China2015 ฉงชิ่งมหานครแห่งสายน้ำและขุนเขา
ปกติจะเป็นคนที่ชอบการเดินทางไปเที่ยวประเทศจีนเนื่องจากชื่นชอบในวัฒนธรรมอันเก่าแก่และความทันสมัย จีนเป็นประเทศที่พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าผู้คนบางส่วนอาจจะยังไม่มีระเบียบวินัย แต่นั้นก็เป็นเพียงส่วนน้อย การแซงคิวก็เจอบางแต่คนส่วนใหญ่ถือว่ามีมารยาทอยู่ ยิ่งทริปนี้เราได้เจอคนจีนที่มีน้ำใจต่อเราก็ยิ่งดีไปใหญ่
ต้นเดือนกรกฏาคมปี 58 ผมและผู้ร่วมทางอีกสองคนที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ออกเดินทางด้วยแอร์เอเชียแต่เช้าตรู่ และไปถึงที่ฉงชิ่งก็เกือบ ห้าโมงเช้า ถือว่าเวลาค่อนข้างดีพอสมควร จากสนามบินก็เดินทางด้วยรถไฟฟ้า ที่บางครั้งก็เป็นรถไฟลอยฟ้า และบางครั้งก็เป็นรถไฟใต้ดิน จนถึงจุดหมายที่พักของพวกเรา ที่ค่อนข้างหายากเพราะอยู่บนตึกขึ้นไปอีกเป็นโรงแรมเล็กๆที่อยู่ตามอพาร์ทเม้นของคนทั่วไปคลา้ยๆที่ฮ่องกง
หลังจากเก็บของไว้ที่ๆพักเสร็จแล้วก็ออกไปเดินเล่นย่านช้อปปิ้งของที่นี้ ซึ่งเป็นถนนคนเดินที่อลังการมากๆตึกสูงระฟ้าทันสมัยปานนิวยอร์ก แต่ ณ ขณะนั้นพวกเราก็หิวกันมากแล้ว จึงมุ่งหน้าไปหาของกินก่อน แต่แทนที่จะได้กินก่อนปรากฏว่าเพื่อนช้อปปิ้งแหลกเพราะมีของลดราคาพอดี แล้วพวกเราก็ไปกิน แต่การจะสั่งอาหารนี่ก็เป็นสิ่งไม่ง่ายเพราะพวกเราพูดจีนไม่ได้สักคน และคนจีนเองก็ไม่พูดภาษาอังกฤษหรือภาษาไทย ดังนั้นจึงเกิดกระบวนการสั่งอาหารภาษามือกันแหลกลาน แต่ก็เป็นเรื่องสนุกและขำๆดี ที่สำคัญอาหารที่นั่นรสชาติอร่อยถูกปากคนไทยด้วยแหล่ะ
วันแรกวนเวียนอยู่กับการเดินเล่นย่านช้อปปิ้ง และเดินไปไกลถึง Hongyadong ที่เป็นบริเวณร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารและโรงแรมสไตล์จีนโบราณ ริมฝั่งแม่น้ำแยงซี ที่มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน ห้างจึงมีหลายๆชั้น และมีจุดชมวิวเมืองฉงชิ่งที่สวยงามอีกด้วย จากนั้นก็กลับไปนอนเอาแรงเพื่อไปเที่ยวเมืองเก่าในวันพรุ่งนี้
วันที่สองของทริป ได้ไปเที่ยวย่านเมืองเก่าที่อารมณ์เหมือนย้อนยุคไปในสมัยโบราณ Ciqikou เป็นย่านเมืองเก่าที่นี้ เราได้รู้จักเเพื่อนคนจีนที่มีน้ำใจ ห่วงใยนักท่องเที่ยว ในร้านถ่ายรูปที่เพื่อนอยากถ่ายชุดจีนแบบในสตูดิโอ กว่าจะสื่อสารกันได้ก็แทบลำบาก แต่ก็เป็นอะไรที่ขำๆ เพื่อคนจีนชื่อเลี่ยว อี้ เหลียน เธอก็ช่วยจัดแจงทุกอย่าง พาไปช้อปปิ้งและเดินชมเมือง จนกระทั่งขากลับก็แวะมาส่งในเมืองและพาพวกเราไปกินฮ็อทพ็อทสไตล์ฉงชิ่งแบบที่เรียกว่า ฮั่วกั๋ว สมใจอยากเพราะมาทริปนี้คิดว่าจะไม่ได้กินแล้ว เพราะสั่งอาหารภาษาจีนไม่เป็น แต่วันพรุ่งนี้พวกเราจะไปเที่ยวนอกเมือง เลยนัดเหลียนไว้เจอกันวันสุดท้าย
ทริปวันที่สาม พวกเราซื้อทัวร์จากที่พักไปเที่ยวมรดกโลกที่เรียกว่าหินสลักหน้าผาต้าฉู ที่วิจิตรอลังการไปด้วยรูปปั้นที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา ลัทธิเต๋า และของจื้อ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นของพุทธศาสนา
เป็นความหน้าทึ่งอย่างมากเพราะเป็นภาพสลักและเขียนสีที่ยังหลงเหลืออยู่แม้อยู่ตามหน้าผา ส่วนตัวอยู่ในหุบเขาอีกทีหนึ่ง จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่สิ่งที่ยังสมบูรณ์สวยงามอย่างยิ่งคือรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม อวโลกิเตศวร มีลักษณะสีทองและมือเป็นพันๆหรือหมื่นมือ
เป็นอะไรที่สะดุดตาและสะกดใจอย่างมากในความสวยของรูปปั้น
รวมทั้งพระพุทธรูปขนาดใหญ๋ที่สลักไว้ภายนอกเป้นพระพุทธไสยาสน์
วันสุดท้ายของทริป พวกเรานัดเหลียนมากินข้าวเที่ยงด้วยกันแล้วก็เดินซื้อของนิดหน่อยและก็นั่งรถไฟฟ้าไปสนามบินพร้อมกับบินกลับดอนเมืองถึงตอนสามทุ่มๆกว่าเกือบสี่ทุ่ม
จบรีวิวอย่างย่อๆแต่เพียงเท่านี้ครับ
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2558 |
|
1 comments |
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2558 23:19:22 น. |
Counter : 4941 Pageviews. |
|
 |
|
ไม่รู้นะเนี่ย ว่า อัพบล็อกแล้ว หายไปนานมาก เคยเข้ามาดูหลายครั้ง ไม่เห็นการเคลื่อนไหว อัพบล็อกเลย วันนี้เปิดไปดูเรื่องเก่า ๆ ที่เคยคอมเม้นท์กันไว้ เลยลองกดเข้ามาดู อ้อ อัพ ปลายปี 58 นี้เอง ฉงชิ่ง ครูกำลังจะไปเที่ยว เดือน มิ.ย.นี้พอดี เลยได้ข้อมูลไป
สบายดีนะจ้ะ น้อง ว่าง ๆ ก็แวะไปคุยที่บล็อกครูนะจ๊ะ