Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
20 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 

เจาะเวลาหาอดีตที่นครวัดและพนมเปญ



ตอนที่ 1 จากกรุงเทพถึง นครวัด นครธม
ตอนที่ 2 เที่ยวกรุงพนมเปญ



ตอนที่ 1 จากกรุงเทพ ถึง นครวัด นครธม

วันที่ 1 ก.ค. ออกเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชียจากสนามบินสุวรรณภูมิ ตอนเจ็ดโมงเช้า เพียงหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงสนามบินโป เชน ตง ของกรุงพนมเปญ แต่กว่าจะออกมาได้เล่นเอาเสียเวลากับการทำวีซ่าเข้าประเทศ เนื่องจากไม่มีปากกาจึงขอยืมเจ้าหน้าที่เขมรกรอกอยู่ในสนามบินอยู่นาน เขียนเสร็จก็ทำวีซ่าจ่ายไป 20 เหรียญสหรัฐ แล้วเดินทางเข้าเมืองด้วยแท็กซี่สนามบินที่ราคาแพงตั้ง เก้าเหรียญคนขับดูท่าทางไว้ใจไม่ค่อยได้เท่าไหร่ บอกให้ไปส่งที่หนึ่ง แต่จะไปจอดอีกที่หนึ่ง เลยไม่ยอมลง มันก็ไปส่งให้แต่มาทำอารมณ์เสียใส่เราอีก แย่มากๆ




เวลาเก้าโมงครึ่งนั่งรถบัสของกัมปูเจียอังกอร์เอ็กเพรสไปยังเสียมเรียบ ใช้เวลาเดินทางราวหกชั่วโมงก็ถึงเสียมเรียบ โดยระหว่างทางก็ได้ชมบ้านเรือนชาวเขมร ทั้งในเมืองและชนบท







เมื่อรถจอดที่สำนักงานของบริษัทรถแล้ว ก็เกิดการแย่งชิงผู้โดยสารกันโกลาหล เพราะคนขับรถมอเตอร์ไซต์พ่วงหรือที่เรียกกันว่าโมโตนั้นมีเยอะมาก ตอนยังไม่ลงจากรถนั้นก็มองเห็นคนหนึ่งที่เขียนป้ายเป็นภาษาอังกฤษว่าไปส่งในเมืองเพียง หนึ่งเหรียญสหรัฐ ก็น่าสนใจดีพอลงจากรถเลยเรียกให้ไปส่ง รถขับไปเรื่อยๆก็ดูไกลเหมือนกันเรื่องจากยังจับทิศทางไม่ถูก คนขับชื่อลินนิสัยสุภาพ ซื่อสัตย์ดี แต่พาไปส่งผิดที่คือบอกให้ไปโรซี่ แต่ไปส่งรอยัล แต่ก็พาไปถึงที่พักที่ต้องการแต่โดยดี
พอส่งถึงที่พักลินก็ถามผมว่าสนใจจะใช้บริการรถของเขาเที่ยวไหมคิด สิบสอง เหรียญตามมาตรฐานผมก็โอเคเพราะดูนิสัยดีพร้อมกับบอกให้รอเพื่อจะนั่งรถเที่ยวชมเมือง และค่ารถวันนี้ หนึ่งดอลล่าร์นั้นลินไม่คิดเงิน เห็นนิสัยดีเลยขอเช่าครึ่งวันเพื่อไปเที่ยวในเมืองโดยตกลงกันที่ ห้าดอลล่าร์ ลินก็พาไปตลาดเมืองเสียมเรียบ ไปฝากท้องที่ตลาด พร้อมพร้อมน้ำปั่น สองดอลล่าร์ เสร็จแล้วก็ไปซุปเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่ง ไปชมศาลเจ้าตรงสวนสาธารณะ นั่งรถชมเมืองและสุดท้ายไปปิดโปรแกรมที่พิพิธภัณฑ์ ซึ่งพิพิธภัณฑ์ทำได้ดีมากเนื่องจากฝรั่งเศส มาเป็นผู้สร้างไว้ แถมในพิพิธภัณฑ์ยังมีบทฟังภาษาไทยด้วยตลอดเจ้าหน้าที่พิพิภัณฑ์ก็นิสัยดีกันทุกคน ชาวเขมรเมืองเสียมเรียบนี้นิสัยดีสุภาพทั้งนั้น





จากพิพิธภัณฑ์ ก็เหนื่อยแล้ว เลยกลับบ้านพักนอนโดยไม่กินข้าวเย็นเลย พร้อมกับบอกให้ลินมารับตั้งแต่ เจ็ดโมงเช้า

วันที่ 2 ตื่นหกโมงเช้าดูทีวีทำนั่นทำนี้เรื่อยเปื่อยใกล้เวลานัดปรากฏว่าลินมารอก่อนเวลาแล้วเลยรีบลงไป ลินพานั่งรถไปซื้อตั๋วหนึ่งวัน ราคา 20 หรือ 25 หว่าจำไม่ได้ละ ที่ต้องถ่ายภาพค่าเข้าชมติดบัตรด้วยเพื่อป้องกันการแอบใช้ตั๋วของคนอื่น


ได้ตั๋วแล้วก็ไปหาข้าวกินที่หน้านครวัด เป็นอาหารฝรั่งที่ทำได้ห่วยมากแต่ราคาแพงเกินความเป็นจริง เสร็จแล้วก็ข้ามฝั่งถนนมาที่นครวัด ภาพที่เห็นคือความอลังการยิ่งใหญ่ของปราสาทเขมรโบราณ บรรยากาศไม่ต่างจากปราสาทพนมรุ้งหรือพิมายที่เคยไปชมมาก่อนเลย เพียงแต่ขนาดใหญ่กว่ามาก ข้างในใช้เวลานานพอสมควรไปแบบไม่เร่งรีบเหนื่อยก็นั่งพัก อยู่ในนี้เกือบสองชั่วโมง ก็กลับออกมาทางเดิมคือทางตะวันตก มองหาลินอยู่แป๊บหนึ่งก็ขึ้นรถต่อไปยังนครธม








พอถึงประตูเข้านครธมก็ให้ลินจอดรถให้ลงแล้วเดินลอดประตูเข้าไป ด้านหลังประตูมีคนมาเสนอขายหนังสือให้ แถมยังขายเป็นภาษาไทยด้วยบอกสามร้อย แพงเกิน เดินไปขึ้นรถต่อแล้วลินก็เอาผมไปทิ้วไว้ที่ปราสาทบายน ที่ดูเหมือนปราสาทผีสิงดูลึกลับน่ากลัว เสร็จแล้วเดินต่อไปปราสาทข้างเคียงอีกสองปราสาท และเลยไปพระราชวัง หิวข้าวแล้วก็มาหากินก๋วยเตี๋ยวแถวๆนั้นซึ่งขายแพงมากและรสชาติไม่ได้เรื่องเช่นเคย แต่ก็จำเป็นต้องกินเพราะหิวแล้ว





กินเสร็จก็เดินมาดูท้องพระคลังบริเวณนั้น พร้อมกับเบื่อแถวนี้แล้วเพราะอยู่นานมากๆ ลินพานั่งรถต่อไปยังปราสาทเล็กๆแห่งหนึ่ง และปราสาทซึ่งเป็นปราสาทเล็กๆอยู่ตรงกันข้าม และต่อไปยังปราสาทที่จำชื่อไม่ได้ อิอิ




ต่อไปยังปราสาทตาพรหมที่มีเถาวัลย์ เครือไม้ รากไม้ต่างๆกินปราสาทดูน่ากลัวมาก เหมือนสัตว์ประหลาดกำลังเขมือบกินเมืองอยู่ ต่อไปก็ไปอีกประสาทหนึ่งพร้อมกับไปดูสระสรงของกษัตริย์สมัยโบราณ และปิดท้ายด้วยปราสาทพนมบาเค็ง ซึ่งขณะนั้นเรี่ยวแรงหมดแล้ว แต่ยังอยากไปดูปราสาทที่อยู่บนยอดเขา เลยจำต้องไต่ขึ้นไปเหนื่อยๆมากๆ แต่ขึ้นไปถึงแล้วก็คุ้มเพราะลมดีอากาศเย็นสบาย แถมยังได้ชมวิวต่างๆมองเห็นทั่วไปหมด พอขากลับลงมาผู้คนเริ่มทยอยขึ้นไปเป็นจำนวนมาก เพราะใกล้ถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดินแล้ว ผู้คนต่างขึ้นไปรอดูพระอาทิตย์ตกดิน ส่วนผมขอลาต้องการอาบน้ำนอนมากๆ








หลังจากลงมาจากพนมบาเค็งแล้วก็ให้ลินพาไปซื้อตั๋วรถไปพนมเปญล่วงหน้าวันพรุ่งนี้ และกลับที่พัก พร้อมกับจ่ายให้ลินไปราวสิบห้าดอลล่าร์ให้ทิปเพิ่มจากราคาที่ตกลงไว้ และนัดลินมารับไปส่งที่ขนส่งวันพรุ่งนี้ด้วยตอนเจ็ดโมงเช้า





ตอนที่ 2 พนมเปญ

วันที่ 3 เจ็ดโมงครึ่ง เลทนิดๆรถออกจากเสียมเรียบถึงพนมเปญราวๆบายโมง เมื่อลงจากรถแล้วก็เดินต่อไปยังแถวๆย่านพระราชวังซึ่งมีโรงแรมมากมาย ได้เข้าพักที่โรงแรม แม่โขงพาเลส ราคาสิบห้าดอลล่าร์ต่อคืน เมื่อเข้าห้องพักได้แล้วก็ นอนก่อนเป็นอับดับแรกรอให้แดดอ่อนๆแล้วจะมาเดินชมเมือง เพราะแดดที่นั่นร้อนแรงมากๆ ดูจะแรงกว่า กรุงเทพเสียอีกและไม่ค่อยมีห้างให้หลบแดดเหมือนบ้านเราเสียด้วย




ราวๆบ่ายสามโมงออกเดินลัดเลาะดูตลาดและบ้านคนไปเรื่อยๆ เพื่อไปยังห้างโสรยา ที่มองๆแล้วน่าจะเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแล้วมั้งแต่ขนาดไม่ได้กว้างใหญ่อะไรมากมาย บรรยากาศข้างในก็น้องๆมาบุญครอง ได้อาศัยฝากท้องไว้ที่ห้างแห่งนี้สำหรับมื้อแรก เสร็จแล้วก็เดินลัดเลาะชมเมืองไปทางด้านหลังพระราชวัง เดินไปยังอนุสาวรียย์ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและเวียดนาม บริเวณนี้มีผู้คนมานั่งเล่นออกกำลังกาย ทำกิจกรรมยามเย็นเยอะพอสมควร จากนั้นก็เดินต่อไปยังย่านคาสิโน และเดินย้อนกลับมาเรียบไปตามถนนที่เรียบแม่น้ำโขง





บริเวณหน้าพระราชวัง มีศาลเจ้าที่คนเขมรมากราบไหว้บูชา และนั่งเล่นริมน้ำ บ้างก็ล่องเรือทานอาหารกลางแม่น้ำ รถบริเวณนี้ก็ติดพอสมควร จะข้ามถนนกลับไปยังโรงแรมที่พักก็ค่อนข้างยาก



วันที่ 4 วันนี้ตั้งใจเดินชมเมืองเข้าพระราชวัง สายๆตื่นขึ้นมาก็ไปยังพระราชวังแต่ไม่เปิดเลยเดินอ้อมลัดเลาะไปเรื่อยๆ ไปถึงด้านหลังพระราชวัง ไปหาข้าวกินที่ห้าง คัมโบเดียนพาราก็อน ห้างที่หรูที่สุดแล้วมั้งของเขมรแต่เล็กกว่าโสรยานิดเดียว มื้อฝากท้องไว้ที่ร้านแบล็คแคนยอนของไทยนี่เอง อาหารไทยยังไงก็อร่อยที่สุด เมื่ออิ่มท้องแล้วก็มาเดินมาพิพิธภัณฑ์ ซึ่งอยู่อีกข้างหนึ่งของพระราชวัง ซื้อตั๋วสามดอลล่าร์เข้าชมศิลปะด้านใน ซึ่งมีทัวร์ไทยมาลงด้วย เลยได้แอบฟังเรื่องราวด้วยหน่อยหนึ่ง เบื่อแล้งก็ออกมาเที่ยวชมเมืองต่อเดินไปทางด้านย่านประตูชัย อากาศร้อนแรงแล้วเลยหาทางลัดเลาะ เดินกลับโรงแรมนอนเอาแรง รอบ่ายแก่ๆค่อยตื่นขึ้นมาใหม่








บ่ายแก่มากๆตื่นขึ้นมาเดินไปหาข้าวกินที่คัมโบเดียนพารากอนอีกตามเคย เผอิญมีการจัดงานเครื่องสำอางค์และสปาไทยที่ห้างนี้พอดีเลยได้มาฟังด้วยเพราะมีการแปลเป็นภาษาไทย ดูแป็บเดียวก็ไปกินอาหารญี่ปุ่นที่เจ้าของร้านเป็นคนไทย มีเมนูภาษาไทย แต่รอโคตะระนานมาก ขนาดมีแขกทั้งร้านสองคนแต่อาหารมาช้าตั้งครึ่งชั่วโมง โหแล้วถ้าคนเต็มร้านจะทำยังไงกันนี้ รสชาติอาหารก็ควรปรับปรุง เพราะปลาดิบนี้ไม่สดเอาเสียเลย กินเสร็จฟ้าก็มืดแล้ว เลยรีบเดินกลับที่พัก ซึ่งข้างพระราชวังนี้เปลี่ยวเอามากๆถ้าใครมาปล้นนี้ก็เสร็จกันพอดี ไปดูบรรยากาศริมโขงแป๊บหนึ่งก็เดินกลับที่พักนอนดีกว่า ดูทีวีของไทยสบายใจกว่ากันเยอะเลย


วันที่ 5 วันนี้วันสุดท้ายแล้วดีใจที่จะได้กลับเมืองไทยเสียที เบื่อพนมเปญเต็มทีแล้ว ไม่มีอะไรให้ดูเลยที่ไปก็ไม่ค่อยมีไม่น่าเสียเวลาอยู่ตั้งสองคืนเลย เพราะฉะนั้นวันนี้จึงไม่เร่งรีบออกไปไหนรออกไปทีเดียวตอนเช็คเอ้าท์เลย พอเวลาห้าโมงเช้า ก็เช็คเอ้าท์ออกแล้วนั่งรถสามล้อให้ไปส่งที่ห้างโสรยา เพื่อหาอะไรกิน สุดท้ายก็ได้พิซซ่าคอมพานี ของไทยอีกแล้ว กินเสร็จฝนดันตก เลยติดฝนอยู่เสียนานเวลาก็บ่ายโมงแล้ว ก็เลยเรียกมอเตอรืไซต์ไปส่งสนามบิน ฝนไม่แรงแล้วแต่ก็ยังตกอยู่ มอเตอร์ไซต์ก็ฝ่าฝนไปส่ง จัดการอะไรเรียบร้อยก็กลับกรุงเทพอย่างปลอดภัย






 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2554
2 comments
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2554 23:24:08 น.
Counter : 2731 Pageviews.

 

ชอบรีวิวค่ะ :)

 

โดย: http://katoonix.wordpress.com IP: 125.24.247.132 26 มิถุนายน 2555 17:44:30 น.  

 

เหนื่อยไหม

 

โดย: wanida IP: 115.87.46.155 5 สิงหาคม 2557 23:45:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Zabby
Location :

Thailand

Sweden

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




หากผ่านเข้ามาที่บล็อกนี้ก็ทักทายกันได้ครับ ยินดีตอบคำถามข้อสงสัยที่พอจะช่วยได้ ปกติอาศัยอยู่ประเทศสวีเดน ส่วนตัวเป็นคนรักในการเดินทาง สนใจธรรมะ พลังจิต คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีต่างๆ การพัฒนาเมือง ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การตกแต่งบ้านและสวน เขียนบล็อก
free counters
Free counters
Friends' blogs
[Add Zabby's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.