของกูไม่หิวหรอ
แต่แบบนี้แหละครับตามสไตล์คนญี่ปุ่น ข้าวเที่ยงไม่ได้เป็นสาระ
แต่สำหรับคนไทย สาระ ครับ....

ผมเลยบอกคนของตัวเองให้แบ่งทีมกันแยกไปกินข้าว
ใครไม่แดกก็เรื่องของมัน
ว่าแล้วก็หยิบข้าวของออกไปจัดการหน้างานให้ไม่เสียเวลา
เพราะจากที่เขียน Timeline เริ่มตอนนี้ ก็เสร็จ ทุ่มครึ่งแล้ว




"พี่ปริ๊นซ์จะกินอะไรครับ เดี๋ยวผมสั่งข้าวไว้ให้"
"เจมส์กินไรอ่ะ"
"กระเพราหมูไข่ดาว"
"เอาด้วยละกัน"
"ไม่เผ็ด ไข่ดาวสุกนะ"
ผมยกมือ โอเค แล้วผายมือให้ทาบาตะเดินนำไปก่อนเลย 



แต่เจมส์เล่าให้ฟังว่า
มันกับพี่ธนัทก็จะเดินออกมาหาข้าวกิน 

เปิดประตูมาเจมส์ก็เห็นทาบาตะยืนกอดอก ผมยืนเท้าเอว คุยกันอยู่หน้าสำนักงาน
จังหวะนั้นทาบาตะพูด ส่วนผมส่ายหัว แล้วหันหน้าหนี 
ก่อนที่จะเงยขึ้นมาพูดว่า
"now or never"
ทางทาบาตะเลยโบกมือไปที่ทางเดินเป็นเชิงว่า โอเค งั้นมึงไปเลย
"iki mashou....ka?"  ผมพยักหน้าเรียก คำในใจคือ
มึงก็เดินมาสิคับ









พี่ธนัทจับไหล่เจมส์แล้วหันมามองหน้า

"ทำไมวันนี้พี่คุณเฟียสจัง"

"จะไม่ให้หงุดหงิดยังไงละครับ พี่เค้าติดอีกไซต์ แต่นายพี่ไปเรียกเค้ามา
แล้วนายพี่ก็เป็นแบบเนี้ย เค้าก็รีบมาให้ ข้าวก็ยังไม่ได้กิน
ช่างที่เค้าเอามาก็ยังไม่ได้กิน ปกติพี่ผมใจเย็นอยู่นะครับ"

เจมส์ก็ยิ้มๆ ด่าทาบาตะทางอ้อม ที่เล่นมันซะลำบาก




2 ชั่วโมงผ่านไป
ข้าวมื้อนี้น่าจะรวมเป็นข้าวมื้อเย็นด้วยแล้ว
ผมกลับมาที่ห้อง ผมก็นั่งกินข้าวอยู่ในห้องนั้นแหละ 
ส่วนเจมส์ ที่กินข้าวเสร็จก็ตามไปที่หน้างานอีกรอบ เลยเป็นคนคุยงานต่อให้
ก่อนจะรอเวลา เตรียมลงทำงานต่ออีกรอบ



จนเวลาเดินมาถึง เกือบ 2 ทุ่ม
"ผมคิดว่าเราจะต้องทดลองอีกครั้งเป็น last  option"
อยู่ๆ ทาบาตะที่นั่งคำนวนวุ่นวายอะไรอยู่พักใหญ่โพล่งขึ้นมา
ผม เจมส์ และพี่ธนัท หันมองหน้ากันทันที ก่อนที่เจมส์จะพยักหน้าใส่พี่ธนัท 1 ที
เพื่อเป็นการถามว่า 
"จะเอายังไงพี่...จัดการด้วย"
"อ่า...ทาบาตะซังครับ  ผมว่าเราน่าจะ Conclude กันใน option ที่ทำมานี้นะครับ
แล้วถ้าทาบาตะซังมีไอเดียอะไร เราน่าจะคุยกันภายใน
แล้วติดต่อนัดหมายกันอีกครั้งดีไหมครับ"

พี่ธนัทรีบตัดบท
"ทำไมเราไม่ทำให้จบกันวันนี้เลยละ"  ทาบาตะว่า




หนทางที่จะได้กลับบ้านพักผ่อน ฟังดูแสนไกลเหลือเกิน











ผมเลยต้องเป็นกรรไกรตัดบทให้อีกรอบเพื่อความแน่ใจ

"ทาบาตะซังลองพิจารณาก่อนดีไหมครับ
เพระาผมบอกแล้วว่าวิธีนี้ทำได้แต่ผมไม่แนะนำ
ด้วยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาก ผมว่าถ้าอยากทำเพื่อพิสูจน์ความคิดของคุณ
ผมมาเซอร์วิสได้ แต่เรานัดกันใหม่ครับ หรือคุณจะทดลองเองก่อนก็ได้
แล้วถ้าสงสัยเราจะมาดูให้"



ผมก็พูดเสียงเรียบๆ นะครับ แต่ไม่ยิ้ม แล้วนั่งกอดอก นั่งไขว่ห้าง
ถอยเก้าอี้ออกห่างจากโต๊ะ ด้วยท่าทางอยากกลับบ้านเต็มที่

"เจมส์ สั่งพิซซ่าเถอะ ถาดใหญ่ ให้ช่างกินก่อน" ว่าแล้วก็หันไปบอกเจมส์
"โอเคครับ พี่กินหน้าอะไรกัน" เจมส์หันไปถาม


ส่วนทางช่าง โบกมือรัวๆ ว่า ไม่แดกครับ อยากกลับบ้าน



"เอาให้เสร็จเลยครับคุณนรินทร์"  พี่ช่างตอบเสียงเรียบ ๆ เหมือนกัน
แต่เหมือนพร้อมจั่วทาบาตะเต็มที่
ทาบาตะเองก็คงเห็นทรงแล้ว
ถ้าฝืดทำต่ออาจจะเจอเหล็กขูดชาร์ป
เลยยอมแพ้ บอกว่า งั้นไม่เป็นไร ไว้ขอกลับบ้านคิดก่อนแล้วจะบอก




อ่า ดีมาก ขอบคุณสายตาของพี่ช่างมากที่ทำให้ทาบาตะเปลี่ยนใจ



พี่ธนัทเดินมาแตะไหล่ผมเบาๆ 
"บางทีเจได ก็ต้องใช้ Darkside of the force นะครับคุณตรีภพ" พี่ธนัทยิ้มๆ
"I've a bad feeling about this" ผมเลยช่วยตบมุกสตาร์วอร์ส





ด้วยอิทธิฤทธิ์ของทาบาตะ
วันนั้นเล่นเอาผมต้องขับรถกลับจากไซต์ที่ใกล้บ้าน
ตอนเวลาร่วม 2 ทุ่มครึ่ง แทนที่จะได้กลับบ้านไว






ถึงจะเป็นที่ใกล้ๆ แต่กว่าจะได้กลับบ้าน มันโคตรไกลเลยครับ










 

Create Date : 28 เมษายน 2568
10 comments
Last Update : 28 เมษายน 2568 23:05:43 น.
Counter : 95 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณกะว่าก๋า, คุณหอมกร, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณโอพีย์, คุณThe Kop Civil, คุณnonnoiGiwGiw, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณtoor36, คุณดอยสะเก็ด, คุณtanjira

 

พี่ก๋าเคยนั่งรถเมล์จากลาดกระบังไปจตุจักร
ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง
นั่นคือเท่ากับเชียงใหม่ไปเชียงรายเลยนะครับ 555

เรียนจบนี่รีบกลับเชียงใหม่ทันที 555

แต่ปัญหาตอนนี้ที่เชียงใหม่ก็รถติดไม่แพ้กัน
โดยเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วนเช้าเย็น
รวมถึงวันหยุดยาว

"เอาแค่ ได้ หรือไม่ได้"

แหม...คำถามของคุณทาบาตะนี่
ไม่มีภาษาการทูตเลยครับ 555
ความต้องการเดียว
ทำให้คนกลุ่มใหญ่เดือดร้อนเลยนะครับ



 

โดย: กะว่าก๋า 29 เมษายน 2568 5:46:15 น.  

 

มีความสามารถในการเล่าเรื่อง
จนทำให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วมไปได้
สุดยอดมาจริงๆ เลยปริ้นอย่าเป็นเลย
วิศวกรมาเป็นนักเขียนมือทองน่าจะดีกว่า

 

โดย: หอมกร 29 เมษายน 2568 6:41:08 น.  

 

อิตา ทาบาตะ ซัง นี่ น่าเปลี่ยนชื่อเป็น "บาทาดะ" จัง 555
ใครทำงานด้วยคงเครียดเป็นปกติธุระ เพราะดูเอาแต่ใจไม่สนใจใครเลย
ดีที่จบกันได้ไม่นองเลือด เพราะดูแกอยากปะฉะดะเต็มที่
แต่เหนือทาบาตะยังมีปริ๊นซ์นะคะ 555

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 29 เมษายน 2568 7:31:27 น.  

 

สวัสดียามบ่ายค่ะ น้องปริ๊นซ์

ก่อนอื่น ขอบคุณมากค่ะที่แสดงความยินดีกับการคว้าแชมป์ของหงส์แดง
นี่พี่ยังหน้าบานไม่หาย คงบานไปจนถึงเปิดฤดูกาลหน้าหละ 55555



ปกติคนญี่ปุ่นจะตรงเวลาไหมคะ พัก ทำงาน เลิกงาน ตามความรู้สึกพี่นะ
หรือถ้ามีงานก็คือ จะลากยาวแบบนี้เลย เอ....ทาบาตะ นี่นะ 5555

ปัญหามีไว้พุ่งชนค่ะ สุดท้ายก็จบสักทีนะคะ (สำหรับวันนี้)
และดีที่น้องยังไม่ระเบิด
แต่มันต้องมีภาคต่อแน่เลย รอฟังนะคะ

 

โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ 29 เมษายน 2568 15:39:28 น.  

 

สวัสดี จ้ะ น้องปริีนซ์

อ่านบล็อกตะพาบเธอ ไปเรื่อย ๆ เรื่องรถติด ทำให้ระยะทางที่
คิดว่าใกล้ กลายเป็นไกลเลย แต่นี่เป็นเรื่องธรรมดาของกรุงเทพฯ
และเมืองใหญ่ ๆ แต่ระยะอารมณ์ใกล้และไกล เมื่อเจอ ทาบาตะ แล้วคุยกันใกล้เหลือเกิน กว่าจะจบลงได้ มันช่างไกลจนเหนื่อยใจเหนื่อยอารมณ์ จะระเบิดก็ไม่ได้ เพราะเป็นลูกค้า ห้าห้าห้า คนแบบนี้ เอาแต่ใจเหลือเกิน แต่เธอก็เก่ง แก้สถานการณ์ ไม่ระเบิดอารมณ์โมโหหิว ห้าห้าห้า ดีแล้ว ที่ไม่มีใครต้องการกินพิชซ่า (ไม่ดกไม่แดกมันละ) ทำให้นาย ทานาบะ เริ่มรู้แล้วว่า ถ้าขืนดื้อต่อไป
อาจจะโดนรุม เลยต้องถอย อิอิ ทำงานกับคนแบบนี้ ต้องพูดให้
รู้สึกบ้าง ใช้ไม้แข็งบ้าง เวลาเย็นมากแล้ว ยังไม่ยอมให้พักกัน
แล้งน้ำใจ จ้ะ

โหวดหมวด ตะพาบ

 

โดย: อาจารย์สุวิมล 29 เมษายน 2568 17:32:26 น.  

 

ชีวิต
มีอะไรให้เรียนรู้ ค้นหาและค้นพบมากมายจริงๆครับ
แต่ละช่วงวัยก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆด้วย

ช่วงเช้าเวลาไปส่งหมิง
ยังไงต้องมี 1-1.30 ชม.ครับ
ช่วงเย็นดีขึ้นมาหน่อย
เพราะพี่ก๋าจะเลี่ยงไปรับเย็นๆหน่อย
แต่ถ้าเข้าช่วงเทศกาลเมื่อไหร่
ไม่ไปย่านที่มีนักท่องเที่ยวแน่นอนครับ

เวลาเจรจาเรื่องผลประโยชน์นี่
ยากมากเลยนะครับที่จะทำให้ถูกใจ โดนใจทั้งสองฝ่าย
ทาบาตะก็รักษาผลประโยชน์ฝั่งเขาสุดฤทธิ์แน่นอน 555

 

โดย: กะว่าก๋า 29 เมษายน 2568 20:54:56 น.  

 

เดี๋ยวผมมาอีกที แวะมาลงชื่อก่อน

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 29 เมษายน 2568 22:58:21 น.  

 

สวัสดีครับน้องปริ๊นซ์
ของไทยเราถ้าเที่ยงแล้ว ส่วนใหญ่จะพักกินข้าวนะ อาจจะเลทนิดหน่อยแต่ปากท้องต้องมาก่อนนะ กับก่อนเลิกงานถ้าสายราชการถ้ายังไม่เสร็จ พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ ถ้าเป็นเอกชนต้องทำให้เสร็จใช่ป่าวครับ
พี่ว่าญี่ปุ่นนี่ยังดีนะ น้องปริ๊นซ์เคยมีประสพการณ์กับคนจีนป่าว เค้าว่าไม่ค่อยโอเคนะ ยิ่งข่าวตึกถล่มยิ่งติดลยไปใหญ่

 

โดย: The Kop Civil 29 เมษายน 2568 23:09:02 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับน้องปริ๊นซ์

 

โดย: กะว่าก๋า 30 เมษายน 2568 5:51:16 น.  

 

สวัสดีค่ะน้องปริ๊น

พี่อ่านไปครึ่งนึงแล้ว เดี๊ยวมาอ่านต่อนะคะ
วันนี้พี่ตื่นสาย แถมเตียมของใส่บาตรให้พ่อค่ะ
หมดเวลาแล้วววว

 

โดย: tanjira 30 เมษายน 2568 6:32:36 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

จันทราน็อคเทิร์น
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




* Engineer
* Guitar trainer
* Casual gamer



space
space
space
space
[Add จันทราน็อคเทิร์น's blog to your web]
space
space
space
space
space