คืนกำไรให้ชีวิต เพื่อพิชิตไปในโลกกว้าง
space
space
space
<<
มีนาคม 2567
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
30 มีนาคม 2567
space
space
space

ทำบุญเป็นหลัก ท่องเที่ยวเป็นรอง

ทำบุญเป็นหลัก ท่องเที่ยวเป็นรอง

ทริปนี้  เป็นความตั้งใจของฉัน  สาเหตุมาจากการได้รับข่าวสารบทความของหมอ
ที่ร.พ.อุ้มผาง คนหนึ่ง  ลงในเฟส (มั้ง) ได้เขียนถึง
สภาพของ ร.พ.ที่ลำบาก คนไข้มีทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติตามตะเข็บชายแดนไทย
ที่เดินทางมารักษาที่ ร.พ.เป็นจำนวนมาก  งบประมาณมีน้อย
บุคลากรทางการแพทย์ มีน้อย  หมอ พยาบาล ที่นี่ ล้วนแต่เป็นผู้เสียสละและทำงาน
หนัก ฉันจึงตั้งใจว่า  ปี 67 กรมธรรม์ของฉันที่ฝากสะสมไว้
  จะครบกำหนดสัญญาในเดือน ก.พ. ตั้งใจไว้ว่า จะแบ่งเงินส่วนหนึ่ง  คือ  หนึ่งแสนบาท
  เพื่อบริจาคให้แก่ ร.พ.อุ้มผาง ถึงจะเป็นจำนวนเงินไม่มากนัก 
แต่คิดว่าก็คงจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน  ขาดแคลนยาให้กับ ร.พ.ได้บ้าง  ค่ะ 


 ฉันจึงชวนเพื่อน จอย ญาติธรรมที่เจอกันครั้งแรกตอนไปแสวงบุญ ยังสังเวชนียสถานที่
ประเทศอินเดียและเนปาลในเดือน ก.พ.ปี  2563  เพื่อนจอย
ตกลงไปด้วย  ชวนจุ๊และสมศักดิ์  (แฟนจุ๊)   เอม รวมฉัน เป็น 5 คน  มีเกด ลูกศิษย์
ไปด้วย แต่เขาขับรถไปเอง  กำหนดการครั้งนี้ 
เราจะไปวันที่ 12-15 มี.ค.  ตอนเช้าของวันที่ 12 มี.ค. จอยมารับฉันที่บ้าน  มีทูล
เป็นโชเฟ่อร์เช่นเดิม  เวลา 6.00 น. ออกจากบ้าน
ของฉันไปรับเอมที่หน้าการไฟฟ้าคลองเตย  ประมาณ 6.15 น. เราถึงสิงห์บุรีประมาณ
  แปดโมงเศษ ๆ จอยบอกว่า  ที่นี่ มีชื่อเรื่อง  ต้มเลือกหมู 
ฉันกับเอม  สั่งต้มเลือดชามเดียว  ข้าว 1 ชาม  เพราะเขาขายชามใหญ่มาก กินคนเดียว
ไม่หมด  เอม ก็เลยซื้อมาแบ่งกันกิน  ที่นี่  เจ้าของ ชื่อเฮียเล็ก 
เป็นตลาดใหญ่พอควร  มีอาหารขายหลากหลาย  พ่อค้า แม่ค้า ที่ตลาดนี้  มีกลวิธีการขาย
ของฝาก ของกินเล่น  เช่น พวกหมูทุบ  ข้าวโพดคั่ว
  โดยใส่ถ้วยเล็ก ๆ ของสินค้าที่ขาย แล้วมาวางไว้ที่โต๊ะอาหารที่คนมากิน เพื่อให้ชิมของ
ที่เขาขาย ถ้าชอบจะได้ไปซื้อสินค้าของเขา ถือเป็นกลยุทธ
ในการขายสินค้าอย่างหนึ่ง ค่ะ ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น คือ ไปซื้อข้าวโพดคั่วที่พ่อค้านำมา
ให้ชิม3 ถุง 100 บาท  อุดหนุนพ่อค้า  เขาก็พูดจาดี
ขอบอกขอบใจใหญ่ ดีใจที่ขายสินค้าได้  อิอิ 
       
อาหารมื้อเช้าผ่านไปแล้ว  อิ่มท้องกันแล้ว ก็ออกเดินทางต่อ  ครั้งนี้  จอยขอเก็บ
คนละ 2000 บาทเป็นค่าน้ำมัน ค่าแก๊สและทริปทูล คนขับรถ ค่ะ
รวม 5 คน10,000 บาท ค่ะ รถแล่นไปเรื่อย ๆ เกด ซึ่งไปล่วงหน้า อยู่ที่อุ้มผางแล้ว
  แต่ทำไมไม่ยอมโทรหาพวกเราเลย  ฉันโทรถาม  เจ้าหน้าที่
ที่ชื่อแมวที่ ร.พ.อุ้มผาง  ถามถึงว่า ควรจะพักที่แม่สอดแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยตีรถไป
อุ้มผาง เขาแนะนำว่า   น่าจะพักที่แม่สอดสักคืน
รุ่งเช้าค่อยไปอุ้มผาง  เพราะทางจากแม่สอดไปอุ้มผาง  ถนนคดเคี้ยวมาก  ถ้ามืด
ไปจะอันตราย จอยเลยบอกว่า  งั้นอาจจะหาที่พักแถว
อ.พบพระ พัก 1 คืน แล้วตอนเช้า ค่อยไป ร.พ.อุ้มผาง ที่เราจะนำเงินไปบริจาค

อาหารมื้อเที่ยง ตอนนั้นน่าจะบ่ายแล้ว  เราแวะที่ตลาด มูซือ ถามหาร้านอาหาร 
มีเพียงร้านเดียว  เดินจากตลาดเข้าไป (มีของขายน่าซื้อ ราคาถูก)
เป็นร้านอาหารเล็ก ๆ ขายอาหารตามสั่ง ฉันสั่งกระเพราทะเล  มีกุ้งตัวเล็ก  ๆ 2- 3  ตัว
ปลาหมึกชิ้นเล็ก ๆ หั่นยาว บาง ๆ 2-3 ชิ้น รสชาติพอใช้  
      กินเสร็จ ขึ้นรถ  ฉันโทรหา เกด  ปรากฏว่า เขามาถึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เขาถามว่า
พวกเราถึงไหน ตอนนั้นบ่ายสองได้มั้ง  เกดบอกว่า 
สามารถมาพักที่อุ้มผางได้เลยเพราะว่าเหลือเวลาตั้ง 3 ชั่วโมง  มาถึงอุ้มผาง
น่าจะประมาณ 6 โมง ไม่มืด  จอยเลยบอกให้เกดจอง
ที่พักให้พวกเราด้วย ได้คืนละ 1000 บาท จองสองห้อง  นอนห้องละ 3 คน ราคา
เป็นรีสอร์ตเลยแพง  มีอาหารเช้า ด้วย  ตกลงแพงก็ต้องเอา 
เพราะดีกว่าไปถึงมืดแล้ว  ไปหาที่พัก นี่แหละ ผลของการไม่จองห้องพักล่วงหน้า 
      ระหว่างทาง พักรถ เพื่อเข้าห้องน้ำ  มีวิวสวย ๆ ก็ถ่ายรูปไว้  



ระหว่างการเดินทาง  ถ่ายรูปในรถ  ค่ะ 



เข้าสู่เขต อุ้มผาง มีป้ายบอกจำนวนโค้งที่จะต้องผ่านไปถึง อุ้มผาง ค่ะ 





เห็นต้นไม้เขียวขจี  จุ๊ อยากเก็บภาพนี้เป็นที่ระลึก ค่ะ 



ฉันก็ขอแจมด้วยสักภาพ  ค่ะ 


เป็นจุดแวะพักกลางทาง “กู๋ฮะก้อ” (กู๋-ฮะ-ก้อ เป็นภาษาชาวม้ง แปลว่า ฉันและเธอ) ที่อุ้มเปี้ยม
อ.พบพระ จ.ตาก





ที่ กู่ ฮะ ก้อ มีจุดให้ถ่ายรูป หลายจุด ค่ะ









ท่าทางเสี่ยจอย  มีความสุขมากเลย นะเนี่ย  อิอิ 

รถแล่นไปเรื่อย ๆ เจอรถที่เกิดอุบัติเหตุ  มีกลิ่นไหม้ด้วย พวกเราแค่ผ่านไป เห็นมีตำรวจ
มาให้ความช่วยเหลือแล้ว  รถเราแล่นไปสักพัก
ก็ได้กลิ่นเหมือนมีอะไรไหม้ ก็เข้าใจกันว่า  สงสัยกลิ่นนั้นคงติดมาจากรถอุบัติเหตุ
ที่เราพบ เพราะมีกลิ่น ฟุ้ง ๆ ตอนเราผ่านไป  สักพัก จุ๊
บอกว่า ไม่ใช่ ที่ผนังด้านบนของรถ  มีควันออกด้วย  คราวนี้ เกิดอาการตกใจ 
เอม คงตกใจมากกว่าเพื่อน  เปิดประตูรถออกไม่ได้ 
จอยอยู่ด้านหลังรถ  โน้มตัวมาเปิดประตูให้  เอมรีบลงจากรถคนแรก ตามด้วย
จุ๊ จอย  ฉันลงเป็นคนสุดท้าย  คนกลัวรถระเบิด
ทูล ลงไปสำรวจรถว่า ควันเกิดจากสาเหตุอะไรพบสาเหตุ คือสายไฟแอร์ ช็อต ไหม้
เรื่องใหญ่เลย เพราะแอร์ด้านหลังเสีย ก็ร้อนแย่
ถ้าอยู่บนเขา อุ้มผาง ยังโอเค ลงจากอุ้มผาง  กลางวันร้อนตับแตกแน่  ทุกคนลง
ความคิดเห็นว่า ทูลดื้อ บอกให้ปิดแอร์ตอนขึ้นเขาอุ้มผาง
ก็ไม่เชื่อ  (ตามหลัก ขึ้นเขาห้ามไม่ให้ใช้แอร์ ให้เปิดหน้าต่างรถ) แต่มองใน
แง่บวก  ทูล คงกล้วพวกเราร้อน เลยไม่ปิดแอร์
       เราไปถึง อ. อุ้มผาง ประมาณ 5 โมงเย็นได้ ไปดูบ้านพักก่อน ชื่อว่า
ทีลอซู ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท ปรากฏว่า สองห้องต้องแยกกัน 
อีกห้องต้องเดินลงไปข้างล่าง ถ้าจะเอาห้องที่ติดกัน ซึ่งเป็นห้องใหญ่ นอนได้
4 คนห้องละ 1200 บาท นอนกัน 4 คน หารแล้ว
คนล 300 บาท ก็ดีกว่า เดินลงเขาไป ซึ่งชันห่างไกลผู้คนด้วย ฉันกับเอม
นอนห้องแรกเฉลี่ยคนละ 500 บาท 
     มื้อเย็นวันนี้ แวะกินข้าวที่แถว ๆ ไม่ไกลจากที่พัก  บางคนก็ไปซื้อกินที่เซเว่น
  มีฉันกับจอยกินข้าวแถว ๆ เซเว่น สั่งผัดผักคะน้าหมูสับและ
ไข่เจียวหมูสับ  กินกันสองคนจอยจ่ายมื้อนี้เอง  ไม่ให้ฉันช่วยจ่าย เกด ขับรถ
มาหาพวกเราที่ร้านอาหารนี้  ทักทายคุยกันสักพัก
และนัดหมายเจอกันพรุ่งนี้ที่ ร.พ. อุ้มผาง ค่ะ 
       
   13 มี.ค. ฉันกับเอม   ตื่นนอนก่อนอีกห้อง  หลังแต่งตัวเสร็จ  ก็ออกมาเดินชม
บรรยากาศของ รีสอร์ท  เจอ สมศักดิ์ออกมา
เดินออกกำลังกาย  ฉันกับเอม 
เลยชมบริเวณรีสอร์ท  อากาศตอนเช้าเย็นมากพอสมควร เขามีเครื่องวัด
อุณหภูมิติดที่เสาด้วย ไปดูแล้ว เช้านี้ 20 องศา ค่ะ
มิน่าอากาศจึงเย็นนัก ฉันไม่ได้เอาเสื้อคลุมมาด้วย ผ้าพันคอก็หาไม่เจอ
เลยหนาวเป็นพิเศษ ฉันกับเอม เดินถ่ายรูปบริเวณรีสอร์ท
เก็บบรรยากาศรอบ ๆ รีสอร์ท  รอเวลากินข้าวเช้า คือ  7.00 น.มาชมรูป ค่ะ 



ห้องพัก คืนแรก  ค่ะ 



เป็นเตียงใหญ่  นอนไม่ดีเลย แย่งผ้าห่มกัน  อิอิ 



สภาพของห้องน้ำ เป็นปูน ไม่มีการปูกระเบื้อง 





มีเครื่องวัดอุณหภูมิด้วย  ค่ะ 





บรรยายกาศรอบ ๆ รีสอร์ท  เอม จัดท่าให้ถ่ายรูป หลาย ๆ จุดเลย เหมือนมี
ช่างภาพประจำตัว  ห้าห้า 



หน้าห้องพัก คืนแรก ค่ะ 



ด้านหน้าของรีสอร์ท  โฆษณาให้เขาหน่อย  





มุมหนึ่งในรีสอร์ท ที่เขียวขจี สดชื่นยามเช้า ค่ะ 





เอม บอกว่ามุมนี้สวย  เขาอยากถ่ายเป็นที่ระลึก ด้วย อิอิ



ฉันก็ต้องมีด้วย ซิ เจ้าของกล้อง นี่นา 



มุมร่มรื่นอีกหนึ่งมุม ที่เอมเลือกให้ถ่าย ค่ะ



ในรีสอร์ท มีจักรยานหลายคัน ไม่รู้ต้องเช่าขึ่ไหม 



น้องเติมบุญ น้องหมาในรีสอร์ทเป็นมิตรกับแขกมาก เชื่องเป็นนางงามมิตรภาพ ค่ะ 



อาหารเช้า มีกาแฟ โอวัลติน ขนมปัง  บริการแขกที่มาพัก เราบริการตัวเอง ค่ะ 











อาหารเช้า เป็นข้าวต้ม   มีกับข้าวให้เป็นกลุ่ม 4 อย่างค่ะ ดังภาพ 



อาหารเช้านี้  ออกตรงเวลา เขาจัดอาหาร 4 อย่าง 4 จาน สำหรับกิน 6 คน มีหมูสามชั้น
ทอดน้ำปลา ผัดผักบุ้ง  ไช่โป๊วผัดไข่  และ หอมหัวใหญ่ผัด
  7 โมงกว่าแล้วอีก 3 คน ที่ห้องจอยยังเพิ่งตื่น  ฉันกับเอม เอาจานเล็ก มาแบ่งกับข้าว
ออกมา  กินกับข้าวต้มกัน  เพราะรอไม่ไหว  พวกเขายังไม่อาบน้ำ
  ขืนรอกับข้าวเย็นชืดหมด  เรากินเสร็จก็เข้าห้องไป ทำธุระส่วนตัว  นอนรอพวกเพื่อน ๆ
กินข้าว  อาบน้ำฉันนัดกับ เจ้าหน้าที่ของ ร.พ.อุ้มผางว่า
จะไปถึง ร.พ.ประมาณ 8.30 น. โดยเกดจะขับรถไปรอพวกเราที่ ร.พ.อุ้มผาง เจอกันที่นั่น
พวกเราไปถึง ร.พ. อุ้มผาง  ก็เจอเกดมาถึงก่อน  จอดรถแล้ว
  โทรหาคุณแมว เจ้าหน้าที่ที่เราต่างก็ไม่เคยเห็นหน้าตากัน อิอิ เดินเข้าไปใน  ร.พ.
เห็นมีตึกกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง  มีประชาชนที่มา ร.พ.
เดินขวักไขว่เต็มไปหมด  พวกเราเดินเข้าไปสักพัก  ฉันก็ได้ยินเสียงถามว่า "ใช่คุณครูไหมคะ " 
เอ้า ! ต้องเป็นน้องแมวที่เราโทรคุยนัดกันแน่นอน  หันไป
รับคำว่า  " ใช่จ้ะ "  คุณแมวเดินยิ้มเข้ามาหาฉัน  บอกว่า  วันนี้ต้องขอโทษเพราะ ผอ.ร.พ.
ไม่อยู่ติดราชการด่วนเดี๋ยวให้ตัวแทนของ ผอ.ร.พ. มาต้อนรับแทน
  แล้วก็ให้พวกเราตั้งแถวหน้าตึก  ถ่ายรูปกัน ทุกอย่างดูรีบร้อน  ฉุกละหุก กันไปหมด
ดูตลก ๆ เหมือนกัน ไม่มีการแนะนำว่า ตัวแทนของ ผอ.
คือใคร ชื่ออะไร ยังไม่รู้จักชื่อ หมอที่มาเป็นตัวแทนต้อนรับเรา  ถ่ายรูปเสร็จ  หมอที่ตัวแทน
ก็เดินเข้าตึกไป  คุณแมว ก็พาเรามาอีกฝั่งที่ตรงข้ามกับตึกที่เรา
ถ่ายรูป ที่ที่เขาให้เรามา  มีเก้าอี้เรียงรายไว้หลายตัว  ให้พวกเรานั่ง  ส่วนคุณแมวก็
ไปเชิญเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินมารับเงินบริจาคจากเรา 
คุณแมวให้เหตุผลว่า  วันนี้คนไข้เยอะมาก วุ่นวายไปหมด  ก็คงจะจริงแหละ  บุคลากร
ทางการแพทย์ ก็มีน้อย  ทุกคนคงต้องทำงานอย่างรวดเร็ว

เมื่อเจ้าหน้าการเงินมาแล้ว  ฉันก็บอกกับคุณแมวว่า  ฉันขอบริจาคให้ ร.พ. 100,000 บาท 
( หนึ่งแสนบาท ) คุณแมวทำหน้าแบบน่าจะดีใจ นะ
แล้วก็ขอบอกขอบใจให้พรฉัน  ฉันใช้แอป โอนเงินเข้าบัญชีของ ร.พ. เรียบร้อย
  เขาขอถ่ายสลีปโอนเงินเป็นหลักฐานด้วย  ฉันนำเงินของเพื่อน ๆ ที่ฝากมาทำบุญ  มีของชนิดา
ฝากมา 2,000 บาทเอ๋  ฝากมา 500 บาท  พี่บำเพ็ญ 500 บาท
พี่นพรัตน์ 500 บาท ดาว 100 บาท และภาคภูมิ  อีก 150 บาท รวมเป็น 3,750 บาท
รวมสายฉัน ก็เป็น 103,750  บาทจอยร่วมบริจาค  2,000  บาท
  จุ๊และสมศักดิ์  1000 บาท  เอม 200 บาท ทุกคนได้เขียนใบเสร็จ และสามารถ
นำไปลดหย่อนภาษีได้สองเท่า มาชมบรรยากาศในการบริจาค ค่ะ 









       หลังจากการเขียนใบเสร็จให้ทุกคนเรียบร้อยแล้ว  ก็อำลาเจ้าหน้าที่ทั้งสองคน   น่าจะ
ใช้เวลาในการบริจาคครั้งนี้ ไม่ถึง 1 ชั่วโมง นะ
พวกเราขึ้นรถและไปที่โรงแรมที่พักของเกด คืนนี้ เราต้องย้ายมาพักที่โรงแรมนี้
ซึ่งราคาห้องละ 650 บาท จอง 3 ห้อง มีขนมปัง
กาแฟ โอวัลตินให้กินเท่านั้น ค่ะ กลับมาถึงที่พัก ทุกคนต้องขนของมาอยู่ที่ห้องเกด
ก่อน เพราะยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน  พวกเราเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดใหม่
เพื่อเตรียมไปนั่งเรือยาง ชมความงามของสองฟากฝั่งที่จะเดินทางไปสู่ น้ำตกทีลอซู
แต่ไม่ได้ถึง ใช้เวลาในการนั่งเรือไปกลับ 3 ชั่วโมง
ระหว่างทางที่ล่องเรือยางไป สวยงามด้วยธรรมชาติ ให้รูปที่พวกเราถ่ายมาเป็นการ
บรรยายความงาม ค่ะ  ระหว่างทาง  ได้ขี้นฝั่งถ่ายรูปบ้าง 
และแวะแช่น้ำที่บ่อน้ำร้อน ค่ะ มาชมภาพค่ะ (ค่าบริการล่องเรือยาง คนละ 1000 บาท
  ค่าติ๊บคนพายเรือ จ่ายไปคนละ 100 บาท ให้ สี่คนไปแบ่งกัน) 
มารู้จัก ประวัติของ บ่อน้ำร้อน สักเล็กน้อย  ค่ะ 


  บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ จะอยู่ในเส้นทางล่องเรือ จาก อำเภอ อุ้มผาง ผ่าน น้ำตกสายรุ้ง แล้ว จะ เจอ
กับจุดแวะพัก แช่ น้ำร้อน บริเวณนี้ ก่อน ที่จะไปยัง จุดหมายปลายทาง
น้ำตกทีลอซู บริเวณโดยรอบ จะมี การบริหารจัดการของคนในท้องถิ่นทำเป็นจุดแวะพัก
มีอาหารท้องถิ่นและ มี พืช ผลไม้ ตระกูล มัน ท้องถิ่น
ปิ้ง,ย่าง จำหน่าย ฯลฯ รวมไปถึง มี ห้องน้ำให้บริการ ซึ่งถือว่า สะอาด พอสมควร และเดินไป
ไม่ไกลมากนัก ประมาณ 20 เมตร จะมีทางเดินไม้ไผ่
และมี บันได ไม้ไผ่ ให้ ไต่ ลงไป เพื่อ แช่ น้ำร้อนที่นี่ ได้โดย น้ำที่ไหลรินออกมาจาก ตาน้ำ
ธรรมชาติจะ มี ระดับอุณหภูมิ ที่ ร้อน ประมาณ 35-42 องศา
โดยประมาณ แต่ เมื่อ สัมผัสกับ สภาพอากาศ ภายนอก ที่ค่อนข้างหนาวเย็นตลอดปี จึงทำให้
ระดับ อุณหภูมิของ น้ำ อุ่น กำลังดี เหมาะ สำหรับการแช่เท้าหรือแช่ตัว
เพื่อ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดย ในระหว่างแช่ เท้า อยู่นั้นท่านจะได้ กลิ่นของ กำมะถัน อ่อนๆ
ซึ่งไม่รุนแรงมากนักแสดงว่า ในน้ำ จะต้อง มี แร่ธาตุ ที่ ดี ต่อสุขภาพ
แทรกซึมเข้าไปในร่างกาย ของเราด้วย  (ที่มา จากอินเตอร์เน็ต)  มาชมภาพ  ค่ะ 















ชมบ่อน้ำร้อนแล้ว  มาชมความงามในระหว่างล่องเรือยาง  สองข้างทางงดงามมากน้อย
เพียงใด มาชมและตัดสินใจเอง ค่ะ 



จุดนี้สวยมาก ค่ะ 



เรือจะจอดนิ่ง ๆ ให้พวกเราถ่ายรูป ค่ะ 









ชื่อน้ำตกสายรุ้ง  เรือจอดให้เราขึ้นฝั่งตรงข้าม เพื่อถ่ายรูปให้ติดน้ำตกสายรุ้ง ค่ะ 









เสียจอยดูมีความสุขมากกว่าเพื่อนเลย มีเรา 3 คนที่ขึ้นฝั่ง คือ ฉัน จอย เกด 

















น้ำในแม่น้ำ มีน้อย เรือเลยไปช้า บางช่วง ก็ไหลเชี่ยวจากนำที่ไหลมาจากบนเขา ค่ะ





ผืนป่า ยังเขียวขจี อุดมสมบูรณ์มาก คะ 











จากบ่อน้ำร้อน  ก็ล่องเรือกลับ  มาขึ้นที่ฝั่ง ชื่อ ผาเลือด เรากินข้าวเที่ยงวัน ที่นี่  



ที่ผาเลือดก็มีต้นไผ่มากมาย คนเรือบอกว่า เป็นไผ่ที่กินไม่ได้ ค่ะ 





พักกินข้าวเที่ยงที่ซื้อมาก่อนขึ้นเรือ  กล่องละ  80 บาท 



รถปิ๊กอัพสีขาวที่เห็น คือ รถที่พาเราไปที่ น้ำตก ทีลอซู ค่ะ 

      กินข้าวเสร็จ ก็ขึ้นรถที่ตอนเช้าเขาขับมาส่งเราที่ที่ลงเรือยาง เขามารอเราที่ผาเลือด ขับรถจาก
ที่นี่เพื่อไปน้ำตก ทีลอซู  4 กิโลเมตร ทางบางช่วง
ก็ขรุขระ กระดอนกระเด็นเขาให้ผู้หญิง นั่งหน้ารถ และที่แค้ปรถ  ส่วนผู้ชาย 2 คน และเกด
(สาวสุด) นั่งหลังรถ หลังจากการนั่งรถผ่านมาด้วยทางอันคดเคี้ยวนี้
4 กม.แล้วก็ต้องเดินเท้า ซึ่งเป็นทางลาดปูนไปอีก 1.5 กม. ค่ะ  ขาเดินขึ้นไป แวะถ่ายรูป
พักเหนื่อยไป ด้วย ส่วนกลุ่มจอยเดินล่วงหน้าเพราะ
จะไปเล่นน้ำตกด้วย  ฉันเกดและเอม เดินไป พักไป  มีเกดคอยช่วย ให้เกาะแขน
ถ่ายรูป เหนื่อยมาก  ปวดหลังมาก  แต่ก็ต้องอดทน 
เพราะอยากเห็นความสวยงามของน้ำตกทีลอซู ที่ว่า สวยมากเป็นที่ 1 ของประเทศไทย
 ในที่สุดก็มาถึงจนได้ ค่ะ อิอิ ก่อนจะมาชมรูปสวย ๆ ของทางเดิน
ก่อนจะเดินถึงตัวน้ำตก  เรามาทราบ ความเป็นมาของ น้ำตกทีลอซู สักเล็กน้อย


            น้ำตกทีลอซู ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อ.อุ้มผาง จ.ตาก ห่างจาก
ที่ทำการเขตฯ 3 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นน้ำตก
ภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร  เกิดจาก
ลำห้วยกล้อท้อ ลำน้ำทั้งสายตกลงสู่หน้าผาสูงชัน
มีน้ำไหลแรงตลอดปี ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร ไหลลดหลั่น
เป็นชั้น ๆ มีความสูงประมาณ 250 เมตร ล้อมรอบไปด้วย
ป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของเอเชีย ทีลอซู ได้รับ
คำกล่าวขานถึงว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามและมีความ
สวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน - พฤศจิกายน ปริมาณน้ำฝน
ที่มากจะเพิ่มปริมาณน้ำในลำธารทำให้สายน้ำตก
กว้างใหญ่กว่าฤดูอื่น แต่เป็นช่วงที่ทางรถเข้าน้ำตกปิด เพื่อป้องกันอันตรายแก่ผู้ใช้
เส้นทางและถนอมสภาพทางไม่ให้เสียหาย
นักท่องเที่ยวอาจเลี่ยงใช้เส้นทางนี้ได้ โดยการซื้อทัวร์กับบริษัทนำเที่ยวซึ่งจะ
เดินทางด้วยเรือยางและเดินป่าอีกราว 12 กิโลเมตร
แต่หากมาท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาว - ฤดูร้อน 
ระหว่างเดือนธันวาคม - พฤษภาคม ก็สามารถใช้ทางรถยนต์
เข้าน้ำตกได้ จึงเป็นช่วงเวลาที่เที่ยวได้สะดวกที่สุด ไม่ว่าจะเที่ยวแบบไปกลับหรือพัก
ค้างแรม  “ทีลอซู” น้ำตกชื่อดังที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่
และสวยงามที่สุดในเมืองไทย ถือเป็นพระเอก ของน้ำตกที่อุ้มผาง  นอกจากนี้
อุ้มผางวันนี้  ยังมีนางเอก คือ “น้ำตกสายรุ้ง”
อันซีนแห่งใหม่ มาเป็นอีกหนึ่งแม่เหล็กดึงดูดในเส้นทางล่องแก่งลำน้ำด้วยเรือยาง
“อุ้มผาง-น้ำตกสายรุ้ง-ทีลอซู” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยว
สุดว้าวที่น่าตื่นตาตื่นใจ
        ทีลอซู หรือทีหล่อซู ชื่อนี้เป็นภาษากะเหรี่ยง (ปกากะญอ) ทีแปลว่า น้ำ, ลอหรือหล่อ
แปลว่า ไหล ส่วนซู หมายถึงการไหลลงมาอย่างรุนแรง
ของสายน้ำปะทะกับพื้นเบื้องล่าง (ข้อมูลจาก ขสป.อุ้มผาง) จากการสอบถามไกด์ท้องถิ่น
เค้าบอกมาว่า จริงๆ แล้วทีลอซู แปลว่า น้ำตกที่มีเสียงดัง
เนื่องมาจากเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เวลาที่น้ำตกลงกระทบพื้นแล้วมีเสียงดังมาก
พวกเขา จึงเรียกน้ำตกนี้ว่า ทีลอซู 
 (ข้อมูลเรียบเรียงจาก อินเทอร์เน็ต)



จากรถ 4 กิโลเมตร  เราต้องเดินต่อเองเพื่อไปถึงน้ำตกอีก 1.5 กิโลเมตร





ทางเดินเป็นปูนซิเมนต์  บางช่วงมีบันได เป็นช่วง ๆ ค่ะ เดินสะดวก 





ระหว่างทาง เห็นตางไหนแปลก ก็ถ่ายรูป เป็นการพักเหนื่อยไปในตัว ค่ะ 



เดินมาได้ ครึ่งกิโลเมตรแล้ว  ต่อไปอีก 1 กิโลเมตร ค่ะ เหนื่อยอีกนาน  อิอิ



ถึงน้ำตก ถ่ายรูปไว้เลย  เป็นหลักฐาน มาถึงน้ำตกแล้ว นะ 






ถ่ายรูปกับจอยซึ่งเพิ่งขึ้นจากการเล่นน้ำตก ฉันไม่ได้ลงไปด้านล่าง
เขาว่ามันช้นและลื่น  เลยชมความงามอยู่แต่ด้านบน

ฉัน เอม และเกด ไปถึง น้ำตก ทีลอซู   พอดีเจอ กลุ่มนักท่องเที่ยว  หลายคน  น่าจะมาเป็น
ครอบครัวใหญ่  มีคนสูงอายุอยู่หลายคน  นั่งอยู่ที่เก้าอี้
  เขาทักทายพวกเราเชิญให้ฉันนั่งด้วย คงเห็นฉันเดินขึ้นมาถึงเหนื่อย ๆ เลยเรียกไปนั่งด้วย
  มีชายสูงอายุ  (คนนี้ มารู้ภายหลังว่า กลุ่มจอยที่เดินนำหน้าฉัน
มาก่อนเขาเป็นลม  จุ๊ มียาลมให้แกกินเลยเดินมาถึงที่น้ำตกได้  อิอิ )  ชายสูงอายุคนนี้  คุยเก่ง
ถามเรื่องอายุฉัน  เรื่องการงาน ถามชื่อ ไม่เว้นจังหวะให้ฉัน
ถามบ้างเลย อิอิ มีการโชว์แขนที่โดนผึ้งต่อยให้ดู  บอกว่ากำลังทำใจไม่ให้เจ็บแขนที่
โดนผึ้งต่อยด้วย  แปลก ๆ ดี  ส่วนเกด กับ เอม ไม่ได้อยู่ด้วย
บอกจะไปสำรวจ เพื่อนที่ลงไปเล่นน้ำ  ทิ้งฉันให้คุยอยู่กับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้  แต่ได้
พักใหญ่  น่าจะ 10 นาที ได้กลุ่มนี้ ก็อำลาจากไป  

          เกดและเอม  ก็เรียกไปถ่ายรูปกับน้ำตก  พักใหญ่ กลุ่มที่เล่นน้ำ  ก็ขึ้นมาจากน้ำตก
  เกดเรียกพวกเราถ่ายรูปหมู่กัน  ค่ะ  โดยให้คนที่ขับรถ
ให้พวกเราเป็นคนถ่ายให้สวยงาม ค่ะ ถึงจะตัวเปียก ๆ ก็ตาม  อิอิ 



ชายชราที่พูดเก่ง ท่าทางตอนเป็นหนุ่ม คงแพรวพราวไม่น้อย  ห้าห้า 
รูปนี้ เขาเรียกสมาชิกที่มาด้วยกับเขาถ่ายรูปฉันกับเขา 
ฉันเลยให้เกดถ่ายกล้องเราบ้าง  อิอิ 



ขี้นจากเล่นน้ำตก มาถ่ายรูปหมู่เลย จุ๊ ไม่กล้าเล่น เขาบอกว่า น้ำเย็นมาก 



หลังจากถ่ายรูปหมู่กันเสร็จแล้ว   พวกเราก็เดินกลับทางเก่า  อีก 1.5 กิโลเมตร
  เหนื่อยกว่าตอนขาขึ้นอีก  มีเกด ให้เกาะแขนเหมือนเดิม
  มาถึงรถปิคอัพ  ก็ขึ้นนั่งรถพร้อมกัน  คนขับก็น่ารัก  เดินรั้งท้ายฉันกับเกดมาด้วยกัน 
 ผ่านมาถึงเขตเมืองมั้ง  เจ้าของรถก็มาขับต่อ 
ส่งพวกเรากลับที่พัก  ขนสมบัติจากห้องเกดไปอยู่ห้องตัวเองที่พักแห่งนี้  มีแค่ชั้นเดียว
  ชื่อว่า บ้านบุปผชาติ  รีสอร์ท  น่าจะเป็นรีสอร์ทสร้างใหม่ ไม่นาน
  มีที่พักเพียงไม่กี่ห้อง และกำลังสร้างตึกทำห้องพักเพิ่ม เกด นอนห้อง 1 ฉันกะเอม
นอนห้อง 2 จอย  จุ๊ นอนห้อง 3  ส่วนสมศักดิ์และทูล นอนห้อง 4
ห้องน่าอยู่มาก ค่ะ ราคา 650 บาทต่อคืน 



มุมหนึ่งภายในโรงแรม ค่ะ 



กำลังสร้างห้องพักเพิ่ม ค่ะ 









ทางเข้าที่พัก ค่ะ 



ห้องพัก มีเพียงแถวเดียว ค่ะ ชั้นเดียว ค่ะ 





ภายในห้องที่เราพัก ค่ะ 









อาหารมื้อเย็นวันนี้  เกด แนะนำ ร้านอาหาร ครูซัน  โดยที่พวกเรากลับที่พักก่อน  พวกเล่นน้ำ
ก็ต้องไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่  ส่วนฉันไม่ได้อาบ ชุดเดิม ค่ะ 
เกด พามาถึงร้านและเลือกโต๊ะ มุมที่เรานั่งกันได้ครบ  7 คน ทุกคนคงหิว ดูเมนูแล้ว  ก็สั่งกันใหญ่
น่าจะ 6-7 อย่าง อาหารมาถึง ยังไม่ทันถ่ายรูปเลย 
ก็ตักกัน  บางจานจะเห็นว่าแหว่งไปบ้าง นะ ห้าห้า  ทุกคนกินอย่างเอร็ดอร่อย มีความสุข ค่ะ















บิงซู ของจอย ค่ะ 

ยังมีบัวลอยผือก ไม่ได้ถ่าย ค่ะ  มื้อนี้  หาร 5 ยกเว้น ทูลและเกด จ้ะ เฉลี่ยตก จ่ายคนละ 
300  บาท ค่ะ อิ่มจนจุกเลย ค่ะ 
เดินออกจากร้าน  บริเวณร้านเขา  มีจุดถ่ายรูปอยู่หลายจุด เลยถ่ายรูปกันเสียหน่อย ค่ะ 





บรรยากาศในห้องอาหาร ค่ะ 





















ร้านอาหารที่เรามากินมื้อเย็น ค่ะ  บรรยากาศดี ค่ะ 



อาหารเช้าที่มีให้เรา คือ ขนมปัง (ปิ้งเอง)  กาแฟ โอวัลติน 

         วันที่ 14  วันนี้ ฉันไม่ได้ไปตลาดกับเกดและจอย  หลังจากกินขนมปัง ทาแยม เนย ที่เอมปิ้งเผื่อ
ดื่มโอวัลติน  แล้วก็กินยา  กลับห้องพัก เพื่อทำกิจธุระส่วนตัว
  ดูข่าวจากโทรทัศน์  จอย  เกด และเอม กลับจากเดินตลาด  จอยซื้ออาหารหลายอย่างมาให้
พรรคพวกกิน  มีซาลาเปาไส้หมู  ข้าวโพด ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ด้วยมั้ง  ฉัน
กินซาลาเปาไป 1 ลูก เพราะเช้านี้ ยังไม่ได้กินอะไรมาก กินขนมปังของรีสอร์ทเท่านั้น 
                    เกด  ขอให้ฉันและเอมไปนั่งรถคันเขาเป็นเพื่อน  ฉันกับเอม ก็ไปคันเกด 
เพื่อลงจากอุ้มผาง  เป้าหมาย คือ ไปเที่ยว ถ้ำสีฟ้า  เกด ขับรถค่อนข้างเร็วและดูชำนาญทางดี
แซงหน้าคันของจอยไป  ถนนหนทางระหว่างลงจากอุ้มผาง
คดเคี้ยว หักศอก ต้องคนขับเก่ง ๆ จึงจะไหว นะ สองข้างทางเป็นต้นไม้ ป่าไม้ดูร่มรื่นมาก
  เปิดหน้าต่างเล็กน้อยให้ลมเข้า ไม่ต้องเปิดแอร์เลย ค่ะ 





ถ่ายถนนหนทางที่ลงจาก อุ้มผางมาให้ชม  3-4 ภาพ ค่ะ 





  

      ขับมาถึงน่าจะเข้าเขตชุมชน  เกด เห็นร้านข้าวมันไก่  ร้านก๋วยเตี๋ยว ข้างทาง  พวกเราเลยจอด
หาของกินก่อน  เพราะแถวถ้ำสีฟ้า จะไม่มีอาหารขาย
และอีกนานกว่าจะเจอร้านอาหาร  อย่างไรก็ตาม รถคันจอย กว่าจะตามรถคันเกดทัน
น่าจะครึ่งชั่วโมง   พวกเราก็เลยจอดแถวนี้ กินอาหารมื้อเที่ยง
  ซึ่งขณะนั้น น่าจะประมาณ 11 โมงเศษ ๆ ฉันกับเกด สั่งข้าวมันไก่คนละจาน  ส่วนเอมแยก
ไปกินก๋วยเตี๋ยวอีกร้านหนึ่ง น่าจะ 15 นาที ได้ รถตู้ของจอย
ก็ผ่านร้านที่เรากินข้าวอยู่ พวกเราเลยต้องรีบกินข้าว  เสร็จแล้วเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย 
     เรามาถึง ถ้ำสีฟ้าก่อน พวกจอย  เพราะเขาขับเลยไปนั่นเอง 
แต่ก็ช้าแค่แป๊บเดียว  พวกเราก็เข้าไปชมถ้ำกัน  เป็นถ้ำที่มีความสวยงามแปลกตาดี แปลกกว่าถ้ำ
ที่ฉันเคยไปชมมา  มีคนบอกว่า  ถ้าภาพที่ถ่ายจะออกมาเป็นสีฟัา ต้องเปิด
แฟลกซ์ถ่าย จึงจะเห็นถ้ำเป็นสีฟ้า ค่ะ จริงไหม ก็ลองชมภาพ มาทราบประวัติของ ถ้ำสีฟ้า ค่ะ 
           
           ถ้ำสีฟ้า ตั้งอยู่ภายใน สำนักสงฆ์พุทธคยาถ้ำสีฟ้า ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
มีลักษณะเป็นถ้ำหินขนาดกว้างใหญ่ แต่ความไม่ธรรมดาคือ
เป็น ถ้ำที่มีหินสีฟ้า และเนื้อหินยังมีลวดลายสวยงามมาก ๆ  ภายในถ้ำจะเต็มไปด้วย
หินงอกหินย้อยอลังการมาก 
            โถงถ้ำด้านหน้า จะมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ศิลปะแบบเมียนม่า ให้เราได้กราบสักการะกัน
ก่อนเข้าถ้ำอีกด้วย ส่วนหินบริเวณปากถ้ำก็สวยไม่แพ้ในถ้ำเลย
 เพียงแค่หน้าปากถ้ำจะไม่ได้เป็นสีฟ้าทั้งหมดเท่านั้น มีแทรกสีฟ้าบ้างนิดหน่อย  
     ภายใน ถ้ำสีฟ้า ก็จะมีพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ให้ได้เข้าไปสักการะกราบไหว้กัน
และจะมีในส่วนของซอกหิน ช่องเล็กช่องน้อยต่าง ๆ สลับซับซ้อนกันไปมา
โดยเราจะสามารถเดินเที่ยวชมรอบ ๆ ถ้ำได้ เพราะจะมีทางเดินยาวไปตามทางอย่างดีเลย
ที่เราเห็นผนังเป็นสีฟ้านั้น ก็เพราะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสสาร
ในพื้นผนัง ทำให้กลายเป็นผนังสีสวยแบบนี้ ระยะทางไม่ไกลมากประมาณ 100 เมตร
ไปและกลับทางเดียว ทางเดินในถ้ำก็จะมีการติดไฟ
ส่องสว่างแต่มีเพียงบางจุดเท่านั้น เพราะฉะนั้นแนะนำให้เตรียมไฟฉายที่สว่าง ๆ
มาส่องชมความสวยงามภายในถ้ำด้วย แต่ถ้าใครอยากถ่ายภาพ
เก็บความสวยงามของถ้ำเอาไว้นั้น ต้องมีขาตั้งกล้อง ถึงจะได้ภาพสวย ๆ
เหมือนที่ตาเห็น จัดเป็นหนึ่งใน Unseen เมืองตาก ที่ต้องมาชม   (รวบรวมมาจากอินเทอร์เน็ต)



พระพุทธรูปที่อยู่ด้านนอก ก่อนที่จะเข้าไปชมถ้ำ ค่ะ 



มีบันไดให้ขึ้นไปชมถ้ำ ค่ะ 





ภายในถ้ำ  มีผนังถ้ำที่มีลายแปลกตาดี ค่ะ 
 




















บริเวณนอกปากถ้ำ ค่ะ 



ด้านหน้าก่อนเข้าถ้ำ มีพระพุทธรูปนี้ ให้คนมาเที่ยวถ้ำ กราบไหว้ ค่ะ 



มีพระสงฆ์ เห็นอยู่รูปเดียว จอยกับจุ๊กำลังสนทนากับท่าน 







เห็นรูปนี้แปลกตาดี  จุ๊ ช่วยถ่ายให้ ค่ะ 



หน้าถ้ำ มีพระพุทธปางไสยาสน์ ด้วย ค่ะ ทำบุญ 100 บาทที่พี่นพฝากมาทำบุญ ค่ะ 









จอย ให้ช่วยถ่ายให้ โดยจะโผล่หน้าออกมาจากโพรงหิน นี้ ค่ะ 



















มุมนี้ เพื่อนว่า สวยนะ ก็ถ่ายอีกสักรูป ค่ะ 

        เดินชมถ้ำสีฟ้าแล้ว ทำบุญให้พี่นพรัตน์ที่ตู้ที่เขาตั้งให้คนทำบุญไป 100 บาท ตามที่
พี่ฝากเงินมา  แล้วก็แยกจากเกด  ฉันกับเอมมาขึ้นรถตู้
เหมือนเดิม  เกดก็ขับรถไปคนเดียวเช่นเดิม  รถเรา ก็แล่นกันต่อไป  ครั้งแรก 
จอย ตั้งใจจะไปเที่ยวที่ สะพานแม่น้ำเมย (มั้ง) 
แต่ปรากฏว่า  ค่าฝุ่นพิษมองไปแต่ไกล มัวไปหมด เลยเปลี่ยนใจกลับกรุงเทพฯดีกว่า 
เราขับรถมาเรื่อย ๆ  แดดร้อนมาก  รถจอดที่ตลาดมูซือ
คนละฝั่งกับขามา  เพื่อเขาจะไปหาร้านกินข้าวกัน  ส่วนฉันกับเอม กินแล้ว เลยซื้อของกัน 
สินค้าที่นี่ ถูกมาก ผักกาดขาว 3 ต้นใส่ถุงไว้ 20 บาท
ผักหลายอย่าง 20 บาท  ถ้าซื้อ 3 อย่างเหลือ 50 บาท ฉันซื้อผักกาดขาว  มะเขือเทศ
และฟักแม้ว 3 อย่าง ซื้อยอดผักฟักแม้ว 4 กำ 50 บาท
แล้วก็ซื้อ อะโวคาโด 2 กิโล 120 บาท ได้ 4 ลูกเอง ซื้อกระเทียม 1 กิโล 70 บาท
หิ้วหลังแอ่นเลย ออกมา เจอ เกด ช่วยหิ้วและ บอกว่า
ทุกคนขึ้นรถรอฉันอยู่คนเดียว เอ้า ! พวกนั้นไปกินข้าว จะเสร็จก่อนฉันได้ไง
ปรากฏว่า แถวนี้ไม่มีร้านขายอาหารเลย ทุกคนหิว
ไม่อยากเดินซื้อของ จอยบอกว่าไปหาร้านกินข้าวก่อน แล้วค่อยเดินซื้อของ
ข้างหน้ายังมีตลาดขายอีก  ปรากฏว่า กว่าพวกจอย
จะได้พบร้านกินข้าวน่าจะบ่ายสองแล้ว แถม ไม่มีตลาดให้ซื้อของอีกด้วย
โชคดีที่ฉันซื้อของได้คนเดียว  ไม่งั้นกลับกรุงเทพฯ
ไม่มีของฝากเพื่อนบ้านแน่เลย  อิอิ 
         
   เมื่อทุกคนกินข้าวมื้อกลางวันเรียบร้อยแล้ว  ก็ขึ้นรถขับต่อไป ช่วงนี้ ทั้งจุ๊ และจอย
ต้องมานั่งด้านหน้ากับฉันและเอม  เพราะด้านหน้า
ยังมีแอร์บ้าง  ไม่ได้เสีย  โชคดีที่ฉันกับเอม ตัวไม่โต ก็นั่งได้ 4 คน ไม่เบียดมากนัก  
      รถตู้เรา  ขับไปเรื่อย ๆ  ตกค่ำ  อากาศค่อยยังชั่ว
  แวะตามปั๊มน้ำมันเมื่อต้องการเข้าห้องน้ำ  จนกระทั่ง ถึงกรุงเทพฯ  ส่งเอมลงก่อน
ที่คลองเตย  ตอนนั้นประมาณ สองทุ่มเศษ
เราแวะร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดร้านเซียะ  แถวพระรามสี่  จอย บอกให้นั่งห้องแอร์เถอะ
  คนละเพิ่ม อีก 10 บาท  เธอคงร้อนจากรถที่แอร์เสีย  อิอิ
พวกเราเลยต้องตามใจเสี่ยจอย อิอิ สั่งกินกันคนละชาม  สมศักดิ์ สั่งเบียร์กินกับ
เกาเหลาเป็ด  จอยสั่งเพิ่มเลือดเป็ดของตนเอง อีก 1 ชาม
สั่งไส้แก้วเป็ด กินด้วยกันอีก 1 ชาม รวมแล้วมื้อนี้  600 กว่าบาท  ฉันจะช่วยออกด้วย 
แต่จอยบอกไม่เป็นไร  ส่วนสมศักดิ์ ก็น่ารัก นะ บอกว่า
ตนเองกินเบียร์ด้วย  ช่วยสองร้อย  แต่จอยดูเหมือน เก็บสมศักดิ์ ร้อยบาท มั้ง 

รถมาส่งฉันถึงบ้านและรับโจ๊กที่ จุ๊ ให้ฉันช่วยโทรสั่งก่อน น่าจะสองถุงหรือ สาม (เผื่อทูล) 
ฉันก็จำไม่ได้  ทูล ช่วยยกกระเป๋าลงจากรถ  ยกผักของที่ซื้อ
มาให้ที่บ้าน  ฉันเข้าบ้านแล้วไปส่งเพื่อนที่รถ  ขอบใจจอย ทูลที่ไปร่วมทำบุญกันครั้งนี้
  ขออนุโมทนาบุญทุก ๆ คน ค่ะ 
        หลังจากที่ส่งเพื่อนแล้ว  ก็นำของฝากให้เพื่อนเอ๋  เขาเอาแต่ผักกาดขาวและกระเทียม
  รุ่งขึ้น ก็นำผักยอดฟักแม้ว  มะเขือเทศ  และฟักแม้ว
ฝากแม่น้องออมด้วย ค่ะ   

        ทริป ทำบุญเป็นหลัก ท่องเที่ยวเป็นรอง ( เที่ยว เป็นผลพลอยได้ ค่ะ) ก็จบลงไป
อย่างเรียบร้อย อิ่มอกอิ่มใจกันทุกคน ก็ขอแบ่งบุญกุศลครั้งนี้
แก่เพื่อนชาวบล็อกแกงค์  และผู้ที่เข้ามาอ่านข้อเขียนบล็อกนี้ด้วย ค่ะ  สวัสดี ค่ะ        






        
 




 











 




 

Create Date : 30 มีนาคม 2567
24 comments
Last Update : 31 มีนาคม 2567 15:58:19 น.
Counter : 363 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณmultiple, คุณกะว่าก๋า, คุณkatoy, คุณหอมกร, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณดอยสะเก็ด, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณtanjira, คุณปัญญา Dh, คุณSweet_pills, คุณnonnoiGiwGiw, คุณThe Kop Civil, คุณร่มไม้เย็น, คุณnewyorknurse

 

อ.เต๊ะ มาอ่านผ่านๆ ยังอ่านไม่ละเอียดนะครับ
เพราะอ่านได้เต็มที่แค่ วันละ 8 บรรทัด
เรื่องอาจารย์เกิน โควต้า น่าจะต้องอ่านซัก 2เดือน อิอิ

อาจารย์สุบอก เอ็งไปยืน ขาเดียว คาบโต๊ะ หน้าห้องเดี๋ยวนี้
โทษฐาน ขี้เกียจอ่านบล็อกข้า เดี๊ยะๆเร็วๆ เย้ย 555

เดี๋ยวพรุ่งนี้ ปลอดคน อ.เต๊ะ จะแอบมาใหม่นะครับ
ไม่รู้จะมาทันก่อน น้อง ที่ชอบมา ทักทาย อิอิ แต่ไม่เม้นท์ มั้ยเนี่ย 555



 

โดย: multiple 31 มีนาคม 2567 19:48:36 น.  

 

อนุโมทนาบุญครับอาจารย์
การทำบุญเป็นสิ่งที่งดงามของความเป็นมนุษย์จริงๆครับ

แถมมีผลพลอยได้คือ
ได้แวะเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ
ซึ่งก็มีความงดงามด้วยเช่นกัน
ถ้ำสีฟ้าสวยมากครับอาจารย์




ปีนี้ผมไม่น่าจะได้ไปเช็งเม้ง
คงต้องให้ญาติๆที่ชลบุรีจัดการเรื่องการไหว้เหมือนทุกปีที่ผ่านมาแทนครับ

เสาร์-อาทิตย์ คนเล่นบล็อกน้อยมากครับอาจารย์
ตอนนี้เหลือวันละไม่เกิน 10 คนที่มาเม้นท์
แต่ยอดคนอ่านยังเยอะอยู่ครับ
ประมาณ 300 คนต่อวัน ส่วนใหญ่ตามมาจากลิ้งค์ที่ผมแปะไว้ในเฟซบุ๊กครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 31 มีนาคม 2567 19:52:33 น.  

 

ทำบุญเยอะเลยอรุโมทนาบุญค่ะ
อาจารย์ดูแข็งแรงมากเลยนะคะ
ห้องน้ำที่พัก-อาหาร ไม่โอเคค่ะอาจารย์



 

โดย: หอมกร 31 มีนาคม 2567 20:17:35 น.  

 

อนุโมทนาบุญด้วยครับ อาจารย์สุ
เมื่อก่อนที่ทำงาน มีตู้รับบริจาคยาเก่า ยาที่เหลือ เพื่อรวบรวมส่งไปให้รพ.ที่ตาก แต่เวลานี้ ไม่มีแล้ว
และตามเที่ยวหลายๆที่เลยครับ

 

โดย: สองแผ่นดิน 31 มีนาคม 2567 22:26:38 น.  

 

มาแล้วคร้าบ ทริปนี้ ไปทำบุญนะครับ
อ.เต๊ะ ก็ทำประกันไว้หลายที่ แต่ถ้าได้เงินแสนมานี่
เต็มที่ เอาไปเลยทำบุญ 20 บาท เย้ย555

คนทำบุญเป็นแสน หายากนะครับ ถ้าไม่ศรัทธาจริงๆ
แต่ทำบุญกับ รพ ได้กุศลแรงครับ
อ.เต๊ะ ทำบุญเต็มที่ ก็เคยสร้างพระประธาน ให้ วัด ตจว แค่นั้นเองครับ

แล้วก็เส้นทางไป อุ้มผางนี่ ลำบากไม่ใช่เล่น
ขึ้นเขา1219 โค้งนี่ คนขับต้องฝีมือมากๆ
ถ้าขับไม่เป็น เครื่อง ฮีท เบรคไหม้
คราวนี้ ยังโชคดีแค่แอร์เสียนะครับ

โรงแรมที่พัก ไม้ทั้งหลัง ซุงเพียบ สมัยก่อนไม้คงหาง่าย
แต่ห้องน้ำ น่าจะลงทุนปูกระเบื้องพื้นซะหน่อย
อีกหน่อย ตะไคร่จับ ถ้าทำความสะอาดไม่ดี ลื่นหัวแตกเลยนะครับ555

รพ.อุ้มผาง ทีคนไข้แยะ น่าจะมาจากเพื่อนบ้านเรา
ที่ร้องเพลง ลอยกระทงไม่ได้ แหงๆเลยนะครับ 555
แล้วก็ อาจารย์ ทันสมัยมากเลยนะครับ
มีแอปธนาคาร ใช้โอนเงินด้วย
อ.เต๊ะ ใช้เงินสดตลอด พึ่งจะมีแอปใช้กับเค้าเมื่อเร็วๆนี้เอง
เดี๋ยวยังไง อาจารย์ ช่วยบอกเบอร์โทร ให้ อ.เต๊ะ ด้วยนะครับ
จะได้ส่ง link ไปให้ อาจารย์กดเล่น อิอิ

อ.สุบอก หนอย ไม่ให้ว้อย ขืนให้เอ็ง เงินข้าหมดบัญชีแน่
เอ็งมัน มิจแท้ๆ เลย เดี๊ยะๆ555

เสร็จภารกิจ ไปเที่ยวได้ เย้ๆๆ
บ่อน้ำร้อน นี่น้ำใสแจ๋วเลย เสียดาย อาจารย์ไม่ได้ลงเล่นน้ำ
ตีโป่ง 555
เอาแค่จุ่มๆ ก็ยังดีนะครับ

ส่วน ลงเรือยางเที่ยวนี่ ทีแรกคิดว่าแป๊บเดียว
ไปกลับ 3 ชม นี่เต็มอิ่มเลยนะครับ
ดูจากรูป สมัยก่อนเป็นแพไม้ไผ่ นี่หูย น่าตื่นเต้นหวาดเสียว
เดี๋ยวนี้เป็นเรือยาง มีชุชีพ ปลอดภัย ไร้กังวลนะครับ

แล้วก็เส้นทางไปน้ำตก ทีลอซู นี่ ทีแรก อ.เต๊ะ คิดว่าจะลำบาก ทุรกันดารมาก
ดูแล้ว รถเข้าได้ เดินต่ออีกนิดนึง แค่ 3หอบ 555

แล้วที่ อาจารย์ถ่ายรูปคู่ กับหนุ่มน้อย ช่างเจรจามานี่
ถ้าไม่บอก อ.เต๊ะ คิดว่า คู่รักมาฮันนีมูนกันซะอีกนะครับ วี้ดวิ้ว
หยอกๆ นะครับ

อาจารย์สุบอก เอ็งไม่ต้องมาหยอกข้า ข้าเอาจริงว้อย เย้ย 555

ขากลับได้เที่ยว ถ้ำสีฟ้าด้วย ภายในนี่
ธรรมชาติสร้างได้งดงามมาก ยังกะโลกล้านปีเลยนะครับ
แต่ที่ อ.เต๊ะ สงสัยมากคือ
ภาพที่ ชาวคณะ คุยกับพระภิกษุนี่ ของจริงไม่มีเด็กนั่งคอตก ข้างหน้าใช่มั้ยครับ แต่ตอนถ่ายภาพกลับมี อูย พูดแล้วขนลุก อิอิ

อาจารย์สุ บอก ไอ้บร้า พูดซะข้าขนลุกซู่ นั่นมันลูกศิษย์พระว้อย เดี๊ยะๆ555

ทริปนี้อิ่มบุญ แถมได้ของฝาก มีฟักแม้ว มาผัดกินปากมันอีกนะครับ555
ถือว่าจบทริปแบบสมบูรณ์แบบ มีความสุข
อ.เต๊ะ ต้องขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ





 

โดย: multiple 1 เมษายน 2567 4:34:30 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 1 เมษายน 2567 4:42:12 น.  

 

สวัสดียามสายค่ะ อาจารย์สุวิมล

ทริปนี้ทั้งอิ่มบุญ อิ่มสุขเลยค่ะ
ได้ทำบุญและได้ท่องเที่ยวไปพร้อมกัน

ช่วงนี้อากาศร้อนจัดมาก อาจารย์รักษาสุขภาพนะคะ

 

โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ 1 เมษายน 2567 10:46:22 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

คอร์สนิพพาน 25000 บาท
มีคนซื้อเรียนจริงๆด้วยนะครับอาจารย์ 555

ถ้าเป็นไลฟ์โค้ช
หลักสูตรนึง 6-7 หมื่นก็มีครับ
เห็นราคาแล้วอึ้งเลยครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 1 เมษายน 2567 19:23:28 น.  

 

555 อ.เต๊ะ หน้าตายากไร้มากครับ
เวลาอยู่บ้าน จะแต่งตัวโทรมๆ เสื้อเก่าๆ
เวลาซื้อกับข้าวก็จะขี่ จักรยาน โซซัดโซไป
แม่ค้าเห็น ก็สงสารบางวันเอาตังไปไม่พอ แม่ค้าก็แถมให้มั่ง

มีอยู่คราวนึง อ.เต๊ะ แต่งตัวไปสอน ขับรถไปจอดหน้าร้านเดิมที่เคยซื้อ
แม่ค้า รีบวิ่งมาดู ตะโกนลั่นซอย บอกเอ็งไปขโมยรถใครมาขับนี่ ลงมาเดี๋ยวนี้ หาเรื่องติดคุกแล้วไง เย้ย 555

ขอบคุณอาจารย์สุ ที่แวะไปเยี่ยมเยียนกันด้วยนะครับ

 

โดย: multiple 1 เมษายน 2567 19:26:32 น.  

 

เรียกได้ว่าได้ทั้งเที่ยวได้ทั้งบุญ แบบนี้ก็ดีครับ การไปเที่ยวก็คือการพักผ่อน ได้พักทั้งทางกาย และทางใจแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีครับ

ธรรมชาติก็ช่างสรรสร้างจริงๆ ครับ

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 1 เมษายน 2567 21:44:42 น.  

 

สวัสดีครับ
ดีเลยครับ ได้ทั้งทำบุญ ได้ทั้งเที่ยว

 

โดย: ปัญญา Dh 1 เมษายน 2567 22:19:22 น.  

 

สวัสดีค่ะอาจารย์

เป็นอีกทริปที่น่าอิ่มเอมใจอย่างมากค่ะ
ต๋าขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ด้วยนะคะ

สถานที่ท่องเที่ยวที่อาจารย์ไปสวยงามน่าเที่ยวมาก
ธรรมชาติให้ความสุขสดชื่นเหมือนขอบคุณอาจารย์และคณะด้วยค่ะ
ขอบคุณอาจารย์สำหรับเรื่องราวและภาพประทับใจนะคะ

 

โดย: Sweet_pills 2 เมษายน 2567 0:42:32 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 2 เมษายน 2567 4:40:44 น.  

 

สวัสดีค่ะอาจารย์

โอ้โห!!! ทริปนี้ อิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งความสุขเลยนะคะอาจารย์
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ _/\_

อาจารย์ดูมีความสุข ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานเลยนะคะ
เหมือนกลุ่มสาวๆพากันไปเที่ยวเลยค่ะอาจารย์ น่าอิจฉาค่ะ

น้องเติมบุญ เจ้าตัวนี้น่ารักนะคะ

ทริปนี้ได้ธรรมชาติตลอดทริปนะคะอาจารย์

ช่วงนี้อากาศร้อนมากเลยค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะอาจารย์

 

โดย: tanjira 2 เมษายน 2567 7:06:23 น.  

 

อนุโมทนาบุญครับอาจารย์
ยินดีในบุญกับผู้ที่เข้าบวชทุกท่านด้วยนะครับ

ผมเชื่อเรื่องกรรมามากๆเลยครับ
ใครก็หนีไม่พ้นกรรมของตนจริงๆ

 

โดย: กะว่าก๋า 2 เมษายน 2567 21:41:16 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 3 เมษายน 2567 5:25:17 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ผมชอบหลักของศาสนาพุทธ
คือการให้เราพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด
ธรรมะของศาสนาพุทธจึงต้องลงมือทำด้วยตัวเอง
ทำเอง รู้เอง ทำไป รู้ไป
และไม่มีการบังคับให้ต้องเชื่อด้วยครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 3 เมษายน 2567 12:43:54 น.  

 

สวัสดียามบ่ายค่ะ อาจารย์สุวิมล

จันทร์ได้เริ่มเดินออกกำลังกายมา2วันแล้วค่ะ
ดีใจที่ตัวเองกลับมาได้ค่ะ 55555

อาจารย์เดินในซอยบ้านมืดๆไม่น่ากลัวใช่ไหมคะ

เดี๋ยวเราไว้ลุ้นผลเลือดกันคราวหน้านะคะอาจารย์

 

โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ 3 เมษายน 2567 16:13:58 น.  

 

สวัสดีค่ะอาจารย์ น้องหนอนเองค่ะ
แวบเข้ามาอ่านบล็อกหลายรอบแล้วแต่ไม่ได้แสดงตัวแหะ
ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ

บล็อกอาจารย์วันนี้ ดูแล้วยิ้มตามเลยค่ะ
ไปเที่ยวกับเพื่อนแบบนี้มีความสุขที่สุดเลยนะคะ
ดูรูปเพลินเลย พอมาถึงรูปแพยางกับทางเดินนี่
รู้สึกคุ้นตามากเลยค่ะ เพราะเพิ่งดูคลิป
พี่จองกับคัลเลนไปเที่ยวทีลอซูไปไม่นานมานี้เอง
เหมือนจะพักรีสอร์ทเดียวกับอาจารย์ด้วยค่ะ

ว่าแต่ได้เที่ยวด้วย ได้ทำบุญไปด้วย
อิ่มทั้งบุญอิ่มทั้งใจเลยนะคะ

ขอบคุณที่แวะไปส่งกำลังใจให้น้องนะคะ

 

โดย: nonnoiGiwGiw 3 เมษายน 2567 16:55:45 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 4 เมษายน 2567 5:18:15 น.  

 

อนุโมทนาสาธุบุญด้วยครับอาจารย์ ผมยังไม่เคยไปอุ้มผางเลยครับ เคยคิดจะไปหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสสักที ตามมาดูรูปจากบล็อกอาจารย์ไปก่อนละครับ

 

โดย: The Kop Civil 4 เมษายน 2567 16:10:40 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

อากาศที่เชียงใหม่ก็ร้อนมากๆครับอาจารย์
รวมทั้งมีฝุ่นควันหนักมากครับ

อาจารย์มีกิจกรรมต่างๆทางสังคมให้ทำตลอด
เป็นเรื่องดีมากๆเลย
ทำให้อาจารย์ได้ทำอะไรอยู่ตลอดเวลาครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 4 เมษายน 2567 19:54:09 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 5 เมษายน 2567 4:22:10 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

การให้ทานเป็นการฝึกเสียสละ
ลดทอนความเห็นแก่ตัว
ถ้าฝึกให้บ่อยๆ ก็ทำให้เป็นผู้ให้ที่ดีได้จริงๆครับ

ส่วนศีลผมมองว่าเป็นข้อปฏิบัติเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น
ไม่ได้มองว่าเป็นกฏ หรือข้อห้ามเลยครับ
เคยได้ยินคำว่ารักษาศีล ผมนึกในใจว่า
ศีลไม่ต้องไปรักษาหรอก แค่คิดดี ทำดี พูดดี
เราก็มีศีลมีธรรมในตนแล้วล่ะครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 5 เมษายน 2567 11:04:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

space

อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]




เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ

http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif
space
space
space
space
[Add อาจารย์สุวิมล's blog to your web]
space
space
space
space
space